เมืองชาง ค่ายทหารของเกาเซียนจือ
ภายในกระโจมใหญ่
องค์รัชทายาทซ่ง และเกาเซียนจือกำลังนั่งดื่มชาอยู่ด้านข้าง ส่วนหลินชงยืนอยู่ตรงหน้าอย่างนอบน้อม
“ขวัญกำลังใจทหารเป็อย่างไรบ้าง?” องค์รัชทายาทถามพร้อมรอยยิ้ม
หลินชงพยักหน้า พลางกล่าว “หลังจัดการตามที่ท่านแม่ทัพสั่ง กำลังพลก็มีความกระตือรือร้นยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันความเกลียดชังที่มีต่อกู่ไห่ก็เพิ่มขึ้นมาก ตอนนี้สามารถติดต่อกับครอบครัวได้ ขวัญกำลังใจจึงยิ่งดีขึ้น ตอนไปบุกเมืองโดยรอบ ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งดุดัน ทำให้การยึดเมืองต่างๆ รุดหน้าได้อย่างรวดเร็ว”
“แล้วพ่อค้ากลุ่มนั้นล่ะ?” เกาเซียนจือถาม พร้อมจิบชาไปด้วย
“ตอนนี้พวกพ่อค้ามิกล้าเหิมเกริมอีก ไม่มีผู้ใดกล้าจุดประทัดหรือดอกไม้ไฟ รวมทั้งร้องรำทำเพลงแล้ว มากสุดก็แค่นำจดหมายจากในเมืองมาจำนวนหนึ่ง และลักลอบส่งให้ทหารที่มีคนในครอบครัวประสบเหตุร้าย
แต่หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของท่านแม่ทัพ เหล่าทหารล้วนตำหนิกู่ไห่ เื่ที่คนในบ้านหายตัวไป ก็ไม่มีผู้ใดโมโหแม้แต่คนเดียวขอรับ” หลินชงรายงานอย่างนอบน้อม
“แผนการของกู่ไห่ผู้นี้ ยากที่จะป้องกัน คอยจับตาดูพ่อค้าเ่าั้ให้ดี อย่าปล่อยให้พวกเขาติดต่อกับทหารของเรานาน หากมีผู้ฝ่าฝืน รีบจัดการทันที!” เกาเซียนจือกล่าว พร้อมจิบน้ำชา
“ขอรับ ขอท่านแม่ทัพโปรดวางใจ เพียงแต่...” หลินชงขมวดคิ้ว
“หืม?” เกาเซียนจือพลันแสดงสีหน้าเคร่งขรึมทันที ครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นอีก?
ั้แ่เกาเซียนจือรู้ว่ากู่ไห่เป็คู่ต่อสู้ของตน ก็ไม่เคยกล้าผ่อนปรนแม้แต่น้อย ระมัดระวังทุกรายละเอียด แม้จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม หลังจากที่เกือบจะมีฏในกองทัพเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
หลินชงมององค์รัชทายาทซ่ง
"อะไร? หรือต้องให้ข้าออกไปก่อน?” องค์รัชทายาทกล่าว สีหน้ามิใคร่พอใจนัก
“มิใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ทัพ องค์รัชทายาท พวกท่านคงจะทราบ การลักพาตัวคนในครอบครัวทหาร มีความเป็ไปได้ที่จะเป็ฝีมือของกู่ไห่
แต่ก็นั่นเป็ความผิดของขุนนางผู้ดูแลพื้นที่ แม้ไม่ใช่ฝีมือพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม เื่นี้ก็ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก
ถึงท่านแม่ทัพจะขอพระราชทานพระบรมาานุญาต ให้ลงโทษผู้เกี่ยวข้อง จนความร้อนใจของทหารบรรเทาลง ทว่า ปัญหาเื่คนในบ้านหายไป ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องขอรับ” หลินชงอธิบาย
“ไม่ผิด สิ่งที่เราทำได้ในขณะนี้ คือกระจายกำลังค้นหาพวกเขาทุกหนทุกแห่ง เื่นี้เราล้วนทราบกันดี แล้วครานี้ต่างกันอย่างไร?” เกาเซียนจือถามด้วยความสงสัย
“เป้าหมายในครานี้ ดูเหมือนจะเป็พระราชนัดดา ซ่งเจิ้งซีขอรับ!” หลินชงกล่าวน้ำเสียงจริงจัง
"อะไรนะ!?" สีหน้าขององค์รัชทายาทเปลี่ยนไป เขาผุดลุกขึ้นทันที
พระราชนัดดา? นั่นคือโอรสของเขาเองมิใช่หรือ โอรสของเขาที่อยู่ไกลถึงเมืองหลวงซ่งเฉิง เหตุใดถึงมาเกี่ยวข้องได้?
