“ผลัวะ ผลัวะ ผลัวะ!” ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆหนานกงเชี่ยนเดินก้าวมาข้างหน้าแล้วต่อยบอดี้การ์ดของมู่หรงกูที่อยู่ตรงหน้าล้มพับไปกับพื้น
“ลูกศิษย์เส้าหลินงั้นเหรอ ไม่เลวเลยนี่” กัวไฮว่มองชายวัยกลางคนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “เสี่ยวเฟย ไปดวลกับเขาหน่อยสิ จุดอ่อนของเขาอยู่ที่หลัง้า”
“พ่อหนุ่ม เขาชื่อเ้าเจิ้นซาน ขนาดหมัดปากว้าฉันยังไม่กล้าดวลด้วยเลยให้เสี่ยวเฟยไปฉันกลัวว่าเขาจะอันตรายเอาน่ะสิ” เซียวอวิ๋นเทียนพูดเบาๆ
“ให้เขาไปเถอะ ให้เขาได้ยืดเส้นยืดสายซะหน่อย คนฝึกยุทธได้รับาเ็ถือเป็เื่ธรรมดา ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆมู่หรงเฟยมองอาจารย์ของตนเองแวบหนึ่ง จากนั้นก็บึ่งมายังเบื้องหน้าของเ้าเจิ้นซาน
“นี่หนู ถ้าไม่อยากตายก็รีบไสหัวไป” เ้าเจิ้นซานเห็นว่าผู้ที่เดินมาเป็เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ไม่ได้ใส่ใจนัก จึงพูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“คิดว่าบ้านตระกูลมู่หรงเป็ที่ที่แกคิดจะบุกก็บุกได้งั้นเหรอ แม่เลี้ยงสามคุณเข้าไปได้ ส่วนคนพวกนี้ให้รออยู่ข้างนอกเถอะ” มู่หรงเฟยมองหนานกงเชี่ยนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“เด็กบ้า ไสหัวไปอย่าคิดว่าแกเป็คนของตระกูลมู่หรงแล้วฉันจะไม่กล้าอัดแกนะ” มู่หรงเชี่ยนมองมู่หรงเฟยแล้วพูดขึ้น
“ในเมื่อแม่เลี้ยงสามพูดแบบนี้ งั้นก็ให้เขาอัดผมสิ” มู่หรงเฟยพูดอย่างเอาเื่ “แต่จะอัดผมชนะไหมนั้นก็ไม่แน่นะ”
“ไม่ตายก็พอแล้ว ตอนนี้ตระกูลมู่หรงเก่งนัก ขนาดเด็กๆยังกล้าพูดกับฉันแบบนี้” มู่หรงเชี่ยนหน้าแดงเถือกพูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“ศิษย์ของเซียวอวิ๋นเทียนมวยแปดสุดยอดนี่เอง ไม่น่าล่ะถึงได้ปากดีแกไม่ไหวหรอก ต่อให้อาจารย์แกมาเองก็ไม่น่าไหว” เ้าเจิ้นซานพูดเสียงดัง “ฉันจะสอนแกแทนอาจารย์แกเองว่าการเป็คนมันทำกันยังไง”
“ไอ้สะดืองอกขน ไอ้จอมปลอม” เมื่อมู่หรงเฟยพูดจบก็บินตรงเข้าไปหาเ้าเจิ้นซาน
เสียง “ผัวะ!” ดังขึ้น มู่หรงเฟยต่อยไปหมัดหนึ่ง เ้าเจิ้นซานยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อยเมื่อหมัดกับหมัดชนกัน เ้าเจิ้นซานก็ถึงกับเสียใจขึ้นมาเขากลัวว่ามู่หรงเฟยจะเละเลยออกแรงไปเพียงสามส่วนแต่มู่หรงเฟยมองเ้าเจิ้นซานเป็คู่ต่อสู้จริงๆ ออกแรงไปเต็มเม็ดเต็มหน่วยเขายังไม่ได้ก้าวสู้เขตแดนเซียนเทียน แต่ศักยภาพกลับตรงกันข้ามเ้าเจิ้นซานถูกมู่หรงเฟยต่อยเข้าหมัดหนึ่งแล้วพ่นเืออกมา
