หลินซีอวี่เดินทางจากเมืองหลวงลงใต้ ใช้เส้นทางน้ำตามลำแม่น้ำแยงซี โดยสารมากับเรือสำเภาขนาดใหญ่ที่ตระเตรียมไว้เป็พิเศษ เรือแวะพักที่เมืองฝูโจว ก่อนจะแล่นต่อจนถึงท่าเรือเฉวียนโจวใน่เช้า หมอกบางยังปกคลุมผิวน้ำอย่างงดงาม
ทันทีที่เรือเทียบท่า เสียงแตรสั้น ๆ ดังขึ้น บรรดาชาวเรือ และผู้โดยสารเริ่มเคลื่อนไหว ทว่าทุกสายตากลับต้องหยุดชะงัก เมื่อหญิงสาวผู้หนึ่งก้าวลงจากเรืออย่างสง่างาม
นางสวมเสื้อคลุมแพรบางสีครามอ่อน ชายผ้าเคลื่อนไหวตามแรงลมเบา ดวงหน้างามประหนึ่งเทพธิดาจากภาพวาด เส้นผมดำขลับถูกรวบขึ้นอย่างเรียบง่าย หากกลับขับให้นางดูสูงศักดิ์ และเยือกเย็น
ด้านหลังของนางคือขบวนใหญ่ ประกอบด้วยไป๋อิง สาวใช้คนสนิท และเหล่าองครักษ์ในชุดสีเข้มอีกนับสิบคน ท่วงท่าของขบวนงามสง่าแต่ไม่โอ้อวด หากแต่ดูโดดเด่นเกินกว่าผู้ใดจะมองข้าม
และก็เป็เช่นนั้นจริง เพราะในหมู่ฝูงชนบนท่าเรือ... มีชายหนุ่มผู้หนึ่งหยุดยืนตัวแข็งทื่อ ราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ
หลี่จื่อเหว่ยเห็นนางแต่ไกล เพียงภาพเงาร่างเคลื่อนไหวในหมอกทะเลบาง ๆ เขาก็จำได้ทันที ไม่มีผิดแน่!
หัวใจเขาเต้นแรงจนแทบสะท้อนออกมานอกอก เขารีบสาวเท้าออกจากกลุ่มผู้คน ราวคนเสียสติ ท่าทางยินดีอย่างปิดไม่มิด ดวงตาเปล่งประกายยิ่งกว่าดวงอาทิตย์บนฟ้า
รอยยิ้มของเขา... กว้างเสียจนคนรอบข้างต้องหันมอง และทันทีที่เขาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินซีอวี่ เขาเอ่ยเพียงคำเดียวที่กลั่นจากใจ
“เ้ามาเสียที...”
ไม่เพียงแต่จะพูดจาเหลวไหล ชายผู้นั้นยังทะเล่อทะล่าวิ่งเข้ามา ก่อนจะคว้ามือของหลินซีอวี่ไว้อย่างถือวิสาสะ
“เ้าทำอะไรน่ะ!” หญิงสาวใสะบัดมือออกทันที ดวงหน้าหวานแดงก่ำทั้งจากความใ และความโกรธจัด
ไป๋อิงซึ่งอยู่ไม่ห่างรีบก้าวเข้ามาขวางหน้า นางยกแขนกางปกป้องเรือนร่างบอบบางของคุณหนูของตนด้วยท่าทางแข็งกร้าว ราวกับจะบอกว่า ‘หากคิดจะเข้ามาอีกแม้เพียงก้าวเดียว เ้าจะต้องก้าวข้ามข้าไปก่อน!’
ชายผู้นั้นผงะเล็กน้อย แต่ยังไม่ยอมถอยเสียทีเดียว สายตาจ้องมองหลินซีอวี่ด้วยความหลงไหล และชื่นชมเท่านั้น
“ข้าหลี่จื่อเหว่ยเอง น้องหญิง...” เขาเอ่ยเสียงอ่อน ดวงตาทอประกายอ่อนโยน แต่กลับไม่รู้เลยว่าสายตาเช่นนั้นจะดูไร้ความเกรงใจเพียงใดในยามนี้
“ใครเป็น้องหญิงของเ้า!” ไป๋อิงแหวกลับทันควัน เสียงดังจนคนรอบข้างหันมามอง “คุณหนูของข้ายังมิได้แต่งกับท่าน อย่าพูดจาเหลวไหลให้มาก!”
ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับขุ่นเคือง กลับหัวเราะเบา ๆ อย่างคนมีอารมณ์ขันติดตัว
“ใช่ ๆ ... สาวใช้ผู้นี้ของเ้าพูดถูกนัก” เขายกมือขึ้นลูบจมูก ก่อนเอ่ยต่อ “เช่นนั้น ข้าได้พบคุณหนูผู้สูงศักดิ์เช่นนี้ คงต้องทำความเคารพให้สมฐานะเสียก่อนกระมัง?”
สิ้นคำ เขาก็ถอยก้าวหนึ่ง ยกมือขึ้นประสาน วาดวงโค้งกายอย่างนอบน้อม สีหน้าแม้ยังแฝงรอยยิ้ม แต่ท่วงท่ากลับไม่อวดดีเหมือนก่อนหน้า
หลินซีอวี่นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะโค้งศีรษะตอบอย่างบางเบาตามมารยาท
“คุณหนูเชิญเถิด ข้าจะพาท่านไปยังที่พักก่อน” เขาผายมือเชิญด้วยท่าทีอ่อนน้อม ดูต่างจากเมื่อครู่ราวเป็คนละคน
หลินซีอวี่พยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินตามโดยรักษาระยะห่างอย่างสำรวม
ไป๋อิงเดินตามมาด้านข้าง ไม่วายกระซิบเบา ๆ ข้างหูคุณหนูของนาง
“แค่มารยาทพื้นฐานก็ยังไม่รู้จัก... ยังจะกล้ามาแตะต้องตัวคุณหนูอีก ชาวบ้านไร้มารยาทเช่นนี้ ท่านกั๋วกงคิดเช่นไร ถึงยอมให้คุณหนูของเราลดศักดิ์ไปแต่งกับคนบ้านป่าเมืองเถื่อนเช่นนี้ได้?”
แม้จะพูดเบา แต่หูของหลินซีอวี่ได้ยินทุกคำชัดถ้อย แต่นางก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป
“อวี่เอ๋อร์... ระหว่างเดินทาง ข้าจะเล่าเื่ของข้าให้เ้าฟังนะ เ้าจะได้ไม่รู้สึกเบื่อ” เสียงหลี่จื่อเหว่ยดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อก้าวเร็ว ๆ เข้ามาเดินเคียงข้างนาง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าน่ะ... มารอเ้าที่นี่ได้สองอาทิตย์แล้ว”
คำเรียกนั้นทำให้ไป๋อิงชะงักกึก ก่อนจะหันไปมองเขาอย่างอดกลั้นไม่ไหว
"บังอาจนัก! กล้าดียังไงมาเรียกคุณหนูอย่างสนิทสนมเช่นนี้!” นางตวาดเสียงกดต่ำ
แต่หลี่จื่อเหว่ยกลับทำเพียงหัวเราะแ่ ๆ ไม่สนใจในคำตำหนิ เขายังคงเดินเคียงคุณหนูรองหลินต่อ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อวี่เอ๋อร์ เ้าชอบกินอะไรที่สุด?” เขาเอียงศีรษะมองนางอย่างยิ้มแย้ม ไม่รับรู้เลยว่าสายตาของหญิงสาวข้างกายเย็นเยียบเพียงใด “ที่นี่มีบะหมี่ฝูเจี้ยนอร่อยนัก ลูกชิ้นปลาหมึกในตลาดก็เลื่องชื่อ ข้าจะพาเ้าไปกิน... ก่อนกลับเรือนดีหรือไม่?”
หลินซีอวี่ไม่ตอบ สีหน้าเรียบเฉย ขณะก้าวเท้าตามทางที่เขานำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้