เกาเซียนจือหรี่ตา
“ก่อนหน้านี้เป็เพียงขุนนางธรรมดา และขุนนางทั่วไป แต่ตอนนี้กลับเป็พระราชนัดดาหรือ? ในที่สุดกู่ไห่ก็เผยคมเขี้ยวออกมาแล้ว?” เกาเซียนจือมีสีหน้ายุ่งยากใจ
"เกิดอะไรขึ้น?" สีหน้าขององค์รัชทายาทเปลี่ยนไปทันที
“มีข่าวมาจากเมืองหลวงซ่งเฉิง ว่ามีเหตุการณ์สังหารยกครัวสิบห้าครอบครัว หลักฐานชี้ไปที่พระราชนัดดา ซ่งเจิ้งซี ว่าเป็ผู้อยู่เื้ัเื่เหล่านี้ ด้วยสาเหตุอันเนื่องมาจากความหลงใหลในอิสตรีของพระนัดดา จึงทำให้เกิดภัยพิบัติในเมืองหลวงซ่งเฉิง
ขณะนี้มีทหารสิบห้าคน คุกเข่าอยู่หน้ากระโจมข้า ขอให้ท่านแม่ทัพช่วยจัดการด้วยขอรับ!” หลินชงกล่าว พร้อมนิ่วหน้า
“ไอ้เ้ากู่ไห่นั่น ถึงกับใส่ร้ายโอรสข้า? หลินชง เ้าได้ชี้แจงกับพวกเขาไปแล้วหรือยัง ว่าเื่ทั้งหมดนี้เป็เพียงการใส่ร้าย?!” องค์รัชทายาทถามอย่างเป็กังวล
หลินชงขมวดคิ้ว กล่าวว่า “กระหม่อมได้ทำการตรวจสอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาได้รับข่าวจากญาติโดยตรง หรือไม่ก็จากจดหมายที่ญาติเป็ผู้ส่งมา แต่มีถึงสิบสามราย ที่เป็กรณีของการหายตัวไป ดูเหมือนเ้ากู่ไห่นั่นจะไม่ได้ฆ่าครอบครัวทหารอย่างบ้าคลั่งไร้สติ”
“อืม!… ถ้าหากกู่ไห่สังหารครอบครัวของพวกเขา แล้วค่อยใส่ร้ายโอรสข้า มันจะไม่เป็ประโยชน์ต่อเขามากกว่าหรอกหรือ?” องค์รัชทายาทขมวดคิ้ว
"ไม่ดีแล้วๆ!" สีหน้าเกาเซียนจือเปลี่ยนไป
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าพึ่งคิดได้ เจตนาของกู่ไห่ช่างน่ากลัวนัก! ข้าเกือบถูกเขาหลอกแล้ว แผนของเขาร้ายกาจยิ่ง! เมื่อกู่ไห่ลักพาตัวคนในบ้านพวกตน เหล่าทหารก็จะเริ่มเกลียดเขา แต่ในใจก็ยังคงมีแสงแห่งความหวัง เพราะคิดว่าครอบครัวตนก็ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะเกลียดชังกู่ไห่ก็ตาม แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็ศัตรูตัวฉกาจ ในใจของพวกเขาคิดว่า แม้กู่ไห่จะลักพาตัวครอบครัวของตนไป แต่ก็มิได้สังหาร ซึ่งถือเป็เื่ดี
หากพวกเขาได้รับข่าวจากญาติ นั่นหมายความว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นจริง ข้าบรรเทาโทสะและความกังวลของพวกเขาลงแล้ว แต่มันกลับเป็การเก็บกักเอาไว้แทน หากะเิออกมาเมื่อใด พวกเขาก็จะไม่ฟังใครทั้งสิ้น รวมถึงข้าด้วย
นอกจากนี้หากครอบครัวพวกเขา อยู่ในเงื้อมมือกู่ไห่ใน่ระหว่างการรบ เมื่อทหารเหล่านี้ลงสนามต่อสู้ ก็จะตกอยู่ในภาวะ ‘จะขว้างหนูก็กลัวกระทบสิ่งของ[1]’ ถึงแม้จะเป็แค่กำลังพลกลุ่มเล็กๆ แต่ด้วยสภาพจิตใจเช่นนี้ คงลุกลามใหญ่โต! ข้าไม่รู้ว่ากู่ไห่คิดจะใช้แผนการใดกับพวกเขา แต่ถ้ากู่ไห่ยุยงปลุกระดม อาจจะ...” สีหน้าของเกาเซียนจือเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด
“ปลุกระดมพวกเขา?” องค์รัชทายาทสูดหายใจลึกด้วยความหวาดกลัว
“หลินชง เ้าบอกว่าจากสิบห้าราย มีสิบสามรายที่คนในครอบครัวหายตัวไป แล้วที่เหลืออีกสองรายล่ะ?” เกาเซียนจือจ้องหลินชง
สีหน้าของหลินชงเปลี่ยนเป็ไม่น่าดู เขามององค์รัชทายาท พลางก้มศีรษะ และกล่าวว่า “เป็การกระทำของพระราชนัดดา ซ่งเจิ้งซีจริงพ่ะย่ะค่ะ”
“หา?” ใบหน้าขององค์รัชทายาทพลันดำคล้ำ
“องค์รัชทายาท กระหม่อมขอเรียนตามตรง พระองค์อาจมิทรงทราบ ว่าหลายปีมานี้พระราชนัดดา ได้ใช้ฐานะของพระองค์ ข่มเหงสตรีดีๆ ในเมืองซ่งเฉิงมิทราบว่ากี่คนต่อกี่คนแล้ว
ก่อนาระหว่างสองแคว้น พระองค์ก็ยังเคยให้ขุนนางในเมืองซ่งเฉิงปกป้องเขา ให้พวกเขาช่วยปกปิดเื่อื้อฉาวของพระราชนัดดามิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ!” หลินชงกล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบา
ปัง! องค์รัชทายาทงตบมือลงบนโต๊ะ
“หลินชง เ้าแน่ใจหรือว่าเป็ฝีมือพระราชนัดดา?” ใบหน้าของเกาเซียนจือยับยุ่ง
“ขอรับ สองคนนั้นล้วนเป็ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า จึงทราบดีว่าน้องสาวของพวกเขางดงามมาก ปีนั้นยังเคยคิดจะยกน้องสาวให้แต่งงานกับข้า แต่ข้ามีเสี่ยวเตี๋ยอยู่แล้ว และไม่คิดจะรับอนุ ดังนั้นจึงมิได้เกิดการแต่งงานใดๆ ขึ้น
คนที่ส่งข่าวมา คือพี่น้องร่วมเป็ร่วมตายของพวกเขา ซึ่งพิการระหว่างการสู้รบ จึงถูกส่งกลับไปรักษาตัวที่บ้าน เขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยตนเอง รวมทั้งได้เห็นศพ และยังส่งสิ่งของของคนในบ้านพวกเขามาด้วย!” หลินชงกล่าวเสียงแ่
