“นายน้อยรองครับ เราจะทำยังไงกับไอ้นี่ดี?”
ชายหนุ่มที่ดูหยิ่งยโสใส่เสื้อผ้าสง่างามกำลังนอนสบายๆ บนโซฟาในคฤหาสน์หรูของเมืองเว่ยเฉิงสายตาที่คมคายและเยือกเย็นเหลือบไปที่ร่างของหม่าเต๋อหู่บนพื้น
เนื่องจากมันตายมาสักพักแล้วเืบนร่างจึงแข็งตัว
“ไอ้สวะเอ๊ย มันสมควรตายแล้ว!” ชายหนุ่มไม่ได้เห็นใจหม่าเต๋อหู่เลยสักนิดและไม่แม้แต่จะมองเขาอีกต่อไป
เพราะไอ้สวะนี่ที่ทำให้แผนตระกูลฉินต้องล้มเหลวแม้ว่าหม่าเต๋อหู่จะไม่ตาย นายน้อยรองผู้นี่ก็จะกำจัดมันด้วยตัวเอง
ชายใส่หน้ากากที่อยู่ข้างหน้านายน้อยรองชื่อลุงผีเขาเข้าออกโดยไร้วี่แววและรวดเร็วเป็อย่างมาก นั่นจึงทำให้เขาถูกเรียกอย่างนั้น
เขาคือยอดฝีมือที่ฆ่าหม่าเต๋อหู่ด้วยมีดบินในโรงงานร้างเขาโบกมือและลูกน้องทั้งสองของเขาก็นำร่างของหม่าเต๋อหู่ไป
ในสายตาของสองคนนั้นชีวิตของหม่าเต๋อหู่ไร้ค่ายิ่งกว่ามด ก่อนหน้านี้นายน้อยรองมั่นใจว่าแผนของเขาจะต้องทำให้พ่อลูกตระกูลฉินมันพังพินาศเขาได้ติดสินบนพนักงานระดับสูงของโรงแรมหวงเจียเพื่อถ่ายวิดีโอการกระทำของฉินเฟิงแล้วก็ลักพาตัวฉินเฟิงเพื่อบังคับให้ฉินหวงปล่อยหุ้นของเขา สุดท้ายเขาจะทำธุรกิจผิดกฎหมายโดยใช้ชื่อหวงเจียกรุ๊ป และทำลายตระกูลฉินแห่งเมืองเว่ยเฉิง
แต่มันไม่ได้เป็ไปตามแผนและทุกอย่างตอนนี้ก็มั่วไปหมด
“นายน้อยรองครับ สติปัญญาของไอ้เด็กนั่นมันไม่ถูกมันไม่ใช่นายน้อยเ้าสำราญอ่อนแอไร้ประโยชน์แต่มันเก่งวิทยายุทธพอตัวและมีนิสัยเ้าเล่ห์ เราประเมินศัตรูของเราต่ำไปยิ่งกว่านั้นหยวนฝูก็ปกป้องมันในเงามืดตลอดเวลา ดังนั้นผมเลยไม่มีโอกาสได้ฆ่ามัน”
หยวนฝูคือชื่อจริงของลุงฝูเมื่อ20ปีที่แล้วชื่อนี้มีพลังถึงขนาดสั่นะเืทั้งยุทธจักรก่อนที่เขาจะหายตัวไปและมีไม่กี่คนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเหตุผลที่ชายใส่หน้ากากไม่ทำอะไรกับฉินเฟิงเพราะเขาพบการคงอยู่ของลุงฝู
ความจริงการที่ฉินเฟิงรู้วิทยายุทธเป็อะไรที่นายน้อยรองไม่ได้คาดคิดไม่ว่ามันจะฉลาดสักแค่ไหน อย่างไรก็ตาม จากสิ่งที่ลุงผีกล่าวฉินเฟิงเพิ่งมีพลังยุทธ์แค่ขั้นสอง สำหรับตัวชายหนุ่มแล้ว มันไร้ประโยชน์
“ฮึ่ม...ถ้ามันรู้วิทยายุทธแล้วไง? มันก็ยังอ่อนแอมากที่จะมาสู้กับนายน้อยผู้นี้”สายตาของชายหนุ่มประกายความเ้าเล่ห์ขึ้นมาและหัวเราะ “ลุงผีปล่อยข่าวลือว่าหม่าเต๋อหู่โดนฉินเฟิงฆ่าตาย ตอนนี้เราโยนหมากตัวนั้นทิ้งไปได้เลยมันทำอะไรฉินเฟิงไม่ได้หรอก ไปเมืองเว่ยเฉิงและหาพันธมิตรมาเพิ่มตอนนี้เลือกใช้คนที่มีอิทธิพลหน่อย เรายังมีหมากสำคัญอีกสองตัวมันได้เวลาที่ต้องใช้ตัวหนึ่งแล้ว”
“ฮ่าๆ ตระกูลฉินมันจะต้องตกอยู่ในมือของนายน้อยผู้นี้ ไม่ช้าก็เร็ว”
...
