แคว้นต้าเยี่ยมิได้เคร่งครัดเื่ข้อบังคับของสตรี ริมฝั่งน้ำจึงมีสตรีมากมายเดินขวักไขว่ บ้างก็มาเป็กลุ่มสามคนห้าคน เลือกซื้อของข้างทาง บ้างก็เดินเล่นกับพี่น้องของตน
“ที่นี่คือตลาดริมน้ำของเมืองจิ่วเจียง เป็ตลาดที่เปิดทั้งวัน มีแผงตั้งขายของตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน”
เมืองจิ่วเจียงมีตลาดที่เปิดทั้งวันด้วยหรือ แม้แต่เมืองหลวงก็ยังไม่มี!
ฉู่อี้เห็นอวิ๋นเจียวทำท่าทางอยากรู้อยากเห็น จึงยิ้มๆ พลางอธิบายว่า “เมืองจิ่วเจียงตั้งอยู่ติดูเาและแม่น้ำ คนที่นี่จึงทำมาหากินทั้งจากการพึ่งพาูเาและแม่น้ำ ไม่ว่าจะเป็การขนส่งทางน้ำและการประมง เรือเหล่านี้ต่างออกแต่เช้าและกลับเข้าฝั่งตอนดึก ยิ่งไปกว่านั้นเวลาที่กลับเข้าฝั่งก็ยังไม่แน่นอน นานวันเข้า พวกพ่อค้าแม่ค้าที่หาเลี้ยงชีพด้วยการค้าขายกับคนบนเรือจึงไม่ปิดร้านเพียงแค่ผลัดกันมาเฝ้าเท่านั้น”
“อ้อ ที่แท้ก็เป็เช่นนี้นี่เอง” ท่าเรือจิ่วเจียงกว้างขวาง มีเรือจอดเทียบท่านับไม่ถ้วน ดูคึกคักและเจริญรุ่งเรืองเป็อย่างยิ่ง
อวิ๋นเจียวเดินเที่ยวชมตลาดไปเรื่อยๆ เห็นว่าร้านขายอาหารล้วนเต็มไปด้วยผู้คน ส่วนใหญ่เป็คนงานบนเรือและลูกเรือ หรือพ่อค้าที่เดินทางไปมา ความเจริญรุ่งเรืองของแต่ละพื้นที่ล้วนมีปัจจัยเอื้ออำนวย ตลาดริมน้ำแห่งนี้ก็เช่นกัน ความเจริญรุ่งเรืองนี้ล้วนมาจากการขนส่งทางน้ำที่เฟื่องฟูของเมืองจิ่วเจียง
เมื่อเห็นตลาดริมน้ำที่คึกคักเช่นนี้ อวิ๋นเจียวก็นึกขึ้นได้ว่าบางทีวันหนึ่งหมู่บ้านไหวซู่ก็อาจจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้
“โคมลอยแม่น้ำขายอยู่ตรงไหน พวกเรารีบไปซื้อโคมลอยแม่น้ำกันเถิดเ้าค่ะ!” อวิ๋นเจียวเห็นร้านขายโคมลอยแม่น้ำอยู่ด้านหน้า โคมลอยแม่น้ำที่วางขายอยู่ล้วนสวยงามทั้งสิ้น จึงอดไม่ได้ที่จะร้องะโออกมาด้วยความตื่นเต้น
แม้จิติญญาภายในร่างนี้จะเป็หญิงสาววัยเกือบสามสิบปี ทว่าเพราะเติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านางจึงไม่เคยัักับความสุขในวัยเด็กอย่างแท้จริง
แม้ว่าผู้อำนวยการและเ้าหน้าที่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าล้วนใจดี ทว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าขาดแคลนทุนทรัพย์และบุคลากร พวกเขาทำได้เพียงดูแลให้เด็กๆ อิ่มท้องและมีเสื้อผ้าใส่ให้ความอบอุ่นก็เต็มกลืนแล้ว จะเอาเวลาและกำลังที่ไหนมาใส่ใจคุณภาพชีวิตในวัยเด็กของพวกเขาเล่า?
ส่วนฉู่อี้ก็เป็เด็กที่ไร้ซึ่งวัยเด็กเช่นกัน นับั้แ่จำความได้ เขาก็แอบฝึกวิชากับคนของสำนักโม่ ทั้งยังต้องเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดจากการถูกโจมตีทั้งต่อหน้าและลอบสังหาร เรียนรู้วิธีเอาชีวิตรอด
เขาถูกอวิ๋นเจียวดึงมือให้วิ่งไปข้างหน้า ได้ยินเสียงหัวเราะสดใสราวกับกระดิ่งเงิน มองดูร้านขายโคมลอยแม่น้ำที่อยู่ใกล้เข้ามาทุกที ความสุขในวัยเด็กที่เขาไม่เคยมีก็ผุดขึ้นมาในใจของเขาเช่นกัน
“คุณชาย คุณหนู สนใจซื้อโคมลอยแม่น้ำหรือขอรับ? เลือกได้ตามสบายเลยขอรับ ข้าลดราคาให้พิเศษเลย”
อวิ๋นเจียวเขย่ามือของฉู่อี้เบาๆ พลางชี้ไปที่โคมลอยแม่น้ำในร้าน “ข้าเอาทั้งหมดนี่เลยเ้าค่ะ!”
