ณ ศาลาแห่งหนึ่ง ในหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย
“แค่กๆ” ท่านเ้าบ้านาุโยังคงไออย่างต่อเนื่อง
อวิ๋นโม่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง มองชายชราด้วยความกังวล ขณะเอ่ยถาม “ท่านเ้าบ้านาุโ ดีขึ้นหรือไม่ขอรับ?”
ท่านเ้าบ้านยกยิ้มบางๆ แล้วตอบ “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็ไร เพียงแต่ข้าแก่มากแล้ว เมื่อเล่นกู่ฉินเพื่อเรียกจิติญญาแห่งเสียงเพลง จึงได้รับผลกระทบเล็กน้อย”
“อีกสิบวัน? ที่ทะเลอิ๋นเยวี่ย?” อวิ๋นโม่ขมวดคิ้วแน่น
“ใช่แล้ว! ทะเลอิ๋นเยวี่ย ที่นั่นเป็ที่ที่ท่านอิ๋นเยวี่ยเคยอาศัยอยู่... ฮ่าๆ! ท่านอ๋องลู่หยาง คิดว่าข้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ?” ท่านเ้าบ้านพูด พลางถอนหายใจเล็กน้อย
“รู้อะไรหรือขอรับ?” อวิ๋นโม่ถามอย่างงุนงง
“เ้ายังไม่รู้อีกหรือ ว่าข้าทำอะไรไม่ได้แล้ว... อวิ๋นโม่ หลังจากที่ข้าจากไป เ้าต้องดูแลหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยให้ดี จงจำเอาไว้ ว่าหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยยังต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่น เราต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น รากฐานจึงจะมั่นคง
หลายปีมานี้ ข้าไม่อาจสร้างความมั่นคงให้หมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย จึงต้องใช้กู่ฉินระดับเซียน เพื่อแลกกับความชื่นชมของผู้คน หากเป็ยุคสมัยของนายท่านอิ๋นเยวี่ย เขาจะวางกู่ฉินระดับเซียนไว้ที่หน้าประตู คอยดูว่าจะมีใครกล้ามาเอามันไป?
ทุกขุมกำลังในใต้หล้า ต่างก็ภาคภูมิใจที่ได้สร้างความสัมพันธ์อันดีกับเขา หากวันใดต้องต่อสู้กับคนชั่ว ก็ไม่จำเป็ต้องให้ท่านอิ๋นเยวี่ยลงมือ ขุมกำลังนับพันจะถอนรากถอนโคนพวกมันเอง” ท่านเ้าบ้านกล่าว อย่างทอดถอนใจ
“ท่านเ้าบ้าน ท่านก็มีความสามารถยิ่ง... ข้า อวิ๋นโม่ด้อยกว่ามาก” อวิ๋นโม่เอ่ยอย่างเศร้าใจ
“เก่งกาจ? อา! ข้าหวังว่าเ้าจะแข็งแกร่งกว่าข้า เช่นนั้นจึงจะปกป้องหมู่บ้านได้” ท่านเ้าบ้านาุโมองอวิ๋นโม่
“มัน... ท่านเ้าบ้าน ไม่ต้องกังวล ท่านต้องไม่ตาย!” อวิ๋นโม่กัดฟันพูด
“เ้าบ้าไปแล้วหรือ ข้าเป็เทพเซียนองค์ไหนกัน ถึงไม่ตาย?” เ้าบ้านาุโพูด พลางฝืนยิ้ม
เพียงครู่หนึ่ง ก็มีศิษย์ของหมู่บ้านคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน “ท่านเ้าบ้าน โม่อี้เคออยู่ที่นอกหมู่บ้าน แจ้งว่าจะขอเข้าพบท่าน”
“โม่อี้เคอ?” ท่านเ้าบ้านเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ขอรับ! ท่านโม่อี้เคอพูดว่าจะเข้ามาเพียงคนเดียว ให้ผู้ติดตามคนอื่นๆ รออยู่ข้างนอก และที่ต้องขอเข้าพบท่านเ้าบ้านาุโ ก็เพราะมีเื่สำคัญต้องปรึกษาขอรับ” ศิษย์หมู่บ้านรายงาน
ท่านเ้าบ้านเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้ารับ “เชิญเขาเข้ามาเถอะ”
“ขอรับ!”
