ปี๊นนๆๆ เฟี้ยว! แง้นนน ~ เสียงจากการจราจรที่คับคั่งด้านนอกไม่ว่าจะรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือรถโดยสารสาธารณะดังเล็ดลอดเข้ามาภายในรถญี่ปุ่นที่กำลังมีสองหนุ่มสาวนั่งติดแหง็กอยู่กับไฟแดงบนแยกนี้มาได้ไม่ต่ำกว่าสามสิบนาทีแล้ว
“นั่นไฟเขียวแล้วหรอ…ตดยังไม่ทันหายเหม็นเลยหมดละ” เสียงทุ้มพูดขึ้นหลังจากรถเคลื่อนตัวไปได้เพียงนิดและดูทรงแล้วว่าน่าจะต้องติดอีกรอบ
“5555 พี่ตดหรอ…” เมจิขำกับการเปรียบเปรยของคนข้างๆ
“งืมมม…เมว่าจะถามพี่อยู่” เสียงหวานเอ่ยต่อั์ตาคมเลยหันมามองอย่างรอฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด
“พี่เจอเมแล้วพี่โอเคไหมหรือมีอะไรที่ไม่ชอบบอกได้เลยนะ”
เธอถามออกไปตามตรงก่อนจะสบสายตากับเขาที่ก็กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน
“ไม่มี…ไม่มีอะไรที่ไม่ชอบ” เสียงทุ้มตอบกลับแล้วจ้องมองเข้ามาในตาของเธอนิ่ง
“อ่อ…พี่ไฟเขียวแล้ว!”
เมจิที่กำลังจะตอบกลับแต่ตาดันเหลือบไปเห็นไฟที่ถูกเปลี่ยนเป็สีเขียวก่อนเลยรีบสะกิดบอกพี่วินว่าถึงนาทีทองแล้ว!ทำให้รถที่จอดนิ่งอยู่เคลื่อนตัวออกไปและแน่นอนว่าเราสองคนผ่านไฟแดงมาได้แบบหวุดหวิดชนิดที่ว่าลุ้นจนแทบลืมหายใจก็ไม่เกินจริงเพราะขนาดตอนดูหนังก็ยังไม่ตื่นเต้นเท่านี้เลย…
แต๊ก แต๊ก แต๊ก เสียงไฟเลี้ยวดังขึ้นก่อนที่รถญี่ปุ่นจะเลี้ยวเข้าไปจอดยังลานจอดรถในโรงแรมที่เธอพัก
“พรุ่งนี้กลับแล้วนี่ พี่จะได้เจอเราอีกเมื่อไหร่” วินหันไปถามคนข้างตัวหลังจากรถจอดนิ่งสนิท
“อืม…ก็ถ้าเมได้งานเร็วก็ได้เจอเร็วแต่ถ้ายังไม่ได้ก็น่าจะ่เดือนหน้านะ”
“แล้วที่พักล่ะ ถ้าได้งานแล้วจะอยู่ไหน”
“รอให้ได้งานก่อนเมค่อยคิดดีกว่า” ยังไงก็คงไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่เพราะงั้นก็น่าจะพอหาทัน…
“อืม เอางั้นหรอ”
“ค่ะ งั้นเมขอตัวก่อนนะ ขะ…”
“เดี๋ยวสิ…พี่ยังไม่ได้ถามเมเลย” เสียงทุ้มเอ่ยขัดก่อนจะพูดต่อ
“ฮึ?”
“เมเจอพี่แล้วเมโอเคหรือเปล่า…หรือไม่ชะ”
“ชอบค่ะ!”
“…”
โอ๊ย ยัยเม! ทำไมแกปากไวอย่างนี้นะ…อายชะมัด ทำไมไม่รอให้ผู้ชายเขาพูดให้จบก่อนเล่า แกกลัวไม่ได้พูดหรือไง อยากจะตีปากตัวเองแรงๆ สักสามสี่ที…คนตัวเล็กที่ได้แต่บ่นกับตัวเองอยู่ในใจกับความปากไวใจเร็ว
“แหะๆ” หัวเราะแก้เก้อไปน่าจะพอได้อยู่เนาะ…
“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานนี่เดี๋ยวถึงดึกนะ พี่กลับเลยไหม…”
“…” เอ๋…แล้วทำไมเขาเอาแต่จ้องหน้าปล่อยให้ฉันพูดอยู่คนเดียวล่ะ
“เอ่อ…งั้นเมไปก่อนนะขอบคุณพี่มากๆ เลยนะคะที่พาเมเที่ยวแล้วก็ดูแลเมอย่างดีเลยตลอดสามวันที่ผ่านมาสนุกมากๆ เลยค่ะ :) ”
เมจิพูดบอกไปตามความรู้สึกจริงๆ ของเธอเพราะตลอดสามวันที่เจอพี่วินเธอสนุกมาก ได้กินได้เที่ยวได้ทำกิจกรรมร่วมกันอีกอย่างอยู่กับเขาเธอก็รู้สึกสบายใจดี
แต่แล้วทำไมเขาก็ยังนิ่งเงียบมองแต่หน้าเธออยู่แบบนั้นไม่พูดอะไรออกมาสักคำ…
“เอ่อ พี่ พี่เป็อะไร” เมจิเอียงหัวก่อนจะยกมือโบกไปมาซ้ายขวาตรงหน้าชายหนุ่ม
เงียบไม่มีสัญญาณตอบรับ
“พี่…โอเคเปล่าเนี่ย?”