ฉู่อี้ยิ้มๆ พลางลูบหัวนางอย่างเอ็นดู “ได้สิ! เถ้าแก่ โคมลอยแม่น้ำทั้งหมดนี่พวกข้ารับไว้เอง!”
เถ้าแก่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มหน้าบานรีบพูดด้วยน้ำเสียงประจบประแจง “ขอรับๆ เดี๋ยวข้าห่อให้คุณชายเอง คุณชายนี่ช่างตามใจน้องสาวเสียจริง!”
อวิ๋นเจียวรีบแก้ “ท่านตา ข้าไม่ใช่น้องสาวเขาสักหน่อย!”
เถ้าแก่ยิ้มจนหน้าบาน เขาแค่กล่าวเยินยอไปอย่างนั้นไม่ได้คิดจริงจังอะไรนัก “ฮ่าๆ คุณชายกับคุณหนูเดินเคียงคู่กันราวกับเทพเซียน ไม่ว่าจะเป็พี่น้องหรือคู่หมั้นคู่หมายต่างก็ดูเหมาะสมกันทั้งนั้น!”
อวิ๋นเจียวถึงกับไปไม่เป็: ... ใครเป็คู่หมั้นคู่หมายกับฉู่อี้กัน?
มุมปากของฉู่อี้ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา แม้ว่าเขาและอวิ๋นเจียวต่างก็อายุยังน้อย เขาก็ไม่ได้คิดเื่นี้ แต่พอได้ยินคำว่า ‘คู่หมั้นคู่หมาย’ ฟังดูแล้วก็ไม่เลวเลยทีเดียว
อวิ๋นเจียวไม่อยากฟังเถ้าแก่พูดต่อ จึงรีบถามราคา “ท่านตา ทั้งหมดนี่ราคาเท่าไหร่!”
เถ้าแก่ตอบ “ทั้งหมดนี้มีโคมลอยแม่น้ำสามร้อยยี่สิบหกอัน อันละห้าอีแปะ รวมเป็เงินหนึ่งพันหกร้อยสามสิบอีแปะ จ่ายข้าเพียงหนึ่งพันหกร้อยอีแปะก็พอขอรับ”
“ท่านตา นี่เงินสอง...” อวิ๋นเจียวล้วงเอาก้อนเงินออกมาจากแขนเสื้อ ทว่ายังไม่ทันจะยื่นออกไป จางหลิงก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโยนก้อนเงินให้กับเถ้าแก่
“ห้าตำลึงเงิน ไม่ต้องทอน! ฝากนำโคมไปส่งที่เรือสำราญ ‘ฝูซู’ ที่ท่าเรือด้วย”
ท่านโหวออกมาเดินเที่ยวเล่น จะปล่อยให้คุณหนูจ่ายเงินได้อย่างไร? แน่นอนว่าจางหลิงได้รับสายตาชื่นชมจากฉู่อี้
อวิ๋นเจียวถึงกับพูดไม่ออก... แค่แย่งจ่ายเงินก็ดีใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ฉู่อี้ก้มลงมากระซิบข้างหูนาง “ข้าบอกเ้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่านายอำเภอกับนายกองผู้นั้นต่างก็มอบเงินให้ข้ามากมาย”
อวิ๋นเจียวพึมพำ “ขุนนางชั่ว!”
ฉู่อี้ “ข้ามิได้เป็ขุนนาง!”
อวิ๋นเจียวถึงกับไปไม่เป็... นี่ท่านรับสินบนอย่างไม่รู้สึกรู้สาเลยหรือ?
เมื่อคิดว่ายาพวกนั้นล้วนเป็ยาที่นางมอบให้ฉู่อี้ อวิ๋นเจียวก็ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะใช้เงินของเขาอีกต่อไป ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางถึงรู้สึกสนิทสนมกับฉู่อี้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังไม่ถือสาเื่เล็กๆ น้อยๆ กับเขาอีกต่อไป
หลังจากที่ฉู่อี้กับพวกอวิ๋นเจียวเดินจากไปไกลแล้วก็ยังคงได้ยินเสียงขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเถ้าแก่ดังแว่วมาให้ได้ยิน
ตลอดทางนับจากนี้ไป เพียงแค่สายตาของอวิ๋นเจียวมองสิ่งใดนานสักหน่อย จางหลิงก็จะรีบเข้าไปจ่ายเงินทันทีไม่คิดหน้าคิดหลัง ใจป้ำราวกับเศรษฐี ทำให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่เห็นอวิ๋นเจียวเดินผ่านมา ต่างก็รีบหยิบเอาของดีที่สุดในร้านออกมาแสดงให้นางดูพร้อมกับแนะนำอย่างกระตือรือร้น
ฟางซื่อกับอวิ๋นโส่วจงได้แต่มองหน้ากันแล้วส่ายหน้า ฟางซื่อพูดกับฉู่อี้ว่า “เซ่าชิง เ้าทำเช่นนี้จะทำให้นางเสียคนเอาได้!”
