เย่ชิงหานรู้ว่ากองกำลังของตนเองพลังรบแข็งแกร่ง! แข็งแกร่งถึงขนาดสามารถต้านทานได้ไม่ว่าจะเป็กองกำลังไหนๆ บนเกาะแห่งความมืดมิดนี้ แต่เขาก็ยังรู้อีกว่ากองกำลังที่กำลังมุ่งตรงมาหาตนเองนั้นคือใคร ถ้าหากถูกพวกมันโอบล้อมได้สำเร็จคงมีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่ ไม่มีแม้แต่ความหวังสักเล็กน้อยที่จะมีชีวิตรอดออกไปได้
ตาย! เขาไม่กลัวเพราะเคยเผชิญหน้ากับความตายมานับครั้งไม่ถ้วน
เขากลัวแค่ว่าน้องสาวที่นอนอยู่หลังเขาจะไม่มีวันฟื้นตื่นคืนมาได้อีกตลอดกาล กลัวผู้คนที่อยู่ข้างกายในตอนนี้จะต้องมาตายเพราะเขาเป็ต้นเหตุ หากผู้คนเหล่านี้จะต้องมาตายไปเพราะเขา ถ้าเป็เช่นนั้นละก็แม้จะตายไปก็คงไม่สงบสุข ดังนั้นอารมณ์ของเขาในตอนนี้ยุ่งเหยิงเป็อย่างมาก ทั้งอึดอัด ทั้งกระวนกระวาย ทั้งจิตใจว้าวุ่นไม่เป็สุข ผสมปนเปกันไปหมด
ปัง! ปัง!
เบื้องหน้าบังเกิดเสียงะเิดังขึ้น ดวงตาของทุกคนเกิดความหวังขึ้นมา ถ้าหากเย่สือชีและฮวาซินสามารถล่อกองกำลังทั้งสามหน่วยให้ออกไปได้พวกเขาอาจจะมีหนทางรอด อย่างน้อยก็มีโอกาสได้หลบหนี
เพียงแต่...ผ่านไปสักพักฮวาซินและเย่สือชีถอยกลับมาด้วยสีหน้าดำคล้ำและท่าทางกระเซอะกระเซิง ทำให้ความหวังของพวกเขาร่วงหล่นลงสู่ก้นเหวอย่างแท้จริง
“ด้านหน้ามียอดฝีมือนักรบเผ่าคนเถื่อนพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์คนเถื่อนอยู่ถึงสี่คน ล่อออกไปไม่ได้ พวกมัน...เหมือนกับรู้ว่าพวกเราจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด อีกสามนาทีคงได้เผชิญหน้ากัน!”
คำพูดของฮวาซินทำให้ทุกคนที่กำลังวิ่งทะยานอยู่ร่างหยุดชะงักลงในทันที ใบหน้าต่างดำคล้ำลงกันกันขึ้นมา
นักรบเผ่าคนเถื่อนหกร้อยคน! ระดับขอบเขตราชันย์คนเถื่อนสี่คน! อีกสามนาทีเผชิญหน้ากัน!
เย่สือซานไม่ได้ครุ่นคิดอะไรมาก ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำไปด้วยเื ใบหน้าดุร้ายพร้อมกับร้องออกมาด้วยความโกรธแค้น “ไม่ต้องไปสนใจ! เดินหน้าต่อไป เจอกับเผ่าคนเถื่อนก็บุกฝ่าออกไป ใช้แผนถอยร่นระดับหนึ่ง!”
“ฆ่า ฆ่า ฆ่า!”
สมาชิกกองกำลังทุกคนดวงตาแดงก่ำไปด้วยเื ต่างหยิบอาวุธออกมาเพื่อเตรียมตัวต่อสู้อย่างไม่ลังเลใดๆ บุกตะลุยไปเบื้องหน้าอย่างบ้าระห่ำ
แผนถอยร่นระดับหนึ่ง ทุกคนต่างรู้กันดี!
