ครั้นผู้ใหญ่บ้านเฉินนึกถึงอาหารรสเลิศของเมื่อวานก็อดมิได้ที่จะกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ยินดีตอบรับคำเชิญของเคอโยวหรานเป็อย่างยิ่ง
ผู้ใดก็นึกไม่ถึงว่าอาหารเย็นในวันนี้จะอร่อยผิดปกติ ทุกคนต่างเพลิดเพลินกับการกินจนถึงขั้นลืมเนื้อลืมตัว
หยวนซื่อกุมท้อง ได้กลิ่นหอมจนน้ำลายไหลพลางจดจ้องเคอโยวหรานด้วยสายตาดุดัน หากสายตาสามารถสังหารคนได้ เกรงว่าเคอโยวหรานคงจะตายไปหนึ่งพันแปดร้อยหนแล้ว
เคอโยวหรานนึกไม่ถึงเช่นกันว่าอาหารที่ทำจากน้ำสระบัวจะอร่อยขนาดนี้ กระทั่งนางเองก็ยังจมดิ่งกับความอร่อยจนมิอาจถอนตัว
อาหารมื้อนี้ไม่ทันถึงหนึ่งเค่อก็ถูกกินจนหมดเกลี้ยง แม้แต่น้ำแกงและเครื่องเคียงยังถูกทุกคนคลุกกินกับข้าวจนไม่เหลือเลยสักนิด
หยวนซื่อที่คิดจะรอกินส่วนที่เหลือโมโหจนหัวใจ ตับ ไต และกระเพาะแทบจะะเิ ทำได้เพียงกุมท้องที่ว่างเปล่าเข้าไปในห้องครัวด้วยความคับแค้นใจ
หลังมื้ออาหาร ทุกคนต่างมารวมตัวกันในห้องรับแขกอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
เคอโยวหรานเอ่ยกับผู้ใหญ่บ้านเฉินว่า “ท่านผู้าุโเ้าคะ เขาต้าชิงเป็ของผู้ใดหรือ? สามารถซื้อได้หรือไม่เ้าคะ?”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินในยามนี้กำลังรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งกาย เขาลูบเคราพลางคลี่ยิ้มเอ่ย “นับแต่โบราณมา เขาต้าชิงเป็ของหมู่บ้านเถาหยวน แน่นอนว่าสามารถซื้อขายได้”
เคอโยวหรานเปิดปากกล่าวด้วยความยินดี “หากอยากซื้อเขาต้าชิงและที่ดินทั้งหมดทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ จะต้องใช้เงินทองจำนวนเท่าใดหรือเ้าคะ?”
หางตาของผู้ใหญ่บ้านเฉินสั่นไหว เอ่ยด้วยความประหลาดใจว่า “โยวหราน เ้าคิดจะซื้อเขาต้าชิงทั้งลูกกับที่ดินฝั่งตะวันออกของแม่น้ำหรือ?”
ครั้นเห็นเคอโยวหรานพยักหน้า ผู้ใหญ่บ้านเฉินพลันเอ่ยโน้มน้าว “บนเขามิอาจปลูกพืชไร่ ผืนดินรกร้างยากจะบุกเบิก ทั้งยังมีสัตว์ป่าเคลื่อนไหวอีกด้วย ซื้อเขาต้าชิงไปก็ไม่มีค่าอันใดหรอก!
แม้ที่ดินรกร้างจะละเว้นภาษีสามปี แต่หลังจากนั้นสามปีต้องจ่ายค่าภาษีสูงลิ่ว เ้าจะจ่ายไหวได้อย่างไร! มิสู้ซื้อบ้านสวนหรือที่ดินอุดมสมบูรณ์ดีๆ จำนวนหนึ่ง...”
