“ท่านย่า!” ทันใดนั้นหลิวเต้าเซียงก็ะโเสียงดัง ทําให้หลิวฉีซื่อที่โกรธแค้นในตอนแรกใ เมื่อความโมโหนั้นหายไปย่อมไม่อาจฟาดตะเกียบในมือได้
หลิวฉีซื่อแอบรําคาญเด็กสาวที่มาทำเสียเื่ จึงเอ่ยพร้อมกับชักสีหน้า “ะโเสียงดังหามารดาเ้าหรือ ไม่แหกตาดูเสียก่อน”
หลิวเต้าเซียงเกลียดผู้เป็ย่ามากขึ้นเรื่อยๆ แต่สําหรับจางกุ้ยฮัว นางได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ และอดทน!
“ท่านย่า ท่านพ่อกำลังจะบอกว่า ปีนี้บ้านเราใช้เงินไปมากมายหลายเื่ เริ่มแรกก็ไม่ได้คิดจะขอเงินกับท่านย่า เพียงแต่อยากบอกกล่าวว่า ขอฟักทองกับถั่วแขก กับผักเขียวในแปลงผักสักหน่อยได้หรือไม่”
นับั้แ่ตระกูลซุนบุกมาถึงบ้านและหลิวฉีซื่อยืนกรานไม่ให้ซุนเถาฮัวเหยียบเข้าบ้านอีก หลิวต้าฟู่กับหลิวฉีซื่อก็ทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง เมื่อหลิวต้าฟู่เห็นนางคิดจะต่อว่าผู้อื่นอีกจึงเอ่ย “วันๆ เ้าเอาแต่ไม่ชอบหน้าคนนั้น ดูถูกคนนี้ เ้าต้องให้ครอบครัวเราทั้งหมดหลบออกไป ปล่อยให้เ้าเฝ้าสินเ้าสาวของเ้าเพียงผู้เดียว เ้าถึงจะพอใจ ครอบครัวเราถึงจะสงบสุขใช่หรือไม่?”
หลิวฉีซื่อไหนเลยจะมีแก่ใจทะเลาะกับจางกุ้ยฮัวต่อ นางหันมาปรี๊ดใส่หลิวต้าฟู่ทันใด แล้วก็ด่าเขาทำนองว่าไม่ได้เื่ เป็คนขี้ขลาดตาขาว
แล้วก็โอดครวญเื่ที่ตนเองเสียเปรียบเพียงใด เดิมทีเกิดมาดุจดั่งบุปผาและหยก มาพร้อมกับสินเ้าสาวก้อนใหญ่ ปรากฏว่าหลิวต้าฟู่ยังไม่พอใจกับสิ่งเหล่านี้ อีกทั้งยังร้องไห้ตัดพ้อว่าคลอดลูกนั้นไม่ง่าย
พูดไปพูดมาก็คือกำลังขุดเื่ในอดีตออกมา
ในตอนแรกหลิวต้าฟู่ยังตอกกลับนางบ้าง ต่อมาก็ยกปล้องยาสูบมาสูบตรงนั้นอย่างสบายใจ แล้วยังพ่นควันเป็วงเล่น
หลิวเต้าเซียงมองแล้วถึงกับหางตากระตุก โชคดีที่หลิวซานกุ้ยส่งสัญญาณให้จางกุ้ยฮัวพาพวงนางกลับไปที่ห้องปีกตะวันตกกันก่อน
“ท่านแม่ พรุ่งนี้เราไปบ้านยายได้แน่นอนใช่หรือไม่!” หลิวเต้าเซียงแหงนศีรษะเล็กขึ้นมอง แล้วกะพริบตาคู่กลมโต โอบน่องของจางกุ้ยฮัวแล้วถาม
จางกุ้ยฮัวพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ไป เราจะไปแน่นอน ถึงแม้นางไม่ยอมแล้วอย่างไรเล่า เราเองก็ไม่ได้เอาของอะไรจากนางไปสักหน่อย”
ดังนั้นแล้วเงินตราช่างดีเหลือเกิน จางกุ้ยฮัวที่ปกติเป็คนซื่อๆ น้ำเสียงที่พูดจาและท่าทีที่ปฏิบัติต่อหลิวฉีซื่อล้วนต่างไปจากตอนที่หลิวเต้าเซียงเพิ่งข้ามมิติมาจนหมดสิ้น
