สวี่เยว่อยากโยนความผิดทั้งหมดให้กู่ซิ่ว แต่ก็กลัวว่าจะทำให้แม่เสียใจ จึงได้แต่ปิดปากยอมรับเงียบ ๆ
กู่ซิ่วอยากจะรับผิดแทนลูกสาวสุดที่รัก แต่คำพูดนั้นออกมาจากปากแม่ฉิน ถ้าเธอยอมรับผิดแทนก็เหมือนปกป้องลูกสาวคนเล็ก เกรงว่าสามีจะโกรธหนักยิ่งกว่าเดิม จำต้องปล่อยเลยตามเลย
แม้สวี่ต้าซานจะไม่ได้ตำหนิสวี่เยว่สักคำ แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง
มื้อเย็นเป็อาหารที่สวี่ฮุ่ยซื้อมารับรองสองแม่ลูกสกุลฉินเมื่อตอนกลางวัน
สามีภรรยาสวี่ต้าซานและสวี่เยว่ต่างมีเื่หนักอกหนักใจ ไม่มีอารมณ์กินข้าว
แต่สวี่ฮุ่ยอารมณ์ดี อยากอาหาร กินพะโล้กับข้าวสวยไปถึงสองถ้วย
เมื่อเธอกินจนอิ่มแล้ววางตะเกียบลง จู่ ๆ สวี่ต้าซานก็เทกับข้าวที่เหลือในจานใส่ถ้วยเธอ พลางพูดด้วยความรักใคร่ว่า “กินสิ”
เมื่อครู่เห็นสวี่ฮุ่ยกินอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตาของสวี่ต้าซานก็ชื้นขึ้นเล็กน้อย
ของอร่อยในบ้าน ต่อให้เป็ของเขาและภรรยา ก็แทบไม่เคยถึงปากลูกสาวคนโตเลย
กับข้าวสามอย่างธรรมดา ๆ กลับทำให้ลูกสาวคนโตกินได้อย่างอร่อยขนาดนี้
สวี่ฮุ่ยก็ไม่ได้เกรงใจ เมื่อสวี่ต้าซานให้เธอกิน เธอก็กินอย่างสบายใจ
ชาติที่แล้ว เธอหาเงินสินสอดก้อนโตมาให้สวี่เยว่ กินอาหารที่เหลือจากตอนกลางวันนิดหน่อยจะเป็อะไรไป?
หลังจากกินกับข้าวในถ้วยหมด สวี่ฮุ่ยก็เช็ดปากแล้วออกไปจับปลาไหล
คืนนี้โชคดีมาก ไม่เพียงแต่จับปลาไหลได้เยอะ ยังจับปลาช่อนตัวใหญ่ได้สองตัว เธอตั้งใจจะเอาไปขายที่ตัวอำเภอในวันพรุ่งนี้
กลับมาถึงบ้าน ก็ยังมืดมิดเหมือนเดิม ไม่มีใครจุดตะเกียงไว้ให้เธอ
แต่สวี่ฮุ่ยไม่สนใจและก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย
เธอต้มน้ำร้อน อาบน้ำแล้วเข้านอน
ขณะที่กำลังเคลิ้มหลับ ก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของกู่ซิ่วดังมาจากห้องของสามีภรรยาสวี่ต้าซานที่อยู่ข้างห้องราง ๆ
สวี่ฮุ่ยเข้าใจ กู่ซิ่วคงคิดจะล้างสมองสวี่ต้าซานอีกแล้ว
เธอตั้งสติ รีบแนบหูฟัง
แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้สวี่ต้าซานจะไม่ใจอ่อนกับน้ำตากู่ซิ่ว กลับตำหนิด้วยเสียงต่ำว่า
“ดึกดื่นป่านนี้แล้ว จะร้องไห้กันอีกเหรอ เธอโดนพักงาน พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงาน แต่ผมยังต้องไปทำงานนะ!”
กู่ซิ่วร้องไห้เสียงดังขึ้นและน้อยใจมากขึ้น “ต้าซาน นี่…คุณกำลังโกรธฉันอยู่เหรอ?”
สวี่ต้าซานพูดอย่างเ็า “เธอคิดว่าไงล่ะ?”
“ฉันมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น…เยว่เยว่ต้องใช้เงินรักษาตัว…ฉันก็จนตรอกเหมือนกัน” กู่ซิ่วพูดอย่างน่าสงสาร
สวี่ต้าซานพูดขัดเธอด้วยความหงุดหงิด “มีครั้งไหนที่เธอวางแผนเล่นงานฮุ่ยฮุ่ยแล้วไม่มีเหตุผลบ้าง? ฮุ่ยฮุ่ยต้องเสียสละเพื่อเยว่เยว่มาั้แ่เกิดหรือไง?”
กู่ซิ่วเถียงข้าง ๆ คู ๆ “ฮุ่ยฮุ่ยเสียสละเพื่อเยว่เยว่ เธอก็ไม่ได้เป็อะไรสักหน่อย แต่เยว่เยว่จะตายเพราะไม่มีเงินรักษาตัวนะ!”
