รวมถึงรูปร่างภายนอกที่งดงามน่ารักเ่าั้
ลายเส้นรูปวาด้า เป็สิ่งที่นางวาดออกมา ถึงแม้จะมีแค่ไม่กี่เส้น แต่กลับเพิ่มความดึงดูดและความมีชีวิตบนขนมไหว้พระจันทร์ ความรู้สึกราวกับพวกมันมีชีวิตอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“สีนี้ก็สวยใช้ได้แล้วนะ เสี่ยวหราน สิ่งนี้ยังเรียกว่าขนมไหว้พระจันทร์อยู่อีกหรือ? น่ารักขนาดนี้สามารถเอามาวางตกแต่งในเรือนได้เลยนะ หากเป็ข้าล่ะก็ ข้าจะต้องไม่กล้ากินมันแน่ เฮ้อ เ้านี่นะ คุณภาพของมันดีมากเกินไปแล้วจริงๆ ”
เฉินเนี้ยนหรานหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ตบมือให้ตัวเองไปทีหนึ่ง ก่อนจะหยิบขนมไหว้พระจันทร์ขึ้นมาชิมหนึ่งชิ้น
ครั้งนี้ทำเป็รสเนื้อวัว มีไส้เนื้อวัวปั้นอยู่ด้านใน เนื้อด้านนอกสีเหลืองทองกรอบ
ไส้ที่อยู่ด้านในก็ทำออกมาได้ดีมาก กินเข้าไปในปากได้รสชาติที่ใกล้เคียงกับขนมไหว้พระจันทร์ในยุคปัจจุบันแล้ว ในยุคโบราณที่ล้าหลัง กว่าจะสามารถควบคุมไฟได้ดีขนาดนี้ นางก็เสียวัตถุดิบไปไม่น้อยกว่าจะทำออกมาได้สำเร็จ
“แม่หนูหราน ขนมไหว้พระจันทร์ในครั้งนี้จะต้องขายได้ดีมากแน่ ข้าว่านะ เมื่อขายได้ครั้งนี้ข้าต้องรู้สึกผิดที่เอาเปรียบในการทำงานร่วมกับเ้าเป็แน่ เอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าพูดตรงนี้เลย ขนมไหว้พระจันทร์ของเ้า ยกเว้นในส่วนกำไรที่ได้จากการขายของข้า ข้าเอาแค่กำไรเพื่อคืนทุนค่าวัตถุดิบก็พอ”
เฉินจื่อิเห็นรูปร่างของขนมไหว้พระจันทร์ออกมาไม่เลวก็ตัดสินใจได้ ณ ตอนนั้นเลย แต่มีหรือที่เฉินเนี้ยนหรานจะยอมปล่อยให้เป็เช่นนี้
นางปิดปากหัวเราะ “ไม่ได้เ้าค่ะท่านลุง ท่านไม่อยากเอาเปรียบข้า แต่ว่าข้าก็ไม่อยากจะปล่อยท่านไปเช่นกัน เอาตามเงื่อนไขเดิมดีกว่าเ้าค่ะ ท่านออกค่าวัตถุดิบ พวกเราทำงานร่วมกัน หลังจากขายเสร็จแล้วท่านกับข้าก็แบ่งกันครึ่งหนึ่ง”
“ไม่ได้ จะแบ่งกันครึ่งหนึ่งไม่ได้ ของพวกนี้ล้วนแต่เป็สิ่งที่เ้าคิดประดิษฐ์มันขึ้นมา และก็เป็เ้าที่ลงมือทดลอง ข้าออกวัตถุดิบ ข้าเข้าร่วมได้ แต่ว่าข้า้ารายได้แค่สามส่วนเท่านั้นเพื่อให้คืนทุนในส่วนของข้าเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็ถือว่าเป็สินสมรสของเ้ากับน้องสาวเ้าแล้วกัน”
กวนซูเยวียนกลัวว่านางจะปฏิเสธ จึงรีบพูดแทรกแล้วถลึงตาใส่ “แม่หนู สามส่วนของกำไร พวกเราก็ถือว่าได้มามากเกินไปแล้ว แค่ออกค่าวัตถุดิบนิดหน่อยก็ได้เงินเป็ตำลึงแล้วหรือ? ของพวกนี้น่ะ ทำให้พวกเราได้เงินมาบ้างก็ถือว่าไม่เลวมากแล้ว”
