ซือคงจวินเย่ลุกขึ้นพูดในตอนนี้ “ภาพวาดทั้งสองภาพ ทุกคนต่างได้เห็นแล้ว! ข้าคิดว่าไม่ว่าจะเป็เื่ของสีสันและรายละเอียด ทักษะและความหมายของภาพวาด ล้วนเป็ภาพวาดของหลานเฟยเหนียงเหนียงที่เหนือชั้นกว่า ดังนั้น การแข่งขันรอบนี้ ควรจะเป็หลานเฟยเหนียงเหนียงชนะ!”
คำพูดของเขาเพิ่งจะกล่าวจบ เฟิ่งชังลุกขึ้นยืนด้วยความไม่ยินยอมทันที เขาคัดค้าน “คำพูดของไท่จื่อไม่ถูกต้องนัก! ภาพวาดของฮองเฮาเหนียงเหนียง มีความกล้าหาญที่จะสร้างความแปลกใหม่ ใช้วิธีการปักผ้ามาวาดภาพแผนที่ของวังหลวงอันยิ่งใหญ่ ด้วยทักษะขั้นเทพ ทำให้คนรู้สึกชื่นชม! ขอถามว่าใครสามารถปักภาพที่มีรายละเอียดมากมายเช่นนี้ในเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งชั่วยามได้บ้าง ทั้งการเย็บปักที่ยุ่งยากซับซ้อนอีก ดังนั้น กระหม่อมคิดว่าการแข่งขันรอบนี้ ควรเป็ฮองเฮาที่เป็ฝ่ายชนะพ่ะย่ะค่ะ!”
เขาหันไปพูดกับสหายขุนนางที่อยู่ฝ่ายเดียวกันในยามปกติ “ไม่รู้ว่าทุกท่านเห็นด้วยกับความเห็นของข้าหรือไม่”
สหายเหล่านี้ล้วนรีบก้าวออกมากล่าวเสริมทันที
“ท่านมหาเสนาบดีพูดถูกต้องแล้ว! ทักษะเข็มบินของฮองเฮา ทั้งอดีตและอนาคตไม่มีเคยมีมาก่อน เมื่อเปรียบเทียบกับภาพวาดธรรมดาแล้วความยากมีมากกว่าเป็ร้อยเท่า”
“ยังมีรายละเอียดในภาพวาดดูยิ่งใหญ่และใจกว้างมองการณ์ไกลกว่าภาพวาดของหลานเฟยเหนียงเหนียงมากมายนัก ทันทีที่เห็นก็รู้ว่าเป็คนใจกว้างมีเมตตาเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็ประมุขของตำหนักใน!”
“นี่ยังต้องพูดอีกหรือ แน่นอนว่าต้องเป็ฮองเฮาที่ชนะ!”
“ข้ายืนข้างฮองเฮาเหนียงเหนียง!”
“ข้าก็ยืนข้างฮองเฮาเหนียงเหนียง!”
“...”
ได้ยินคำพูดของคนเหล่านี้เฟิ่งเฉี่ยนลอบหัวเราะกับตัวเอง คนเหล่านี้ทำเพื่อประจบเอาใจบิดาของนาง จริยธรรมอันใดล้วนไม่้าแล้ว นางเสียอีกที่รู้สึกหน้าแดงแทนพวกเขา!
ทว่า จะสนใจไปทำไมกัน!
มีบิดาให้พึ่งพาอาศัย เหตุใดจึงไม่อาศัยเล่า
นางมิใช่คนชอบหาเื่ปานนั้น!
องค์หญิงหลานซินได้ยินเช่นนั้นมีโทสะทันที!
คนเหล่านี้ช่างหน้าไม่อายนัก ยังมีออกนอกหน้ากว่านี้หรือไม่
ดวงตางดงามหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อกวาดผ่านร่างของซือคงเซิ่งเจี๋ย ริมฝีปากบางแย้มออก “หากว่าด้วยเื่ทักษะการวาดภาพแล้ว พี่สามของข้าเป็ผู้ที่มีผลงาน กระทั่งราชินีอวิ๋นซูยังเคยเอ่ยปากชื่นชมทักษะการวาดภาพของพี่สาม กล่าวว่าเขามีทักษะการเดินหมากล้อมและการวาดภาพเป็เลิศทั้งคู่ ไม่สู้ให้เขามาเป็ผู้ตัดสิน”
นางจงใจยกราชินีอวิ๋นซูออกมา ทางหนึ่งเพื่อดึงท่านทูตทั้งสองมาอยู่ข้างตน อีกทางหนึ่งเพื่อกดข่มขุนนางเหล่านี้!
คนหนึ่งได้รับการยอมในทักษะการวาดภาพจากราชินีอวิ๋นซู คำพูดของเขาย่อมมีน้ำหนักและมีความยุติธรรม อีกทั้งเขายังเป็พี่สามของตน ย่อมต้องยืนอยู่ข้างนางเช่นกัน ดังนั้น หมากก้าวนี้ของนางเดินได้เยี่ยมยอด!
