ซินเป่าถือเป็บ่าวรับใช้ที่คล่องแคล่วยิ่งนัก เขานำถั่วสำหรับอาบน้ำมาทำให้เกิดฟอง หลังจากอาบน้ำจนสะอาดเช็ดตัวเขาจนแห้งแล้วก็อุ้มเขามาที่เก้าอี้ยาวซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าต่างตัวหนึ่ง บนเก้าอี้ยาวตัวนั้นได้ปูผ้าห่มเอาไว้แล้ว อากาศในเดือนห้าค่อนข้างร้อน แต่เมื่อลมยามกลางคืนพัดผ่านเข้ามาก็ยังคงเย็นสบายอยู่บ้างเล็กน้อย
“เสี่ยวโหวเหฺย นี่เป็แป้งฝุ่นที่พี่ผิงอันนำมาให้บ่าวขอรับ พร้อมทั้งกำชับว่าต้องทาให้ท่าน” ซินเป่าถือแป้งฝุ่นตลับหนึ่งเดินเข้ามา
หลี่ลั่วนอนคว่ำ “บนหลัง บนก้น หว่างขา ทาเถิด”
เมื่อทาแป้งเสร็จแล้ว ซินเป่าก็ปรนนิบัติหลี่ลั่วสวมเสื้อตัวในสีขาว เมื่อสวมเสื้อตัวในเรียบร้อยหลี่ลั่วจึงเอนกายพิงอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว “หยิบหนังสือแพทย์สองเล่มนั้นมา จากนั้นเ้าก็ไปทำงานอย่างอื่นเถิด”
“ขอรับ”
ซินเป่าถอยออกไปอาบน้ำ ผิงอันและลวี่ผิงนั้นเฝ้าอยู่หน้าประตูเพื่อรอปรนนิบัติ
ส่วนหลี่ลั่วนั้นอ่านหนังสือจนกระทั่งถึงยามไฮ่[1]แล้วจึงได้หลับไป
ในยามอิ๋นเจิ้งหนึ่งเค่อ[2] ของวันถัดมา สาวใช้ทั้งสี่ยืนอยู่หน้าเตียงเพื่อปลุกหลี่ลั่วให้ตื่น เวลารุ่งสางของจวนโหวนั้นคือยามเหม่าสองเค่อ[3] เวลาตื่นนอนยามเช้าเช่นนี้ ยังลำบากกว่าสมัยเมื่อครั้งหลี่ลั่วสอบเกาเข่า[4]เสียอีก ในฐานะที่เป็ผู้นำครอบครัวของจวนโหว หลี่ลั่วรู้สึกว่าเขามีหน้าที่ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงเวลาเหล่านี้เสียหน่อย มิเช่นนั้นเพียงเพื่อการคารวะในยามเช้าแล้วต้องตื่นเช้าเช่นนี้ทุกวันเขาตื่นไม่ไหว
เมื่อถึงยามเหม่าเขาก็ได้ไปถึงเรือนหยวนเซ่อแล้ว หลี่หยางซื่อตื่นแล้วเช่นกัน นางพาเขาและหลี่หลินไปยังเรือนว่านโซ่วเพื่อคารวะยามเช้า
“มารดา ตอนเช้าต้องตื่นเวลานี้ทุกวันเพื่อมาคารวะหรือขอรับ?” หลี่ลั่วถาม
หลี่หยางซื่อนิ่งอึ้งไป แล้วจึงกล่าวยิ้มๆ “ที่เรือนของมารดานั้นมิต้องดอก เ้ายังเล็กนัก ต้องนอนให้มากจึงจะรูปร่างสูง สำหรับเรือนของท่านย่าเ้านั้นต้องเป็เวลานี้ แต่...แต่เ้าเป็เ้าของจวนโหว อะไรก็ไม่สำคัญเท่าเ้า”
“ทำไมไม่เห็นพี่ใหญ่มาด้วยกันล่ะขอรับ?” หลี่ลั่วไม่เห็นหลี่หง
“ชายหญิงเมื่ออายุเจ็ดขวบจะไม่นั่งร่วมกัน[5] ดังนั้นเมื่อผู้ชายอายุถึงเจ็ดขวบจะต้องย้ายออกไปอาศัยที่เรือนชั้นนอก และด้วยเหตุนี้เมื่อผู้ชายอายุถึงเจ็ดขวบจึงมิต้องมาคารวะยามรุ่งสางอีก” เหตุผลบนโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่ชายสูงศักดิ์หญิงต่ำต้อยอย่างชัดเจน ผู้ชายมิว่าจะทำเื่อันใดมักมีข้อได้เปรียบอยู่เสมอ
นั่นก็ยังอีกตั้งสองปีเชียวนะ? ต่อให้สองปี เขาก็คงไม่ไหว
“ลั่วเอ๋อร์ เมื่อไปถึงเรือนท่านย่าเ้า ไม่ว่าเื่ใดขอให้อดทนอดกลั้น ท่านย่าของเ้า...มิใช่ย่าแท้ๆ ของเ้า นางเป็คนที่...ออกจะเข้มงวดอยู่บ้าง” หลี่หยางซื่อได้แต่เอ่ยเตือน นางมิอาจเอ่ยปากว่าหลี่เหล่าไท่ไท่ปฏิบัติต่อเรือนที่สองอย่างเข้มงวดยิ่ง
“มารดาโปรดวางใจขอรับ”
ณ เรือนว่านโซ่ว