“ดีแต่หน้า พอเอาเข้าจริงก็ไร้ประโยชน์ ยังนึกว่าเป็ยอดฝีมือแต่กลับเป็แบบนี้ซะงั้น” มู่หรงเฟยถอยไปสามเก้าเขารู้ว่าตนเองได้เปรียบ แต่กลับพูดขึ้นเสียงดังอย่างไม่ได้แยแสความรู้สึกของฝ่ายตรงข้าม
“พรวด!” เ้าเจิ้นซานพ่นเืออกมาถ้าจะบอกว่าแพ้ให้เซียวอวิ๋นเทียน แพ้ก็แพ้ไปสิแต่ตัวเองดันถูกลูกศิษย์ของเซียวอวิ๋นเทียนต่อยล้มในหมัดเดียวขายหน้าไปจนถึงรุ่นยาย ที่น่าเกลียดที่สุดก็คือเด็กนี่ไม่รู้เลยว่าตอนแรกเขากลัวว่าจะทำร้ายเด็กนี่หนักไปเลยออมมือให้เ้าเจิ้นซานโมโหจนแทบจะเป็ลม
“แม่เลี้ยงสามครับ ผมว่าคุณเข้าไปเถอะอย่าให้คนด้านหลังคุณมาดวลกับผมอีกเลย” มู่หรงเฟยพูดพลางยิ้มกว้างเขามั่นใจในตนเองอย่างมาก ไม่ได้แยแสเลยว่าจะดวลกับคนข้างหลังได้หรือเปล่า
“เด็กบ้า ดูไม่ออกเหรอว่าเมื่อกี้เจิ้นซานออมมือให้น่ะ ลองกับฉันหน่อยไหม” เมื่อพูดเสร็จชายชราที่อยู่ด้านหลังหนานกงเชี่ยนก็บินลอยมายืนอยู่เบื้องหน้ามู่หรงเฟย
“ยอดฝีมือมวยสิงอี้ เกรงว่าคราวนี้เสี่ยวเฟยจะเสียเปรียบแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“มวยเสือกระเรียนหวงต้าเฉิง เขาอยู่ที่ฮ่องกงมาตลอดนี่ มาที่จีนได้ยังไงดัน” เซียวอวิ๋นเทียนพูดเบาๆ
“ทั้งสามท่าน พวกเราไปดูกันเถอะ ถึงเสี่ยวเฟยจะเสียเปรียบก็ช่างมันแต่ในเมื่อที่นี่เป็บ้านตระกูลมู่หรงพวกท่านก็เป็แขกของตระกูลมู่หรงแล้วก็เป็คนฝึกยุทธ คงจะดูพวกเขาอาละวาดแบบนี้ไม่ได้หรอกมั้ง” คำพูดของกัวไฮว่ ทำเอาอาจารย์ยุทธทั้งสามลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกันในเมื่อบางเื่ตัวเองไม่สะดวกจะออกมือ ก็ให้พวกเขาออกมือน่าจะเหมาะกว่า
“อะแฮ่มๆๆ ่เวลาที่ฝึกมวยมาเยอะกว่าอายุฉันอีก แต่ยังมีศักยภาพแค่นี้ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อกี้ฉันต่อยกับตาแซ่เ้านั่นไปยกหนึ่งก็ยังไม่แน่หรอกนะว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ” มู่หรงเฟยต่อยตีอยู่กับหวงต้าเฉิงอยู่สามสิบกว่ารอบแต่สุดท้ายเป็เพราะมีประสบการณ์ไม่พอ จึงแพ้เข้า แต่แพ้ก็แพ้ไปสิยังต้องด่าอีกหน่อย ให้หวงต้าเฉิงไม่สบอารมณ์
“หวงต้าเฉิง ชนะเด็กแล้วยังไง เรามาดวลกันเถอะ” เซียวอวิ๋นเทียนก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงดัง “เสี่ยวเฟย ถอยไป ดูให้ดีนะ มวยแปดสุดยอดไม่ใช่แบบที่แกต่อย” พูดจบ เซียวอวิ๋นเทียนก็ชกไปทางหวงต้าเฉิง
“อย่ามัวเสียเวลาเลย พวกเธอสองคนมาดวลกับฉันเถอะ” เซี่ยอวี่ขุยพูดขึ้นเสียงดัง ในเมื่อกัวไฮว่พามู่หรงหลงมากจากความตายได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาการป่วยของตน ในเมื่อเขาตกลงจะช่วยตนเองแล้วแน่นอนว่าก็เป็ลูกมือเขาเสียหน่อยจึงตรงไปยังสองคนที่อยู่ด้านหลังของหนานกงเชี่ยน