แก่นแท้และจิติญญาของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หากคนในบ้านไม่ได้ััใกล้ชิดนางอยู่ตลอด ห่างกันสักพักเมื่อกลับมาเห็น คงไม่เชื่อว่านี่คือคนๆ เดียวกัน
“ข้าจะไปที่บ้านของชุ่ยฮัว แล้วเอาไข่ใส่ไว้ในตะกร้าก่อน วันรุ่งขึ้นตอนผ่านบ้านนาง ค่อยให้ป้าหลี่แอบเปิดประตูเอาให้เรา”
เพื่อป้องกันหลิวฉีซื่อล่วงรู้ หลิวเต้าเซียงและครอบครัวต่างทำงานกันอย่างรัดกุม
ด้วยเหตุนี้หลิวซานกุ้ยจึงได้อ่านหนังสือในตำบลอยู่หลายเดือน อย่าว่าแต่หลิวฉีซื่อเลย กระทั่งคนในหมู่บ้านก็ไม่มีผู้ใดรู้ เขาจึงสามารถเล่าเรียนอย่างสงบสุขได้ต่อไป
จางกุ้ยฮัวให้บุตรสาวในบ้านอาบน้ำเตรียมตัวให้เสร็จสรรพ หลิวซานกุ้ยก็เข้ามาในห้อง
“ท่านพ่อ!” เสียงที่นุ่มนวลและคมชัดของหลิวเต้าเซียงดังขึ้น
หัวใจของหลิวซานกุ้ยนั้นผ่อนคลายและสุขใจยิ่งนัก ความอัดอั้นก่อนหน้านี้ที่เกิดจากหลิวฉีซื่ออาละวาดจนต้องแยกย้ายกันแบบไม่ดี ตอนนี้มลายหายไปหมด
“ลูกรอง อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ? แม่เ้าล่ะ?”
“แม่ไปอาบน้ำแล้ว ท่านพ่อ เป็เช่นไรบ้าง?” หลิวเต้าเซียงใส่ใจกับเื่นี้อย่างมาก นางรู้จักท่านยายเพียงจากการบอกเล่า เสียดายที่หญิงหม้ายในยุคสมัยนี้ค่อนข้างถูกรังเกียจ ทั่วไปแล้วจะเข้าบ้านผู้ใดก็ไม่ง่าย อีกทั้งหลิวฉีซื่อยังโหดร้าย หลายปีมานี้จางกุ้ยฮัวจึงไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมมารดา
หลิวซานกุ้ยพยักหน้าและยิ้ม “ลูกรักยังจำท่านยายได้หรือไม่? ตอนนั้นตัวเ้ายังเพียงแค่เท่าท่อนแขน อุ้มเ้าไปเจอท่านยาย ปรากฏว่าท่านยายอุ้มเ้าไว้ในอ้อมอก เ้ากลับฉี่ให้ท่านยาย แต่ถึงเป็เช่นนี้ท่านยายก็ไม่ได้เคืองโกรธ ยังหัวเราะร่าแล้วเอ่ยว่า ต่อไปเ้าจะเป็เด็กที่บุญพาวาสนาส่ง”
หลิวเต้าเซียงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย เด็กน้อยที่ท่านยายเอ็นดูคนนั้นได้จากไปั้แ่ถูกหลิวฉีซื่อจับกระแทกกับเสาไม้แล้ว ตัวนางตอนนี้เป็เพียงของปลอม
“ท่านพ่อ ตอนที่ท่านตัวยาวเท่านี้ ท่านจำเื่ตอนนั้นได้ด้วยหรือ?”
หลิวซานกุ้ยชอบความเ้าเล่ห์ สร้างอิทธิพลแต่ไม่ทำร้ายผู้ใด แล้วยังทำให้คนรู้สึกถึงไหวพริบอันชาญฉลาดของบุตรสาวคนรอง
เขาเหยียดฝ่ามือใหญ่ออกแล้วลูบศีรษะน้อยๆ พลางเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “จำไม่ได้อยู่แล้ว เต้าเซียงกำลังอยากบอกว่า เื่ของเ้าตอนนั้น เ้าเองก็จำไม่ได้แล้วสินะ!”