เคอโยวหรานยกมือหยุดการเอ่ยวาจาโน้มน้าวของผู้ใหญ่บ้านเฉิน และเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ท่านผู้าุโแค่บอกข้าว่าต้องใช้เงินมากน้อยเพียงใดเป็พอเ้าค่ะ”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินนิ่งเงียบก่อนจะล้วงหยิบสมุดบันทึกประจำหมู่บ้านออกมา พลิกไปยังหน้าบันทึกของเขาต้าชิงแล้วอ่านโดยละเอียด
“หากเ้า้าซื้อเขาต้าชิงก็ต้องซื้อเนินเขาเล็กรอบข้างทั้งสองลูกด้วย จำต้องใช้เงินหนึ่งพันแปดร้อยเก้าสิบเจ็ดตำลึง
การออกโฉนดเปล่าในหมู่บ้านไม่ต้องใช้เงิน ผู้เฒ่าเช่นข้าออกโฉนดให้เ้าเป็พอ เพียงแต่การค้าขายราคาสูงเช่นนี้ ข้าแนะนำให้ไปขอโฉนดประทับตรากับฝ่ายราชการจะดีกว่า เงินที่ต้องใช้คงประมาณสองพันตำลึง
ส่วนที่ดินตรงเชิงเขาต้าชิง เพราะดินจืดเกินไป หากซื้อทั้งหมดจำต้องใช้เงินหนึ่งร้อยสามสิบสี่ตำลึง ถ้าซื้อร่วมกับเขาต้าชิง สามารถออกโฉนดประทับตราพร้อมกันได้ นับว่าช่วยลดเงินค่าโฉนดไปได้บางส่วน”
“ขอบพระคุณท่านผู้าุโเ้าค่ะ นี่คือเงินจำนวนห้าสิบตำลึง ขอท่านผู้าุโโปรดล้อมพื้นที่ทั้งหมดที่เพิ่งกล่าวถึงเมื่อครู่เอาไว้ ภายในเวลาสามเดือน ข้าจะหาเงินส่วนที่เหลือมาจ่ายเพิ่มให้ครบถ้วนแน่นอนเ้าค่ะ”
ขณะกล่าว เคอโยวหรานก็อาศัยการบดบังของชายแขนเสื้อล้วงหยิบเงินห้าสิบตำลึงในมิติวิเศษออกมา จากนั้นวางมันลงบนโต๊ะเล็กข้างที่นั่งของผู้ใหญ่บ้านเฉิน
ดวงตาของผู้ใหญ่บ้านเฉินเบิกกว้าง “แม่นางน้อย เ้าจะซื้อจริงหรือ? แท้จริงแล้วเ้าไม่จำเป็ต้องวางเงินมัดจำ เขาต้าชิงกับที่ดินผืนนี้แม้ยกให้ก็ยังไม่มีผู้ใดอยากได้ อย่าว่าแต่สามเดือน ต่อให้สามปีก็ไม่มีคนซื้อ เ้ากำลังทำการซื้อขายที่ขาดทุนอยู่นะ!”
ต้วนเหลยถิงเอ่ยอย่างหนักแน่น “ผู้ใหญ่บ้านเฉินขอรับ แค่ล้อมพื้นที่เอาไว้เป็พอ วันพรุ่งข้าจะไปออกโฉนดประทับตราที่จวนว่าการกับท่าน”
เคอโยวหรานหันไปมองต้วนเหลยถิงด้วยความประหลาดใจ อีกฝ่ายคิดจะใช้เงินที่ได้มาในวันนี้หรือ?
ไม่รอให้เคอโยวหรานได้สติกลับมา มารดาสกุลต้วนพลันเอ่ยว่า “ขอผู้ใหญ่บ้านเฉินกลับไปเตรียมโฉนดเปล่าให้แล้วเสร็จในคืนนี้ ชื่อเ้าของโฉนดใช้เป็ชื่อโยวหรานของพวกเรา วันพรุ่งซานหลางจะนำเงินไปให้เ้าค่ะ”
“ท่านแม่?” เคอโยวหรานตกตะลึงเข้าแล้ว นางมิได้คิดจะใช้เงินที่ได้มาในวันนี้เลยสักนิด
นางเชื่อว่าภายในเวลาสามเดือนน่าจะอาศัยความสามารถของตนหาเงินมากกว่าพันตำลึงได้อย่างไม่เป็ปัญหา ดังนั้นจึงบอกให้ผู้ใหญ่บ้านเฉินล้อมพื้นที่จองเอาไว้เป็เวลาสามเดือน
นึกไม่ถึงว่ามารดาสกุลต้วนกับต้วนเหลยถิงไม่เพียงสนับสนุนการซื้อที่ดินของตนโดยไม่ลังเลเท่านั้น แต่ยังใช้ชื่อของตนแค่ผู้เดียว เพราะเหตุใดกัน?