เฉินเนี้ยนหรานคำนวณในใจเงียบๆ หากตัวเองเอาขนมไหว้พระจันทร์ออกไปขาย แล้วก็นำวิธีการขายที่นางเคยเรียนรู้ทั้งหมดออกมาใช้ แล้วเดินบนเส้นทางชั้นสูงสักหน่อย ขนมไหว้พระจันทร์พวกนี้จะต้องทำเงินได้ไม่น้อยเป็แน่
คิดไปแล้วสองสามีภรรยากวนซูเยวียนก็เป็คนทิฐิสูง หากให้พวกเขาได้เงินเยอะเกินไป เกรงว่าทั้งสองคนจะรู้สึกไม่ดี ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า แล้วตอบรับสัญญาปากเปล่าที่จะแบ่งกำไรให้สามส่วนนี้ไป
เพราะตอนที่ทำการทดลอง เฉินเนี้ยนหรานได้จดเอาไว้หมดแล้วว่ามีขั้นตอนการทำอย่างไร ใช้เวลาในการทำแต่ละขั้นตอนเท่าไร
ดังนั้นตอนที่ทำอีกครั้ง ก็แค่ทำตามที่จดเอาไว้ก็พอ
“จริงสิแม่หนูหราน พรุ่งนี้ข้าจะไปซื้อแป้งมาเพิ่มอีกหนึ่งร้อยจิน ถึงตอนนั้นพวกเราก็มาทำขนมไหว้พระจันทร์กันเถิด”
“หนึ่งร้อยจิน? ท่านลุงวางแผนจะทำขายแค่ในเมืองนี้หรือ?” เขตเจียวปาถึงแม้จะใหญ่มากเพราะการค้าขาย มีคนเดินทางไปมาค่อนข้างเยอะ แต่จะพูดอย่างไรก็แค่เมืองเดียว แป้งร้อยจินมันจะทำขนมไหว้พระจันทร์ออกมาได้เท่าไรกัน มันจะไปพอได้ที่ไหนกัน!
เฉินจื่อิชะงักไปนิดหน่อย แต่ในสมองเขาก็หมุนอย่างรวดเร็ว ถูกหลานสาวถามเช่นนี้ จึงทำได้แต่มองนางอย่างตกตะลึง “หมายความว่า เ้าคิดจะออกไปขายที่อื่นด้วยหรือ?”
เฉินเนี้ยนหรานหัวเราะออกมาอย่างมั่นใจ “ถูกต้องแล้วเ้าค่ะ เมืองนี้เราก็จะขาย ที่อื่นทำไมจะขายเหมือนกันไม่ได้ล่ะเ้าคะ? กลับกันกว่าจะถึงเทศกาลก็ยังมีเวลาเหลืออีกแค่ไม่กี่วัน ตอนที่เทศกาลมาถึง ธุรกิจของพวกเรามีโอกาสพยายามกันได้แค่รอบสองรอบ หลังจากเทศกาลจบไปแล้ว พวกเรายังต้องคิดหาวิธีอื่นในการทำธุรกิจอื่นอีก ดังนั้นครั้งนี้จะทำทั้งทีก็ทำให้มันใหญ่โตไปเลยเถิดเ้าค่ะ” ที่ดีที่สุด ครั้งนี้จะต้องหาเงินซื้อที่ดินทำการเกษตรให้ได้ แล้วซื้อที่นาเพิ่มอีกสักหน่อย…ความฝันในการเลี้ยงสัตว์ทำการเกษตรถึงจะเป็จริงได้…
“ได้ พวกเราจะขายที่เมืองใกล้ๆ นี้ จะต้องไปที่ที่มีคนเยอะหน่อย แน่นอนว่าจะต้องเลือกเมืองฮุ้ยถง หากสามารถนำไปขายที่ร้านขนมหวานของจวนสกุลโจวที่อำเภอฮุ้ยทงได้ล่ะก็ พวกเราก็ถือว่ารวยแล้ว”
เขาพูดถึงสกุลโจวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น แต่คนที่ฟังกลับปฏิเสธอย่างรุนแรง
“ไม่ไปหาคนเช่นสกุลโจวหรอก” ต้าหลางเป็คนแรกที่ปฏิเสธกลับมา
เฉินเนี้ยนหรานมองไปยังต้าหลางด้วยความสงสัย นางรู้สึกว่าเ้าเด็กคนนี้เหมือนจะไม่พอใจกับคนของจวนสกุลโจว
หรือว่าคนของสกุลโจวเคยทำร้ายเขามาก่อน??
