เซวียเสี่ยวหรั่นตัวสั่นสะท้าน อากาศยามเช้าหนาวเย็นกว่าปรกติ เมื่อครู่ตอนวิ่งออกไป ยังจามอยู่สองสามหน
ถ้าหากหนาวขึ้นอีก ด้วยเสื้อผ้าบางๆ ที่พวกเขาสวมติดกาย ก็คงไม่กล้าออกจากปากถ้ำไปไหน ได้แต่นั่งผิงไฟไม่กระดิกทุกวัน
เหลียนเซวียนััได้ถึงภัยคุกคามของฤดูเหมันต์ หากจะผ่านหนาวนี้ไปให้ได้ ฟืนไฟให้ความอบอุ่นกับอาหารจำพวกเนื้อสำหรับประทังชีวิตจะขาดไม่ได้เป็อันขาด
"เติมท้องให้อิ่มก่อนพวกเราค่อยไปเก็บเห็นกัน" เซวียเสี่ยวหรั่นใช้ไม้พลิกลูกหน้าในกองไฟ "ข้าต้องเจียดเวลาไปสำรวจให้ทั่ว ไม่ว่าจะต้นเฮ่อหรือต้นหมา หาอะไรเจอก็ได้ทั้งนั้น"
ต้นหมากับต้นเฮ่อเป็พืชที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี จึงกระจายออกไปเป็บริเวณกว้าง ไม่มีเหตุผลที่จะหาพวกมันไม่พบ
เหลียนเซวียนมองนางปราดหนึ่ง หมากับเฮ่อเป็วัสดุสิ่งทอที่ชาวบ้านทั่วไปนำมาใช้ตัดเสื้อผ้า น่าเสียดายที่เขามองไม่เห็น มิเช่นนั้นก็ช่วยนางค้นหาได้
อาหารเช้าเป็ผลเกาลัด กล้วย กับน้ำร้อน เดิมทีเซวียเสี่ยวหรั่นอุ่นเืนึ่งให้เหลียนเซวียนกิน แต่เขายืนกรานปฏิเสธ
เซวียเสี่ยวหรั่นเกาหัวแกรกๆ จำต้องเก็บไว้กินเองตอนกลางวัน
อาหารจะกินทิ้งกินขว้างได้อย่างไร นี่เป็เื่ที่ไม่อาจให้เกิดขึ้นได้ในสถานที่แบบนี้
เธอเอามีดพับกับสเปรย์พริกยัดใส่เข้าไปในเสื้อชั้นใน เหลียนเซวียนบอกว่าที่นั่นอาจมีงูพิษ แม้ว่าเขาฝีมือปามีดของเขาจะน่าเลื่อมใส แต่เื่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ เธอเตรียมการล่วงหน้าสำรองไว้จะดีกว่า
เซวียเสี่ยวหรั่นประคองเหลียนเซวียนออกจากถ้ำ
พอเดินไปถึงทางที่ค่อนข้างกว้างและเรียบเสมอกันริมแม่น้ำ เธอก็ชี้ไปด้านหน้า "เหลียนเซวียน หากเดินตรงไปข้างหน้าจะเป็ก้อนหินกับพงหญ้า ท่านต้องระวังหลบเลี่ยงให้ดี เดี๋ยวข้าจะไปตัดกระเทียมป่ากับใบเผือกป่าเอาไปไว้ที่ถ้ำก่อน ค่อยกลับมา ท่านอย่าเลี้ยวลงแม่น้ำไปเสียเล่า"
อันที่จริงระหว่างให้เธอประคองเดินกับให้เขาเดินเอง ความเร็วก็ไม่ต่างกันเท่าไร อย่างมากถ้าพบสิ่งกีดขวาง เธอก็สามารถพาเขาเดินเลี่ยงไปทางอื่นก่อน แต่เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้ว่าก้อนหินกับหญ้าเหล้านี้หาได้เป็ปัญหาสำหรับเขา