ปัง! องค์รัชทายาททรุดตัวลงบนเก้าอี้ทันที
“เ้าลูกกระต่าย[2]นั่น ก่อนที่ข้าจะจากมา ก็บอกไปแล้วว่าอย่าได้สร้างปัญหา อีกทั้งยังได้เขียนจดหมายส่งถึงมารดาเขา ให้คอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด คิดไม่ถึง! คิดไม่ถึงว่า...” องค์รัชทายาทกล่าวอย่างเ็ป
“เ้าบอกว่าเป็พี่น้องร่วมเป็ร่วมตายของพวกเขา ที่ส่งข่าวมา? คนที่ส่งต่อข่าวมานั้น เชื่อถือได้หรือไม่? เป็ไปได้หรือไม่ ว่าพวกเขาจะถูกกู่ไห่ซื้อตัวไป? เ้าต้องรู้ว่าแม้มิตรภาพจะแน่นแฟ้นเพียงใด ในอดีตเคยผ่านอะไรมาด้วยกัน แต่ก็สู้ตั๋วเงินไม่ได้” เกาเซียนจือกล่าวด้วยเสียงเข้มลึก
องค์รัชทายาทั์ตาสว่างวาบ ใช่แล้ว ผู้ส่งสารนั่นอาจถูกซื้อตัวไปก็ได้
“ข้าน้อย ไม่กล้ารับประกัน แต่พวกเขาคุกเข่าอยู่หน้ากระโจมข้า และขอร้องให้ท่านแม่ทัพช่วยให้ความกระจ่าง ตามประกาศที่ออกมา ใครก็ตามที่ดูิ่ครอบครัวทหาร หรือรังแกพวกเขา จะต้องถูกปะาทันที
เช่นนั้นด้วยความผิดของพระราชนัดดา พระองค์ก็ควรต้องถูกปะาเช่นกัน! พวกเขาขอร้องให้ท่านแม่ทัพจัดการเื่นี้อย่างยุติธรรม เพื่อแก้แค้นให้คนที่พวกเขารัก!” หลินชงกล่าวอย่างจริงจัง
“นี่!… เื่นี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ให้กระจ่าง จะตัดสินได้อย่างไร?” องค์รัชทายาทกล่าวอย่างกังวล
หลินชงมองไปทางองค์รัชทายาท และกล่าวว่า “องค์รัชทายาท แม้ว่ากระหม่อมจะไม่กล้ารับประกัน แต่ก็มีความเป็ไปได้ที่พระราชนัดดาจะกระทำเช่นนั้นจริง
เพราะก่อนหน้าพระองค์ทรงประทับอยู่ที่ในเมืองซ่งเฉิง จึงสามารถปรามเขาได้ แต่บัดนี้ พระองค์จากมานานมากแล้ว จึงไม่มีผู้ใดควบคุมเขาได้อีก
หากพี่น้องร่วมเป็ตายของพวกเขา ถูกซื้อตัวไปโดยกู่ไห่ สิ่งที่คนผู้นี้กระทำ ก็น่าทึ่งเกินไปแล้ว ก่อนที่ทหารสิบห้านายจะจากมา พระราชนัดดาได้แสดงท่าทีรังเกียจพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว และสิ่งนี้ก็ได้ฝังรากลึกลงในจิตใจ
ส่วนเื่ที่ว่าผู้ส่งสารจะมีปัญหาหรือไม่ แม้จะไม่สามารถรับประกันได้ แต่ข้าเชื่อเก้าในสิบส่วน ว่าไม่มีปัญหาใดขอรับ ข้าได้พบพวกเขาแล้ว คนเหล่านี้ยอมตายดีกว่ายอมจำนน อีกทั้งยังมีศพเป็หลักฐานด้วย!”
“มีความเป็ไปได้เก้าในสิบส่วน ที่จะเป็โอรสของข้าหรือ?” องค์รัชทายาทมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“พวกเขา้าให้ลงโทษตามกฎของกองทัพ ปะาชีวิตพระราชนัดดาเสีย!” หลินชงพยักหน้า
“ซ่งเจิ้งซีจะตายไม่ได้!” เกาเซียนจือมีสีหน้าเคร่งเครียด
“โอ้?” ั์ตาขององค์รัชทายาทส่องประกายวาบ ขณะมองเกาเซียนจือ
แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายยังคงมืดมน
“ข้าเข้าใจแล้ว พระนัดดาเป็เพียงปลาใหญ่ตัวหนึ่ง หากเราปะาพระนัดดา วันรุ่งขึ้นอาจมีหลักฐานการกระทำผิดของราชครูส่งมาก็เป็ได้
หลังจากนั้น ก็อาจจะเป็อัครมหาเสนาบดี หรือองค์รัชทายาทก็ได้ เมื่อเป็เช่นนั้นราชวงศ์อาจจะถูกปะาสิ้น ซึ่งจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจทหาร!
อย่าว่าแต่การต่อสู้ในาเลย หากราชสำนักระส่ำระสาย จะทำให้ทั้งแผ่นดินสั่นคลอนไปด้วย” เกาเซียนจือมีสีหน้าเครียด
“ซ่งเจิ้งซีจะตายไม่ได้?” หลินชงมองเกาเซียนจือด้วยความประหลาดใจ
“แผนของกู่ไห่มีมากเกินไปแล้ว เราไม่สามารถชักช้าได้อีกต่อไป จำเป็ต้องเรียกรวมพล เพื่อเริ่มการต่อสู้ขั้นเด็ดขาดทันที และควรบุกด่านหู่เหลาโดยด่วน แม้ว่าจะาเ็ก็ต้องยอม เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อันรวดเร็ว มิฉะนั้นก็มิอาจจะหยุดยั้งเขาได้!” เกาเซียนจือกล่าวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เช่นนั้น... ตอนนี้ควรทำอย่างไร? พวกเขายังคุกเข่าอยู่นอกกระโจมของข้านะขอรับ!” หลินชงกล่าวด้วยความกังวล
องค์รัชทายาทซ่งมองเกาเซียนจือ ในขณะนี้ การต่อสู้ระหว่างแคว้นซ่งและเฉินสำคัญเหนืออื่นใด หากเกาเซียนจือตั้งใจจะสังหารซ่งเจิ้งซี แม้แต่เขา ผู้เป็องค์รัชทายาท ก็ไม่อาจยับยั้ง เพราะเบื้องบนไม่เพียงมีฮ่องเต้ แต่ยังมีสำนักจับตาดูอยู่ด้วย ตัวเขาเองไม่มีทางช่วยซ่งเจิ้งซีได้แน่
ทว่า ตอนนี้เกาเซียนจือ้าจะช่วยซ่งเจิ้งซีหรือ?
