อวิ่นหนิงเจี่ย ซึ่งเพิ่งได้รับการวิวัฒน์ครั้งใหญ่ กำลังดื่มด่ำกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เหมือนได้ เปลี่ยนกระดูกชำระเส้นเอ็น ความรู้สึกของพลังปราณสีดำทมิฬที่ไหลเวียนในเส้นลมปราณ และความรู้ใหม่ที่อัดแน่นในจิตสำนึกนั้นช่างน่าอัศจรรย์ใจ
แต่เขาก็ไม่มีเวลาให้เฉลิมฉลองกับพลังใหม่นี้
พริบตาเดียว! กองทัพผีดิบนับร้อยที่หยุดนิ่งอยู่รอบตัว ก็พุ่งเข้าโจมตีเข้ามาจากทุกทิศทางในเวลาพร้อมกัน!
ผีดิบพวกนั้นถือ อาวุธนานาชนิด ทั้งดาบ, หอก, ง้าว, และกระบี่ พุ่งเข้าจ้วงแทงร่างของอวิ่นหนิงเจี่ยราวกับพายุ!
แต่ทั้งหมดนั้น ไม่สามารถผ่านปราณทมิฬที่ล้อมรอบตัวหนิงเจี่ยได้ แม้แต่คมดาบที่คมกริบที่สุดก็ไม่สามารถเจาะผ่านพลังงานสีดำที่แผ่ออกมาจากอวิ่นหนิงเจี่ยได้
ปัง! ปัง! ปัง!
พวกมันถูกพลังปราณสะท้อนกลับ กระเด็นระเนระนาด ไปคนละทิศละทาง บางตนถูกแรงกระแทกจนร่างแตกสลายเป็ผุยผง
หนิงเจี่ยพลันรู้สึกตัว ตื่นจากภวังค์แห่งการเปลี่ยนแปลง เขาลอบร้อง หวาดเสียว ขึ้นในใจ เพราะตระหนักได้ว่าเกือบจะถูกฆ่าตายเสียแล้ว
ชายหนุ่มรู้สึก อึดอัดใจมานาน จากการถูกกองทัพผีดิบรุมโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว สหายทั้งสองก็ไม่รู้เป็ตายร้ายดีอย่างไร เขา อยากจบการต่อสู้ครั้งนี้ให้เร็วที่สุด!
เมื่อความคิดนั้นผุดขึ้นในใจ ร่างกายของเขาก็บังเกิดปฏิกิริยา ราวกับตอบสนองต่อเจตนาสังหารของเขา!
ร่างของเขาหายไปจากที่เดิม!
ในพริบตาเดียว อวิ่นหนิงเจี่ยได้ใช้กระบวนท่าที่เพิ่งเรียนรู้ ปรากฏขึ้นเป็ร่างมากมาย ราวกับเงาที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ
เขาสะบัด ดาบอัคนีเผาผลาญ ในมืออย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงสีแดงเพลิงผสมกับปราณสีดำทมิฬ พุ่งทะยานออกจากคมดาบ บังเกิดเป็คลื่นเพลิงอัคคีที่ฉายฉานบาดตา สว่างวาบไปทั่วบริเวณที่มืดมิด!
พลังของมันเข้า จู่โจมทำลายกองทัพผีดิบทันที!
ผีดิบนับร้อยตัวร้องโหยหวน ด้วยความเ็ป เมื่อถูกเปลวไฟสีดำอมแดงนั้นเผาผลาญ ร่างกายของพวกมันละลายและแตกสลายในพริบตา กองทัพที่เคยยิ่งใหญ่ ถูกพลังทำลายในพริบตาเดียว!
คมดาบของอวิ่นหนิงเจี่ยฟาดฟันไป ณ ที่ใด ที่นั้นพลัน แหลกลาญ
หนิงเจี่ยในตอนนี้เหมือนเทพแห่งการสังหาร ผู้ที่มาพร้อมกับเปลวเพลิงแห่งความมืด เขามีรัศมีแห่งความ อหังการ ที่น่าเกรงขาม
กองทัพผีดิบที่ไม่เคยรู้จักความกลัวตาย เริ่ม เสียขบวนรวนเร พวกมันถูกโจมตีแตกกระเจิง บางตัวพยายามถอยหนีขึ้นไปบนยอดเขา บางตัวก็ล้มลงสิ้นสภาพไปอย่างน่าอนาถ
ภายในพริบตาเดียว สถานการณ์ได้พลิกผันอย่างสิ้นเชิง จากผู้ที่ถูกล่า กลายเป็ผู้ที่ล่า!