เมื่อถูกนางมองด้วยสายตาพิจารณาสงสัย ต้าหลางก็รู้สึกผิดมาก เขาเกาหัว “อย่างไรข้าก็รู้สึกว่าไม่ควรไปหาคนของสกุลโจวเพื่อทำธุรกิจ อำเภอฮุ้ยถงถึงแม้จะเป็ที่ที่มีร้านค้าของสกุลโจวอยู่มากมายเต็มเมือง แต่ก็ไม่ใช่เขาที่ผูกขาดตลาดเอาไว้เพียงคนเดียว พวกเราทั้งครอบครัวถูกเขาผูกมัดมากเกินไปแล้ว หากไปขายขนมไหว้พระจันทร์ที่นั่นก็ถูกสกุลของพวกเขาผูกมัดเข้าไปอีก ต่อไปจะ…เติบโตได้อย่างไรเล่าขอรับ”
เหตุผลของเขาบุ่มบ่ามเหมือนชักแม่น้ำทั้งห้าเข้ามามากเลยทีเดียว
แม้ว่ากวนซูเยวียนจะไม่เห็นด้วย แต่เมื่อนางมองไปทางเฉินเนี้ยนหรานแล้วมองไปทางเฉินจื่อิ นางก็ถอนหายใจออกมา “ช่างเถิด พวกเรา…หลบความยุ่งยากเสียหน่อยดีกว่า อย่าไปเกี่ยวข้องอะไรกับคนสกุลโจวอีกเลย กว่าแม่หนูหรานของพวกเราจะออกมาจากที่แบบนั้นได้ก็ลำบากมากเลยทีเดียว ตอนนี้หากไปเกี่ยวข้องกับสกุลโจวอีก ข้างเกรงว่าต่อไปพวกเราคงพูดอะไรให้ชัดเจน คงยากแล้ว”
เฉินเนี้ยนหรานส่ายหน้า “ป้าสะใภ้เ้าคะ ข้ารู้สึกว่าพวกท่านกังวลมากเกินไปแล้ว พวกเราทำธุรกิจอย่างจริงจัง ไม่ใช่ไปพึ่งใบบุญสกุลโจวของพวกเขา หรือว่าไปทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย อีกอย่างนะเ้าคะ ไม่แน่ว่าธุรกิจของพวกเราอาจจะได้เงินก้อนโตมาจากร้านค้าของพวกนั้นด้วย แต่ช่างเถิด เื่นี้ ไว้พวกเราไปถึงตัวอำเภอก่อนค่อยว่ากัน สิ่งแรกที่พวกเราต้องทำก็คือ ทำตัวอย่างออกมานิดหน่อยแล้วไปที่เมืองกัน จะต้องยืนยันว่าขนมไหว้พระจันทร์จะขายดี กลับมาเรือนจะได้ทำจำนวนมากออกไปขาย หนึ่งเมือง หากขายได้หมดล่ะก็ จำนวนเงินที่ได้จะต้องเยอะแค่ไหนกันนะ!”
เฉินจื่อิหัวเราะ “แม่หนูหราน นี่ขายแค่ในอำเภอนะ หากปีนี้ขายดีล่ะก็พวกเราจะได้ไปขายในเมืองอีก”
ผังของเมืองตอนนี้แบ่งออกมาเป็เช่นนี้ เขต อำเภอ เมือง เมืองหลวง ระดับที่สูงที่สุด แน่นอนว่าเป็เมืองหลวงที่จักรพรรดิอยู่ ซึ่งเป็เมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
“ฮ่าๆ ไม่เลว ไม่เลวเลย หากวันนี้ขายดี พวกเราจะได้เอาธุรกิจไปทำที่เมืองหลวงต่อ” เฉินเนี้ยนหรานคิดถึงอนาคตอย่างอารมณ์ดี
สำหรับเื่ชีวิตในอนาคตทุกคนต่างมีความสุขและเต็มไปด้วยความหวัง เพียงแต่ เฉินเนี้ยนหรานไม่มีทางคิดถึงเลยว่า แผนการพัฒนาชีวิตที่ตนเองพูดออกมาเล่นๆ นั้น ในอนาคตจะกลายเป็จริงขึ้นมาได้….