“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ ถือเป็การใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือไม่? ปกป้องคนชั่ว ทำร้ายคนดี?” หลินชงกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
“ไม่! สถานการณ์ลำบากกว่าที่คาดไว้ ข้าต้องจบเื่นี้โดยเร็ว องค์รัชทายาทโปรดออกคำสั่ง ระดมพลทหารทั้งแปดแสนนายที่กำลังตีเมืองโดยรอบ ให้กลับมาในทันที และบุกด่านหู่เหลาโดยเร็ว ขอเพียงเราทำลายด่านสำเร็จ แผนการของกู๋ไห่ก็ไร้ประโยชน์” เกาเซียนจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ได้” องค์รัชทายาทพยักหน้าอย่างขอบคุณ
“แล้วซ่งเจิ้งซีนั่นล่ะขอรับ?” หลินชงมองเกาเซียนจือ
“เ้าพึ่งบอกว่ามีคนสิบห้าคนนั่งคุกเข่าอยู่นอกกระโจมเ้า สิบสามคนในนั้นจัดการไม่ยาก เพียงแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้กู่ไห่ สำหรับทหารที่คนในบ้านหายไป อนุญาตให้กลับบ้าน ไปค้นหาครอบครัวของตัวเองร่วมกับคนในเมือง พวกเขาต้องยินดีเป็แน่” เกาเซียนจือกล่าวเสียงเคร่ง
“ข้าน้อยทราบแล้ว กำจัดปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ออกไป แต่ทหารสองคนนั้น ซึ่งมีโอกาสที่จะถูกซ่งเจิ้งซีสังหารคนในบ้าน ถึงเก้าในสิบส่วนนั่นล่ะขอรับ?” หลินชงถามเสียงจริงจัง
“คุมตัวและปิดข่าวไว้ จากนั้นให้พวกเขากลับบ้านไปตรวจสอบ เราจะต้องทำให้ข่าวแพร่กระจายออกไปน้อยที่สุด” เกาเซียนจือบอก
“หากพวกเขายืนกรานให้ท่านแม่ทัพดำเนินการขั้นเด็ดขาดล่ะขอรับ?” หลินชงสงสัย
“ตอนนี้ ให้รักษาส่วนรวมเอาไว้ก่อน หลินชง เ้าติดตามข้ามาหลายปี ควรเข้าใจว่าการทำงานของกองทัพ ไม่ควรเมตตามากเกินไป!” ประกายเย็นเยียบปรากฏในดวงตาเกาเซียนจือ
"ขอรับ!" หลินชงขมวดคิ้ว ขณะเดินออกจากกระโจม
คำสั่งขององค์รัชทายาทถูกถ่ายทอดออกไปอย่างรวดเร็ว
หลินชงกลับมาพบทหารสิบห้านาย ที่มาคุกเข่าอีกครั้ง
เขาปลอบคนทั้งสิบสาม โดยกล่าวโทษทุกอย่างว่าเป็ความผิดของกู่ไห่ และให้พวกเขาเก็บข้าวของเพื่อกลับบ้านไปค้นหาคนในครอบครัว
แต่อีกสองคนที่เหลือ กลับจ้องมองหลินชง
พวกเขาสองคนร้องไห้จนตาบวมแดง แต่ก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น
“แควก!”
หนึ่งในนั้นฉีกเสื้อตัวเองออก
“ใต้เท้า ท่านดู บนร่างของข้า นี่คือรอยแผลที่ได้รับตอนที่ไปรบร่วมกับท่าน ข้าติดตามท่านมาหลายปี ไม่เคยปริปากบ่นสิ่งใด แต่ตอนนี้น้องสาวข้าถูกทำให้เสื่อมเสีย พ่อแม่ถูกสังหาร ครอบครัวก็ถูกฆ่าปิดปาก ข้าเพียงอยากขอให้ใต้เท้าช่วย ใต้เท้า ข้าน้อยติดตามท่านมาหลายปี ท่านช่วยมิได้เลยหรือ?”
“ใต้เท้า หยุดเกลี้ยกล่อมข้าเถอะขอรับ เ้าห้าเป็คนเช่นไร ท่านก็เคยเห็น ข้าเคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่มีลูกชายหรือลูกสาว ทั้งยังพิการ คิดว่าเขาจะถูกซื้อด้วยเงินหรือขอรับ? ไม่ว่าจะให้เงินมากเพียงใด เขาก็ไม่รับ แล้วเขาจะโกหกด้วยเหตุผลใด? รู้หรือไม่ เขานำสิ่งใดมาให้ข้า? สร้อยหินของน้องสาวข้า ซึ่งนางสวมติดคอไว้ตลอด ั้แ่เด็ก ไม่เคยห่างกาย มันอยู่ในเสื้อผ้า ไม่มีผู้ใดทราบ ถ้าไม่ใช่เพราะเ้าห้าจัดการศพของนาง มีหรือที่เขาได้มันมา? ใต้เท้า!”
ทั้งสองคนโขกศีรษะลงกับพื้นไม่หยุด
ในใจของหลินชงรู้สึกย่ำแย่ แม้ว่าเขาจะเชื่อคนทั้งสอง แต่คำสั่งของท่านแม่ทัพ...
