หลงอวี้นำโสมโบราณระดับสูงหนีออกจากจุดปะทะไปอย่างรวดเร็ว ส่วนหลิงหานนั้นได้เข้าขวางทางเฟิงเหยาไว้ไม่ให้ตามไปได้
“หลิงหาน? เ้าหลีกไป”
เฟิงเหยาหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย นางรู้ดีว่าหลิงหานแกร่งแค่ไหน ในบรรดาลูกศิษย์ของลัทธิสยบฟ้าทั้งสิบหกคนนี้ หลิงหานเป็รองเพียงถานเจียนที่มีวรยุทธ์ขั้นแปดเท่านั้น!
หากหลิงหานตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะขวางทาง นางคงต้องใช้เวลาสักพักถึงจะฝ่าออกไปได้
หากเป็เช่นนั้น โสมระดับสูงคงไม่เหลือแน่!
“ฮ่าๆ จะให้ข้าหลีกทางหรือ ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้นะ”
หลิงหานหัวเราะ
“เ้าก็แค่ข้ามศพข้าไปให้ได้ก็พอ!”
“ไม่รู้จักเจียมตัว!”
เฟิงเหยามีสีหน้าตึงเครียด กระบี่ปิ่งถงในมือพลันมีน้ำแข็งปกคลุมไว้ชั้นหนึ่ง หลังจากตวัดกระบี่ ปราณกระบี่จันทราเยือกแข็งสายหนึ่งก็พุ่งใส่หลิงหาน
หลิงหานเตรียมรับมือไว้นานแล้ว เขากระทืบเท้าขวาอย่างแรง ดินโคลนใต้เท้าพลันก่อตัวขึ้นจนใหญ่โต กลายเป็กำแพงหินที่มีลมปราณแฝงอยู่ภายในตั้งอยู่ตรงหน้าเขาชั้นหนึ่ง
“ศิลาผู้พิทักษ์!”
สิ้นเสียงะโดุดันของหลิงหาน กำแพงศิลาที่ถูกปราณกระบี่จันทราเยือกแข็งซัดใส่นั้นกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย!
ศิลาผู้พิทักษ์เป็วิทยายุทธ์สายป้องกันที่ค่อนข้างเป็ที่นิยมในบรรดาลูกศิษย์ระดับสูงของลัทธิสยบฟ้า เป็วิทยายุทธ์ขั้นสูง ฝึกค่อนข้างยาก แต่หากบรรลุถึงขั้นสูงได้ เพียงสะบัดมือก็สามารถสร้างกำแพงศิลาที่ทั้งหนาและหนักขึ้นได้ทันที พลังป้องกันสูงมากจนน่าใ!
เห็นได้ชัดว่าหลิงหานฝึกวิชานี้จนสำเร็จถึงขั้นสูงแล้ว
“ภูตจันทราเยือกแข็งเคลื่อน!”
เฟิงเหยาไม่ได้สนใจกำแพงศิลาของหลิงหานแม้แต่น้อย เงาร่างพันเคลื่อนไหว กลายเป็วิชาท่าร่างเร่งความเร็วที่พัฒนาขึ้นจากเคล็ดกระบี่จันทราเยือกแข็งขั้นสูงสุด!
วิทยายุทธ์ใดๆ ก็ตาม เมื่อฝึกฝนจนบรรลุถึงขั้นสูงสุดแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลง อย่างเช่น เคล็ดกระบี่จันทราเยือกแข็ง
ตอนที่บรรลุถึงขั้นสูงจะสามารถปล่อยปราณกระบี่จันทราเยือกแข็งออกมาได้ และหากบรรลุถึงขั้นสูงสุด จะสามารถสร้างสายลมแห่งจันทราเยือกแข็งได้ ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างก้าวะโ
เฟิงเหยาเหยียบสายลมแห่งเศษน้ำแข็งข้ามผ่านกำแพงศิลาไปในพริบตา คิดจะไล่ตามหลงอวี้ไป
“คู่ต่อสู้ของเ้า คือข้า!”
หลิงหานหัวเราะดังสนั่น สะบัดมือออกไป กำแพงศิลาได้กลายเป็หมัดศิลาหลายหมัด ทะยานไล่ตามเฟิงเหยาด้วยความเร็วสูงสุด
เป็วิชาศิลาผู้พิทักษ์ที่บรรลุถึงขั้นสูงสุดด้วยแล้วเช่นกัน!