ตอนเที่ยงตรง เฉินเนี้ยนหรานได้ทำการอบขนมไหว้พระจันทร์มาจำนวนหนึ่ง เนื่องจากไม่มีกล่องใส่ ดังนั้นขนมไหว้พระจันทร์ที่ตั้งใจทำอย่างดีพวกนี้จึงทำได้แค่ใส่ลงไปในตะกร้าใบเล็กๆ ที่สานออกมาอย่างสวยงาม
้าปิดด้วยใบบัวหลายใบ มองไปแล้วก็ไม่ถือว่าแย่เท่าไร
“คิดไม่ถึงเลยนะว่าแม่หนูหรานก็ยังมีดีเื่การจัดแต่งความสวยความงามด้วย วางขนมไหว้พระจันทร์ไว้เช่นนี้ แล้วใช้ใบบัวมาปิดไว้ มองแล้วดูดีขึ้นมาเยอะเลย ให้ความรู้สึกว่าจะต้องเป็คนมีเงินเท่านั้นถึงจะกินเ้าสิ่งนี้ได้” กวนซูเยวียนมองดูนางจัดวางอย่างอารมณ์ดีด้วยน้ำเสียงอิจฉาอย่างปิดไว้ไม่มิด
“ท่านป้าสะใภ้เ้าคะ ทุกอย่างในชีวิตต่างมีความสวยงาม เพียงแต่พวกเรายินดีที่จะได้พบมันหรือไม่เ้าค่ะ เอาล่ะ ถึงเวลาที่พวกเราจะไปร้านขายขนมพวกนี้แล้ว จะต้องเอาไปให้เ้าของร้าน หากวิธีใช้ตะกร้าในการบรรจุของมันเข้าท่าล่ะก็ ถึงตอนนั้นตะกร้าเล็กในร้านของท่านป้าก็คงจะขายดีมากเป็แน่เ้าค่ะ”
ตะกร้าสดใหม่พวกนี้ใช้ใบไผ่ตากวางมาสาน ดูแล้วทั้งละเอียด ทั้งใส่ใจ ทั้งสวยงาม ตอนที่เป็สีเขียว วางของลงไปก็ให้ความรู้สึกเหมือนมีพลังมีชีวิตชีวาขึ้นมา
แน่นอน ตะกร้าสานมือเช่นนี้ ก็เป็สิ่งที่เฉินเนี้ยนหรานคิดได้แล้วว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากกับเฉินจื่อิ ซึ่งทางคนถูกขอก็ไปบอกกับคนที่สาน ก่อนจะออกมาเป็ตะกร้าสานใบน้อยที่ลงมือทำอย่างประณีตราวกับงานศิลปะของอย่างไรอย่างนั้น
“ก็จริงนะ ข้าว่าแล้วว่าแม่หนูหรานเกิดมาพร้อมความโชคดี ั้แ่เล็กจนโต ดูสิ หลังจากมาเรือนของป้าแล้ว โชคของพวกเราก็รุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ เลย”
ต้าหลางเองก็หัวเราะฮ่าๆ “แน่นอนสิ ตอนข้าเป็เด็กเคยบอกให้ท่านแม่เอาแม่หนูหรานมาเลี้ยง ท่านก็ยังลังเลตัดสินใจไม่ได้ ตอนนี้จะต้องเสียใจภายหลังแล้วใช่หรือไม่!”
คำพูดนี้เฉินเนี้ยนหรานไม่เข้าใจ ตัวเองถูกกวนซูเยวียนเลี้ยงดูมาตอนไหน?