“พวกเ้าอย่าได้กังวล รีบกลับไปยังเมืองหลวง และสืบเื่ราวให้ชัดเจน ว่าเป็เื่จริงหรือไม่ แล้วค่อย....” หลินชงเกลี้ยกล่อม
“ไม่! เมื่อเรากลับไปแล้ว จะยังมีผู้ใดจดจำเื่นี้ได้อีก? ถึงตอนนั้น คิดจะขอให้ท่านแม่ทัพออกคำสั่งจัดการอีกครั้ง เราสองคนซึ่งเป็เพียงคนธรรมดา อาจจะไม่สามารถกลับมาที่ค่ายได้อีก แม้ว่าข้าจะเป็เพียงชาวบ้านไร้การศึกษา แต่ก็เข้าใจ ว่าหากไม่ได้รับคำสั่งจากท่านแม่ทัพในตอนนี้ ก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้วในอนาคต”
“ใต้เท้า ข้าเข้าใจ ที่ผ่านมา คนก่อเื่เป็เพียงขุนนางเล็กๆ ไม่ว่าจะถูกสังหารไปกี่คนก็ไม่สำคัญ แต่ครานี้เป็ถึงพระนัดดาของฮ่องเต้ เป็คนใหญ่คนโต พวกเราก็เป็เพียงมด บางทีเดินทางไปได้ครึ่งทาง ก็อาจจะตายโดยไม่ทราบสาเหตุก็เป็ได้!”
“ใต้เท้า ข้าได้แพร่กระจายข่าวออกไปแล้ว ตอนนี้หลายคนในค่ายทหาร ล้วนทราบเื่แล้ว ว่าพระราชนัดดาสังหารครอบครัวข้าในระหว่างา
เขาควรถูกปะาชีวิต! แต่ฐานะเขาสูงส่ง ผู้ใดเล่าจะกล้าหาเื่? ในอนาคต เขาจะกลายเป็องค์รัชทายาท จากนั้นก็เป็ฮ่องเต้ ชาตินี้เราก็ไม่อาจแก้แค้นเขาได้
ท่านแม่ทัพมิใช่บอกว่าจะจัดการแทนเราหรือ? ตอนนี้ให้เขาจัดการสิ หาไม่แล้ว คำพูดเขา มันก็แค่การผายลม! คำมั่นของท่านแม่ทัพก็เป็เพียงเื่ไร้สาระ!”
“บังอาจ!” หลินชงจ้องพวกเขาเขม็ง
พลัน คนทั้งสองก็โขกศีรษะลงพื้นอย่างไม่ลดละ
“ใต้เท้า เรา้าแก้แค้น แม้เผชิญกับความตาย ข้าก็ยัง้าแก้แค้น! เมื่อแรกที่เกณฑ์ทหารนั้น เป็เพราะฟังท่านจึงร่วมทัพมาสู้รบที่นี่ แต่เพราะฟังท่านนี่แหละ ครอบครัวข้าจึงตายสิ้น ใต้เท้า ฮือๆๆๆ...”
หลินชงรู้สึกอึดอัดอย่างหาใดเปรียบ แต่ไม่มีทางเลือก
“ใต้เท้า เราเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ เพราะเหตุใด? ซ่งเจิ้งซีคือฮ่องเต้ในอนาคต เราต่อสู้เสี่ยงชีวิตเพื่อเขา เขากลับสังหารครอบครัวเราที่อยู่แนวหลัง! ฮือๆๆๆ!" ชายอีกคนกล่าวพร้อมร่ำไห้
“ท่านแม่ทัพต้องให้ความยุติธรรมแก่พวกเราแน่ แต่สถานการณ์การรบในตอนนี้อันตรายมาก รอจนการต่อสู้จบลง แม้ว่าต้องเสี่ยงชีวิต ข้าก็จะขอท่านแม่ทัพ จัดการให้พวกเ้า!” หลินชงเกลี้ยกล่อม
“ใต้เท้า ท่านน่าจะรู้ชัดกว่าเรา เมื่อการต่อสู้จบลง ถึงตอนนั้นผู้ใดจะฟังท่านแม่ทัพอีกเล่า เช่นนั้นจะมีประโยชน์อันใด? ฮือๆๆๆ!" ชายอีกคนก็ร่ำไห้ตาม
หลินชงกัดฟันกรอด ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทำตัวใจร้าย เขามองชายทั้งสอง ั์ตาปรากฏประกายเ็า วางมือลงบนฝักดาบ
“พี่เขย! พี่เขย!” ทันใดนั้น ก็มีเสียงเรียกดังมาจากนอกกระโจม
ชายร่างผอมโซ ผิวหน้าซีดเผือด สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งคนหนึ่ง ถลันเข้ามาในกระโจม ตามด้วยทหารยามอีกสองคนที่ตามมาด้านหลัง
“ใต้เท้า ข้าเห็นว่าเขาเป็ครอบครัวท่าน จึงมิได้หยุดเขาไว้” ทหารยามสองคนอธิบาย
“อืม... ออกไปก่อน!” หลินชงพยักหน้า
ทหารยามทั้งสองจากไปทันที
“เสี่ยวอวี๋ เหตุใดเ้าถึงมาที่นี่ได้? แล้วเหตุใดเ้าถึงมีสภาพเช่นนี้?” หลินชงกล่าวด้วยความงุนงง
เมื่อเห็นหลินชง เสี่ยวอวี๋ก็เริ่มร้องไห้
“พี่เขย ท่านต้องล้างแค้นให้พี่สาวนะขอรับ พี่สาวนอนตายตาไม่หลับ ฮือๆๆๆ!...” เสี่ยวอวี๋คุกเข่าลงกอดขาของหลินชง ขณะร่ำไห้
“เสี่ยวเตี๋ย? เสี่ยวเตี๋ย? เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเตี๋ย?” ใบหน้าของหลินชงเปลี่ยนไปทันที พลัน มือที่จับดาบก็สั่นสะท้าน เขามองชายผู้บอบช้ำตรงหน้าด้วยความใ
“พี่สาว... พี่สาวถูกพระราชนัดดา ซ่งเจิ้งซี สังหารขอรับ คนในหมู่บ้านของเราทั้งหมด ล้วนถูกซ่งเจิ้งซีฆ่าตาย พวกเขาทั้งเผาหมู่บ้าน ทั้งเข่นฆ่า ทุกคนตายหมดแล้วขอรับ! ฮือๆๆๆ!" เสี่ยวอี๋ร้องไห้คร่ำครวญอย่างเ็ป
วูบ!