ไม่นานนัก โม่อี้เคอก็ถูกพาตัวไปยังศาลาแห่งนั้น
“โม่อี้เคอคารวะท่านเ้าบ้านแห่งหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย” โม่อี้เคอทักทายอย่างสุภาพ
“ท่านโม่ทักทายข้าก็พอแล้ว ตอนนี้ข้าอ่อนแอ จึงไม่ค่อยสะดวกที่ จะต้อนรับนัก ท่านโม่โปรดยกโทษให้ด้วย” ท่านเ้าบ้านาุโกล่าว พร้อมยิ้มเล็กน้อย
“นี่คงจะเป็ท่านเ้าบ้านน้อยใช่หรือไม่? เป็คนหนุ่มที่อาจหาญจริงๆ” โม่อี้เคอโค้งคำนับอวิ๋นโม่เล็กน้อย
“มิกล้า!” อวิ๋นโม่ตอบ
“ท่านเ้าบ้านน้อยเกรงใจเกินไปแล้ว... ท่านเ้าบ้านาุโ ครั้งนี้ผู้น้อยมาแทนท่านอ๋อง เพื่อส่งของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับท่านเ้าบ้าน มันจะสามารถช่วยให้ท่านก้าวข้ามข้อจำกัดได้” โม่อี้เคอบอก พร้อมยกยิ้ม
“หืม?” ท่านเ้าบ้านเลิกคิ้วด้วยความพิศวง
โม่อี้เคอมองอวิ๋นโม่ เป็เชิงบอกใบ้บางอย่าง
“อีกไม่นานอวิ๋นโม่ก็จะขึ้นเป็ท่านเ้าบ้านเต็มตัวแล้ว ไม่จำเป็ต้องปิดบังอะไร” ท่านเ้าบ้านพูดเสียงเรียบ
“แน่นอน! เ้าบ้านน้อยแค่รอเข้าพิธีแต่งตั้งเท่านั้น” โม่อี้เคอกล่าว พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย และรีบเปลี่ยนเื่ทันที โดยการหยิบกล่องที่ตนเตรียมมา ส่งให้อีกฝ่าย
“หืม?”
อวิ๋นโม่ประคองท่านเ้าบ้านมาข้างหน้า แล้วมองกล่องใบนั้นด้วยความสงสัย
“เปิดดูสิ” ท่านเ้าบ้านาุโเอ่ยปาก
“ขอรับ!”
อวิ๋นโม่ค่อยๆ เปิดกล่องหยกออก ทันใดนั้น ภายในก็มีแสงสีทองจางๆ ลอยออกมา มันเป็ลูกท้อสีทองลูกหนึ่งที่วางอยู่ในกล่องหยก ดูคล้ายลูกท้อร้อยปีที่กู่ไห่เคยได้มา แต่ครึ่งล่างของลูกท้อ กลับเป็สีแดงเื
“นี่คือ?” อวิ๋นโม่ถามด้วยความกังขา
“ลูกท้อร้อยปีจากดินแดนแรกสาบสูญ กินหนึ่งผล สามารถยืดอายุออกไปได้ร้อยปี เพื่อให้ท่านาุโได้เพิ่มอายุขึ้นอีกร้อยปี” โม่อี้เคอบอกยิ้มๆ
“อะไรนะ? ลูกท้อร้อยปี? ลูกท้อ? ท่านเ้าบ้าน ท่านจะได้เพิ่มอายุมากขึ้นอีกร้อยปีเลยทีเดียว” อวิ๋นโม่พูดด้วยสีหน้ายินดี
แต่ท่านเ้าบ้านาุโกลับไม่ตื่นเต้นแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาสั่นไหวอย่างหวาดหวั่น “ต้นท้อร้อยปี ถูกท่านอ๋องลู่หยางนำออกมาอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว! ไม่นานมานี้ ข้าเพิ่งกลับมาจากดินแดนแรกสาบสูญ ตอนนั้นลูกท้อร้อยปีถูกคนเด็ดไปหมดแล้ว เหลือเพียงต้นไม้ที่ว่างเปล่าเท่านั้น ท่านอ๋องจึงพยายามอย่างสุดความสามารถ ที่จะหล่อเลี้ยงต้นท้อ จนได้ลูกท้อเพิ่มอีกสิบลูก จึงให้ข้าส่งมันมาให้ท่านทันที”โม่อี้เคอบอกยิ้มๆ
ท่านเ้าบ้านส่ายหน้าเล็กน้อย พลางยิ้มบางๆ “ขอบพระทัยท่านอ๋องสำหรับความเมตตา แต่ผู้น้อยกลับไม่ประสงค์ที่จะทนทุกข์”
“หืม?” โม่อี้เคอเลิกคิ้วด้วยความกังขา
“ท่านเ้าบ้าน...” อวิ๋นโม่เอ่ยเสียงแ่อย่างร้อนรน
ท่านเ้าบ้านส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ต้นไม้อายุวัฒนะบนแผ่นดิน ไม่ได้มีเพียงต้นท้อนี้ หากข้ายอมบากหน้าก็สามารถไปขอมาได้ แต่ข้าไม่เคยคิดจะใช้วิธีนี้
จริงๆ แล้ว ตอนนั้นข้ากับท่านผู้เฒ่าก็นับว่าคุ้นเคยกันดี หากข้า้าลูกท้อร้อยปี ก็สามารถไปขอร้องเขาได้ แต่ข้าก็ไม่ได้ทำ
ท่านโม่รู้หรือไม่ ว่าเพราะเหตุใด ดินแดนแรกสาบสูญจึงเปิดขึ้นทุกๆ 200 ปี?”
