หลิงอีและคนอื่นๆต่างพากันจุดธูปเช่นกัน ทว่า เป็หลิงสืออู่ที่ทนไม่ได้ต้องเอ่ยปากถาม“ตอนนั้นตกลงเกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่? เหตุใดพี่หญิงหลันถึงได้ตาย? ”
อวิ๋นซีมองไปยังพวกเขาทั้งสามตอบเสียงเรียบ “สองปีก่อน ตระกูลเฉียวกั๋วกงถูกฆ่าล้างตระกูล เื่นี้พวกเ้าคงจะรู้อยู่แล้วสินะ”หากคิดอยากจะชักกระบี่อันคมกริบนี้ออกมาก็จำเป็ต้องบอกความจริงในตอนนั้นให้พวกเขารู้
“แน่นอนอยู่แล้วตะกูลเฉียวกั๋วกงร้อยกว่าคนถูกปะาตัดหัวสิ้น” ในใจหลิงอีมีความไม่สงบวาบผ่าน“แต่ แล้วมันเกี่ยวข้องอันใดกับหลันเอ๋อร์? ”
“แท้จริงแล้วบุคคลที่เป็ผู้ก่อตั้งหอรุ่งอรุณขึ้นมาก็คือชายารัชทายาทเฉียวอวิ๋นซีและคุณชายหลิงเซียวส่วนหลันจือนั้นเป็สาวใช้ข้างกายคนสนิทของชายารัชทายาท” อวิ๋นซีจดจ้องไปยังพวกเขาขณะบอกเล่าเื่ราวถึงกระนั้นเื่การกลับชาติมาเกิดใหม่ก็ยังเป็เื่ที่ยากแก่การจะเข้าใจจนเกินไปนางจึงไม่คิดบอกใคร รวมถึงจวินเหยียนด้วย แต่หากเขาสามารถเดาได้ นั่นก็ถือเป็เื่ของเขาเองส่วนนางจะไม่ยอมรับ หรือปฏิเสธอันใดทั้งนั้น
“ท่านว่าอะไรนะ! ”คนทั้งสามเบิกตากลมโตทันที “ท่านว่า หอรุ่งอรุณนั้นเป็ชายารัชทายาทเฉียวและคุณชายหลิงเซียวที่ก่อตั้งขึ้น? ”
“ถูกต้อง ข้างกายเฉียวอวิ๋นซีนั้นมีสาวใช้ใหญ่สองนางคนหนึ่งมีนามว่าอาเถา ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือหลันจือ ข้าเดาว่าหลันจือคงจะเคยกล่าวถึงอาเถาให้พวกเ้าได้ยินมาบ้างแล้วนอกจากนี้ เื่ราวในตอนนั้นก็เป็ตอนที่ชายารัชทายาทต้องพิษร้าย อีกทั้ง บ้านเดิมของนางอย่างตระกูลเฉียวจู่ๆก็ถูกคนใส่ร้าย เื่ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ในวันที่ตระกูลเฉียวถูกปะา เฉียวอวิ๋นซีเองก็ให้กำเนิดบุตรสาวและสิ้นใจไปในเวลาต่อมาตอนหลังเป็หลันจือและอาเถาที่ช่วยกันเสี่ยงชีวิตตนพาเด็กคนนั้นออกมา ทว่า ในตอนนั้นที่พวกนางสิ้นไร้หนทางหลันจือก็ได้ลอบพาเด็กหนีมายังหานโจว เพียงแต่ระหว่างทางคนต้องพบเจอกับการไล่ฆ่านับไม่ถ้วนดังนั้น ตอนที่หลันจือมาถึงที่นี่ ตัวนางก็จวนเจียนจะหมดลมลงไปทุกที สุดท้ายเมื่อนางฝากฝังเด็กคนนั้นไว้ให้หานอ๋องแล้วก็ล้มลงไปสิ้นใจในทันที”
คำพูดของอวิ๋นซีทำให้หลิงอีผงะถอยหลังไปสองสามก้าว ตอนนั้นที่ตระกูลเฉียวเกิดเื่ขึ้น ตัวเขาเองก็ยังอยู่ในเมืองหลวงทั้งยังเห็นตระกูลเฉียวทั้งตระกูลถูกปะากับตาตน ถึงแม้เขาจะเคารพเฉียวกั๋วกงอยู่หลายส่วนแต่ความที่เป็นักฆ่า จึงไม่อาจไปเสี่ยงอันตรายใดเพื่อคนตระกูลเฉียวได้
ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายแล้วตระกูลเฉียวที่เขาเห็นศีรษะร่วงหล่นลงกับตานั้นจะเป็ผู้มีพระคุณของตนเป็ญาติของนายท่านของตน อีกทั้ง แท้ที่จริงแล้ว สตรีที่เขารักก็อยู่ใกล้ตนแค่เพียงเอื้อมแต่ตัวเขากลับไม่เคยรู้อันใดเลย