กองทัพผีดิบที่เหลืออยู่ต่างส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัวแล้ว ถอยร่นขึ้นเขาไป อย่างไม่เป็ขบวน
แต่แล้ว กองทัพชุดใหม่ของมันก็เดินลงมาจากบนเขาอีกครั้ง ทว่าคราวนี้มันดังกว่าเดิมหลายเท่า!
อวิ่นหนิงเจี่ยหันไปมอง และในที่สุดเขาก็ได้เห็น กองทัพอสุรกาย ทยอยเดินทัพลงมาอย่างต่อเนื่อง คำนวณด้วยสายตาตอนนี้ก็น่าจะมีประมาณพันตัวเห็นจะได้! พวกมันมากกว่าครั้งแรกถึงสิบเท่า!
อวิ่นหนิงเจี่ยเริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ ก่อนที่กองทัพผีดิบจะลงจากเขามา จะมี เสียงคล้ายระฆัง ดังขึ้นนำทางมา เหมือนกับว่ากองทัพพวกนี้กำลังถูก สั่งการจากใครสักคน ที่อยู่บนเขา
กองทัพผีดิบ อสุรกาย บัดนี้เดินลงมา เต็มลานไปหมด ใบหน้าของหนิงเจี่ยเคร่งเครียดทันที ถ้าปล่อยให้พวกมันประชิดตัวได้ คงไม่ดีแน่ ไหนจะสหายที่กำลังหมดสติอยู่ ถ้าศึกนี้ ยืดเยื้อต่อไปคงแย่
ทันใดนั้น ใบหน้าของหนิงเจี่ยก็เคร่งขรึมลง เขาพลันตัดสินใจ
เขา ย่อตัวลง เล็กน้อย กำดาบอัคนีเผาผลาญ ในท่าเตรียม ชักดาบ พื้นดินใต้เท้าแจกกระจาย กล่าวเสียงทรงพลังหนักแน่นราวกับสั่งการ์
"ดาบเพลิงเผาผลาญ เปลวเพลิง ณ เส้นขอบฟ้า!"
ฉับพลัน ทั่วร่างของหนิงเจี่ยเหมือนค่อยๆปรากฏ เปลวเพลิงสีแดงอมดำครอบคลุมร่าง เปลวไฟเต้นระริก เขาดูราวกับ เทพแห่งอัคคี ที่ลงทัณฑ์โลกมนุษย์
กองทัพผีดิบเบื้องหน้าพลันเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด ทุกตัวเหมือนได้รับอิทธิพลจากหนิงเจี่ย ทั่วร่างของพวกมันบัดนี้ถูกคลุมด้วย เปลวเพลิงสีอ่อน ๆ
พวกมัน พลันหยุดเดิน ห่างจากตรงหน้าหนิงเจี่ยไม่กี่จั้ง ทุกตัวเหมือนไม่เป็ตัวของตัวเอง หรือ พลังที่บังคับมันเสื่อมสลายไป
โดยพร้อมกัน ทุกตนหันในลักษณะเอี้ยวตัวเงยหน้าของมันเหลียวมองบนท้องฟ้าด้านหลังพร้อมกัน อย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น สิ่งที่มิคาดคิดก็เกิดขึ้น!
ทุกตนที่เอี้ยวตัวมองท้องฟ้าด้านหลัง ตาพลันเบิกถลน เหมือน หวาดกลัวสิ่งใดขึ้นอย่างขีดสุด พวกมัน แหกปากร้อง "อ๊ากกกกกกกกก!!!" ด้วยความเ็ปและความหวาดผวา
ฉับพลันสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวพลันบังเกิด!
เกิด แสงสีส้มทองวาบพลันลุกไหม้ร่างของงพวกมันล้มลง บิดตัวไปมา เสียงร้องโหยหวนทุรนทุรายระงม บางตัวพยายามกลิ้งเกือกตัวบนพื้นไปมาหวังดับอัคคีบนตัว สักพักทุกตัวก็ะเิกลายเป็กลุ่มเปลวเพลิง ก่อนที่จะ สลายไปในอากาศในชั่วพริบตา ไม่หลงเหลือสิ่งใด! เหลือเพียงแต่ ความว่างเปล่า
ถ้าหันมามองหนิงเจี่ยตอนนี้จะเห็นว่า เหงื่อผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า ที่ ตื่นตะลึง ของชายหนุ่ม ร่างสั่นระริก ด้วยความเหนื่อยล้าจากการใช้พลังที่เกินขีดจำกัดไปมาก
มันเป็กระบวนท่าที่ น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง!
