เฉินเฟิงกวาดตามองรอบๆ มองฝูงชนด้วยสายตาว่างเปล่า
ในฝูงชน เพื่อนเ้าบ่าวคนหน้าสุดคือลูกชายตระกูลใหญ่ลำดับสองของเมืองเจียงเฉิง เขาเคยสนิทกับเฉินเฟิงตอนเด็กๆ ถือว่าเป็ลูกน้องของเขา
แต่เมื่อตาเขาประสานกับสายตาอันหยิ่งยโสของเฉินเฟิง สายตาที่แม้จะผ่านมาหลายปีแต่ให้ความรู้สึกใจหายวาบ เขาก็อุทานออกมาด้วยความใ
"เป็เขา! เขาจริงๆ! เฉินเฟิง ทายาทที่แท้จริงของตระกูลเฉินที่ถูกทอดทิ้งเพราะโรคชีพจรเก้าหยาง!"
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เฉินเฟิงเหลือบมองชายหนุ่มคนนี้ที่เป็ลูกชายตระกูลใหญ่ลำดับสอง
เขาพอจำเค้าโครงใบหน้าในวัยเด็กบนใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้ได้ เขาจึงส่งยิ้มอย่างเรียบๆ ให้โดยปริปากอะไร
แต่แล้วเฉินเฟิงก็สังเกตเห็นจู้เจินฉิงในฝูงชนที่มาร่วมงาน
เปลวเพลิงแห่งความโกรธลุกโชนอย่างฉับพลัน
โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นจู้เจินฉิงค่อยๆ เดินเข้าหาเฉินฝู ราวกับมัน้าจะเกาะชายเสื้อคนรวยอีกครั้ง
เฉินเฟิงมองจู้เจินฉิงด้วยสายตาเย็นะเืยิ่งกว่าที่เคย
แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะจัดการกับแมลงตัวเล็กๆ อย่างมัน
เฉินเฟิงก้มหน้ามองไปเฉินฝูอีกครั้ง สายตานั้นเปี่ยมไปด้วยแววดูถูกเยาะเย้ย
เฉินฝูตกตะลึงไปกับคำพูดดูถูกเหยียดหยามของเฉินเฟิง และสายตาที่จ้องลงมาอย่างดูถูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เกือบยี่สิบปีที่เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าเขาเคยมีพี่ชายคนโตอยู่คนหนึ่ง
ตอนเด็กๆ เฉินเฟิงมีพร์ด้านการฝึกวรยุทธ์ เรียนรู้วิชามวยทุกแขนงได้อย่างรวดเร็ว
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาถูกวินิจฉัยว่าเป็โรคชีพจรเก้าหยางและมีชีวิตอยู่ได้เพียงปีเดียว คงไร้โอกาสให้เฉินฝูได้เป็ทายาทผู้สืบทอด
เฉินฝูได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดจากตระกูลหลังจากเฉินเฟิงถูกขับไล่ไสส่ง
เมื่อนึกย้อนถึงคำพูดของเฉินเฟิงและคำอุทานของเพื่อนเ้าบ่าว เฉินฝูก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัว
แต่กลัวได้ไม่นาน เฉินฝูก็เปลี่ยนสีหน้าเป็ยิ้มแย้มอีกครั้ง เขาหัวเราะเยาะและข่มขู่เฉินเฟิงด้วยรอยยิ้มกว้าง
"แกเป็ใคร? ฉันไปรู้จักแกั้แ่เมื่อไหร่ ที่นี่คือตระกูลเฉิน ตระกูลผู้ทรงอำนาจมากที่สุดของเมืองเจียงเฉิง ไม่ใช่ที่ให้แกมาก่อความวุ่นวาย ถ้ายังพอมีสมองอยู่ มาทางไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้นซะ"
เฉินฝูแกล้งทำเป็ไม่รู้จักเขา เพื่อหลอกคนนอกที่ไม่รู้ว่าเขายังมีพี่ชายอีกคน
ในสายตาของผู้คนจากเจียงเฉิงหลายคน เฉินฝูคือบุตรชายของตระกูลเฉินมาโดยตลอด
เมื่อเฉินเฟิงฟังคำแก้ตัวแบบตีเนียนของเฉินฝูจบ เขาก็หัวเราะคิกคัก
"ยังจำสมัยเด็กที่พี่ทิ้งรอยแผลเป็จากมีดสองรอยไว้บนก้นแกได้ไหม?"