เมื่อเผชิญหน้ากับหมัดศิลา เฟิงเหยาก็ไม่สามารถไปต่อได้ นางขมวดคิ้วรีบหันกลับมารับมือ
ทั้งสองคนปะทะกันอย่างดุเดือด ส่วนลูกศิษย์ของลัทธิพันไหมที่ซ่อนตัวอยู่ก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะไล่ตามหลงอวี้ไป แต่ถูกหมัดศิลาทั้งหลายของหลิงหานขวางไว้เหมือนกัน ทำให้ต้นไม้ั์ซึ่งเป็ที่ซ่อนตัวแหลกเป็ชิ้นๆ
หลิงหานสกัดการไล่ตามของเฟิงเหยาและยอดฝีมือลัทธิพันไหมไว้ได้ด้วยตัวคนเดียว!
......
หลงอวี้ใช้ท่าวายุก้าวพริบตา และใช้พลังของรองเท้าเหมันต์คลั่ง เดินทางได้อย่างรวดเร็ว เพียงเวลาหนึ่งถ้วยชาเขาก็วิ่งออกไปได้ไกลสิบกว่าลี้แล้ว ทำให้พลังฟ้าดินอันเข้มข้นที่โสมโบราณระดับสูงแผ่ออกมาอยู่ห่างจากจุดที่พวกหลิงหานอยู่มาก
หลงอวี้ได้เปลี่ยนทิศทางการวิ่งตลอดเวลา
ถ้าไล่ตามเขาในทิศทางที่เขาหนีมาั้แ่แรก ย่อมไม่มีทางตามตัวเขาเจอแน่
“น่าจะพอได้แล้ว รีบกินโสมเข้าไปเลยดีกว่า!”
แม้หลงอวี้จะปลอดภัยไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่กล้าประมาท รีบหาต้นไม้โบราณที่สูงมากพอต้นหนึ่งแล้วปีนขึ้นไปยอดต้นไม้นั่นทันที
เมื่อเป็เช่นนี้ ต่อให้มีคนเข้าใกล้ เขาก็จะรู้สึกตัวทันที
โสมโบราณระดับสูงได้แผ่พลังฟ้าดินอันเข้มข้น หากถูกผู้ฝึกวรยุทธ์ดูดกลืนไปละก็จะยกระดับพลังขึ้นได้มหาศาล
“สัญลักษณ์ัปรภพ!”
หลงอวี้กระตุ้นสัญลักษณ์ัปรภพขึ้นมา รีบดูดกลืนพลังฟ้าดินของโสมโบราณระดับสูงเข้าไป!
ตอนนี้ หลงอวี้อดที่จะคิดไม่ได้ว่า หากมีวิธีปกปิดพลังฟ้าดินที่แผ่ออกมาจากโสมโบราณได้ละก็ เช่นนั้นเขาจะสามารถดูดกลืนพลังได้ราบรื่นมากกว่าเดิม
ในตอนที่เขากำลังคิดเช่นนั้น สัญลักษณ์ัก็เปล่งแสงสีดำขึ้นแวบหนึ่ง
หลังจากนั้น ภายนอกของโสมโบราณระดับสูงก็ได้มีลายเส้นสีดำจำนวนหนึ่งปกคลุม เหมือนกับลายเส้นบนสัญลักษณ์ัปรภพทุกประการ ทำให้พลังฟ้าดินที่เคยแผ่ออกไปไกลนับสิบลี้พลันมลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลงอวี้ตื่นตะลึงทันที จากนั้นก็กลายเป็รู้สึกดีใจสุดขีด!
“สัญลักษณ์ัปรภพ ปกปิดกลิ่นอายของสมบัติได้ด้วยหรือเนี่ย ความสามารถร้ายกาจขนาดนี้ ทำไมข้าถึงไม่รู้ให้เร็วกว่านี้นะ!”
คราวนี้ หลงอวี้ก็นับว่าปลอดภัยแล้ว ต่อให้มีคนตามมาถึงใกล้ๆ ก็ไม่มีทางคาดเดาได้ว่าเขากำลังดูดกลืนพลังจากโสมอยู่บนยอดต้นไม้!