หลินชงรู้สึกว่าพื้นเอียงวูบไปทันที ภาพความทรงจำเก่าก่อนฉายวาบขึ้นมาในสมอง
“ท่านพี่ ท่านไม่ไปรบมิได้หรือเ้าคะ? เราแค่ค้าขายไม่ดีกว่าหรือเ้าคะ ยามท่านออกรบ มันท่าให้ข้ากลัว!”
“เสี่ยวเตี๋ย เชื่อข้า ไม่เป็อันใด ข้าติดตามท่านแม่ทัพ ตราบใดที่มีท่านแม่ทัพอยู่ จะไม่มีอันตรายใดๆ เชื่อข้า!”
“แต่… ฮือๆๆ ถ้าท่านไป แล้วเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร? ข้าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีท่าน!”
“จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น การได้ติดตามท่านแม่ทัพสร้างคุณูปการคือความฝันของข้า เชื่อข้าเถอะ!”
“แต่การต่อสู้ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง ถ้าเกิดท่าน… ฮือๆๆ!”
“เ้าไม่ต้องพูดต่อแล้ว ข้าตัดสินใจแล้ว! แม้ตาย ข้าก็ขอรักเ้าใหม่อีกครั้งในชาติหน้า!”
รักกันใหม่ชาติหน้า?
หลินชงพลันโงนเงนไปมา ในตอนนั้นเพราะเขา้าติดตามเกาเซียนจือมาก จึงกล่าวคำเ่าั้ออกไปด้วยความโกรธ และยังคิดว่าตนเองอาจจะตายก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เสี่ยวเตี๋ย! ไม่ใช่นาง!
บัดนี้ เขาเข้าใจแล้ว ว่าตอนนั้นเสี่ยวเตี๋ยปวดใจเพียงใด! เหตุใดตอนนั้นเขาถึงไม่คิดในมุมของนางบ้าง เหตุใดเขาถึงเห็นแก่ตัวเช่นนี้?
เสี่ยวเตี๋ย! ข้าไม่อยากครองรักกับเ้าในชาติหน้า ข้าอยากจะครองรักกับเ้าในชาตินี้!
หลินชงสั่นสะท้าน ขณะที่เสี่ยวอวี๋พูดต่อ
“พี่เขย เป็ซ่งเจิ้งซี เป็เขา ท่านก็รู้ว่าเขาพบพี่สาวใน่เทศกาลโคมไฟครั้งก่อน หลังท่านจากมา เขาก็ตามรังควานพี่สาวหลายครั้ง แต่นางปฏิเสธไป จนกระทั่งวันนั้น ซ่งเจิ้งซีพยายามจะข่มเหงพี่สาว แต่ถูกพี่สาวตบไปฉาดหนึ่ง จึงกลับออกไป และนำคนกลุ่มหนึ่งมา คิดจะบังคับข่มเหงพี่สาว!” เสี่ยวอวี๋พูด พลางร้องไห้
“ซ่งเจิ้งซี?” ร่างหลินชงสั่นสะท้าน
“พี่สาวตัดสินใจฆ่าตัวตาย โดยการเอาหัวโขกกับเสา ซ่งเจิ้งซีทั้งโกรธและอับอาย จึงสั่งให้ลูกน้องทุกคน ทำให้ศพนางมีมลทิน ก่อนจะสังหารคนทั้งหมู่บ้าน แม้แต่ศพของพี่สาวก็ไม่เว้น ทุกคนในหมู่บ้านรวมทั้งตัวข้าล้วนถูกดาบแทง หลังจากนั้นเขาก็เผาหมู่บ้าน ทุกคนตายหมด! ตายไปหมดแล้ว! ฮือๆๆๆ!" เสี่ยวอี๋เล่าทั้งน้ำตา
ตุบ!
ทันใดนั้น หลินชงก็ทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น กุมศีรษะด้วยความเ็ป เป็ความรวดร้าวที่ไม่อาจจินตนาการ
การออกเดินทางครั้งนี้ ด้านหนึ่งเพื่ออุดมการณ์ แต่ที่สำคัญกว่านั้น เมื่อกลับไปก็อาจได้เลื่อนขั้นเป็ขุนนางใหญ่ ซึ่งจะทำให้เสี่ยวเตี๋ยได้รับพระราชทานยศฟูเหริน[3] และมีความสุขตลอดไป แต่...
“เสี่ยวเตี๋ย ข้าไม่ควรมา ข้าไม่ควรจากมาเลย! ยามเ้า้าข้ามากที่สุด ข้ากลับอยู่ในา กำลังช่วยซ่งเจิ้งซีสู้รบกับศัตรู!” หลินชงร้องไห้ พลางขยุ้มศีรษะตัวเอง
“พี่เขย ก่อนที่พี่สาวจะฆ่าตัวตาย นางมองทางทิศเหนือ ดูเหมือนจะมองไปยังท่าน และพูดประโยคหนึ่ง! น่าเศร้ายิ่ง!” เสี่ยวอวี๋ฟูมฟาย ขณะพูด
“พี่สาวพูดว่า… หลินชง ชาติหน้าอย่าได้รักข้าอีก!” เสี่ยวอวี๋เล่าอย่างทุกข์ทน
ชาติหน้า!...
… อย่าได้รักข้า!
‘อย่ารักข้า’ หรือ!?
คำพูดที่สิ้นหวังและหมดหนทางของเสี่ยวเตี๋ยก่อนตาย ยังคงดังก้องในสมองไม่หยุด!
"อ๊าก!" หลินชงกุมศีรษะ พลางะโลั่น
เสียงร้องอย่างเ็ปทรมานนั้น ทหารทุกคนล้วนได้ยิน
“ใต้เท้า ท่านยัง้าฆ่าปิดปากพวกเราหรือไม่? ยังคิดจะปล่อยให้ซ่งเจิ้งซีรอดไปอีกหรือไม่?”
“ไอ้ชาติชั่ว สารเลว ข้าแค่อยากให้ครอบครัวปลอดภัย ใต้เท้า ข้าขอร้อง ได้โปรด ให้ท่านแม่ทัพแก้แค้นแทนเราด้วย!”
“ใต้เท้า ฮือๆๆๆ!”