“เพราะเหตุใด?” ใต้เท้าโม่ถามขึ้นอย่างสงสัย
“ต้นไม้นี้ฝืนชะตาฟ้าดิน การเอาชีวิตรอดจากชะตาฟ้า และลิขิตแห่ง์นั้น เ็ปเกินไป ต้นท้อร้อยปีจึงจะให้ผลเพียงครั้งเดียว ในรอบร้อยปี
แต่ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ท่านอ๋องลู่หยางก็ได้ผลไม้ใหม่ออกมาแล้ว ท่านโม่เองคงจะไม่รู้ถึงสถานการณ์ของมันหรอกกระมัง” ท่านเ้าบ้านาุโกล่าว พลางยิ้มอย่างขมขื่น
ใต้เท้าโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ท่านเ้าบ้าน ต้นไม้อายุวัฒนะเป็อย่างไรหรือขอรับ? เหตุใดท่านจึงไม่กินลูกท้อร้อยปี?” อวิ๋นโม่ถามอย่างร้อนรน
ท่านเ้าบ้านาุโมองอวิ๋นโม่ พร้อมส่งยิ้มบางๆ ให้ “เ้ารู้จักต้นท้อร้อยปีในดินแดนแรกสาบสูญหรือไม่? รู้หรือไม่ว่าอาหารของต้นท้อร้อยปีคืออะไร?“
“หืม?”
“ตอนที่อยู่ในมือของท่านผู้เฒ่า ต้นท้อร้อยปีจะถูกปลูกเอาไว้ในที่ลึกลับ เ้ารู้หรือไม่? ต้นไม้อยู่ท่ามกลางดวงอาทิตย์ แต่รากอยู่ในดินแดนหยิน ซึ่งมีสารอาหารเป็ิญญา
รู้หรือไม่ว่าคือิญญาอะไร? มันคือภูตผีที่ตายอย่างทรมาน เป็ชีวิตหยางที่ถูกนำมาเป็อาหาร... ได้ยินมาว่าคนที่ชื่อ ‘เว่ยเซิงเหริน’ เป็ผู้ช่วยเขาสร้างเขตแดนลึกลับนั้น
เหอะๆ! ลูกท้อร้อยปีหนึ่งลูก ก่อตัวจากิญญามากน้อยเพียงใด? ลูกท้อที่หล่อเลี้ยงด้วยภูตผีเช่นนี้ เ้าว่าข้าควรกินอย่างนั้นหรือ? ใช้ภูตผีเป็สารอาหาร เพื่อสร้างพลังชีวิตขึ้นมาใหม่ มันก็เป็แค่การเอาชีวิตรอดและยืดอายุอย่างเห็นแก่ตัวเท่านั้น
แม้แต่เว่ยเซิงเหริน ก็มิได้พบจุดจบที่ดีเช่นกัน กฎแห่ง์ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงได้ แค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น” ท่านเ้าบ้านอธิบาย
“หา?” อวิ๋นโม่อึ้งเล็กน้อย
“ลูกท้อร้อยปีลูกนั้น ข้าไม่อยากกิน เ้าคิดว่าข้าจะกินลงหรือ? เ้าเห็นสีแดงเืที่ครึ่งล่างของลูกท้อร้อยปีนี้หรือไม่? ท่านอ๋องลู่หยางคงจะใช้คนมาเป็อาหารของต้นท้อ” จู่ๆ ท่านเ้าบ้านก็กล่าวขึ้น ขณะมองไปยังโม่อี้เคอ
โม่อี้เคอนิ่งไปชั่วขณะ ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
“คน? นำคนเป็ๆ มาเป็อาหารสำหรับต้นท้อร้อยปี?” อวิ๋นโม่พูดด้วยความหวาดกลัว
“ใช่แล้ว! การเอาชีวิตรอดของต้นท้อ ต้องแลกมาด้วยการนองเื ท่านโม่ โปรดเก็บไปเถอะ ข้าทนเห็นมันไม่ไหว” ท่านเ้าบ้านบอกด้วยรอยยิ้มบางๆ
ใต้เท้าโม่ยิ้มเจื่อนๆ “แล้วแต่ท่านเถอะ ในเมื่อท่านเ้าบ้านไม่ยินยอม เช่นนั้น ก็ช่างเถอะ...”