เมื่อฉินเฟิงมาถึงโรงแรมหวงเจียก็ประมาณสี่ทุ่มแล้วจางเปียวยังรออยู่ในห้อง 665 เขายืนอยู่ตรงประตูกำลังมองไปที่หญิงสามชายหนึ่งด้วยสายตาดุร้ายการวางตัวที่ดุร้ายโดยธรรมชาติทำให้เฝิงเทียนหัวและคนอื่นๆสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“นายน้อยฉิน คุณกลับมาแล้ว!” เมื่อเห็นฉินเฟิงเดินเข้ามาจางเปียวรีบเลิกทำตาดุร้ายและเดินไปหาพร้อมรอยยิ้ม
ฉินเฟิงจ้องไปที่คนในห้องและโบกมือไล่พวกนั้นออกไป
เนื่องจากเฝิงต้าเวยโดนเด้งออกจากตำแหน่งแล้วชีวิตของเฝิงเทียนหัวก็เหมือนกำลังตกจาก์สู่นรกการลงโทษแบบนี้แย่ยิ่งกว่าโดนกระทืบร้อยครั้งเสียอีก
“อาเปียว มีใครไปที่ห้อง 666 บ้างไหม?” ฉินเฟิงถามเมื่อเหลือแค่จางเปียวกับตัวเขาอยู่ในห้อง
ก่อนที่เขาจะออกไปเขาสันนิษฐานว่าหนอนบ่อนไส้ในโรงแรมหวงเจียต้องกลับมากำจัดกล้องที่ห้อง 666 แน่ๆมันเป็ไปไม่ได้ที่จะให้กล้องยังอยู่ในห้องตลอดด้วยการจัดการของโรงแรมหวงเจีย
เขาจึงให้จางเปียวยืนป้องกันที่นี่เพื่อตรวจดูสถานการณ์
จางเปียวไม่กล้าละเลยหน้าที่ที่ฉินเฟิงให้มาแม้แต่น้อยเขายืนป้องกันประตูต่อไปและตรวจสอบรอบนอกอย่างระมัดระวังแล้วเขาก็ได้พบบางอย่างจริงๆ
“นายน้อยครับ ั้แ่ที่คุณออกไปจนถึงตอนนี้มีเพียงผู้หญิงที่ใส่ชุดโรงแรมเข้าไป ผมเห็นป้ายชื่อเธอเขียนว่า ‘ไป๋ชิง’ ”จางเปียวตอบด้วยความเคารพ
ไป๋ชิง?