เสียงร้องไห้ดังระงมในกระโจมใหญ่
อันที่จริง เสียงร้องอย่างเ็ปของหลินชงนั้น ดึงดูดความสนใจของคนทั้งค่ายมานานแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน
หลินชงออกจากกระโจม ด้วยสภาพคล้ายศพเดินได้ ด้านหลังมีเสี่ยวอวี๋และทหารผู้ทุกข์ระทมอีกสองคน พวกเขาเดินช้าๆ มายังกลางค่าย
จนถึงกระโจมของเกาเซืยนจือ
หลินชงค่อยๆ ถอดชุดเกราะและผ้าคลุมของเขาออก เปลือยท่อนบน คุกเข่าอยู่นอกกระโจม ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นแผลเป็นับไม่ถ้วนบนร่างเขา รู้สึกหนาวสะท้าน
ด้านหลังเขา ยังมีทหารสองคน ซึ่งตอนนี้ก็กำลังคุกเข่าเปลือยท่อนบน เปิดเผยร่างกายที่มีแผลเป็เช่นกัน
“ท่านแม่ทัพ หลินชงติดตามท่านมาสิบห้าปี สังหารข้าศึกไปห้าร้อยนาย ได้รับาเ็หนักสิบครั้ง เจ็บน้อยอีกกว่าห้าสิบครั้ง บุกน้ำลุยไฟ เสี่ยงชีวิต โดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่ครั้งเดียว
ตอนนี้ครอบครัวของหลินชงถูกสังหารสิ้น ขอร้องท่านแม่ทัพจัดการตามกฎกองทัพและกฎหมายบ้านเมือง ปะาชีวิตพระราชนัดดา ซ่งเจิ้งซี ด้วย!”
“ขอร้องท่านแม่ทัพทำตามสัญญา เพื่อรักษากฎ ปะาพระราชนัดดา ซ่งเจิ้งซี!” ทหารทั้งสองก็ะโอย่างทุกข์ตรมเช่นกัน
ทหารทั้งสิบสามคนที่ถูกเกลี้ยกล่อมไปก่อนหน้านี้ รีบวิ่งมาทันทีที่ทราบข่าว
“ขอร้องท่านแม่ทัพ โปรดรักษากฎ ปะาซ่งเจิ้งซี!” ทหารทั้งสิบสามคนส่งเสียงะโพร้อมกัน
เมื่อทหารที่ร่วมเป็ร่วมตายกับหลินชงได้ยินเื่นี้ และเห็นเขาคุกเข่า ก็พากันคุกเข่าตาม
หลินชงเป็ผู้บัญชาการรบหน่วยทะลวงฟันของเกาเซียนจือ ในการรบ พวกเขามักเป็กลุ่มแรกในการต่อสู้เสมอ จึงเป็ดั่งพี่น้องร่วมรบที่เสี่ยงชีวิตเคียงข้างกันมา เมื่อหลินชงออกปากขอร้อง คนนับร้อยก็คุกเข่าด้วยเช่นกัน
จากนั้นไม่นาน ด้านนอกกระโจมเกาเซียนจือ ก็มีคนมากกว่าห้าร้อยคน เปลือยท่อนบน เผยร่างกายที่มีแผลเป็จากการต่อสู้ของพวกเขาออกมา
หลินชงรู้ดีว่าการแอบไปหาเกาเซียนจือเงียบๆ นั้น ไร้ประโยชน์ เพื่อแก้แค้น มีเพียงต้องระดมกำลังทหารทั้งหมด
แน่นอนว่าขณะนี้ เสียงะโของหลินชง ได้ดึงดูดความสนใจของทหารหลายแสนคนในค่ายแล้ว
ปะาพระราชนัดดา? คนที่อาจเป็ฮ่องเต้ในอนาคต นี่จะเป็ไปได้หรือ?
ไม่ว่าสถานการณ์ของหลินชง จะเป็เื่จริงหรือไม่ ก็เื่หนึ่ง ทว่า ท่าทีของท่านแม่ทัพต่อเื่นี้ ก็เป็อีกเื่หนึ่ง ท่านแม่ทัพจะยอมล่วงเกินพระราชนัดดาเพื่อหลินชงหรือ? เขาจะทำตามสัญญาที่เอ่ยไว้หรือไม่? หรือจะกลับคำ เพราะฐานะของฝ่ายตรงข้าม? กฎกองทัพยิ่งใหญ่ดุจคีรี หรือนี่เป็แค่เื่ตลก?
ทหารนับไม่ถ้วนมาถึงที่เกิดเหตุ
องค์รัชทายาทซ่ง ซึ่งกำลังออกคำสั่งอยู่ใกล้ๆ ครั้นได้ยินหลินชงะโให้ปะาซ่งเจิ้งซี ก็ใจสั่น
แต่เกาเซียนจือในยามนี้ กลับอยู่บนเก้าอี้ของตนกลางกระโจม มองลอดม่านประตูออกไป แม้จะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายนอก แต่ก็เข้าใจเื่ราวได้รางๆ แล้ว จึงขมวดคิ้วแน่น
เพล้ง!
ถ้วยน้ำชาในมือแตกเป็เสี่ยงๆ
“กู่ไห่ ข้าประเมินเ้าต่ำเกินไปจริงๆ จะไม่ยอมให้ข้าได้มีเวลาพักหายใจเลยหรือไร?” ใบหน้าของเกาเซียนจือ พลันบิดเบี้ยว
...