มารดาสกุลต้วนโบกมือเอ่ยว่า “โยวหรานมิต้องใไป ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเงินที่ได้มาภายในวันนี้เดิมทีก็เป็เพราะขายสัตว์ป่าที่เ้าพบ ย่อมคือเงินที่เ้าหามาได้ทั้งหมด อยากใช้จ่ายเช่นใดก็ล้วนแล้วแต่เ้าเถิด
เอ่ยเพียงเื่ที่เ้าพาท่านปรมาจารย์ทั้งสองมาช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยให้บุตรชายทั้งสามของสกุลต้วน ก็นับได้ว่าเป็พระคุณใหญ่หลวงต่อสกุลต้วนของพวกเราแล้ว หากไม่มีเ้า แม่ก็ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าภายหน้าจะทำอย่างไร?”
ต้วนต้าหลางพยักหน้าเห็นด้วย “น้องสะใภ้จะซื้อที่ดิน อันที่จริงก็นับเป็การช่วยเหลือพวกเราครั้งใหญ่แล้ว
เงินทองในวันนี้ส่งมอบผ่านการจดบันทึกตามรายชื่อของชาวบ้าน ทุกคนล้วนรับรู้ว่าสกุลต้วนมีเงินกว่าสองพันตำลึง
หากไร้ความสามารถในการปกป้องเงินทองเหล่านี้ก็นับได้ว่าเป็ต้นตอของหายนะ มิสู้ใช้มันต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน เมื่อไม่มีเงินทองก็จะไม่ชักนำให้ผู้ใดเพ่งเล็งแล้ว”
ต้วนเอ้อร์หลางพยักหน้า “พี่ใหญ่กล่าวได้มีเหตุผล เงินทองเหล่านี้ใช้ออกไปย่อมเป็การดีที่สุด”
คนไม่กี่คนหารือรายละเอียดกันอีกครู่หนึ่ง ภายหลังผู้ใหญ่บ้านเฉินจึงถือคบเพลิงพาบุตรชายทั้งสองของตนกลับจวน
หยวนซื่อกัดริมฝีปาก กระทั่งดวงตายังแดงก่ำขึ้นมาแล้ว นางเพิ่งจะเข้าไปในห้องครัว เสบียงอาหารที่สำนักคุ้มกันส่งมาเมื่อวานถูกมารดาสกุลต้วนลงกลอนไว้ในตู้ทั้งหมด
นางทำได้เพียงหาธัญพืชหยาบไม่กี่จินมาต้มข้าวเพื่อกินรองท้อง ช่างฝืดลำคอจนรู้สึกเจ็บเหลือเกิน
สกุลต้วนมีสภาพเช่นไรน่ะหรือ ระหว่างการร่อนเร่พเนจรเมื่อสองปีก่อนยังเคยกินแม้กระทั่งเปลือกไม้ รากหญ้า และธัญพืช...
มีเงินไม่ซื้อข้าวปลาอาหาร กลับไปซื้อูเาที่ไร้ประโยชน์เป็อย่างยิ่ง ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากคนทั้งครอบครัวอีกด้วย
หรือเคอโยวหรานคือปีศาจจิ้งจอกเปี่ยมวิชาเสน่ห์กลับชาติมาเกิด? และทุกคนในสกุลต้วนล้วนแต่โดนคาถาอาคมของสตรีผู้นี้เข้าแล้ว?
ยามนี้หยวนซื่อมีความคิดราวกับผู้อื่นตกอยู่ในอาการลุ่มหลงมัวเมา มีเพียงตนเท่านั้นที่ยังตื่นรู้
......
เพิ่งกลับถึงห้อง เคอโยวหรานก็ส่งคัมภีร์เคล็ดวิชาลับวิทยายุทธ์ให้ต้วนเหลยถิงพลางเอ่ยด้วยความดีใจ “ข้าเพิ่งชนะเดิมพันมา เก่งหรือไม่!”