ฉู่อี้หันไปมองฟางซื่อแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านป้า ข้าก็รู้สึกว่าของพวกนี้แปลกตาดี การได้ซื้อของก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ ข้าโตมาขนาดนี้ ยังไม่เคยได้เดินเที่ยวเล่นในตลาดเช่นนี้มาก่อนเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฟางซื่อก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ เด็กคนนี้ช่างน่าสงสารนัก
หลังจากเดินเล่นอยู่ครู่หนึ่งอวิ๋นเจียวก็เริ่มเบื่อ นางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว พวกเราไปล่องเรือกันเถิดเ้าค่ะ!”
ฉู่อี้เอ่ยขึ้น “เจียวเอ๋อร์ เ้าเดินจนเหนื่อยแล้วกระมัง ให้ข้าอุ้มเ้าไปดีหรือไม่?”
อวิ๋นเจียวถลึงตาใส่เขา “ข้าไม่ให้บุรุษอื่นอุ้มหรอก”
คำพูดของนางเรียกเสียงหัวเราะจากฟางซื่อกับอวิ๋นโส่วจงได้เป็อย่างดี อวิ๋นโส่วจงจึงฉวยโอกาสนี้ก้มตัวลงอุ้มอวิ๋นเจียวขึ้นมา ส่วนฉู่อี้ที่มือว่างเปล่าก็รู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่างไป
เรือสำราญ ‘ฝูซู’ เมื่อมองจากภายนอกแล้วดูไม่หรูหราฟู่ฟ่า แต่พอขึ้นไปบนเรือแล้วกลับรู้สึกแตกต่างออกไป ทุกซอกทุกมุมของเรือประดับตกอย่างประณีตบรรจง ดูเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความหรูหรา
“นี่เรือของท่านหรือเ้าคะ?” เรือสำราญเช่นนี้อวิ๋นเจียวไม่คิดว่าจะเป็เรือเช่า
ฉู่อี้ก็พยักหน้าตามคาด “ใช่ เป็เรือของข้า บางครั้งข้าก็แวะมาเยือนจิ่วเจียง”
เมื่อเห็นฉู่อี้กับกลุ่มคนขึ้นเรือมา บ่าวรับใช้และนักดนตรีบนเรือต่างก็ลุกขึ้นคำนับ ฉู่อี้โบกมือให้นักดนตรีทุกคนนั่งลง จากนั้นนักดนตรีก็เริ่มบรรเลงเพลง
ทันทีที่ฉู่อี้สั่งให้ออกเรือก็มีเสียงะโดังขึ้นมาจากด้านล่างของเรือด้วยความดีใจ “พี่อี้ เป็ท่านจริงๆ หรือ?”
อวิ๋นเจียวกับฉู่อี้หันไปมองพร้อมกัน ก็เห็นหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีแดงเพลิงยืนอยู่ที่ท่าเรือด้านล่าง นางมองฉู่อี้ด้วยแววตาตื่นเต้นดีใจ
ข้างกายนางมีคนติดตามมาเป็กลุ่ม ทั้งชายและหญิง บ่าวรับใช้และทหารองครักษ์อีกนับไม่ถ้วน
“เป็พี่อี้จริงๆ ด้วย น้องหญิง สายตาเ้าช่างเฉียบคมยิ่งนัก”
ที่แท้ก็ญาติของฉู่อี้นี่เอง! แต่อะไรทำให้สีหน้าของฉู่อี้ดูไม่สู้ดีนัก?
อวิ๋นเจียวนึกถึงญาติๆ ที่บ้านตระกูลอวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าญาติฝ่ายนี้คงจะเป็ญาติแปลกๆ เช่นกันสินะ?
ขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้นหญิงสาวชุดแดงก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พี่อี้ เด็กสาวคนนี้เป็ใครหรือเ้าคะ? เป็บ่าวรับใช้ที่ท่านเพิ่งรับมาหรือ? อายุยังน้อยเช่นนี้ คงไม่รู้จักมารยาท เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ท่านยกนางให้ข้า ข้าจะสั่งสอนนางให้ดีก่อนแล้วค่อยส่งนางกลับไปให้ท่าน?”
อวิ๋นเจียวถึงกับพูดไม่ออก... ยัยนี่สมองไม่ปกติหรือ? ช่างเป็ญาติที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ฉู่อี้ยังไม่ทันได้แนะนำ นางกลับทำตัวโดดเด่นเสียเอง พอหญิงสาวผู้นั้นพูดจบผู้คนบนท่าเรือต่างก็หันมามองอวิ๋นเจียว ราวกับกำลังพิจารณาสินค้าก็ไม่ปาน