“หยุดนะ” มู่หรงกูเดินมาจากข้างหลังโดยมีมู่หรงเวยเวยกับมู่หรงหลงเดินประกบข้างซ้ายขวา “หนานกงเชี่ยน ทำไมน่าสนใจขนาดนี้เนี่ย บังอาจมาหาฉันที่นี่ทำไมเหรอหรือว่าอยากจะเป็คุณนายสามตระกูลมู่หรง” มู่หรงกูมองหนานกงเชี่ยนแล้วถามขึ้นเสียงดัง
“มู่หรงกู ปล่อยลุงฉัน แล้วฉันจะไป” หนานกงเชี่ยนพูดเสียงดังจากนั้นก็พาสายตาไปตกอยู่บนร่างของมู่หรงหลง “ถึงว่าวันนี้สีหน้าดูแจ่มใสที่แท้เด็กเวรนี่ของคุณหายดีแล้ว แต่คุณก็ดูแลให้ดีนะไม่แน่ว่าอาจจะต้องนอนไปตลอดชีวิต ลุกขึ้นมาไม่ได้อีก”
“หนานกงเชี่ยน พาคนของเธอไป วันนี้ฉันอารมณ์ดีฉันบอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่อยากฆ่าคน ไม่เป็ตัวแทนไม่อัดคน” มู่หรงกูพูดขึ้นเสียงดัง
“ปล่อยคนไปซะ แล้วเดี๋ยวจะไป” หนานกงเชี่ยนพูดเสียงดัง
“ปล่อยอะไรล่ะ เขาตายไปแล้ว คุณพ่อตาพูดอะไรกับเธอน่ะถ้าเขาอยากได้คนก็เอาคนไปให้เขา ศพอยู่ในสวนด้านหลังยังไม่ได้ฝังหรอกไม่ใช่เหรอ” กัวไฮว่พูดขึ้นเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน
“เด็กนี่พูดจริงเหรอ” หนานกงเชี่ยนถลึงตาถามขึ้น
“เด็กนั่นเด็กนี่ที่ไหนกันล่ะ ไม่รู้จักเรียกเลยนะ” กัวไฮว่มองหนานกงเชี่ยนแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงดัง “ผมเป็คนยิงหัวเขาเองแหละ ถ้ายังฟื้นมาได้อีกก็มหัศจรรย์แล้วถ้าไม่มีอะไรก็รีบพาคนไสหัวไปได้แล้ว”
“ดี ดี ดี” หนานกงเชี่ยนพูดว่าดีติดกันสามคำตัวเธอเองโตขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีใครกล้าพูดกับตนเองแบบนี้มาก่อน แถมยังเป็เด็กอีก “เขาเรียกคุณว่าพ่อตา ไม่ต้องพูด เด็กเวรนั่นแหละ ดี พวกแกคอยดูเถอะฉันไม่กล้าเก็บคนตระกูลหนานกงหรอก แต่ฉัน้าชีวิตเด็กนี่”
“เพียะ!” ทุกคนยังไม่ทันมองบนหน้าของหนานกงเชี่ยนก็พลันปรากฏรอยนิ้วมือทั้งห้า “นี่สำหรับที่เธอปากพล่อยถ้าคิดจะทำอะไรนายน้อย จะใช้วิธีอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้ายังจะพูดอะไรสกปรกๆ อีกล่ะก็ครั้งหน้าไม่ใช่แค่ฝ่ามือนี้แน่”
“คุณหนูใหญ่ คนที่ลงมือเมื่อกี้เข้าได้เข้าเขตแดนเซียนเทียนแล้วเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก” ในขณะที่หนางกงเชี่ยนคิดจะพูดอะไรชายชราที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดจามาตลอดก็ดึงหนานกงเชี่ยนเอาไว้
“มู่หรงกู นายจะต้องเสียใจกับเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไปกัน” พูดจบ หนานกงเชี่ยนก็พาคนของตนหมุนตัวออกไปยังบ้านตระกูลหนานกง