ภายใต้สถานการณ์ที่อันตรายที่สุดเช่นนี้ ทุกคนไม่ต้องคำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องสนใจต่ออัตราการาเ็ล้มตายที่จะเกิดขึ้น ไม่ต้องต่อสู้ยืดเยื้อ มีพลังฝีมือเท่าไรใช้ออกมาให้หมด บุกทะลวงโจมตีฝ่าออกไปให้ได้ เป้าหมายมีเพียงการตีฝ่าออกไปถึงจะมีทางรอด แน่นอนว่าจะมีหรือไม่มีโอกาสรอดนั้นก็ขึ้นอยู่กับ์แล้ว
พวกเขาไม่มีทางเลือกที่สองให้เลือกเดิน กองกำลังของเผ่าคนเถื่อนสามหน่วยที่อยู่ด้านหน้าความจริงแล้วไม่น่ากลัวสักเท่าไร ถ้าหากมีเวลาละก็พวกเขาสามารถต่อสู้เผชิญหน้าได้กับทั้งสามกองกำลังได้สบายและเอาชนะได้ เพียงแต่...พวกเขาไม่มีเวลาขนาดนั้น หากช้าไปเพียงห้านาทีสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิของเผ่าปีศาจสองหน่วยและกองกำลังธรรมดาอีกสามหน่วยด้านหลังตามมาทัน พวกเขาคงได้ตายกันทั้งหมดอย่างแน่นอน แม้แต่คนเดียวก็อย่าหวังรอดไปได้
สมาชิกสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิของทั้งสี่ตระกูลทุกๆ คน อายุยังน้อยแต่มีพลังฝีมือในระดับขั้นนี้ ในเมื่อถูกขนานนามว่าเป็สุดยอดระดับหัวกะทิย่อมต้องไม่มีคนใดที่โง่เขลา ดังนั้นเมื่อแรกเริ่มที่พบว่าพวกตนเองถูกโอบล้อมเกิดความรู้สึกงุนงงและหวาดกลัวอยู่ชั่วระยะหนึ่งไม่กี่วินาที จากนั้นได้ยินเสียงร้องคำรามที่แฝงความหมายของการไปสู้ตายเอาดาบหน้าของเย่สือซานที่ร้องออกมาจึงต่างพากันได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว เข้าใจสถานการณ์เป็จริงที่อยู่ตรงหน้า อารมณ์ในการสู้รบของทุกคนพลุ่งพล่านขึ้นมา ในเมื่อไม่มีหนทางให้หนีก็ต้องใช้ดาบและกระบี่ในมือฟาดฟันสิ่งที่ขวางกั้นทางเบื้องหน้าออกให้เป็หนทางเดินสำหรับหนี...
บุกตีทะลวงเข้าไป บุกตีฝ่าออกไป!
ทุกคนพุ่งทะยานไปยังเบื้องหน้าอย่างบ้าคลั่งด้วยลักษณะที่เร่าร้อนฮึกเหิม แม้กระทั่งนักรบสาวของตระกูลเยว่ก็หยิบกริชที่พกติดตัวไว้ออกมากันทั้งหมด ดวงตาเร่าร้อนพุ่งทะยานไปยังเบื้องหน้า ไม่มีคนใดที่แสดงออกถึงอารมณ์ความหวาดกลัวออกมาให้เห็นอีก ไม่มีคนใดที่แสดงออกถึงสายตาที่เลื่อนลอยหมดหวังออกมาให้เห็นอีก ตอนนี้มีเพียงจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการสู้รบ ไม่ว่าเทพหรือมารขวางทางอยู่ตรงหน้าก็จะสังหารให้หมดสิ้น
.................................