โสมโบราณระดับสูง เป็สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดภายในป่าโสมโบราณนี้ งอกออกมาเพียงปีละสองถึงสามต้นเท่านั้น
ตอนนี้ หนึ่งในนั้นได้ตกมาอยู่ในมือของหลงอวี้แล้ว
“หลิงหาน ข้าติดหนี้บุญคุณเ้าครั้งหนึ่งแล้ว”
หลงอวี้คิด จากนั้นก็ขยี้โสมระดับสูงเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างไม่ลังเล ดูดกลืนพลังฟ้าดินที่อยู่ภายในนั้นเข้าไปในคำเดียว!
เมื่อพลังฟ้าดินอันเข้มข้นลงไปในท้อง หลงอวี้พลันรู้สึกได้ว่าลมปราณทั่วร่างไหลเวียนเชี่ยวกราก รุนแรงกว่าตอนดูดกลืนโสมระดับกลางและระดับล่างก่อนหน้านี้ไม่น้อย
“วรยุทธ์ขั้นเจ็ดดูท่าจะไม่มีปัญหา แต่ไม่รู้ว่าจะเจอกับสภาวะคอขวดหรือเปล่า”
หลงอวี้คิด เริ่มใช้งานพลังฟ้าดินอันเข้มข้นในโสมโบราณระดับสูงทะลวงขีดจำกัดขึ้นสู่ระดับถัดไป
วรยุทธ์ขั้นเจ็ดสามารถปล่อยลมปราณออกสู่ภายนอกได้ และปัจจัยสำคัญที่สุดคือต้องเปิดทางเส้นลมปราณที่สำคัญที่สุดทั่วทั้งร่างกายให้ได้ก่อน และลมปราณที่ว่าก็คือ เทียนม่าย (ลมปราณฟ้า)
เมื่อเทียนม่ายถูกเปิด ก็จะควบคุมลมปราณทั่วร่างได้ดั่งใจ้า สามารถควบคุมลมปราณไหลเวียนได้ดีขึ้นกว่าเดิมสิบเท่าเป็อย่างน้อย
ไม่เพียงแค่นั้น ในขอบเขตวรยุทธ์ต่อจากนี้ เทียนม่ายยังใช้ทำประโยชน์สำคัญๆ ได้อีกหลายอย่าง สำหรับผู้ฝึกวรยุทธ์ทุกคน ความสำคัญของเทียนม่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าตันเถียนเลย!
“เทียนม่าย จงเปิดออก!”
หลงอวี้ะโในใจ ลมปราณทั่วร่างไหลไปยังจุดเริ่มต้นของเทียนม่าย กระหน่ำใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า คิดจะทะลวงขึ้นสู่วิถียุทธ์ขั้นเจ็ด
พลังฟ้าดินของโสมโบราณระดับสูงสามส่วนถูกเขาดูดกลืนจนหมด ทำให้รู้สึกว่าตัวเองอยู่ไม่ไกลจากวรยุทธ์ขั้นเจ็ดแล้ว
แต่กระนั้น เขาก็ยังไม่สามารถเปิดเทียนม่ายในตัวได้ ระหว่างเขาและวรยุทธ์ขั้นเจ็ดยังมีกำแพงกั้นอยู่
“สัญลักษณ์ัปรภพ ทะลวงมันซะ!”
พลังฟ้าดินของโสมโบราณระดับสูงอีกเจ็ดส่วนที่ถูกกักเก็บไว้ในสัญลักษณ์ัปรภพถูกหลงอวี้ดูดกลืนอย่างต่อเนื่อง ก่อตัวเป็คลื่นลมปราณโถมกระหน่ำใส่เทียนม่ายลูกแล้วลูกเล่า
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
หัวใจของหลงอวี้นั้นเต้นไปตามจังหวะที่ลมปราณซัดเข้าใส่เทียนม่าย มันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ !
ในที่สุด ตอนที่พลังฟ้าดินจากโสมโบราณระดับสูงเหลือเพียงสามส่วน เทียนม่ายของเขาที่แต่เดิมอุดตันก็ได้เปิดออกแล้ว
วูม!!!
