จะว่าไป แม่นมช่างพูดก็จำเป็อย่างยิ่งต่อพลพรรคชาวข้ามภพ เหมือนอย่างตอนนี้ เฉียวเยว่รู้แล้วว่าพี่ิ่หวายผู้นั้นคือใคร
หลันหมัวมัวกำลังพูดไปเรื่อยเปื่อย "นายท่านผู้เฒ่าก็จริงๆ เลย ไม่รู้ว่าสมองกลับหรืออย่างไร ถึงให้ไท่ไท่กับนายท่านสามไปงานเลี้ยงจวนสกุลิ่ ไม่คิดบ้างหรือว่าท่านกับแม่ทัพิ่เคยมีสัญญาหมั้นหมายต่อกัน ไม่กลัวจะลำบากใจกันหรืออย่างไร"
นางยังพูดอีกว่า "ถึงแม้โชคชะตาจะเล่นตลก แต่ตอนนั้นทุกคนต่างเข้าใจว่าเขาตายไปแล้ว ท่านถึงหมั้นหมายและแต่งงานใหม่ ต่อมาภายหลังเขากลับฟื้นคืนชีพ ทั้งยังแต่งภรรยาแล้ว แต่อย่างไรเสียเมื่อพบหน้ากันก็เลี่ยงความอึดอัดใจไม่ได้อยู่ดี จวนของพวกเราเป็ตระกูลบัณฑิตเก่าแก่ แล้วทางนั้นเล่าเป็อะไร? มีแต่ตีรันฟันแทง เข่นฆ่าสังหาร จำเป็ด้วยหรือที่จะต้องไปคบหาสมาคมด้วย ไม่แน่อาจมีคนมากมายรอดูเื่ขบขันอยู่เื้ัก็เป็ได้"
บัดนี้ไท่ไท่สามเยือกเย็นมาก ไม่แสดงอาการหวาดวิตกเช่นยามอยู่ต่อหน้าซูซานหลาง นางเอ่ยว่า "หมัวมัวอย่าพูดเหลวไหล ตอนนี้แม่ทัพิ่สร้างผลงานใหญ่ ทุกคนต่างอยากไปแสดงความยินดี ผู้อื่นส่งเทียบเชิญมา ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องไป"
นางหยุดเว้นจังหวะ ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดต่อ "อีกอย่าง ตอนนั้นข้าเรียกแม่ทัพิ่ว่าพี่ใหญ่ิ่ ในเมื่อข้าเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ก็ควรไปแสดงความยินดี นอกจากนี้เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว เขามีบุตรของตนเอง ข้าก็มีเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างสบายดี พวกเรามีสิ่งใดต้องกระอักกระอ่วนใจอีกเล่า?"
หลันหมัวมัวคิดไตร่ตรอง "เหตุผลนี้ไม่เลว แต่มักมีพวกปากหอยปากปูพูดจาส่งเดชนี่แหละเ้าค่ะ"
เอ่ยมาถึงตรงนี้ ก็ดูเหมือนจะกลุ้มใจขึ้นมาอีก
เสี่ยวเฉียวเยว่รู้สึกว่ามารดาของนางเล่นละครเก่งยิ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าบิดาของนางเห็นอยู่ชัดๆ ว่ากังวลใจมาก แต่ตอนนี้กลับแสร้งทำไม่สนใจ ชิชิ!