ในยามที่หลี่หยางซื่อพาหลี่ลั่วและหลี่หลินเข้าไปนั้นเป็เวลาที่ต้องคารวะยามเช้าพอดี ฝ่ายภรรยาหลี่ฮุย[6]พาคนจากเรือนใหญ่ และฝ่ายภรรยาหลี่ฮ่าว[7]พาคนจากเรือนสาม ทั้งหมดล้วนมาถึงกันก่อนแล้ว พวกเขาทั้งสองเรือนมาถึงที่นี่เช้ากว่าปกติทุกวัน เหตุผลนั้นทุกคนย่อมรู้ดี เมื่อหลี่หยางซื่อและพวกเขาเข้าไป ทุกคนต่างมองมาที่ประตู สายตาของทุกคนต่างก็หยุดอยู่ที่ร่างของเด็กชายที่ก้าวเท้าเข้ามา
เด็กชายอายุห้าขวบ รูปร่างดูเตี้ยกว่าเด็กในวัยเดียวกันเล็กน้อย ทว่าผิวพรรณขาวผ่อง หน้าตางดงามเหลือเกิน สวมเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนทั้งตัว รองเท้าบูตสั้นสีดำ ผมนั้นใช้หยกสีขาวรวบเอาไว้ ดวงตากระจ่างใส ไม่เหมือนเด็กที่เติบโตอยู่ข้างนอกเลยแม้แต่น้อย
“น้องสะใภ้รอง นี่คือคุณชายหกของพวกเราใช่หรือไม่? หน้าตาชวนมองยิ่งนัก” ภรรยาหลี่ฮุยเดินขึ้นหน้ามา น้ำเสียงของนางกระตือรือร้นยิ่ง
หลี่หยางซื่อจับมือของหลี่ลั่วแนะนำ “พี่สะใภ้ใหญ่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว นี่คือเสี่ยวโหวเหฺยแห่งจวนโหวของพวกเรา ลั่วเอ๋อร์ นี่คือท่านป้าใหญ่ของเ้า”
“ท่านป้าใหญ่สบายดีนะขอรับ”
ภรรยาหลี่ฮุยตกตะลึง หลี่หยางซื่อเจตนาเอ่ยว่า ‘เสี่ยวโหวเหฺยแห่งจวนโหวของพวกเรา’ ความหมายนั้นไม่ต้องพูดก็กระจ่างแจ้ง ทันใดนั้นนางก็ยิ้มแล้วหยิบถุงเงินออกมาใบหนึ่ง ยัดใส่มือของหลี่ลั่ว “นี่เป็ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ป้าใหญ่ให้เ้า เอาไปเล่นเถิด” จากนั้นก็จับจูงมาทางด้านหลี่หม่าน “นี่คือพี่รองของเ้า หม่านเจี่ยเอ๋อร์”
หลี่หม่านทำปากยู่ สายตาของนางไปหยุดอยู่บนศีรษะของหลี่หลิน วันนี้หลี่หลินแต่งกายไม่เหมือนทุกวันที่ผ่านมาซึ่งเคยสวมเพียงแค่อาภรณ์สีเรียบๆ นางในวันนี้สวมชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนทั้งชุด บนศีรษะของนางประดับปิ่นปักผมทองคำผีเสื้อสีรุ้งที่หลี่ลั่วมอบให้นางเมื่อวานนั่นเอง สีสันที่ส่องสว่างรับกับผิวพรรณขาวผ่องหน้าตางดงามของนาง ทำให้แลดูสุภาพอ่อนหวานยิ่งนัก
“พี่รอง” หลี่ลั่วเรียก
[1] ยามไฮ่ (亥初) คือการนับ่เวลาในสมัยจีนโบราณ เป็่เวลาั้แ่ 21.00-22.59 น.
[2] ยามอิ๋นเจิ้งหนึ่งเค่อ (寅正一刻) ยามอิ๋น เป็่เวลาั้แ่ 03.00-04.59 น. ยามอิ๋นเจิ้งหนึ่งเค่อ คือเวลา 04.15 น.
[3] ยามเหม่าสองเค่อ (卯初二刻) ยามเหม่า เป็่เวลาั้แ่ 05.00-07.00 น. ยามเหม่าสองเค่อ คือเวลา 05.30 น.
[4] เกาเข่า (高考) คือการสอบของเด็กมัธยมปลายเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศจีนทั้งประเทศ ซึ่งมีความกดดันต่อตัวเด็กและผู้ปกครองมาก รวมไปถึงญาติพี่น้องในบ้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด พื้นที่ชนบทที่ห่างไกล หากสอบได้จะเป็ความภาคภูมิใจเยี่ยงวีรบุรุษและวีรสตรี
[5] ตามธรรมเนียมของชาวจีนโบราณ หากเด็กผู้ชายอายุครบ 7 ขวบ ก็จะไม่นั่งร่วมกับเด็กผู้หญิงและสตรีอื่นๆ
[6] ภรรยาหลี่ฮุย คนจีนในสมัยโบราณ มักเรียกสะใภ้ตามด้วยชื่อลูกชายของตน ในที่นี้หลี่ฮุยเป็บุตรชายคนโตที่เกิดจากอนุ (ซู่จั๋งจื่อ) ภรรยาของเขาจึงเป็สะใภ้ใหญ่ หรือเรียกว่าเรือนใหญ่
[7] ภรรยาหลี่ฮ่าว หมายถึง สะใภ้ที่เป็ภรรยาของหลี่ฮ่าว หลี่ฮ่าวเป็บุตรชายคนที่ 3 ภรรยาของเขาคือสะใภ้คนที่สาม หรือเรียกว่าเรือนที่สาม