หลงอวี้รู้สึกว่ามีประกายแสงสายหนึ่งพุ่งทะลุหัวเขา ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้สร้างความสัมพันธ์บางอย่างกับฟ้าดินก็ไม่ปาน เทียนม่ายก็คือลมปราณที่เชื่อมผสานกับฟ้า มีเทียนม่ายเท่านั้นที่จะทำให้ััถึงกฎเกณฑ์ของฟ้าดินได้
และหลงอวี้ได้ก้าวผ่านมาถึงจุดนี้อย่างมั่นคง
‘จินตภาพสยบฟ้า เหมือนจะใกล้ทะลวงขีดจำกัดได้แล้ว หรือเป็เพราะเทียนม่ายเปิดออก ก็เลยทำให้ความสามารถในการััถึงกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย?’
หลงอวี้คิดในใจ มิน่าผู้ที่บรรลุจินตภาพได้ถึงกลายเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษทั้งหมด เพราะหลังจากที่ระดับวรยุทธ์สูงขึ้น เทียนม่ายในตัวเปิดออก ความสามารถในการััถึงกฎเกณฑ์ฟ้าดินของผู้ฝึกวรยุทธ์ก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกระดับ
อย่างเช่นตอนนี้ หลงอวี้ที่เปิดเทียนม่ายได้แล้ว จินตภาพสยบฟ้าที่บรรลุได้ก่อนหน้านี้ก็เกิดความเคลื่อนไหว ราวกับว่าจะเลื่อนระดับเป็แก่นพลังสยบฟ้าได้แล้วเช่นนั้น
“ขาดอีกนิดเดียวเท่านั้น อีกนิดเดียวก็จะสามารถบรรลุแก่นสยบฟ้าได้ ทำให้กฎเกณฑ์ฟ้าดินแห่งการกดทับทรงพลังยิ่งขึ้น!”
หลงอวี้ตาเป็ประกาย ะโลงมาจากต้นไม้สูง
หลังจากทะลวงขีดจำกัดขึ้นสู่วรยุทธ์ขั้นเจ็ดแล้ว ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นชัดเจนที่สุดคือพละกำลังที่เพิ่มสูงขึ้น พลังพื้นฐานของเขาตอนนี้เพิ่มขึ้นจากสามหมื่นสองพันชั่งเป็หกหมื่นสี่พันชั่ง
เมื่อรวมกับวิชากายาพิชิตมารและพลังของสัญลักษณ์ัปรภพแล้ว หลงอวี้สามารถชกหมัดที่มีพละกำลังมากถึงแปดเก้าหมื่นชั่งได้!
แน่นอนว่า หลงอวี้ที่มีวรยุทธ์ขั้นเจ็ดยังไม่ถือว่าแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ความทรงจำในตอนที่สัญลักษณ์ัปรภพตื่นขึ้นครั้งก่อน ทำให้รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงจะเกิดขึ้นตอนที่ก้าวขึ้นสู่วรยุทธ์ขั้นแปด
‘ยอดฝีมือวรยุทธ์ขั้นแปดทั่วไป มีพละกำลังมากถึงหนึ่งแสนสองหมื่นชั่ง หากตอนนี้ข้าใช้ถุงมือิญญาล่องลอย ก็พอจะสามารถปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังได้อยู่ เพียงแต่ ยอดฝีมือวรยุทธ์ขั้นแปดจะต้องมีความสามารถเฉพาะตัวกันหมดแน่ ไม่น่าเอาชนะได้ง่ายดายขนาดนั้น...’