“เ้าสองคนกําลังคุยกันเื่อะไรกัน? ถึงได้มีความสุขกันปานนี้?” จางกุ้ยฮัวถือกะละมังเดินเข้ามาจากหลังบ้าน
เมื่อนางเห็นหลิวซานกุ้ยและหลิวเต้าเซียงมีใบหน้ายิ้มแย้ม จึงเดาได้ในใจและเอ่ยถาม “เรียบร้อยแล้วหรือ?”
“กุ้ยฮัว เ้าเองก็ไม่ดูว่าผู้ใดเป็คนจัดการ อีกอย่าง เ้าเองก็ไม่ได้กลับบ้านหลายปีดีดัก ครั้งล่าสุดคือตอนที่เต้าเซียงคลอด” เวลาที่หลิวซานกุ้ยพูด ในใจก็อ่อนล้าเล็กน้อย มีเพียงรอบนี้ที่หลิวฉีซื่อใจกว้างยอมให้เขาพาจางกุ้ยฮัวกับลูกๆ ไปเยี่ยมแม่ภรรยา
“เรียบร้อยแล้วหรือ? เยี่ยมไปเลย ท่านแม่อนุญาตแล้วใช่หรือไม่?” แม้ว่าก่อนหน้านี้หลิวต้าฟู่จะเห็นด้วยกับเื่นี้ แต่หลิวฉีซื่อยังไม่ได้พยักหน้า จางกุ้ยฮัวจึงไม่ค่อยมั่นใจ
คิ้วของหลิวซานกุ้ยขมวดเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังย้อนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ทั้งสองพูดคุยกันอย่างไม่ค่อยมีความสุขนัก
แต่ในฐานะผู้ชาย เขาไม่้าปล่อยให้ภรรยาและลูกๆ ต้องเป็ห่วง ดังนั้นจึงพูดว่า “เ้าเพิ่งให้กําเนิดชุนเซียง ควรกลับไปเยี่ยมสักหน่อย”
หลิวเต้าเซียงที่อยู่ด้านข้างเห็นหลิวซานกุ้ยนั่งอยู่บนคั่ง จึงไถลตัวกลิ้งไปในอ้อมกอดของพ่อผู้แสนดี แล้วปลอบโยนจางกุ้ยฮัวว่า “ท่านแม่ จะกังวลอะไรเล่า ท่านย่าวันๆ เอาแต่พูดถึงว่า หลังจากเทศกาลไหว้พระจันทร์จะไปเมืองฝู่เฉิงไม่ใช่หรือ?”
ดวงตาของจางกุ้ยฮัวเป็ประกายขึ้นทันที เหตุใดนางจึงไม่ได้คิดถึงเื่นี้ หากหลิวฉีซื่อไปเมืองฝู่เฉิง อีกทั้งหลิวต้าฟู่เป็คนพูดคุยง่าย หากนาง้าไปพักค้างคืนที่บ้านมารดา คงเป็เื่ที่เป็ไปได้
“โชคดีที่เต้าเซียงหลักแหลม” จางกุ้ยฮัวเอื้อมมือไปจะกอดนาง
หลิวเต้าเซียงเบะปากน้อยๆ แล้วมุดเข้าอ้อมกอดหลิวซานกุ้ย หัวเราะเริงร่าและเอ่ย “ท่านแม่ไปกอดพี่ใหญ่กับน้องสาม จากที่ข้าเห็น พี่ใหญ่กับน้องสาม ไม่มีคนไหนที่ไม่ได้เื่”
จางกุ้ยฮัวหวนนึกได้ทันใด และรู้ตัวว่าหลายวันมานี้ตนเองมีเพียงบุตรสาวคนรองในสายตา จนละเลยเ็ากับบุตรสาวคนโตไป
“ใช่แล้ว ลูกคนโตของแม่ก็ขยันหมั่นเพียรและฉลาดรอบรู้ ต่อไป ไม่รู้จะได้ไปอยู่ในรังนกทองที่ไหน!”
หลิวเต้าเซียงกล่าวอย่างสนุกสนานตามหลัง “ท่านแม่ พี่ใหญ่เราต้องได้ออกเรือนกับคนดีๆ แน่นอน”
คำพูดนี้ทำให้หลิวชิวเซียงเขินอาย หลิวซานกุ้ยกับภรรยาหัวเราะชอบใจ จางกุ้ยฮัวเอ่ยถาม “เอ๋ เ้าอ่านเื่นี้ออกด้วยหรือ?”