เยาขาข่าอารมณ์ค่อนข้างดี แม้ว่าตอนนี้การออกแรงพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจะทำให้เหงื่อออกซึ่งมันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยเคยชินนัก แต่เมื่อนึกถึงแผนการที่ทั้งสามเผ่าร่วมมือกันจัดเตรียมขึ้นมาเป็เวลาหลายวันจนในที่สุดก็จะสัมฤทธิ์ผล อารมณ์ของเขากลับดีขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
เป้าหมายอยู่แค่เบื้องหน้า หรืออาจจะพูดให้ถูกสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์และการติดค้างน้ำใจครั้งหนึ่งของถูเชียนจวินรออยู่เบื้องหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาโอบล้อมไว้หมดแล้ว รอแค่เพียงตนเองไปเก็บเกี่ยวและนำกลับมาเพียงเท่านั้น
“เร็วๆๆ! เพิ่มระดับความเร็วให้มากขึ้นกว่านี้! เดี๋ยวถูกพวกคนเถื่อนชิงตัดหน้าไปก่อน หัวของมันมีค่าเทียบเท่ากับสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ ดูรูปเหมือนของเป้าหมายให้ดีๆ เมื่อพบเจอมันไม่ต้องสนใจอะไรทั้งสิ้นลงมือสังหารมันก่อนเป็อันดับแรก!”
เยาขาข่าสะบัดม้วนกระดาษไปให้เหล่าลูกสมุนที่อยู่ทางด้านหลังพร้อมกับร้องคำรามออกมา
“นายท่าน เป้าหมายมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทางนั้นมีกองกำลังของหมันก้านอยู่สามหน่วย!” ปีศาจจิ้งจอกตัวเมียตัวหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ร้องบอกออกมา ในมือถือลูกแก้วผลึกโปร่งแสงลูกหนึ่งอยู่ ภายในลูกแก้วผลึกโปร่งแสงมีจุดสีแดงเล็กๆ จุดหนึ่งกำลังขยับไปยังทิศทางหนึ่งอยู่ตลอดเวลา มองดูเป็ที่น่าแปลกประหลาดเป็อย่างมาก
เยาขาข่าเมื่อได้ฟังรีบหันหน้ากลับมาทันที ดวงตาราชสีห์ของมันมองดูลูกแก้วผลึกโปร่งใสที่อยู่ในมือของนางปีศาจจิ้งจอกตัวเมียนั้น พบว่าจุดสีแดงเล็กๆ เคลื่อนที่อยู่ตลอด เห็นดังนั้นจึงร้องด่าออกมา “หืม? ทำไมไม่มุ่งหน้าหลบหนีมาทางพวกเรา? มารดามันเถอะ! เพิ่มระดับความเร็วให้เร็วกว่านี้ อย่าให้พวกลูกน้องของหมันก้านชิงลงมือสังหารมันได้ก่อนเด็ดขาด!”
“ปัง! ปัง! โฮก!”
ตำแหน่งที่ห่างออกไปบังเกิดเสียงะเิของพลังปราณรบระคนกับเสียงขู่ร้องคำรามดังขึ้นอยู่ไม่ขาด แสดงให้เห็นว่าสุดยอดกองกำลังของตระกูลทั้งสี่เข้าปะทะกันกับกองกำลังทั้งสามของเผ่าคนเถื่อนแล้ว เสียงที่ดังลอยมายิ่งทำให้เยาขาข่าร้อนรนกระวนกระวายใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า วางแผนหลายวันและดักซุ่มอีกหนึ่งคืนจนในที่สุดถึงได้มีโอกาสที่ดีงามเช่นนี้ ถ้าหากครั้งนี้ปล่อยให้เป้าหมายหลุดรอดไปได้ต่อไปคงจะหาโอกาสที่ดีงามเช่นนี้ไม่ได้อีกเป็แน่แท้ ครั้นแล้วเขาจึงพุ่งทะยานออกไปอย่างสุดกำลังด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม
เขาเชื่อว่าหากกองกำลังของเผ่าคนเถื่อนสามารถดึงเวลากองกำลังของตระกูลทั้งสี่ไว้ได้เพียงห้านาที เขามีความสามารถที่จะจัดการกับเป้าหมายทั้งหมดให้กลายเป็เศษชิ้นเนื้อร่วงหล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้นได้อย่างแน่นอน
.................................