ต้วนเหลยถิงประคองคัมภีร์เคล็ดวิชาลับวิทยายุทธ์เอาไว้ มือทั้งสองข้างถึงกับสั่นเทาเล็กน้อย มิอาจใช้วาจาบรรยายความรู้สึกภายในใจยามนี้ออกมาได้
เคอโยวหรานมิได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเขาแต่อย่างใด นางหันไปหอบเสื้อผ้าบนเตียงขึ้นมาถือไว้และเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “ข้าจะนำเสื้อผ้าไปให้ท่านพ่อท่านแม่กับน้องๆ อีกประเดี๋ยวจะกลับมานะเ้าคะ”
กล่าวจบ เคอโยวหรานก็วิ่งหายไปจนไร้เงา
เคอโยวหรานรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อยยามต้องอยู่ร่วมห้องกับต้วนเหลยถิง หัวใจของนางยังไม่พร้อมที่จะคลุมโปงอยู่บนเตียงกับบุรุษที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่สามถึงสี่วันจริงๆ
เคอโยวหรานไปยังห้องของบิดามารดาก่อนเป็อันดับแรก
นึกไม่ถึงว่าน้องสาวทั้งสองจะยังไม่กลับห้อง พากันล้อมท่านพ่อท่านแม่พลางพูดคุยเสียงดังว่าวันนี้เคอโยวหรานเก่งกาจมากเพียงใด
เคอโยวเยวี่ยยังล้อเลียนท่าทางยามพี่สาวของตนท่องตำรา และท่าทางน่าขบขันของท่านปรมาจารย์ทั้งสองที่ประหลาดใจจนคางแทบหล่นพื้นได้อย่างสมจริง ทำเอาทุกคนพากันป้องปากหัวเราะไม่ยอมหยุด
ครั้นเคอโยวหรานเข้ามาในห้องก็เอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากของอีกฝ่ายและเอ่ยเตือนว่า “เ้าเป็เด็กผู้หญิง ระวังท่านปรมาจารย์ทั้งสองขุ่นเคืองแล้วทำผงยาอันใดใส่เ้า ถึงยามนั้นพี่หญิงก็มิอาจช่วยเ้าได้แล้ว”
เคอโยวเยวี่ยรีบยกสองมือปิดปากของตน ถงซื่อกับเคอโยวหลานต่างเผยสีหน้าตื่นตระหนกเช่นกัน มีเพียงบิดาทึ่มที่เผยท่าทางงุนงง
เคอโยวหรานวางกองเสื้อผ้าลงบนเตียงพลางเอ่ย “ท่านแม่ นี่คือชุดที่ข้าตัดเย็บให้พวกท่าน โปรดนำไปสวมใส่กันก่อนนะเ้าคะ เอาไว้หากมีเวลาว่าง ข้าจะตัดเย็บอีกหลายชุดให้พวกท่านผลัดเปลี่ยนเ้าค่ะ”
เคอโยวหลานมิได้มองชุดเ่าั้ กลับเอ่ยด้วยความกังวลว่า “พี่หญิงใหญ่ สิ่งที่ท่านกล่าวเมื่อครู่จริงหรือไม่เ้าคะ?”
“หึ!” เคอโยวหรานเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ย่อมเป็เื่จริง อย่าได้เห็นเพียงว่ายามปกติท่านปรมาจารย์ทั้งสองทำตัวเรื่อยเปื่อย ทว่าแท้จริงแล้วพวกเขาห่วงหน้าตามากที่สุด ทั้งยังใจคอคับแคบเป็อย่างยิ่ง
ในสายตาของพวกเขาไม่มีคำว่าเด็ก มีเพียงคำว่าชอบหรือไม่ชอบ ดังนั้นอย่าได้เอาผู้เฒ่าทั้งสองมาพูดจาล้อเลียน เข้าใจแล้วหรือไม่?”
ทุกคนรีบพยักหน้าโขกศีรษะราวกับโขลกกระเทียม โดยเฉพาะเคอโยวเยวี่ย เด็กหญิงกะพริบดวงตากลมโตปริบๆ ใกลัวจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
เคอโยวหรานลูบศีรษะของอีกฝ่าย “เอาเถิด วันนี้เ้ามิได้เปิดปากพูดอันใด ย่อมไม่มีทางเกิดเื่ใดขึ้น แต่ครั้งหน้าอย่าได้ล้อเลียนผู้อื่นอีก เข้าใจแล้วหรือไม่?”
“อืม เข้าใจแล้วเ้าค่ะ!” เคอโยวเยวี่ยพยักหน้าขานรับราวกับนกจิกข้าว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้