“ข้าใช้นิ้วคำนวณชะตาแล้ว ครอบครัวเรานับั้แ่มีเงินส่วนตัว ชีวิตนับวันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ สินเ้าสาวที่ท่านแม่เคยกังวล จะให้ข้าพูดละก็ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป บ้านหลังเล็กของข้าได้ค่าเช่าปีละสิบกว่าตำลึง หนึ่งปีเก็บสักห้าตำลึงเป็สินเ้าสาวให้พี่ใหญ่ ผ่านไปไม่กี่ปี ฮึ่ม ต้องซื้อที่นาเป็สินเ้าสาวให้พี่ใหญ่ด้วย ขอเพียงกระจายข่าวออกไป ขอบประตูบ้านเราคงมีคนกรูกันเข้ามาเหยียบจนพังก็เป็ได้”
เดิมทีนางคิดอยากจะเก็บไว้สักครึ่งหนึ่ง ต่อมาก็คิดว่าหลิวซานกุ้ยกำลังเล่าเรียน จากความพยายามของเขา ต่อไปเกรงว่าคงได้ดิบได้ดีอยู่บ้าง
ด้วยคําพูดนี้ของหลิวเต้าเซียง ครอบครัวจึงเต็มไปด้วยความคาดหวังกับชีวิตในอนาคตมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่หัวใจของจางกุ้ยฮัวก็เริ่มหวั่นไหวกับความคิดเื่แยกบ้าน เพียงแต่ว่านางรู้จักนิสัยของหลิวซานกุ้ยดี จึงสะกดกลั้นความคิดนี้ไว้ก่อน รอมีโอกาสแล้วค่อยเอ่ย
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าครอบครัวฝั่งนี้มีความสุขเพียงใด ฟากของหลิวฉีซื่อเนื่องจากเื่ของสะใภ้รองซุนซื่อใน่หลายวันที่ผ่านมา จึงบ่นกับหลิวต้าฟู่อีกครึ่งค่อนคืน จวบจนหลิวต้าฟู่ตอบรับด้วยเสียงกรน หลิวฉีซื่อถึงได้มองเขาด้วยสายตาพิฆาตท่ามกลางความมืด แล้วสบถออกมาหนึ่งคำว่า ไร้ประโยชน์สิ้นดี
ในตอนเช้าตรู่ หลิวเต้าเซียงถูกหลิวชิวเซียงเขย่าจนตื่น เร่งให้นางรีบไปล้างหน้าล้างตา บอกว่าพ่อแม่เตรียมตัวออกไปแล้ว
หลิวเต้าเซียงคลานขึ้นมาแต่งตัว ส่วนหลิวชิวเซียงที่อยู่ข้างๆ ก็ช่วยเก็บของหลิวชุนเซียงให้สะอาดเรียบร้อย
หลิวเต้าเซียงถอนหายใจ คนโตมักจะเป็คนที่ขยันและคิดได้ที่สุด คำพูดนี้กล่าวไว้ไม่ผิดแต่อย่างใด
เมื่อคิดว่าตนเองได้หลับเต็มอิ่มทุกวันแล้วถึงตื่น แต่เมื่อเทียบกัน หลิวชิวเซียงขยันหมั่นเพียรกว่านางมากนัก
หลังจากสองพี่น้องเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อย จางกุ้ยฮัวก็ไปเก็บฟักทองสีทองเหลืองผสมชมพูมาหนึ่งลูก ว่ากันว่า ฟักทองชนิดนี้หวานนัก นอกนั้นก็เก็บผักเขียว ทว่าไม่มีถั่วแขก เห็นทีคงเพราะหลิวฉีซื่อไม่ชอบใจ
ตอนนี้จางกุ้ยฮัวมีเงินอยู่ในกระเป๋า นางย่อมไม่เห็นถั่วแขกอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