นางขบกำปั้นน้อยของตนเอง พลางใคร่ครวญสิ่งที่บิดาเอ่ยกับนางก่อนหน้านี้อย่างถี่ถ้วน
หากบิดามารดาถูกคนหัวเราะขบขัน หรือต้องลำบากใจที่นั่น นางจะถือวิสาสะแก้แค้นแทนพวกเขาดีหรือไม่
เมื่อตรองดูดีๆ แล้ว ซาลาเปาน้อยอย่างนางต่อให้ทำสิ่งใดจริงๆ ก็ไม่มีใครว่ากล่าวตำหนิได้
ควรรู้ว่าเมื่อโตขึ้นก็ไม่อาจก่อเื่เช่นนี้ได้อีกแล้ว เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็คุณหนูแสนสวยฐานะสูงศักดิ์
"อ้า" ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ เสี่ยวฉีอันก็มาคว้าเท้าน้อยๆ ของนาง เสี่ยวเฉียวเยว่ก้มลงมอง ก่อนจะถีบเขาออกไป ไปเล่นเองตรงโน้นเลย นางกำลังคิดเื่สำคัญอยู่นะ
แต่เสี่ยวฉีอันกลับหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ชูมือน้อยๆ เหวี่ยงไปมา ดูท่าจะชอบใจยิ่งกว่าเดิม หลังจากนั้นก็เอื้อมมือมาจับเท้าของนางอีกหน ทั้งยังจับไม่ยอมปล่อย
เสี่ยวเฉียวเยว่อยากดิ้นให้หลุด แต่ผลปรากฏว่าเ้าหนูน่ารำคาญคนนี้ยิ่งออกแรงหนักขึ้น นางแค่นเสียงหึ ดิ้นอีกที ฮึบ ไม่สำเร็จ! เสี่ยวฉีอันจับเท้าของเสี่ยวเฉียวเยว่ไว้แน่น แล้วอ้าปากงับ...
โชคดีไปที่ไม่มีฟัน!
เสี่ยวเฉียวเยว่รู้สึกว่าตนเองได้รับความอัปยศอย่างใหญ่หลวง "แง้...." จึงปล่อยโฮออกมา จริงๆ เล้ย... หากไม่ขู่สักหน่อย พวกเ้าก็ไม่คิดจะดูแลเด็กให้ดีใช่ไหม
ผู้ใหญ่อย่างพวกเขาดูแลเด็กไม่เป็หรือ ซาลาเปาน้อยสองคนควรจะวางในตำแหน่งที่ถูกที่ควรมิใช่หรือ เล่นปล่อยปละซี้ซั้วอย่างนี้ เด็กไม่ก่อความวุ่นวายก็แปลกแล้ว
ไท่ไท่สามรีบแยกบุตรสองคนออกจากกัน ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า "เอาล่ะ เอาล่ะ เด็กดี จะแกล้งพี่สาวไม่ได้นะ"
"ท่านแม่ ท่านแม่..." เสียงใสกังวานดังเข้ามา ปากน้อยๆ ของเสี่ยวเฉียวเยว่ฉีกยิ้มกว้าง
เสี่ยวเฉียวเยว่ดิ้นแรงเป็พิเศษ ไท่ไท่สามวางนางบนเตียงเตา แต่เสี่ยวเฉียวเยว่ก็ยังคงกลิ้งหลุนหลุน ไท่ไท่สามหน้าถอดสี เกรงว่านางจะหล่นลงไปที่พื้น
"เด็กคนนี้..."
เสี่ยวเฉียวเยว่กระดกศีรษะ หันไปที่ประตู
ม่านประตูถูกเลิกขึ้น แม่นางน้อยวัยห้าหกขวบเดินเข้ามา นางเกล้ามวยซาลาเปาสองข้าง ริมฝีปากแดงฟันขาว ผิวใสเกลี้ยงเกลาปานหยกบดละเอียด สวมชุดกระโปรงสีชมพูดูน่ารักเหมือนตุ๊กตา
"วา วา" เสี่ยวเฉียวเยว่พยายามออกแรงอย่างเต็มที่ ชูมือน้อยๆ ขอให้อุ้ม
แม่นางน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นางคือเสี่ยวอิ้งเยว่พี่สาวแท้ๆ ของนางเอง
ปีนี้เสี่ยวอิ้งเยว่เพิ่งจะหกขวบ แต่ตามกฎของสกุลซู นับว่าถึงวัยเริ่มเรียนหนังสือแล้ว แม้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยเพิ่งจะเข้าศึกษาปีนี้ แต่กลับเฉลียวฉลาดและรู้ความมาก นางหิ้วกระเป๋าผ้าใบน้อยไปเรียนวิชากับอาจารย์ที่เรือนหลังอย่างเคร่งครัดทุกวัน