สิ้นเสียง เฉินเฟิงไม่รอช้า เขาเจิดไพ่กระดาษออกไป ตัดชุดเ้าบ่าวของเฉินฝูที่ด้านหลังจนเป็รูขนาดใหญ่
ก้นของเฉินฝูถูกเผยแก่สายตาประชาชี
คนตาดีในบรรดาฝูงชนที่ยืนมุงอยู่ ต่างก็เห็นรอยแผลเป็จากคมมีดสองรอยบนแก้มก้นของเขา
รอยแผลเป็เหล่านี้ดูคล้ายกับตัวอักษร ‘二’ (เลข2) หรือจะหมายถึง เฉินฝูเป็ลูกชายคนที่สองในตระกูลเฉิน
แม้จะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ในสายตาของเฉินเฟิง นี่เป็การบ่งบอกว่าเฉินฝูเป็บุตรคนที่สอง และเป็รองเขาทุกเื่
"แฮะ... ก้นของเขา มีรอยแผลเป็เป็ตัวอักษรสองตัวจริงด้วยฮับ"
เด็กชายคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความไร้เดียงสา พลางชี้ก้นของเฉินฝูเพราะอยากรู้อยากเห็น
เมื่อเฉินฝูเห็นการใช้ไพ่เป็อาวุธของเฉินเฟิง และได้ยินคำพูดจากเด็กชายคนนั้น สีหน้าของเขาปรากฏความอับอายและหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด
ครอบครัวเฉินเป็ตระกูลผู้ฝึกยุทธ สืบทอดวิชาจากปรมาจารย์เฉินฉางชิงแห่งสำนักหมัดธรรมชาติในหมินกั๋ว [1] และผ่านการพัฒนามายาวนานกว่าร้อยปี
ทั้งหมดนั้นสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนตกมาถึงรุ่นของเฉินเฟิงและเฉินฝู รุ่นเหลนรุ่นที่ห้าแล้ว
เฉินเฟิงนั้นไร้เทียมทานมาั้แ่หกปีก่อน ตอนที่ได้รับสมญาเทพเ้าแห่งา
หกปีที่สูญเสียความทรงจำนี้ เขาไม่มีโอกาสได้ฝึกฝนอีกเลย ประกอบกับกินอาหารไม่เพียงพอและทำงานอย่างหนัก เป็ผลให้พลังการต่อสู้ถดถอยลงไปมาก
แต่ก็ยังพอเหลือจะใส่เดี่ยวกับตระกูลเฉินทั้งตระกูลได้
"ฝากไว้ก่อนเถอะ แน่จริงอย่าหนีไปไหนแล้วกัน ขยะถูกทิ้งยังไงก็เป็ขยะถูกทิ้งวันยังค่ำ ไม่มีทางกลับมาเป็ส่วนหนึ่งของตระกูลเฉินได้หรอก"
เฉินฝูเตรียมหันหลังวิ่งหนี เพราะเขารู้สึกเย็นก้นและอายเกินไป
เขาไม่สนใจประตูรถแต่งงานอีกต่อไป เขาหันหลังวิ่งกลับเข้าบ้านไปอย่างเร่งรีบ เพื่อเปลี่ยนกางเกงและตามคนมาช่วย
แต่ระหว่างทางนั้น เฉินฝูเหลือบเห็นเด็กชายที่กล้าหัวเราะเขาเสียงดัง เขาจึงเหวี่ยงมือ้าตบเด็กชายคนนั้นเต็มแรง
ใน่เวลาคับขันนี่เอง
เฉินเฟิงะโจากหลังคารถ แล้วะโถีบไปข้างหน้าเต็มฝ่าเท้า
เขาเล็งไปที่แขนขวาของเฉินฝูจนหักทันใด ก่อนจะด่าซ้ำด้วยความโมโห
"แกใช้ชีวิตเยี่ยงขาหมา [2] นานขนาดไหนแล้ว? กล้าลงมือแม้กระทั่งกับเด็กตัวเล็กๆ ในเมื่อเป็เช่นนั้นก็ไม่ต้องเก็บมือข้างนี้ไว้แล้ว อยากหนีไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลเฉินนักใช่ไหม? มา ให้ฉันช่วยส่งแกบินกลับไป"
พละกำลังจากขาขวาของเฉินเฟิงส่งผ่านไปยังเฉินฝูหลังถีบแขนขวาของเขาหักไปแล้ว
พละกำลังมหาศาลนั้นส่งร่างเฉินฝูพุ่งทะลุกำแพงแข็งๆ ของบ้านจนกระเด็นกระดอนเข้าไปข้างใน
นี่แสดงให้เห็นว่า ลูกเท้าของเฉินเฟิงมีพลังมหาศาลขนาดไหน
เย่ชิงโหรวที่นั่งอยู่ในรถแต่งงานกันะุแสนแพงได้ยินบทสนทนาระหว่างเฉินฝูและเฉินเฟิง และมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอกด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตะลึงงัน
เธอรู้สึกราวกับได้เห็นตัวตนแท้จริงของเฉินเฟิงเป็ครั้งแรก
ก่อนหน้านี้ กระจกมองหลังของรถแต่งงานก็สะท้อนภาพของเขาที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้าด้วยรูปร่างที่สูงเด่นเป็สง่า
ในพริบตา ความคิดอันยุ่งเหยิงของเธอพลันพังทลายลง
เย่ชิงโหรวนึกถึงคำพูดเมื่อวานที่เฉินเฟิงพูดไว้ 'เมื่อเธอเซ็นใบหย่านี้แล้ว หากวันหน้าเธอนำพาเกี้ยวแบกหามแปดคนมาสู่ขอผมใหม่ ก็ไม่มีทาง...'