ร่างบางถามพร้อมกับเอื้อมมือไปจับต้นแขนแกร่งก่อนจะโน้มตัวเข้าไปหาโดยไม่รู้ว่าใบหน้าสวยได้รูปของเธอเข้าไปใกล้เขามากเกินไป
“…หยุดทำหน้าอ้อนแบบนั้นได้ไหม” วินพูดขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน
“หื้ม…?” เธอไปทำแบบนั้นตอนไหนกัน
หมับ! เมจิเบิกตาโพลงด้วยความใเพราะอยู่ดีๆ พี่วินก็จับแขนเธอก่อนจะดึงตัวเธอเข้าหาตัวเขาทำให้ตอนนี้หน้าเราอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ
อึก…เสียงกลืนน้ำลายลงคอของร่างบางที่กำลังทำตัวไม่ถูก
“คะ คือ” เสียงหวานเอ่ยตะกุกตะกัก
“ชู่ว…ไม่ต้องพูดอะไร” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นใกล้ใบหู
มือหนายกขึ้นประคองใบหน้าเรียวสวยได้รูปก่อนจะใช้นิ้วโป้งถูแก้มนวลเบาๆ ไปมาพร้อมกับั์ตาคมเข้มที่จ้องลึกไปในดวงตาสวยตรงหน้าก่อนจะเลื่อนสายตาไล่ลงมองริมฝีปากอวบอิ่มแล้วละสายตาออกอย่างอ้อยอิ่ง…วินก้มหน้าลงเล็กน้อยปิดเปลือกตาลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาจากนั้นก็เงยหน้ากลับขึ้นมาสบตากับเมจิตามเดิม
“อย่าทำหน้าอ้อนแบบนี้ใส่พี่อีกถ้ายังไม่พร้อมเพราะพี่จะทนไม่ไหว…เข้าใจไหม?”
เมจิที่ยังคงงงกับสถานการณ์ตรงหน้าแต่ก็พยักหน้าตอบไปก่อนด้วยความเอาตัวรอด
“อืม งั้นลงไปได้แล้วครับ ถ้าช้าพี่ตามไปส่งเราถึงห้องแน่”
คนตัวเล็กที่ได้ยินแบบนั้นก็พอจะรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงจริงจังของผู้ชายตรงหน้าเธอว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นแน่ๆ กับสิ่งที่กำลังพูดอยู่ คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็รีบพาตัวเองลงมาจากรถด้วยความว่องไวก่อนจะขอบคุณอีกครั้งแล้วปิดประตู
ร่างบางก้าวขาเดินตรงกลับเข้าโรงแรมไปในทันทีก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่ล็อบบี้แล้วกดส่งข้อความหาคนที่เธอเพิ่งลงจากรถเขามา
เมจิ : ขับรถดีๆ นะคะ ถึงห้องแล้วบอกเมหน่อยนะ :)
ยังไงก็อดเป็ห่วงไม่ได้…มันเป็นิสัยของเธอนี่
พอส่งข้อความเสร็จเรียบร้อยมือเล็กก็เก็บมือถือลงกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องพักของตนเอง พอถึงห้องเธอก็ไม่ลืมที่จะส่งเรซูเม่สมัครงานก่อนเป็อันดับแรกหลังจากนั้นก็ไม่รอช้ารีบเช็ดเครื่องสำอางค์ สครับหน้า แล้วหยิบผ้าขนหนูก่อนจะเดินหายเข้าห้องน้ำไปร่วมชั่วโมงออกมาอีกทีก็อยู่ในชุดพร้อมนอนเป็ที่เรียบร้อย
“เฮ้อออ สบายจังเลย” หญิงสาวเอ่ยออกมาคนเดียวกลางห้องหลังจากหย่อนสะโพกลงที่ปลายเตียงแล้วเอามือยันกับที่นอนเอนตัวไปด้านหลังพร้อมกับเตะขาแกว่งไปมาอย่างสบายอารมณ์
“ดูทีวีหน่อยดีกว่ารีโมทอยู่ไหนนะ” พูดไปมือเล็กๆ ก็ควานหารีโมทไปด้วยเพราะเธอจำได้ว่าวางไว้บนที่นอนนี่แหละ…เจอแล้ว! ติ๊ด!