เมื่อกองทัพผีดิบถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น ความเงียบก็เข้าปกคลุมตีนเขาหลงเซี่ยง เหลือไว้เพียงไอร้อนระอุจากพลังอัคคีที่สลายไป หนิงเจี่ย ซึ่งยังคงเหนื่อยล้าจนเหงื่อผุดเต็มใบหน้า รีบพุ่งเข้าหาสหายทั้งสองคนทันที
เขาเข้าไปตรวจดูอาการของ หนิวมู่อี้ ก่อนเป็อันดับแรก เพราะชายหนุ่มผู้อวบอ้วนมีพลังฝึกปรืออ่อนแอที่สุด หนิงเจี่ย ช้อนตัวสหายรัก ขึ้นมาเบา ๆ แตะจับ ชีพจรที่บริเวณคอ ก็พบว่า ชีพจรเต้นอ่อนมาก และเข้าสู่ ภาวะวิกฤต แล้ว หนิงเจี่ยเริ่ม กระวนกระวายใจ
ทันใดนั้น! เสียงคุ้นเคย ที่เคยดังในจิตสำนึกของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
$$ {"ตรวจพบสมุนไพรระดับต่ำหลายชนิด ้าวิวัฒน์หรือไม่?"}$$
หนิงเจี่ยเกิดความหวังขึ้นทันที เขาตื่นเต้นและ ะโในหัว "วิวัฒน์!"
ทันใดนั้น ยาสมุนไพรหลากหลายอย่าง ที่หนิวมู่อี้ซื้อมาและเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมด้านใน ก็ ลอยเด้งออกมาจากตัว ของมู่อี้ด้วยพลังงานลึกลับ
เสียงในหัวดังขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์:
ลูกกลอนห้ามโลหิตระดับ 1 วิวัฒน์ ลูกกลอนห้ามเืระดับ 3
ลูกกลอนฟื้นฟูร่างกายระดับ 1 วิวัฒน์ ลูกกลอนฟื้นฟูร่างกายระดับ 3
ยาเม็ดรวมปราณขั้น 1 วิวัฒน์ ยาเม็ดรวมปราณอเนก (สามารถใช้ทะลวงขั้นสำหรับผู้ฝึกปรือระดับต่ำ)
ผงผสานกระดูกขั้น 1 วิวัฒน์ ผงผสานกระดูกขั้น 3
หนิงเจี่ย บัดนี้เป็ใบ้ไปแล้ว ด้วยความตกตะลึง ชายหนุ่มรีบหยิบลูกกลอนห้ามโลหิต กับ ลูกกลอนฟื้นฟูร่างกาย ป้อนใส่ปาก หนิวมู่อี้ทันที
หนิงเจี่ยไม่รอช้า รีบไปตรวจอาการของ ต้วนผิงอัน ซึ่งยังพอมีชีพจรอยู่เช่นกัน แม้จะเสียเืมาก แต่ร่างกายกำยำทำให้เขาทนทานกว่า
หนิงเจี่ย ป้อนลูกกลอนห้ามโลหิต ลูกกลอนฟื้นฟูร่างกาย และ ผงผสานกระดูก ที่ได้รับการวิวัฒน์แล้วให้ต้วนผิงอันทันที
บัดนี้เืที่ไหลซึมจากาแภายนอก หยุดลงหมดแล้ว และาแภายนอกก็เริ่ม สมานตัว อย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
ร่างกายที่อ่อนแอเพราะเสียเืเริ่มฟื้นตัว สีหน้าซีดเซียวเริ่มมีเืฝาด พลังงานใหม่เริ่มไหลเวียนเข้าสู่กล้ามเนื้อที่อ่อนล้า
กระดูกของต้วนผิงอันบัดนี้สมานตัวหายสนิท ร่างกายเขายังถูกเสริมความแข็งแกร่งภายในไปพร้อมกัน
ไม่นานนัก ร่างกายของสหายทั้งสองก็เริ่มฟื้นฟู อย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของพวกเขากลับมาเป็ปกติ และเริ่มมีเสียงหายใจที่สม่ำเสมอ หนิงเจี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