รัฐซ่ง เมืองหลวงซ่งเฉิง
กู่ฮั่นจ้องชายพิการตรงหน้า และชายผู้นั้นก็จ้องกลับมาด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
“ข้าเขียนจดหมายไปแล้ว หวังว่าเ้าจะทำตามสัญญา ห้ามทำร้ายเด็กสองคนจากครอบครัวพี่น้องข้า!” ชายพิการพูดเสียงเศร้า
“ท่านห้า วางใจเถอะ พวกเขาปลอดภัยแน่ ครั้งนี้เพราะความจำเป็บังคับ โปรดยกโทษให้ด้วย ใน่าย่อมมีคนาเ็ล้มตาย การกระทำของข้าจะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิต เมื่อาสิ้นสุด ทุกคนจะปลอดภัย!” กู่ฮั่นกล่าวอย่างจริงจัง
ชายพิการกำหมัดแน่น แต่ทำอะไรไม่ได้
อันที่จริง สถานการณ์น่าเศร้าของผู้ใต้บังคับบัญชาหลินชงเป็เื่โกหก
หลังจากที่กู่ฮั่นจัดการกับผู้าุโห้าเรียบร้อยแล้ว ก็ไปพบกู่ไห่
ชายชรามองหมากล้อมกระดานหนึ่ง กำลังตกอยู่ในภวังค์
“พ่อบุญธรรม ท่านได้ข่าวล่าสุดแล้วหรือยัง?” กู่ฮั่นถาม
“แม้ว่านกพิราบจะถูกส่งมา แต่ข่าวก็ล่าช้ามาก เช่นนั้นก็ช่างมันเถิด บางทีตอนนี้หลินชงอาจเริ่มปลุกระดมทหารในค่ายแล้วก็เป็ได้!”
“พ่อบุญธรรม ข่าวมากมายก่อนหน้านี้ที่ท่านได้เตรียมไว้ ทั้งที่เป็ของจริงและปลอม เป็เพราะหลินชงใช่หรือไม่ขอรับ?” กู่ฮั่นถามอย่างสงสัย
“ไม่เลว ไม่สำคัญว่าข่าวเ่าั้จะเป็ของจริง หรือของปลอม ขอแค่ข่าวสำคัญที่สุดเป็ความจริงก็พอแล้ว ซ่งเจิ้งซีทำผิดจริง และสมควรถูกปะา! แม้จะเป็ถึงพระราชนัดดาของฮ่องเต้ ซึ่งนี่นับว่าเป็โชคดีของข้า!” กู่ไห่วางหมากขาวบนกระดานอีกครั้ง ขณะพูด
“แต่ สมมุติว่าไม่เจอซ่งเจิ้งซี ท่านคิดจะทำเช่นไรหรือขอรับ” กู่ฮั่นถามอย่างใคร่รู้
“ถ้าไม่เจอซ่งเจิ้งซี?” กู่ไห่หยุด และมองกู่ฮั่น
“ขอรับ สมมุติว่าซ่งเจิ้งซีไม่ได้ฆ่าเสี่ยวเตี๋ยล่ะขอรับ?”
“หึๆ ไม่มีปัญหา กลยุทธ์นี้เดิมทีเรียกว่า ‘จากไม่มีสู่มี’ หากไม่มีเสี่ยวเตี๋ย ก็ยังมีเสี่ยวมาว เสี่ยวฮัว หรือเสี่ยวเหวินอยู่ นอกจากนี้ ถ้าพูดไปแล้ว ในตอนแรก ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะใช้ซ่งเจิ้งซี เพราะเขาเป็แค่พระราชนัดดาของฮ่องเต้เท่านั้น สถานะยังไม่สูงส่งพอ
ในแคว้นซ่งนี้ยังมีราชครู และอัครเสนาบดีอยู่ ไม่สำคัญว่าจะใช้ใครในพวกเขาเป็ตัวเปิดกระดาน การเชื่อมต่อที่สำคัญต้องใช้เม็ดหมากสีดำเท่านั้น และในเกมนี้ข้ามีเม็ดหมากดำมากกว่าหนึ่งชิ้น!” กู่ไห่หัวเราะ
พูดจบ เขาก็หยิบหมากดำจากชามที่เต็มไปด้วยเม็ดหมากสีดำ และวางไว้บนกระดาน
สีหน้าของกู่ฮั่นเปลี่ยนไปทันที เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ดูเหมือนการที่ซ่งเจิ้งซีถูกเราเลือก ถือว่าเป็โชคร้ายของเขา ขอเพียงมีตำแหน่งสูงพอ ผู้ใดก็สามารถมาแทนที่เขาได้หรือขอรับ?”
"ถูกต้อง!" กู่ฮั่นยิ้มบาง
“งานใหญ่เช่นนี้สำหรับหลินชง แค่ซ่งเจิ้งซีคนเดียวจะพอหรือขอรับ?” กู่ฮั่นถามอย่างกังวล
“พอแล้ว เพราะเขาเป็ถึงพระราชนัดดาของฮ่องเต้ เวลานี้ทหารแปดแสนนายกำลังรอดู ว่าเกาเซียนจือจะจัดการกับเหตุการณ์นี้อย่างไร!” กู่ไห่ยิ้มและกล่าวอย่างมั่นใจ
“ถ้าข้าเป็เกาเซียนจือ ข้าจะฆ่าซ่งเจิ้งซี แม้ว่าเขาจะเป็พระราชนัดดาก็ตาม!” กู่ฮั่นกล่าว หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน
“ใช่… ฆ่า! แต่หมากกระดานนี้พึ่งเริ่มต้น ดังนั้นข้ากลับอยากให้พระราชนัดดาผู้นี้มีชีวิตอยู่ต่อ” กู่ไห่กล่าว ขณะที่ค่อยๆ วางหมากขาวลงบนกระดาน
ปับ!
-----------------------------------------
[1] จะขว้างหนูก็กลัวกระทบสิ่งของ อุปมาถึงความวิตกกังวล ขณะที่กำลังคิดจะกำจัดคนเลว แต่ก็เกรงว่าจะมีผลกระทบกับคนอื่น ทำอะไรแบบห่วงหน้าพะวงหลัง
[2] ลูกกระต่าย เป็คำบริภาษ แปลว่าเด็กนรก
[3] ฟูเหริน คือ คำเรียกภรรยาเอกของขุนนาง โดยภรรยาเอกของขุนนางจะได้รับการแต่งตั้งให้มีขั้นตามสามี แต่สิทธิ์นี้มีแต่ภรรยาของขุนนางขั้น 1-7 เท่านั้น ต่ำกว่านั้นจะไม่ได้รับสิทธิ์การแต่งตั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้