ทุกคนได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปมองซือคงเซิ่งเจี๋ย สำหรับเซียนหมากล้อมผมเงินที่มีชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกลท่านนี้ ทุกคนยังคงให้ความรู้สึกเลื่อมใส
บนโลกใบนี้ก็เป็เช่นนี้ ผู้เข้มแข็งได้รับการเคารพนับถือจากผู้คนตลอดกาล ส่วนผู้อ่อนแอได้รับเพียงการเหยียบย่ำและดูแคลนจากผู้คน!
ซือคงเซิ่งเจี๋ยผมสีเงินอาภรณ์สีขาว เขานั่งเอนกายอยู่ที่นั่นในท่าทีเกียจคร้าน ทว่ากลับงดงามเสียจนคล้ายปีศาจที่หลงเข้ามาในโลกมนุษย์ งดงามเสียจนคนไม่กล้ามอง!
ได้ยินคำพูดของน้องสาว เขาเลิกคิ้วเรียวยาวของตนขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงกังวานนั้นดังขึ้น “พวกท่าน้าฟังความจริงหรือความเท็จ?”
คนทั้งหมดอับจนคำพูดไปอึดใจหนึ่ง พวกเขาย่อม้าฟังความจริง ความเท็จมีอะไรน่าฟังกัน
องค์หญิงหลานซินมองเขาอย่างตั้งหน้าตั้งตา “พี่สาม ท่านก็พูดความจริงเถอะ! เชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ที่นี้ล้วนไม่กล้ากังขาต่อคำพูดของท่าน!”
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้ว นางคิดว่านี่เป็กับดัก ซือคงเซิ่งเจี๋ยเป็เสด็จพี่ขององค์หญิงหลานซิน คนบ้านเดียวกันย่อมช่วยเหลือกัน สถานการณ์นี้ไม่ดีต่อนางอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่กำลังคิดเช่นนี้ พลันเห็นดวงตาเรียวยาวของซือคงเซิ่งเจี๋ยกวาดผ่านมาทางนาง คิ้วเรียวนั้นเลิกขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับรอดูนางอยู่ นางถลึงตากลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ “องค์ชายสามมีอะไรเชิญพูดตามตรง ส่วนเื่ที่ว่าจะฟังหรือไม่ฟัง เชื่อหรือไม่เชื่อ นั่นเป็เื่ของผู้อื่น!”
แววตาไหววูบ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนของซือคงเซิ่งเจี๋ยยกขึ้นน้อยๆ เขาหัวเราะเบาๆ แล้วพูดด้วยเสียงอันดัง “ตามที่ข้าเห็นแล้ว ภาพวาดของพวกเ้าทั้งสองคน ไม่ว่าจะจากความหมาย สีสัน ภาพโดยรวมและทักษะ...”
เขาจงใจหยุดและพูดช้าๆ เน้นๆ ทีละคำ “ไม่ เข้า ตา สัก คน!”
เสียง เคร้ง ดังขึ้นกลางท้องพระโรง บรรยากาศกระอักกระอ่วนอย่างยิ่งยวด
องค์หญิงหลานซินหน้าเขียวทันที ร่างของนางแข็งเกร็งอยู่ที่นั่น มุมปากกระตุก
เฟิ่งเฉี่ยนเองตะลึงงันเช่นกัน นางเกือบจะสำลักน้ำลายของตนเอง หน้าผากย่นยู่
ซือคงเซิ่งเจี๋ยผู้นี้ มิเสียแรงที่เป็เซียนหมากล้อมผมเงิน ทำอะไรอย่างบ้าคลั่งและตามใจตนเองเสมอ ไม่เคยคิดจะไว้หน้าพวกนางแม้สักกระผีก!
นางเป็คนนอก แล้วไปเถิด กระทั่งน้องสาวของตนเองก็ไม่ไว้หน้า ช่างเป็ซือคงเซิ่งเจี๋ยตัวจริงเสียงจริง!
นางรู้สึกจิตใจปลอดโปร่งทันที
ซือคงเซิ่งเจี๋ยไม่รับรู้ถึงความกระอักกระอ่วนในบรรยากาศ เขายังคงพูดต่อไปว่า “มาพูดถึงภาพปักของฮองเฮาก่อน แม้จะเป็ภาพผ้าปักที่มีความโดดเด่นต่างจากทั่วไป แต่ยังคงไม่อาจปิดบังจุดอ่อนทางด้านทักษะการวาดภาพ สิ่งที่นางวาดออกมาเป็เพียงสิ่งของที่มองเห็นเพียงคร่าวๆ ไม่ว่าจะเป็ฝีเข็มและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ความแม่นยำ บอกได้เพียงว่านางเป็คนที่มองเข้ามาจากด้านนอกเท่านั้น นางขาดจินตนาการของตนเอง! ต้องรู้ก่อนว่า การวาดภาพขั้นสูงที่สุดคือความหมายของภาพและจินตนาการของผู้วาด ทั้งสองอย่างนี้นางล้วนไม่มี! ดังนั้น ข้าคิดว่าภาพผ้าปักภาพนี้ของนางไม่เข้าตาแม้สักกระผีก...”
เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง แล้วใช้สายตาประหลาดอย่างที่สุดมองเฟิ่งเฉี่ยน แล้วใช้น้ำเสียงแฝงความประหลาดกล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยค “และข้าสงสัยเหลือเกินว่า ฮองเฮาถนัดเพียงการวาดแผนที่เท่านั้น?”
ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ไม่ไว้หน้าก่อนหน้านี้ เฟิ่งเฉี่ยนเกือบจะอาเจียนเป็เือยู่แล้ว เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของเขา นางกระอักเืจริงๆ!
ปีศาจตนนี้ ดวงตาร้ายกาจยิ่งนัก! ถึงกับมองออกถึงขั้นที่รู้ว่านางวาดเป็เพียงแผนที่! ปีศาจโดยแท้!
องค์หญิงหลานซินได้ยินพี่สามของตนวิจารณ์ภาพวาดของฮองเฮาจนไม่มีชิ้นดี นางเบิกบานใจที่สุด เมื่อหันไปมองสีหน้าราวกับกินแมลงวันไปครึ่งตัวของเฟิ่งเฉี่ยน ในใจนางยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่อง อย่างไรพี่สามก็อยู่ข้างนาง แผนการนี้ของนางมาถูกทางแล้ว!
วินาทีถัดมา ซือคงเซิ่งเจี๋ยหันหน้ามามองภาพสีน้ำมันขององค์หญิงหลานซิน เขาเริ่มวิจารณ์ “สำหรับภาพวาดภาพนี้ของหลานซินเหนียงเหนียง แม้ทักษะการวาดภาพและการใช้สีจะใช้ได้ดี แต่นางกลับหลงลืมสิ่งสำคัญที่สุดไปอย่างหนึ่ง...”
องค์หญิงหลานซินตะลึงงัน นางหลงลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดไปอย่างหนึ่ง เป็ไปได้อย่างไรกัน
คืออะไรกันแน่?
นางตั้งใจฟังต่อไป
ซือคงเซิ่งเจี๋ยหยุดไปครู่หนึ่งจึงพูดต่ออีกว่า “สิ่งที่นางทำตกหล่นหายไป เรียกว่า หัวข้อของภาพวาด!”
ดวงตาขององค์หญิงหลานซินตื่นตะลึง มองไปทางเขาด้วยความประหลาดใจ
ซือคงเซิ่งเจี๋ยพูดต่อ “ทุกคนพิจารณาดูให้ละเอียด ภาพวาดภาพนี้ได้บรรยายถึงบรรยากาศงานเลี้ยงของวังหลวง ดูแล้วครึกครื้นยิ่ง เสียงสนทนา เสียงหัวเราะ เขียนอยู่บนสีหน้าและท่าทางของทุกคนล้วนวาดออกมาได้อย่างละเอียด แต่ใครสามารถบอกกับข้าได้บ้างว่า ภาพนี้้าพูดถึงอะไร เหตุใดคนในภาพจึงมีสีหน้าท่าทางอย่างที่เห็นในภาพนี้ พวกเขากำลังเฉลิมฉลองอะไรกันอยู่ ดีใจเื่อะไร? กำลังสนทนากันด้วยเื่อันใด?”
ด้วยการชี้แนะของเขา ทุกคนจึงพิจารณาภาพวาดอย่างละเอียดถี่ถ้วน และเข้าสู่ห้วงภวังค์ความคิดของตน รวมไปถึงตัวองค์หญิงหลานซินเองด้วย
ใช่แล้ว! ภาพวาดงานเลี้ยงในวังคึกคักครึกครื้นยิ่งยวด เสียงหัวเราะและเสียงสนทนาของผู้คน แต่เหตุใดพวกเขาจึงมาสนทนาและหัวเราะกันเล่า?
องค์หญิงหลานซินตระหนักได้ว่าปัญหาอยู่ที่ใด นั่นเป็เพราะ นางเจตนาตัดคนๆ หนึ่งออกไปจากภาพนี้ ประจวบเหมาะกับการมีอยู่ของคนๆ นี้ ทำให้นางสูญเสียสิ่งที่เรียกว่า ข้อหัว สูญเสียความหมายของมันไป!
เมื่อคิดได้ถึงจุดนี้ องค์หญิงหลานซินหน้าแดงก่ำ ในใจอึดอัดคับข้องอย่างที่สุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้