ฉินเฟิงเลิกคิ้วเขาไม่เคยคิดว่าหนอนบ่อนไส้จะเป็ผู้หญิงคนนั้น เธอเข้ามาโรงแรมหวงเจียไม่นานแต่ก็พิสูจน์ว่ามีความสามารถมากด้วยเหตุนี้เธอจึงไต่เต้าขึ้นมาเป็ตำแหน่งผู้จัดการโรงแรมได้อย่างรวดเร็วเขาไม่เคยคิดว่าหม่าเต๋อหู่นำเธอมาไว้ที่นี่ในฐานะหนอนบ่อนไส้
“ติ๊ง...ขอแสดงความยินดีแก่โฮสต์ฉินเฟิงที่รู้ตัวจริงของหนอนบ่อนไส้ในโรงแรมหวงเจียคุณได้รับ 100 แต้มสำราญเป็รางวัล”
เสียงหุ่นยนต์ยืนยันว่าไป๋ชิงเป็หนอนบ่อนไส้จริงๆ
หลังจากยืนยันสถานะของไป๋ชิงฉินเฟิงไม่รีบเปิดเผยเธอ ตอนนี้มีคนพยายามจะยึดครองตระกูลฉินตระกูลฉินอยู่ในแสงสว่าง ส่วนพวกมันอยู่ในเงามืด ตอนนี้เขาเสียหม่าเต๋อหู่ไปแล้วเขา้าจะใช้ไป๋ชิงเปิดเผยพวกมันออกมา
ฉินเฟิงออกคำสั่งแก่จางเปียวก่อนจะอนุญาตให้เขาออกไปฉินเฟิงหมดแรงในทันทีเขาใช้หมัดพยัคฆ์คำรนและกระบี่เจินกังเพื่อชนะทหารเกษียณทั้งสี่เขาใช้พลังทั้งหมดที่มี ตอนนี้เขาจึงอยากจะนอน
เขาเอนตัวลงบนเตียงอันหนานุ่มในห้อง665และพร้อมจะหลับในค่ำคืนนี้
หลังจากวิกฤตินี้ฉินหวงได้ปรับเปลี่ยนพนักงานใหม่ทั้งหมดปัจจุบันนี้หน่วยรักษาความปลอดภัยที่โรงแรมหวงเจียเข้มงวดผิดปกติเขาไม่เป็ห่วงว่าใครจะมาวางแผนกับเขาอีกต่อไป
ฉินเฟิงนอนบนเตียงใหญ่และเปิดระบบราชันเ้าสำราญขึ้นมามันยังเหลือยาเสริมพลังขั้นสองอีกครึ่งหนึ่งที่เขายังดูดซับไม่หมดและไม่ว่าเขาจะดูดซับไปมากเท่าใดมันก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเพิ่มขึ้นมา
“เ้าหมูน้อย เกิดอะไรขึ้น?” ฉินเฟิงถามแบบงุนงง
“ร่างกายของนายท่านอ่อนแอเกินไปไม่สามารถทนการเพิ่มพลังของยาเสริมพลังขั้นสองได้มีแค่ทลายขีดจำกัดทางกายภาพเท่านั้นที่จะสามารถดูดซับยาได้หมด”เ้าหมูน้อยวิ่งออกจากระบบและนอนอยู่บนท้องของฉินเฟิงตะกายเขาอย่างซุกซนด้วยกีบเท้า
“ทลายขีดจำกัด? ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง?”
ฉินเฟิงหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งเขาจำได้ว่าตอนที่เขาถามลุงฝูเกี่ยวกับจุดอ่อนของหมัดพยัคฆ์คำรนลุงฝูกล่าวถึงการทลายขีดจำกัด แต่เพราะเขากลัวว่าจะเปิดเผยเื่ระบบจึงไม่ได้ถามต่อแต่ในตอนนี้ร่างกายของเขาก็ถึงขีดจำกัดของมันและไม่สามารถดูดซับยาเสริมพลังได้เต็มที่ฉินเฟิงจึงถามกับหมูน้อยแทน
“มนุษย์เป็สิ่งมีชีวิตที่ลึกลับมันมีเป็หมื่นองค์ประกอบที่สามารถปลุกพลังของร่างกายให้ทลายขีดจำกัดขึ้นมาได้ครั้นเมื่อพวกเขาก้าวข้ามขีดจำกัดไปแล้วพลังที่เกินกว่าจินตนาการจะถูกปลดปล่อยออกมา”
เ้าหมูดูค่อนข้างภูมิใจกับความรู้อันกว้างขวางและเชิดหัวอ้วนๆของมันพร้อมกล่าว“ข้ามั่นใจว่านายท่านเห็นข่าวที่มีพ่อช่วยลูกจากโดนรถทับโดยการยกรถที่มีน้ำหนักเป็พันกิโลแล้วก็ หลังจากที่ร่างกายของใครบางคนก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองสมองของเขาจะตอบสนองได้รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อบางคนก็สามารถบวกลบคูณหารเลขห้าหลักในหัวได้อย่างรวดเร็วสิ่งเหล่านี้คือการทลายขีดจำกัดทั้งหมด”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เ้าหมูน้อยบอกฉินเฟิงก็นึกถึงอึ้งย้งจากเื่ัหยกทันทีเธอสามารถคำนวณสแควรูทตัวเลขหลักล้านและสามารถถอดสมการที่มีสิบเก้าตัวแปรได้พร้อมกันในทันที
แม้ว่าเธอจะเป็บุคคลจากนิยายกำลังภายในแต่ชีวิตจริงก็มีคนแบบนี้ด้วยเหมือนกันมันอาจจะมีคนแค่หยิบมือที่สมองได้ทลายขีดจำกัดดังกล่าว