กวนซุเยวียนมองท่าทางของนางก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เฮ้อ ตอนนี้ไม่ใช่ตอนเด็กแล้วนี่ ตอนนั้นข้าคลอดลูกคนที่สามมา แม่เ้าก็เพิ่งจะคลอดเ้าออกมาเช่นกัน ใครจะไปรู้ว่าตอนเ้าอายุหนึ่งปี ไม่รู้ว่าไปกินอะไรสอดท้องมา ถึงได้ท้องเสีย... ตอนนั้นเห็นว่าใกล้จะช่วยไม่ไหวแล้ว แม่ของเ้า…ก็ไม่ยอมจ่ายเงินพาเ้าไปหาหมอ…”
“ท่านป้าอย่าพูดต่อเลย ข้าไม่อยากฟังต่อแล้ว” ฟังต่อไปก็มีแต่ทำให้ใจยิ่งเย็นเยียบมากยิ่งขึ้น
“ความจริงแล้วพวกนางเองก็ยากจนไปหน่อย และก็เป็เพราะการใช้ชีวิตที่ทำให้เป็เช่นนั้น แม่หนูหราน ข้าไม่อยากให้เ้าเกลียดพวกนางนะ” อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นาน กวนซูเยวียนก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจของตนออกมา
นางรู้สึกว่า บิดามารดาบนโลกใบนี้ มีใครบ้างที่ไม่รักลูกสาวของตนเอง หรือบางที หนิงซื่อก็แค่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเท่าที่ควร...
“ท่านป้า ข้ารู้ว่าท่านจิตใจดี เพียงแต่ตัวข้านั้นมีความแค้นก็ต้องชำระ มีบุญคุณก็ต้องตอบแทน กตัญญูต่อบิดามารดาคือสิ่งที่ลูกควรกระทำ แต่ความกตัญญูนั้นก็ต้องดูด้วยว่าบิดามารดานั้นมีค่าพอที่จะกตัญญูด้วยหรือไม่ หากมารดาไม่ดี เช่นนั้นทำไมข้าจะต้องไปทำดีกับนางด้วย นางคลอดข้าออกมา แต่กลับไม่ได้ให้ความรักที่ข้าควรได้รับ นางไม่ได้มีหนี้กับข้า แต่ข้า... ก็ไม่ควรที่จะสร้างหนี้ติดค้างนาง เป็เช่นนี้แหละ ข้ารู้สึกว่ามันดีมากแล้ว”
ต้าหลางที่อยู่ด้านข้างเห็นบรรยากาศหนักขึ้นมา จึงรีบหัวเราะออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ
“แม่หนูหราน ข้าว่าคำพูดนี้ของเ้าดีนะ การเข้าไปในอำเภอครั้งนี้ ข้าก็จะไปด้วย ข้าเองก็ชอบเรียนรู้กับพวกเ้าว่าจะทำการ’โปรโมต’ อย่างไร” คำว่า ‘โปรโมต’ นี้ เป็คำนี้เฉินเนี้ยนหรานพูดติดปากใน่นี้
ต้าหลางเรียนรู้ด้านธุรกิจได้ดีและเจาะลึกองค์ความรู้ได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะเื่ราวใหม่ๆและคำศัพท์ ยิ่งเรียนรู้ได้ไวมากเลยทีเดียว
เป็เพราะเหตุนี้ ทุกวันที่เฉินเนี้ยนหรานมาทำธุรกิจที่เรือน ต้าหลางถึงได้ชอบอยู่กับนางมากที่สุด
“เ้าจะไปด้วยหรือ?” เฉินเนี้ยนหรานเอียงหัวมองเขา เด็กหนุ่มอายุน้อย พอถูกมองแบบนี้บนใบหน้าก็เริ่มจะแดงระเรื่อพูดจาติดๆ ขัดๆ
ความจริงแล้วถึงแม้ต้าหลางจะโตมาหัวโต แต่หน้าตาหล่อเหลาเอาการ อาจจะเพราะตอนนี้ตามไปทำธุรกิจ รูปลักษณ์ของเ้าเด็กนี่ก็มักจะมีความเฉลียวฉลาดที่ทำให้คนสบายใจ
แต่ว่า ทุกครั้งที่เห็นเฉินเนี้ยนหรานก็มักจะติดอ่าง และใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ
สำหรับเื่นี้ เฉินเนี้ยนหรานเองก็มักจะรู้สึกสนุก ความจริงแล้วนางก็มีความคิดที่จะพาพี่ชายที่รักคนนี้ออกไปเรียนรู้ด้วยกันอยู่ พูดตามเส้นทางยาวไกลของธุรกิจ ธุรกิจของป้าสะใภ้จะต้องพัฒนาไปได้อีกไกลเป็แน่