“หลิงเซียวเป็ลูกเลี้ยงของเฉียวกั๋วกงคนมีความสัมพันธ์อันดีกับเฉียวอวิ๋นซีมาแต่เล็ก ตอนนั้น ตอนที่เกิดเื่ขึ้น ตัวเขาอยู่ด้านนอกจึงรอดพ้นภัยร้ายไปได้ แต่ที่น่าเสียดายก็คือ กว่าเขาจะกลับมาถึงคนเ่าั้ก็ตายไปหมดแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ออกตระเวนไปทั่วทุกสารทิศ สุดท้ายจึงได้รู้ว่าหลันจือพาบุตรสาวของเฉียวอวิ๋นซีมายังหานโจว”
หลิงอีขอบตาแดงก่ำขณะมองอวิ๋นซี“ตอนนั้น เหตุใดพวกเขาถึงไม่ติดต่อพวกเรา” ถึงแม้ว่ายามนั้นหอรุ่งอรุณจะยังไม่ใช่นักฆ่าขั้นสุดยอดแต่ความสามารถที่มีก็ไม่อาจดูแคลนได้ หากให้ลองสู้ตายสักครั้งละก็ ไม่ว่าอย่างไรจักต้องช่วยคนเ่าั้ได้แน่
“ในใจของหลันจือหากไม่ใช่เพราะถูกบังคับจนทำอันใดไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าอย่างไรนางย่อมไม่มีทางมาหาพวกเ้าแน่เพราะว่า หอรุ่งอรุณนั้นเป็เสมือนที่พึ่งสุดท้ายให้บุตรสาวของเฉียวอวิ๋นซีและคุณชายหลิงเซียวการจะไปหาพวกเ้าอาจทำให้ราชสำนักตรวจพบ ซึ่งหากเป็เช่นนั้น ไม่แน่ว่า พวกเราอาจไม่มีหอรุ่งอรุณอย่างทุกวันนี้แล้วก็เป็ได้”นางพูดเรียบๆ
หลิงจิ่วถามกลับ“ถ้าเช่นนั้นจวิ้นจู่น้อยในจวนหานอ๋องก็คือบุตรสาวของอดีตชายารัชทายาท เฉียวอวิ๋นซี? ”
“ถูกต้อง เด็กคนนั้นคือเด็กที่หลันจือเสี่ยงอันตรายฝ่าความตายพามายังดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือนางเป็สายเืเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูลเฉียว” อวิ๋นซีไม่ได้บอกออกไปว่า หวานหว่าน ‘เป็หนึ่งในคนตระกูลเฉียวที่ยังหลงเหลืออยู่’ เพราะเื่บางเื่พูดเท่านี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว
“หากข้าเข้าใจไม่ผิดท่านก็คือพระชายาของหานอ๋อง พระมารดาในนามของจวิ้นจู่น้อย ทุกคนล้วนพูดกัน หรือว่าตัวท่านจะไม่เคยโกรธแค้นการมีอยู่ของจวิ้นจู่น้อย”หลิงอีเป็คนหนึ่งที่มีสติมีเหตุผล ในสายตาของเขา การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของอวิ๋นซีย่อมไม่มีทางเป็เื่ดีอย่างแน่นอนอย่างไรเสีย เื่ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นก็มีจุดที่น่าสงสัยมากมายเกินไป
“ถูกต้องข้าเป็มารดาในนามของหวานหว่าน และแน่นอน แน่นอนหากพวกเ้าคิดว่าข้าจะทำร้ายหวานหว่านละก็ จักสังหารข้าเสียตอนนี้เลยก็ย่อมได้”อวิ๋นซีมองหลิงอีด้วยสายตาสงบนิ่ง ในตอนนั้นเหตุที่นางให้หลิงอีเป็ผู้ดูแลหอรุ่งอรุณก็เพราะเห็นว่าคนผู้นี้สุขุมและเฉลียวฉลาดยิ่ง
หลิงสืออู่ชักกระบี่ออกมาชี้ไปยังอวิ๋นซีนางพูด “เ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ” หากว่าเื่ที่สตรีตรงหน้าพูดเป็ความจริงเช่นนั้นหวานหว่านก็คือนายหญิงน้อยของพวกตน เด็กที่พี่หญิงหลันปกป้องไว้ด้วยชีวิต ดังนั้นยามนี้คนไม่อยู่แล้ว การปกป้องนี้ก็สมควรให้คนของหอรุ่งอรุณรับ่ต่อ
“สืออู่วางกระบี่ลง” หลิงจิ่วเดินเข้าไป มองหลิงสืออู่ “คุณชายหลิงยอมบอกเล่าเื่ราวตั้งมากมายเพียงนี้ให้ชายาหานอ๋องทราบเกรงว่าพระองค์คงจะเป็บุคคลที่เชื่อถือได้ ทว่า ตอนนี้พวกเราอยากรู้ว่า นายหญิงน้อยเป็อย่างไรบ้างแล้ว”