สวี่ต้าซานโกรธจัด “เธอบังคับให้ฮุ่ยฮุ่ยแต่งงานกับคนอย่างสกุลฉิน แล้วยังบอกว่าฮุ่ยฮุ่ยไม่ได้เป็อะไรอีก!”
“ถ้าผมไม่ได้เห็นพยาบาลอุ้มลูกออกมาให้เห็นกับตาหน้าห้องคลอด ผมคงสงสัยไปแล้วว่าฮุ่ยฮุ่ยเป็ลูกแท้ ๆ ของเธอหรือเปล่า?”
“จะมีแม่แท้ ๆ คนไหนใจร้ายกับลูกในไส้ขนาดนี้บ้าง!”
สวี่ฮุ่ยขมวดคิ้ว เธอเป็ลูกแท้ ๆ ของกู่ซิ่วจริง ๆ เหรอ?
กู่ซิ่วร้องไห้จนหายใจติดขัด “เื่นี้โทษฉันได้เหรอ? ถ้าฮุ่ยฮุ่ยยอมเอาเงินมารักษาเยว่เยว่ ฉันต้องทำแบบนี้ไหม?”
เห็นภรรยาไม่มีทีท่าสำนึกผิดเลยเอาแต่โยนความผิดให้สวี่ฮุ่ย สวี่ต้าซานก็ยิ่งโกรธ เผลอพูดจาไม่คิด
“ฮุ่ยฮุ่ยไม่ยอมเอาเงินมารักษาเยว่เยว่ก็เกินไปจริง ๆ แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะผลักลูกลงนรก”
“เยว่เยว่ไม่มีเงินรักษาตัว ก็ต้องโทษโชคชะตาของเธอเอง ใครใช้ให้เธอเกิดมาในครอบครัวแบบนี้ล่ะ!”
สวี่เยว่ที่อยู่ในห้องก็แอบฟังบทสนทนาของพ่อแม่เช่นกัน
ได้ยินถึงตรงนี้ สวี่เยว่ก็กำหมัดแน่น สวี่ต้าซานจะทิ้งเธอแล้วเหรอ ไม่อยากรักษาเธอแล้วเหรอ?
งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายแล้วกัน!
เช้าตรู่ประมาณเจ็ดโมงกว่า ๆ คุณย่าลู่เดินเล่นในสวนเสร็จก็นั่งจิบชาพลางอ่านหนังสือพิมพ์บนโซฟา
ข่าวเล็ก ๆ ข่าวหนึ่งดึงดูดความสนใจของเธอ
ลู่ฉี่โหย่วล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นคุณย่าขมวดคิ้วเป็ปมก็ถามว่า “คุณย่า เป็อะไรไปครับ? ทำหน้าแค้นฝังหุ่นเชียว”
คุณย่าเงยหน้าขึ้น “เด็กฮุ่ยฮุ่ยคนนั้นโดนแม่กับน้องสาวแท้ ๆ รังแกอีกแล้ว ลงหนังสือพิมพ์เลย”
สองพี่น้องสกุลลู่มานั่งเบียดกันข้าง ๆ คุณย่าลู่เพื่ออ่านข่าวด้วยกัน
เนื้อหาข่าวก็คือสิ่งที่สวี่ฮุ่ยเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์เมื่อวานนี้
ลู่ฉี่โหย่วพูด “คุณย่า เราต้องช่วยฮุ่ยฮุ่ยไหม?”
“ต้องช่วยสิ!” คุณย่าลู่พูด “พอสหพันธ์สตรีเปิดทำการ ฉันจะโทรไปหาสหพันธ์สตรีระดับมณฑล ถามพวกเขาว่าทำไมถึงยังมีคนเลว ๆ แบบนี้อยู่ในหน่วยงาน? คนแบบนี้ควรโดนไล่ออกทันที!”
“แค่ไล่แม่ของสวี่ฮุ่ยออกคงไม่พอ” ลู่ฉี่โหย่วพูด “เราต้องไปที่บ้านสวี่ สั่งสอนแม่กับน้องสาวของสวี่ฮุ่ยให้รู้เื่!”
คุณย่าลู่หรี่ตามองถาม “เราจะไปสั่งสอนแม่ลูกคู่นั้นในฐานะอะไร?”
“ก็คนที่ปกป้องผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตคุณย่าไงครับ” ลู่ฉี่โหย่วพูดอย่างฉะฉาน
คุณย่าลู่เอื้อมมือไปจิ้มหัวเขา “ถึงฮุ่ยฮุ่ยจะเป็ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฉัน แต่ถ้าเราไปสั่งสอนแม่กับน้องสาวของเธอ คนอื่นจะมองว่าเราอาศัยอำนาจรังแกคนไม่มีทางสู้ นี่ไม่ใช่วิถีของสกุลลู่เรา”
ลู่ฉี่เหวินพูดอย่างไม่ยอม “งั้นเราก็ได้แต่นั่งมองฮุ่ยฮุ่ยโดนรังแกอย่างนั้นเหรอครับ?”