เย่สือซานอารมณ์ไม่ดีเป็อย่างมาก อารมณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากคลื่นอากาศจากแรงะเิของพลังปราณรบที่พลุ่งพล่านอยู่ตลอด กองกำลังของตนเองพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบเจ็ดคนกับระดับขอบเขตนักรบอีกสองร้อยคนร่วมมือกันโจมตีออกไปกลับไม่สามารถทลายกำแพงมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าได้ มองดูนักรบเผ่าคนเถื่อนมากมายที่ราวกับเสาประตูใหญ่ที่ยืนเรียงรายเบียดเสียดกันอยู่เบื้องหน้า อีกทั้งกองกำลังเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนอีกมากมายจากทิศต่างๆ ที่กำลังมุ่งตรงเข้ามาหาตนเอง เย่สือซานร้องคำรามออกมาอย่างกระวนกระวายใจยิ่งกว่าเดิม “มารดามันเถอะ! ในเมื่อพวกมันไม่กลัวตาย ถ้าอย่างนั้นก็ซัดพวกมันให้ตายไปให้หมด!”
สองนาทีก่อนพวกเขาทุกคนยังมีกำลังใจรบที่พลุ่งพล่านถึงขีดสุด เตรียมพร้อมอาวุธเข้าโรมรัน แต่ไม่คาดคิดว่าจะพบกับกำแพงมนุษย์ที่ยืนเรียงกันเป็แถวๆ อยู่เบื้องหน้า นักรบเผ่าคนเถื่อนทั้งสามร้อยคนราวกับรู้ว่าพวกเขาจะมาทางนี้อย่างไรอย่างนั้น พวกมันจัดขบวนทัพตั้งรับเป็รูปพัดขึ้นมารอ ใช้กำแพงมนุษย์ปิดล้อมทางหลบหนีทั้งสามทางไว้ทั้งหมด นักรบที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์คนเถื่อนทั้งสี่ยืนอยู่ด้านหน้าราวกับขุนเขาใหญ่ที่ขวางกั้น ด้านหลังเป็เหล่าสมาชิกกองกำลังนักรบเผ่าคนเถื่อนที่จ้องตาเป็มัน เปิดแนวป้องกันตั้งรับรออย่างเต็มกำลัง ปิดทางหลบหนีไว้ทุกทาง
เย่สือซานเมื่อมองเห็นรูปขบวนทัพที่อยู่ด้านหน้าวินาทีแรกก็รู้ได้ทันทีว่า รูปขบวนทัพเช่นนี้บวกกับพลังป้องกันที่แข็งแกร่งของพวกเผ่าคนเถื่อน หากจะฝืนบุกทะลวงออกไปแค่ทางใดทางหนึ่งก็จะถูกกองกำลังนักรบเผ่าคนเถื่อนทั้งสามกองกำลังหรือหกร้อยคนโอบล้อมเข้ามากลายเป็ขนมเกี๊ยว ยังไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีกองกำลังของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนมากมายที่กำลังมุ่งตรงเข้ามา ถึงแม้การฝ่าทะลวงทางเดียวจะสามารถทะลวงออกไปได้ แต่กองกำลังของตนเองอย่างน้อยก็ต้องจบชีวิตอยู่ที่นี่สองในสามส่วน
ดังนั้น เขาจึงออกคำสั่งให้ทุกคนปล่อยพลังปราณรบออกมาในทันที ใช้พลังปราณรบโจมตีไปยังทิศทางเดียว เขาคิดไม่ผิด พลังปราณรบของทั้งสองร้อยคนที่โจมตีรวมไปจุดเดียวกัน เพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถเปิดออกมาให้เห็นเป็ทางได้ ขอเพียงพวกมันหลบการโจมตีหรือโจมตีจนรูปขบวนทัพระส่ำระสายได้ พวกเขาก็จะมีโอกาสอาศัยความเร็วฝ่าออกไปได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้