ทั้งครอบครัวเก็บของเรียบร้อย หลิวซานกุ้ยเก็บของบุตรสาวคนเล็กไว้ในตะกร้า แล้วก็หยิบที่บังแดดไม้ไผ่มาหนึ่งอัน มุมสองฝั่งของที่บังมีกิ่งไม้ไผ่ตรึงไว้ จากนั้นค่อยเอากิ่งไม้ไผ่นี้เสียบไว้กับตะกร้าสองข้าง ที่ทำเช่นนี้เพราะกลัวว่าแสงอาทิตย์ยามเที่ยงจะทำร้ายผิวของเด็กน้อยหลิวชุนเซียง
เมื่อทั้งครอบครัวออกจากบ้านไป หลิวเต้าเซียงไปเอาไข่ห้าสิบใบที่บ้านของป้าหลี่ก่อน จากนั้นใส่ไว้ในตะกร้าของหลิวซานกุ้ย แล้วเอาฟักทองกับผักวางไว้้า
เลียบไปทางปากทางหมู่บ้าน ใครที่เห็นก็จะเดินเข้ามาถามไถ่ เมื่อรู้ว่าจางกุ้ยฮัวจะกลับบ้านมารดา ต่างก็พูดจายินดีปลื้มปริ่มแล้วก็แยกย้ายไป
ตอนนี้วิสัยทัศน์ของหลิวซานกุ้ยดีขึ้นเรื่อยๆ เขาเองก็รู้นานแล้วว่ามารดาของตนเป็คนที่ยึดตนเองเป็หลัก ไม่ยอมเสียเปรียบผู้ใด เขาจึงซ่อนข้องปลาไว้แต่เนิ่น
วันนี้เมื่อเดินผ่านจุดลับตาคน ก็หยิบเอาข้องออกมา หลิวเต้าเซียงจอมเ้าเล่ห์ก็กระเตงก้นวิ่งตามเขามา จังหวะที่เขายกมันขึ้นจึงเห็นว่าด้านในมีปลาเป็อยู่หนึ่งตัว “ท่านพ่อ ท่านจับปลาหลี่อวี๋ได้เมื่อไหร่กัน?”
จางกุ้ยฮัวได้ยินดังนั้นก็แบกหลิวชุนเซียงมาทางนี้ เมื่อเห็นว่าปลาตัวนี้อย่างน้อยก็น่าจะหนักสักสองชั่ง [1] จึงเอ่ย “ซานกุ้ย ปลานี้มีมูลค่ามากเกินไป เอาไว้แลกเงินซื้อหมึกกับพู่กันของเ้าเถิด”
หลิวซานกุ้ยส่ายหัวขณะล้างเท้าด้วยน้ำและตอบว่า “มีอย่างที่ไหนกัน? หลายปีมานี้เราไม่ได้ไปเยี่ยมท่านแม่เลย ถึงอย่างไรก็ควรจะนำของดีไปด้วย”
“เราก็เตรียมเงินไว้ครึ่งพวงแล้วไม่ใช่หรือ เพียงพอสำหรับท่านแม่ใช้จ่ายไปสักระยะหนึ่งแล้ว” จางกุ้ยฮัวโน้มน้าว
หลิวซานกุ้ยยังคงส่ายหัว เมื่อเห็นว่าจางกุ้ยฮัวยังนึกไม่ถึง จึงสะกิดนาง “ท่านแม่เ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราจะไป?”
“ไม่รู้ เราตัดสินใจกันเร่งด่วนไม่ใช่หรือ? มีหนใดที่ไม่ต้องรอท่านแม่อนุญาตถึงจะได้ไป” จางกุ้ยฮัวพูดเพียงครึ่งเดียว ที่นางตัดสินใจไปรวดเร็วเช่นนี้ ก็เพราะกังวลว่าหลิวฉีซื่อจะเปลี่ยนใจกระทันหัน
เพียงแต่ว่า คำพูดนี้นางเองก็ไม่อาจบอกกับหลิวซานกุ้ยได้
“ท่านแม่ไม่รู้ว่าพวกเราจะไป เ้าคิดดูสิ พวกเราหอบกันไปทั้งครอบครัวเช่นนี้ นางจะมีเวลาที่ไหนเตรียมอาหารการกินไว้” คำพูดของหลิวซานกุ้ยมีเหตุผลมาก จางกุ้ยฮัวไม่อาจโต้ตอบได้
-----
เชิงอรรถ
[1] ชั่ง ในภาษาจีนคือ จิน 斤 ซึ่งเป็มาตรวัดน้ำหนักในสมัยโบราณ 1 ชั่งเท่ากับ 500 กรัม หรือครึ่งกิโลกรัม 2 ชั่ง ก็คือ 1 กิโลกรัม