คุณย่าลู่ขยิบตา “เดี๋ยวย่าจะโทรหาอาเสียน”
ลู่ฉี่เสียนทำงานทั้งคืน เพิ่งจะนอนลงบนเตียง เสียงโทรศัพท์ข้างหัวเตียงก็ดังขึ้น
เขาหลับตาหยิบขึ้นมารับสาย เสียงคุณย่าลู่ดังมาจากในโทรศัพท์ “อาเสียน อ่านหนังสือพิมพ์วันนี้หรือยัง?”
ลู่ฉี่เสียนง่วงจนพูดลิ้นพันกัน “ผมเพิ่งเลิกกะดึก อยากนอนอย่างเดียว ยังไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์เลยครับ”
คุณย่าลู่พูด “ย่าแนะนำให้แกรีบลุกขึ้นมาอ่านหนังสือพิมพ์ จะได้รู้ว่าเด็กฮุ่ยฮุ่ยคนนั้นโดนแม่กับน้องสาวแท้ ๆ รังแกได้น่าสงสารขนาดไหน”
ความง่วงของลู่ฉี่เสียนหายไปเกือบครึ่งทันที “คุณย่า เล่าให้ผมฟังเลยก็ได้ครับ”
คุณย่าลู่จึงเล่าข่าวเกี่ยวกับสวี่ฮุ่ยที่เห็นในหนังสือพิมพ์ให้ลู่ฉี่เสียนฟัง
คุณย่าพูดอย่างปวดใจ “ก็เพราะแกไม่ยอมคบกับฮุ่ยฮุ่ย แม่กับน้องสาวของเธอถึงได้กล้าผลักเธอลงนรกแบบไม่เกรงกลัวใคร ทำให้เราไม่มีฐานะที่จะช่วยเธอด้วย!”
ลู่ฉี่เสียนอดหัวเราะไม่ได้ คุณย่ากำลังบังคับให้เขาแต่งงานอีกแล้ว
“คุณย่าไปช่วยไม่ได้ แต่ผมในฐานะผู้รักษากฎหมายสามารถไปช่วยได้ ขอผมนอนก่อน เดี๋ยวตื่นแล้วจะไปตำหนิแม่ของฮุ่ยฮุ่ยที่บ้านเธอเองครับ”
แม้คุณย่าลู่จะไม่ค่อยพอใจนัก แต่เธอก็รู้ว่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นไม่ได้
กู่ซิ่ว อายที่จะออกไปเจอผู้คนเพราะโดนแม่ฉินตบหน้าจนเขียวช้ำต่อหน้าสาธารณชน ั้แ่ตื่นนอนจนถึงตอนนี้เธอยังไม่ออกจากบ้านเลย
หลังจากสามคนพ่อแม่ลูกกินอาหารเช้าเสร็จ สวี่ต้าซานเพิ่งจะออกไปทำงาน โทรศัพท์ที่บ้านก็ดังขึ้น
สวี่เยว่รับสาย
ปลายสาย เมื่อคุณตากู่ได้ยินว่าเป็เสียงของสวี่เยว่ ก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ด่าเธอและกู่ซิ่วอย่างรุนแรง
บอกว่าพวกเธอสองแม่ลูกใจดำ ไม่เล่นงานสวี่ฮุ่ยคงอยู่ไม่สุข
ทั้งยังบอกอีกว่า ทำไมสวี่เยว่ไม่อาการกำเริบตาย ๆ ไปซะ คนเลว ๆ แบบนี้ไม่จำเป็ต้องมีชีวิตอยู่บนโลกให้ขายหน้า
ต่อว่าต่อขานปาว ๆ ยกใหญ่
คุณตากู่เป็คนมีการศึกษา ตลอดทั้งสายไม่ได้พูดคำหยาบเลยสักคำ แต่คำพูดที่ด่าออกมานั้นฟังดูแรงกว่าคำที่แม่ค้าปากตลาดใช้ด่าเสียอีก
สีหน้าของสวี่เยว่ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ แต่ไม่กล้าวางสาย ได้แต่แก้ตัวข้าง ๆ คู ๆ ว่าไม่ใช่แบบนั้น ทุกอย่างเป็เื่เข้าใจผิด
คุณตากู่โทรมาด่าสวี่เยว่กับกู่ซิ่วแต่เช้าก็แค่้าระบายอารมณ์เท่านั้น
แต่เขาทนไม่ได้ที่สวี่เยว่ทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับผิด โทสะเลยยิ่งลุกฮือ “ฉันถามหน่อย แกอยู่ไปจะมีประโยชน์อะไร? สอบได้คะแนนดี นำพาเกียรติยศมาให้พ่อแม่ หรือช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านได้งั้นเหรอ? ไม่ใช่สักกะอย่าง!แต่กลับโกหกเก่ง!”
“ไม่ใช่แบบนั้น? ทุกอย่างเป็ความเข้าใจผิดงั้นเหรอ? เื่ฉาวโฉ่ที่เธอและแม่ของเธอทำขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะโทรมาด่าพวกเธอแต่เช้าเหรอ?”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของสวี่เยว่ซีดเผือด เธอขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เพราะวางแผนใส่ร้ายยัยงั่งอีกแล้ว…