~ นี่ค่ะเส้นหนึบๆ แบบนี้กับน้ำซุปหม่าล่าเผ็ดๆ ชาๆ อื้อหือออ! ไม่มีอะไรจะอร่อยลงตัวเข้ากันไปมากกว่านี้แล้ว ~
เสียงที่ดังออกมาจากจอั์ตรงหน้ากำลังทำให้คนตัวเล็กที่มองตาปริบๆ ลอบกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก…ใครทนไหวก็ทนแต่ไม่ใช่ยัยเมจิแล้วคนนึง!
มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนที่นิ้วเรียวจะกดเข้าแอปสั่งอาหารเดลิเวอรีอย่างไม่มีท่าทีลังเล
สามสิบห้านาทีหลังจากนั้น…
ซู้ด ซู้ด อื้ม ~
“ไม่มีอะไรจะอร่อยลงตัวเข้ากันไปมากกว่านี้แล้ว 5555” เมจิเลียนเสียงตามแบบรายการอาหารที่เธอดูก่อนหน้านั้นด้วยความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็ผู้ชนะ
“หาอะไรดูหน่อยดีกว่าดึกๆ แบบนี้น่าจะพอมีซีรีส์ฟินๆ ทำให้กระชุ่มกระชวยหัวใจอยู่นะ”
นิ้วเรียวยาวกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปปากเล็กก็ดูดเส้นมันหนึบเข้าคอไปด้วยก่อนจะมาหยุดที่ช่องหนึ่งเป็ซีรีส์รอบดึก ดวงตาเรียวสวยหยุดมองจอนิ่งเพราะในจอกำลังฉายภาพพระนางที่กำลังเล่นบทเลิฟซีนอยู่ภายในรถซึ่งถ้าดูจากมุมกล้องตอนนี้แล้วมันช่างคล้ายกับเธอและพี่วินเมื่อ่หัวค่ำเอามากๆ สมองคิดได้ดังนั้นเมจิก็รีบกดปิดทีวีตรงหน้าก่อนจะวางอาหารที่อยู่ในมือลง
ตึก ตึก ตึก นี่ฉันกำลังใจเต้นงั้นหรอ…
แล้วมันเพราะฉากจากหนังเมื่อกี้หรือเพราะเหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำกันแน่?
เอาเข้าจริงๆ เธอก็แอบสงสัยในตัวเองเหมือนกันเพราะโดยปกติแล้วเธอไม่ใช่คนที่จะสนิทกับใครง่ายๆ ออกจะไปทางไม่เปิดรับคนเข้ามาด้วยซ้ำ อาจจะด้วยนิสัยส่วนตัวที่ค่อนข้างระวังตัวและขี้ระแวงเป็ทุนเดิมอยู่แล้วโดยเฉพาะกับเพศตรงข้ามยิ่งแล้วใหญ่
แต่ที่แปลกคือการเจอเขาครั้งแรกกลับไม่ได้ทำให้เธออึดอัดแต่กลับรู้สึกเหมือนเจอคนสนิทที่คุ้นเคยกันมาเลยเป็ตัวของตัวเองได้เต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้นเลยคือเธอไม่รังเกียจััจากเขาแต่กลับใจเต้นนี่สิ…
“พอๆ เลิกคิดได้แล้วยัยเมจิ ดึกแล้วอย่าฟุ้งซ่าน!”
เมจิบ่นกับตัวเองก่อนจะลุกแล้วเดินขึ้นที่นอน…จริงสิไม่ได้เช็กข้อความพี่วินเลยนี่นา
พี่วิน : พี่ถึงแล้วครับ :)
เขาส่งมาตั้งชั่วโมงกว่าแล้วแหนะ T.T
เมจิ : ขอโทษนะคะเมเพิ่งเช็กข้อความ ฝันดีน้าพี่วินนน ~
มือพิมพ์ตอบข้อความเขาไปใบหน้าสวยก็ถูกประดับไปด้วยรอยยิ้มจางๆ อย่างไม่รู้ตัว…