ฮูหยินผู้เฒ่ารักหลานสาวคนนี้ที่สุด หลังเลิกเรียนก็มักจะมารับไปที่เรือนอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้เสี่ยวเฉียวเยว่จึงไม่ค่อยได้พบพี่สาวของตนเอง
ส่วนไท่ไท่สาม ่นี้มัวแต่ยุ่งกับเ้าตัวเล็กสองคน จึงเคยชินเสียแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเฉียวเยว่ชอบพี่สาวคนนี้มาก เมื่อเทียบกับน้องชายที่ชอบขบเท้าของนางแล้ว พี่สาวย่อมดีที่สุด
เด็กหญิงตัวน้อยอ่อนโยนมาก รู้จักหยอกเล่น และพูดคุยกับนางด้วย
เฉียวเยว่ยื่นมือออกไป ไท่ไท่สามจึงเอ่ยว่า "พี่สาวเ้าอุ้มเ้าไหวที่ไหน เ้าเนี่ยนะ"
เสี่ยวอิ้งเยว่ถอดรองเท้าอย่างเป็ระเบียบ แล้วปีนขึ้นมาบนเตียงเตา นางยิ้มหวาน "น้องสาวเด็กดีที่สุด" ก่อนจะจับมือเล็กจ้อยของเฉียวเยว่
เฉียวเยว่คลานกระดึ๊บๆ มาข้างเสี่ยวอิ้งเยว่ แล้วฉีกยิ้มอย่างน่ารัก
อิ้งเยว่จิ้มแขนจ้ำม่ำของนาง เอ่ยด้วยความตื่นเต้น "น้องสาวน่ารักจัง"
"แง้..." อาจเป็เพราะรู้สึกว่าไม่มีคนสนใจ เสี่ยวฉีอันก็เลยร้องไห้ออกมา ไท่ไท่สามรีบเข้าไปปลอบเขา "ไม่ร้อง ไม่ร้อง โอ๋ๆ ไม่มีคนสนใจเ้าใช่หรือไม่?"
เฉียวเยว่รู้สึกว่าตนเองจะทำตัวเรียกร้องความสนใจอย่างนี้ไม่ได้ ถึงอย่างไรผู้อื่นก็เป็เด็กผู้หญิง นางแสร้งทำตัวเป็เด็กรู้ความยังจะดีกว่า
"น้องสะใภ้สาม อยู่หรือไม่?" เสียงแหลมของสตรีดังขึ้น เสี่ยวเฉียวเยว่รีบเงี่ยหูทันควัน เหอะๆ ใช่ท่านป้ารองที่เกือบจะทำนางหลุดมือหรือเปล่า?
แล้วก็เป็ดังคาด ไม่ช้าม่านประตูก็ถูกคนเปิดออก กลิ่นเครื่องหอมพุ่งเข้ามาปะจมูก
เสี่ยวเฉียวเยว่ค่อนขอดอยู่เงียบๆ ในใจ หากถามว่าทำไมท่านลุงรองจอมเ้าชู้คนนั้นถึงไม่ชอบท่านป้ารอง ก็คงเพราะทนกลิ่นฉุนแสบจมูกของนางไม่ไหวนี่แหละ
จะว่าไป ไท่ไท่รองก็เป็สาวสวยโฉมสะคราญคนหนึ่ง เมื่อเทียบกับมารดาผู้อ่อนโยนของนาง ความงามของท่านป้ารองเป็ความสวยชนิดทำลายล้าง แบบเดียวกับฟ่านปิงปิง [1]
แต่คิดๆ ดูแล้ว หากไม่สวยก็คงไม่ได้แต่งเข้าจวนซู่เฉิงโหว ตามที่เสี่ยวเฉียวเยว่รู้มา ไท่ไท่ของทั้งสามบ้าน ครอบครัวของไท่ไท่รองนับว่ามีภูมิหลังที่ธรรมดาที่สุด
"อ้าว อิ้งเยว่กลับมาแล้วหรือ น้องสะใภ้สามช่างมีบุญวาสนาจริงๆ ดูสิ มีทั้งบุตรชายหญิงอยู่ข้างกายพร้อมหน้า ไหนเลยจะเหมือนเกอเอ๋อร์ของเรา นายท่านบอกว่าเขาหน่วยก้านดี ทุกวันหลังเลิกเรียนก็ยังจะตามไปศึกษาเพิ่มเติมข้างนอกอีก คิกๆ คิกๆๆ" ถ้อยคำของไท่ไท่รองแฝงไปด้วยความโอหังลำพอง แต่บุตรชายคนนี้ก็เป็สิ่งเดียวที่นางพอจะโอ้อวดได้
ทว่าไท่ไท่สามกลับไม่เก็บมาใส่ใจ นางเพียงหัวเราะเบาๆ "นั่นก็ดีแล้ว"
ถึงแม้จะเป็ถ้อยคำที่นุ่มนวล แต่ไท่ไท่รองกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์ สิ่งที่นาง้าคือท่าทีอิจฉาริษยาที่มีต่อตนเอง ไม่ใช่การวางเฉยเยี่ยงนี้
แต่ไม่ช้านางก็ยิ้มพรายพลางกล่าวขึ้นอีกว่า "จริงสิ ได้ยินมาว่าพรุ่งนี้เ้าจะพาเด็กๆ ไปออกงานเลี้ยงด้วยหรือ?"