ฝีเท้าของเหลียนเซวียนมั่นคง ความรู้สึกก็ไวมาก แค่ใช้ไม้เท้าทดสอบด้านหน้า ก็สามารถบ่งบอกสภาพของพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ และหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้อย่างเยือกเย็น
หลังจากต้องพิษเขาเพียงแค่มือเท้าไม่มีแรง ประกอบกับมีาแทั่วร่าง ดังนั้นการเคลื่อนไหวจึงเชื่องช้า
เหลียนเซวียนผงกศีรษะน้อยๆ ทำเป็ไม่ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของนาง
หลังกำชับเรียบร้อยแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็วิ่งตึ้กตั้กๆ ออกไป
เธออาศัย่จังหวะที่เขาค่อยๆ เคลื่อนไหว เดินไปเก็บใบเผือกป่ากับกระเทียม ทั้งยังพบกอต้นหอมอยู่ใกล้กับต้นเผือกป่า จึงถอนขึ้นมาเตรียมเอากลับไปด้วย
ยามหมุนตัวกลับมา เหลียนเซวียนยังเดินได้ไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ
"เหลียนเซวียนด้านหน้าทางซ้ายมีเนินดินเตี้ยๆ ท่านขยับไปทางขวาหน่อย ข้าจะกลับไปที่ถ้ำก่อน"
พูดจบ เซวียเสี่ยวหรั่นก็วิ่งไปไม่เห็นฝุ่น
พอกลับมาถึงถ้ำก็วางข้าวของ นำใบเผือกป่าหนาๆ มาวางปูที่พื้น แล้วย้ายกระดูก เครื่องใน หนังติดขนของเลียงผาจากตะกร้าไปวาง ก่อนหิ้วตะกร้าไปล้างที่ริมแม่น้ำให้สะอาด จากนั้นก็เดินไปยังเนินดินเหนียวแห่งนั้น
"เหลียนเซวียน ข้าจะไปขุดดินสักสองตะกร้า ท่านค่อยๆ เดินไปนะ ไม่ต้องรีบร้อน
เธอเหมือนลมหอบหนึ่งที่พัดผ่านข้างตัวเขาไป
เหลียนเซวียนหยุดเท้าชั่วอึดใจหนึ่ง จ้องทางที่นางจากไปแล้วนิ่งอยู่เป็เวลานาน แม่นางผู้นี้ไม่มีความนุ่มนวลอ่อนโยนเช่นคุณหนูในห้องหอเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับร่าเริงสดใสเหมือนปลาไนที่มีชีวิตชีวา
เซวียเสี่ยวหรั่นขุดดินได้ตะกร้าหนึ่ง ก็ออกแรงยกขึ้นมาแล้วเดินย้อนกลับไป
ไม่ช้าก็เห็นเงาของเหลียนเซวียนกำลังขยับช้าๆ
"เหลียนเซวียน ท่านเดินตรงไปเรื่อยๆ สักเอ้อ... ห้านาที เอ๊ะ ไม่ใช่สิ..."
ที่นี่น่าจะยังไม่มีการเรียกนาทีกับวินาที เซวียเสี่ยวหรั่นวางตะกร้าลง ถือโอกาสพักไปในตัว "เดินประมาณหนึ่งร้อยเมตร...."
ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีหน่วยเป็เมตร เซวียเสี่ยวหรั่นตาเซ่อหมดแล้ว
"งั้นก็... เดินไปอีกสักครู่ พอเจอกองฟางใหญ่ๆ ก็ให้หยุดรอตรงนั้น ข้าจะเอาดินเหนียวตะกร้านี้กลับไปก่อน"
แน่นอนว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงสำหรับเธออยู่แล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะหึๆ ก่อนค้อมเอวออกแรงฮึด วิ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว
ตอนกลับมาอีกครั้งในมือก็ยังหิ้วตะกร้าเหมือนเดิม
เธอคิดว่าการทำโอ่งสำหรับเก็บน้ำสักสองใบก็สำคัญมาก อย่างน้อยก็ไม่ต้องห่วงว่าน้ำจะหมด่กลางคืน
ยามนี้ เหลียนเซวียนกำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนกองฟางใหญ่แห่งนั้น
เซวียเสี่ยวหรั่นโยนตะกร้าเบี้ยวๆ บูดๆ ไว้ด้านข้าง ก่อนมานั่งข้างกายเหลียนเซวียน
"หลุมใหญ่นั่นอยู่ข้างหน้าไม่ไกล อ้อมพงหญ้าแล้วเดินต่อไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว จะให้ล่องูออกมาให้ท่านจัดการหรือไม่"
เหลียนเซวียนสั่นศีรษะ เขาเดินเข้าไปด้วยตนเอง งูพิษบางชนิดว่องไวมาก หากไม่ระวังถูกกัดเข้า มิกลายเป็เื่ยุ่งพอดีหรือ
เซวียเสี่ยวหรั่นมองตาปริบๆ ไม่รู้ว่าเขามีแผนการอะไร จึงได้แต่กล่าวว่า "งั้นข้าไปดูลาดเลาก่อน ว่างูเหลือมั์ตัวนั้นอยู่แถวนี้หรือไม่"
พูดจบก็ลุกขึ้น แต่เหลียนเซวียนยื่นมือมาขวางไว้
"โธ่เอ๊ย ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่ลงหลุมไปเก็บเห็ดหรอกน่า ข้าไม่โง่สักหน่อยถึงจะส่งตัวเองไปเป็ของว่างให้งู"
เธอเดินไปอย่างกระฟัดกระเฟียด
เหลียนเซวียนยิ้มขื่น ก็จริงอยู่ แม้ว่านางจะซุ่มซ่าม ทำอะไรไม่มีกฎเกณฑ์ แต่ไหวพริบปฏิภาณดีเยี่ยม วันๆ วิ่งแล่นอยู่ข้างนอก ขนอ่อนของผู้อื่นยังไม่หายไปแม้แต่ครึ่งเส้น
เซวียเสี่ยวหรั่นหากิ่งไม้ยาวมาหนึ่งท่อน ก่อนวิ่งไปหน้าหลุมใหญ่ มองสำรวจไปโดยรอบก่อน ไม่เห็นแม้แต่เงาของงูเหลือมั์ ถึงค่อยมองเข้าไปในโพรงมืด
เห็ดสีแดงสะดุดตาพลันปรากฏที่ด้านขวาของโพรง
"ว้าว แดงจนออกเป็สีม่วงเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นอุทาน หลังจากนั้นก็หรี่ตาเพ่งพิจารณาส่วนลึกเข้าไปในโพรงอย่างละเอียด
ผลก็คือไม่ได้อะไรสักอย่าง ด้วยสายตาเช่นเธอ ถ้าเห็นอะไรจากโพรงมืดถึงจะเรียกว่าแปลก
เซวียเสี่ยวหันเบ้ปาก หันหลังหมายจะเดินกลับไป แต่ก็เห็นเหลียนเซวียนกำลังเดินตรงมาหาอย่างช้าๆ
"ทำไมถึงไม่พักให้นานหน่อยล่ะ" เธอเดินเข้าไปประคองเขา
เหลียนเซวียนส่ายหน้า
"นั่น เห็ดหุยซินอยู่ในหลุมใหญ่นี้แหละ มันเติบโตอยู่ในโพรง"
เซวียเสี่ยวหรั่นพาเขามายืนอยู่หน้าหลุม แล้วชี้ไปที่โพรงซึ่งอยู่ไม่ไกล
เหลียนเซวียนยืนนิ่งชั่วครู่ ก็ััถึงลมหายใจอ่อนจางสายหนึ่งจากส่วนที่ลึกเข้าไปของโพรงนี้ หากไม่จับสังเกตก็จะไม่รู้สึกเลย เขายื่นมือให้เซวียเสี่ยวหรั่น
หญิงสาวมองตาปริบๆ ก่อนจะตระหนักได้ ล้วงมีดพับออกมาจากเสื้อชั้นใน แล้วกางออกวางใส่มือเขา
เหลียนเซวียนหยั่งไม้เท้าไปด้านหน้าเพื่อทดสอบ ความลึกไม่มาก เดินลงไปไม่มีปัญหา
ชายหนุ่มยกเท้าค่อยๆ ขยับไปข้างหน้า
เขาคิดจะจัดการกับงูตัวนั้นหรือ?
เซวียเสี่ยวหรั่นลังเลเล็กน้อย หยิบสเปรย์พริกออกมาเปิดฝาออก เอาฝายัดเข้าไปในเสื้อชั้นใน แล้วตามหลังเขาไป