หลงอวี้คิดว่าพลังของเขาตอนนี้สามารถต่อกรกับยอดฝีมือวิถียุทธ์ขั้นแปดได้ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าถ้าต้องเผชิญหน้าจริงๆ จะสู้ไหวหรือไม่
แต่ถ้าบรรลุจินตภาพสยบฟ้าจนกลายเป็แก่นสยบฟ้าได้ หลงอวี้ก็จะมีโอกาสชนะมากขึ้น
“จินตภาพที่แฝงด้วยกฎเกณฑ์ฟ้าดิน ไม่ใช่อะไรที่แค่อยากก็สามารถบรรลุได้ ไปดูสถานการณ์ของหลิงหานก่อนก็แล้วกัน”
หลงอวี้คำนวณเวลาแล้ว ตอนนี้ผ่านไปราวสองชั่วยามหลังจากที่หลิงหานขวางทางให้เขาหนีไป ผ่านไปนานถึงเพียงนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าสถานการณ์ของหลิงหานจะเป็เช่นไรบ้าง
เขาใช้วิชาวายุก้าวพริบตาขั้นสูงสุด เพื่อเดินทางกลับอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก เขาก็กลับมาถึงริมบ่อน้ำ หลงอวี้วิ่งเข้าไปในป่า แต่ก็ไม่พบร่องรอยการต่อสู้
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด เขาได้พบศพภายในป่าทั้งหมดสามศพ ล้วนเป็ศพของลัทธิพันไหมทั้งสิ้น
‘ดูท่าศิษย์พี่หลิงหานน่าจะไม่เป็อะไร เฟิงเหยาเองก็ดูจะไม่เป็อะไรเหมือนกัน...’
หลงอวี้คิด ในเมื่อยังหาพวกเขาไม่เจอ เช่นนั้นก็พักเื่นี้ไว้ก่อนก็แล้วกัน ลำพังเพียงเฟิงเหยาคนเดียวคงไม่สามารถฆ่าหลิงหานได้ง่ายๆ
แต่ในตอนที่หลงอวี้กำลังจะออกเดินทางต่อ เขาพลันได้ยินเสียงการต่อสู้อย่างดุเดือดที่ริมบ่อน้ำ
“กลับมาสู้กันตรงนั้นแล้วหรือ?”
หลงอวี้เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก้าวพริบตามุ่งหน้าไปซ่อนตัวที่เงาต้นไม้ริมบ่อน้ำ
แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับไม่ใช่เฟิงเหยาและหลิงหาน ทว่าเป็ลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในลัทธิสยบฟ้า ถานเจียนและยอดฝีมือวิถียุทธ์ขั้นแปดอีกสองคน
“ถานเจียนกับยอดฝีมือวรยุทธ์ขั้นแปดของสำนักน้ำแข็งเยือกสองคน!”
หลงอวี้ตาเป็ประกาย คาดไม่ถึงว่าทั้งสามจะมาปะทะกัน!
สองคนจากฝ่ายสำนักน้ำแข็งเยือกนั้น หนึ่งเป็ชาย หนึ่งเป็หญิง รูปร่างผอมบางอ่อนแอ แต่พละกำลังที่ปล่อยออกมากลับมีมากกว่าแสนชั่ง สามารถบีบให้ถานเจียนถอยไปได้!
ถานเจียนดูจะพะวงบางอย่างอยู่ เขาค่อยๆ ก้าวถอยหลัง ก่อนจะเผยสีหน้าอำมหิต
“โสมโบราณระดับสูง เป็โสมโบราณระดับสูง!”
หลงอวี้ััได้ถึงกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวถานเจียน พริบตาเดียวก็มองออกทันทีว่าคือกลิ่นอายของโสมระดับสูง แต่มันได้ถูกถานเจียนดูดกลืนเข้าไปแล้ว
“มิน่าสองคนนั้นถึงไล่ล่าถานเจียนขนาดนี้ เ้าหมอนั่นก็คงชิงโสมระดับสูงมาได้ชิ้นหนึ่ง...”
หลงอวี้ตาเป็ประกายเย็นะเื
ั้แ่ที่เข้าลัทธิสยบฟ้าได้ เ้าถานเจียนก็คอยหาเื่เขามาโดยตลอด ถ้าเขาไม่แข็งแกร่งพอละก็ เกรงว่าคงถูกมันทำลายวรยุทธ์หรืออาจถูกฆ่าไปนานแล้ว!
ตอนนี้ถือเป็โอกาสดีที่จะได้นั่งบนภูดูเสือกัดกัน ดักรอให้ถานเจียนพลาดพลั้งค่อยเข้าไปเล่นงาน หลงอวี้ย่อมไม่พลาดโอกาสนี้อยู่แล้ว
และถ้าโชคดีก็อาจจะกำจัดทั้งถานเจียนและลูกศิษย์สำนักน้ำแข็งเยือกสองคนนั้นไปพร้อมกันได้เลย!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้