พูดถึงเื่นี้ดวงตาของนางก็ลุกวาวด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไท่ไท่สามอมยิ้ม "แม่ทัพิ่ส่งเทียบเชิญมา ย่อมต้องไป เมื่อก่อนข้าเคยเรียกเขาว่าพี่ชาย ก็เห็นเขาเป็พี่ชายของตนเองมาโดยตลอด ครานี้เขากลับมาพร้อมกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ก็สมควรต้องไปแสดงความยินดี"
ถ้อยคำนี้เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่ไท่ไท่รองกลับมองนางอย่างพินิจ คิดหมายจะจับผิดจากสีหน้าและการแสดงออกของอีกฝ่าย แต่ก็หาไม่พบ
นางถ่มน้ำลายค่อนขอดในใจ _เสแสร้งดัดจริต_
แล้วก็กล่าวอีกว่า "มันก็จริง จะว่าไป น้องสะใภ้สามก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสกุลิ่ แต่ได้ยินว่าภรรยาของเขาเป็สตรีหยาบกระด้าง ป่าเถื่อนและเอาแต่ใจเป็ที่สุด ส่วนคุณชายน้อยผู้นั้นก็หยาบคายเกเร จิ๊จิ๊ ได้ยินแว่วๆ มาว่าฮูหยินผู้เฒ่าสกุลิ่เคยปรารภว่าหากไม่เกิดเหตุจับพลัดจับผลูั้แ่แรก น้องสะใภ้สามก็แต่งเข้าตระกูลเขาไปแล้ว คิดมาคิดไปสถานการณ์ก็คงจะไม่เป็อย่างตอนนี้"
ไท่ไท่รองอิจฉาริษยาน้องสะใภ้สามที่ใช้ชีวิตอย่างราบรื่นไปเสียทุกสิ่ง โอกาสหายากแบบนี้ นางไม่คิดจะปล่อยไปอยู่แล้ว อยากจะยุแยงสร้างความปั่นป่วนให้บ้านสามจนแทบทนไม่ไหว
ไท่ไท่สามช้อนตาขึ้น สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง "พี่สะใภ้รองอย่ากล่าวเหลวไหล คนนอกลือกันไปส่งเดชย่อมเป็เพราะขาดวิจารณญาณ สักแต่พูดตามกันมา แต่หากพี่สะใภ้ยังจะพูดไร้สาระเฉกเช่นหญิงปากยื่นปากยาวข้างนอกเ่าั้ ก็จะทำให้คนดูแคลนจวนซู่เฉิงโหวของเราได้ ฮูหยินผู้เฒ่าิ่สุขุมเยือกเย็นเป็ที่นับหน้าถือตา คนธรรมดาไหนเลยจะเทียบเทียมได้ นางไม่มีทางกล่าววาจาไม่เหมาะสมเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเป็ฝีมือใครที่ปล่อยข่าวลือส่งเดช หากคนมีสมองได้ยินก็จะรู้สึกว่าเป็เื่น่าขัน เป็การเอาความคิดเยี่ยงคนถ่อยไปประเมินจิตใจของสัตบุรุษแท้ๆ"
ไท่ไท่สามหาใช่คนที่ใครจะมายั่วยุได้ง่ายๆ เื่ตีวัวกระทบคราดนางก็ทำเป็ ทั้งยังกล่าวต่ออีกว่า "ในโลกมีคนประเภทนี้อยู่เยอะ ตนเองเป็คนแบบไหน ก็คิดว่าคนทั้งโลกจะเป็เหมือนอย่างตนเอง แต่กลับไม่รู้ว่าสิ่งใดคือขอบเขตที่เหมาะสมอย่างแท้จริง"
ไท่ไท่รองหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แต่ยังคงพูดว่า "ข้าก็แค่ได้ยินมา ไม่ได้พูดส่งเดชเอาเอง น้องสะใภ้สามไม่จำเป็ต้องร้อนตัวเช่นนี้ ไม่มีใครเขาคิดมากกันหรอก ฮ่าๆ"