จากบทสนทนาระหว่างเฉินเฟิงและเฉินฝูเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าแท้จริงแล้ว เฉินเฟิงคือทายาทคนโต หรือผู้ที่เป็ว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไปของตระกูลเฉิน
ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อวานนี้เฉินเฟิงถามย้ำเย่ชิงโหรวว่าเธอ้าแต่งงานกับเฉินฝู หรือแต่งงานกับตำแหน่งผู้นำตระกูลเฉิน
เมื่อเย่ชิงโหรวคิดถึงเื่นี้ เธอจึงมั่นใจได้ทันทีว่าเฉินเฟิงคือคุณชายใหญ่ตัวจริง ส่วนเฉินฝูเป็เพียงน้องชายเท่านั้น!
เมื่อนึกถึงความลึกลับและความแข็งแกร่งที่เฉินเฟิงแสดงให้เธอเห็นที่โรงพยาบาลและโรงแรมเย่ รวมไปถึงตอนนี้ที่เขาถีบแขนเฉินฝูหักในครั้งเดียว
เย่ชิงโหรวรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของเธอ
แต่โลกนี้ไม่มียารักษาความเสียใจ
"เฮ้อ..."
เย่ชิงโหรวส่ายหน้าเบาๆ ถอนหายใจพร้อมกับยื่นมือเรียวยาวไปผลักประตูรถอย่างแรง
ประตูรถที่เปิดออกไม่ได้อย่างไร้สาเหตุนั้น บัดนี้กลับถูกเปิดออกได้อย่างง่ายดาย
“หรือว่าประตูรถจะถูกเฉินเฟิงล็อกไว้? สรุปแล้วเขาเป็นักแสดงสวมบทบาท หรือพวกยอดฝีมือกันแน่!”
เย่ชิงโหรวพยายามเชื่อมโยงทุกอย่างที่เธอรับรู้มาก่อนหน้านี้
ตัวตนที่แท้จริงของเฉินเฟิงชวนสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ เื่ไหนจริงเื่ไหนปลอม เธอแทบจะแยกไม่ออกแล้ว
เย่ชิงโหรวสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากใจ เธอสวมรองเท้าส้นสูงสีแดงออกจากรถ เผยให้เห็นชายกระโปรงชุดแต่งงานสไตล์กี่เพ้า
เผยขาเรียวยาวให้ประชาชนชาวมุงได้ประจักษ์
ฝูงชนต่างอดใจรอไม่ไหวว่าอีกครึ่งบนเธอใส่ชุดแต่งงานแบบไหน?
เย่ซิงโหรวเป็คนตัวสูงมาก เธอสูงถึง 187 เิเ แม้กระทั่งในเวทีออสการ์ เธอก็นับว่าเป็คนสูงมากคนหนึ่ง
เชิงอรรถ
[1] หมินกั๋ว สาธารณรัฐจีน หรือที่รู้จักกันในนาม ไต้หวัน
[2] ขาหมา เป็คำเปรียบเปรย หมายถึง สุนัขรับใช้ที่เปรียบเสมือนเป็ขา หรือเป็ไม้เป็มือให้พวกหมาเลว