หากว่าหลันจือคือหลันเอ๋อร์ในตอนนั้นจริงๆคำพูดทุกถ้อยคำที่อวิ๋นซีพูดออกมาก็ไม่น่าจะเป็เื่โกหกแน่ อีกทั้ง ตามความสามารถของคนในหอรุ่งอรุณการจะสืบเสาะเื่เหล่านี้ก็นับว่าง่ายดายยิ่ง เขาจึงคาดว่าอวิ๋นซีเองก็คงไม่กล้าเล่นลูกไม้ใดในเื่นี้
“ตอนที่เฉียวอวิ๋นซีตั้งครรภ์นางถูกพิษ ทำให้หวานหว่านต้องพิษั้แ่ตอนที่อยู่ในครรภ์มารดา หลายปีมานี้ท่านอ๋องของข้าได้แต่เพียรพยายามหายาถอนพิษมาโดยตลอดตอนนี้เหลือแค่สมุนไพรอย่างสุดท้ายเท่านั้น ข้าก็จะสามารถทำยาถอนพิษให้หวานหว่านได้แล้ว”อวิ๋นซีบอกเื่เหล่านี้ไปตามจริง โดยไม่กังวลเลยสักนิดว่าพวกเขาจะแพร่งพรายออกไปอย่างไรเสียเด็กในตอนนั้นก็ได้ตายไปในกองเพลิงนานแล้ว ส่วนตอนนี้ เด็กที่มีชีวิตรอดอยู่ก็เป็เพียงบุตรสาวของจวินเหยียนและเฉียวอวิ๋นซี
หากหยดเืตรวจหาความเป็ญาติเืของจวินเหยียนและหวานหว่านจะต้องหลอมรวมเข้าด้วยกัน และจะเป็ที่ประจักษ์ชัดว่าเด็กไม่ใช่พ่อลูกแท้ๆ กับโอวหยางเทียนหัว ต่อให้เื่นี้จะแพร่ไปถึงหูของโอวหยางเทียนหัวนางก็เชื่อมั่นว่าเขาย่อมไม่กล้ามาสืบตรงๆ แน่ แต่หากมาแบบลับๆ ละก็ คนย่อมต้องมีแผนร้าย? หึหึ นางหัวเราะเ็าในใจอย่างไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
“สมุนไพรอย่างสุดท้ายอยู่ที่ใด?พวกเราจะไปนำมาให้เอง” หลิงอีพูด
อวิ๋นซีส่ายหน้า“พวกเ้าไม่ต้องกังวล สมุนไพรอย่างสุดท้ายกำลังมาที่หานโจวแล้ว อันที่จริง วันนี้ที่หลิงเซียวให้พวกเ้ามาเซ่นไหว้หลันจือก็เพียงเพราะอยากจะบอกพวกเ้าว่าการจะแก้แค้นให้คนตระกูลเฉียวได้จำต้องอาศัยการช่วยเหลือจากพวกเ้า”
เมื่อหลิงอีได้ยินก็พยักหน้า“เื่นี้เราจะกลับไปปรึกษาพี่ๆ น้องๆ ก่อน หากว่าได้ผลเป็เช่นไรจักต้องรีบมาบอกท่านแน่นอน”
ระหว่างทางกลับเซียงเอ๋อร์อดไม่ได้ให้มองผู้เป็นายอยู่หลายครั้ง อวิ๋นซีปิดตาลงแล้วเอ่ยถาม“มีอะไรจะพูดก็พูด อย่าได้ปิดบังไว้เชียว”
“พระชายา เหล่าคนเมื่อครู่เป็อันใดกับแม่นางหลันหรือเพคะ? ” พวกนางย่อมรู้ถึงฐานะของแม่นางหลันดี แต่มิคาดพระชายาจะพาคนเ่าั้ไปเซ่นไหว้อีกฝ่าย
สิ่งที่ควรต้องรู้หลันจือเป็คนของชายารัชทายาทคนก่อน ด้วยเหตุนี้ พระชายาของพวกนางและหลันจือจะไปรู้จักกันได้อย่างไรไหนจะยังรู้จักคนแปลกหน้าที่มาในวันนี้อีก ซึ่งคนเ่าั้เพียงนางมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ใครที่จะสามารถเข้าไปหาเื่ได้โดยง่ายโดยเฉพาะคนที่เป็หัวหน้า ผู้มีนามว่าหลิงอี แค่ได้เห็นคนคนนั้นก็พอจะรู้แล้วว่า เขาจักต้องเป็คนที่มืออาบย้อมไปด้วยเืสดอย่างแน่นอน
อวิ๋นซีเลิกคิ้ว“เซียงเอ๋อร์ เปิ่นเฟยคิดมาตลอดว่าเ้าเป็คนฉลาด”
เมื่อเซียงเอ๋อร์ได้ยินคำกล่าวนั้นก็รีบคุกเข่าลงแล้วพูดว่า“พระชายา บ่าวผิดไปแล้วเพคะ” เซียงเอ๋อร์ก้มหัวลงพระชายาแต่งเข้าจวนอ๋องมานานเพียงนี้แล้ว ไม่เคยมีสักครั้งที่จะกริ้วให้ได้เห็นเดิมทีนางคิดเพียงว่าจะถามไปตามความสงสัยที่ผุดขึ้นในใจก็เท่านั้น ซึ่งพระชายาเองก็คงจะตอบกลับมาแน่มิคาดครานี้ผู้เป็นายจะโกรธขึ้นมา