ไท่ไท่สามคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม กล่าวว่า "ร้อนตัว? ข้าร้อนตัวตรงไหน? นายท่านสามเคยพูดกับข้า ไม่ว่าเมื่อไร แม่ทัพิ่ก็จะเป็พี่ใหญ่ของพวกเราเสมอ เมื่อนับถือกันเป็พี่น้องย่อมต้องปกป้องอย่างสุดความสามารถ ไม่ใช่เห็นดูผู้อื่นพูดจาใส่ไคล้ครอบครัวเขา แต่กลับวางเฉย หากทำเช่นนี้ รังแต่จะทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าไม่มีคุณธรรมเพียงพอ"
เสี่ยวเฉียวเยว่เบิกตากว้างมองมารดาของตนเอง พลันรู้สึกว่า มารดาของนางดูเหมือนนุ่มนวลอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบได้แม้แต่น้อย
อืม นางชอบหญิงแกร่งแบบนี้ หากเป็สตรีนุ่มนิ่มอ่อนแอปล่อยให้ผู้อื่นรังแกละก็ นางคงต้องรีบเติบโตเพื่อมาปกป้องหม่าม้าของตนเอง
ตอนนี้นางเป็แม่หนูน้อยสามารถเป็ตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่
ทว่า... มีบางเื่เด็กเล็กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน!
เสี่ยวเฉียวเยว่พลิกตัว กลิ้งๆๆ จนไปถึงหน้าจานผลไม้ เอื้อมมือไปคว้าผลองุ่นที่ล้างสะอาดแล้วผลหนึ่งบีบไว้ในมือ
หลังจากนั้นก็ม้วนตัวกลิ้งต่อ หลุนๆๆ
ไท่ไท่รองเห็นเสี่ยวเฉียวเยว่กลิ้งมาข้างตัวนาง ในใจรู้สึกชิงชัง แต่กลับยังทำสีหน้ายิ้มแย้ม "ดูท่าเ้าตัวเล็กจะชอบข้านะเนี่ย"
เสี่ยวเฉียวเยว่ฉีกยิ้มกว้าง ใช่สิ ใช่สิ ชอบเ้า
นางยกมือเล็กจ้อยชูขึ้นแล้วปาเข้าไปอย่างแรง
"์ นี่อะไรกันเนี่ย"
ไท่ไท่รองถูกปาด้วยผลองุ่น ชุดหรูหราราคาแพงก็เปรอะเปื้อนในชั่วพริบตา
"นางเด็กบ้า!" ไท่ไท่รองเงื้อมือ
ไท่ไท่สามรีบอุ้มเสี่ยวเฉียวเยว่ขึ้นมา สีหน้าตกประหม่าเล็กน้อย "พี่สะใภ้รอง ต้องขออภัยด้วยจริงๆ เจี่ยเอ๋อร์ยังเล็ก นางไม่รู้ความ"
หลังจากนั้นก็แสร้งตบก้นน้อยๆ ที่อุดมไปด้วยเนื้อของนางทีหนึ่ง "นางหนูคนนี้ ทำไมถึงซนนักนะ"
เสี่ยวเฉียวเยว่ชำเลืองมอง ส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊าก แล้วยื่นมือน้อยๆ ของนางไปทางไท่ไท่รองอีก...
...
[1] ฟ่านปิงปิงเป็ดาราสาวสาวสวยผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของประเทศจีนปัจจุบันอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว มีรูปลักษณ์ที่สวยเจิดจรัส เธอแจ้งเกิดในบทบาทของจินสั่ว สาวใช้ในเื่ องค์หญิงกำมะลอ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้