“ท่านโม่ มีอะไรอีกหรือไม่?” ท่านเ้าบ้านมองไปยังอีกฝ่าย
ใต้เท้าโม่มองกลับไปที่ท่านเ้าบ้าน เงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยิ้มเศร้า พลางตอบ “ไม่มีแล้ว ข้าน้อยต้องขอตัวไปก่อน”
“อวิ๋นโม่ ไปส่งท่านโม่” ท่านเ้าบ้านาุโสั่งเสียงแ่ พร้อมยิ้ม
“ขอรับ!” อวิ๋นโม่ยื่นลูกท้อร้อยปีคืนไปให้
ใต้เท้าโม่โค้งคำนับเล็กน้อย แล้วเดินตามอวิ๋นโม่ออกไป
เมื่อคนทั้งสองจากไป ก็เหลือเพียงท่านเ้าบ้านาุโ ที่มองตามแผ่นหลังของท่านใต้เท้าโม่ซึ่งเดินจากไป ด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น
“อนิจจา! ท่านโม่ผู้นี้ฉลาดไม่น้อย ข้ารู้ว่าท่าน้าให้เปลี่ยนสถานที่จัดงาน ‘พิธีมอบกู่ฉิน’ แต่หมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยของข้า ไม่อยากมีส่วนร่วมในเื่ของพวกท่าน
ครั้งนี้ข้าอยากจัดงาน ‘พิธีมอบกู่ฉิน’ ที่ทะเลอิ๋นเยวี่ย ท่านก็คงจะเห็นความแน่วแน่ของข้าแล้ว ถึงได้ไม่พูดอะไรสินะ? เหอะๆ! ท่านอ๋องลู่หยางมีผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างท่าน ไม่รู้ว่าเป็เื่ดีหรือร้ายกันแน่” ท่านเ้าบ้านรำพึง จากนั้นจึงยกยิ้มบางๆ
เขาหยิบผ้าที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาเช็ดกู่ฉินโบราณของตนอีกครั้ง
...
เมืองอิ๋นเยวี่ย ณ ตำหนักของท่านอ๋อง
ตำหนักแห่งนี้อยู่บนเกาะลอยขนาดมหึมา บริเวณโดยรอบมีองครักษ์จำนวนมากคอยปกป้อง ส่วน้าเป็พระราชวังขนาดใหญ่
กู่ไห่และหลงหว่านชิงค่อยๆ ก้าวมาตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง ที่มีองครักษ์คอยคุ้มกันอยู่รอบๆ
“ท่านถังจู่ ท่านกู่ ท่านถามผิดคนแล้ว หลายปีมานี้ ข้าอาศัยอยู่ในเมืองอิ๋นเยวี่ยมาตลอด ส่วนท่านแม่ของถังจู่ ถูกสังหารในทะเลพันเกาะ ข้าจะรู้ได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้น ข้าเป็เพียงผู้ฝึกตนขั้นก่อ์ ท่านถังจู่หลงคงไม่สงสัยข้าหรอกกระมัง?” ท่านอ๋องเหอซื่อคังพูด แล้วยิ้มเศร้า
“ไม่! ข้าแค่ไม่มีเบาะแส แต่จำได้ว่าเมื่อก่อนท่านลุงเหอเคยไปเข้าร่วมงานกู่ฉินของท่านแม่อยู่บ่อยๆ ท่านแม่ยังบอกให้ข้าเรียกท่านว่า ‘ท่านลุง’ ด้วย ข้าเลยอยากจะมาสอบถามดู ว่าท่านลุงเหอมีเบาะแสอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ก็เท่านั้น” หลงว่านชิงกล่าวอย่างผิดหวัง
เหอซื่อคังชะงัก แววตาฉายแววเศร้าโศก ขณะเอ่ย ”แม่ของเ้าหรือ? นางคือผู้ที่สง่างามมาก แต่กลับต้องมาตายเช่นนี้ เฮ้อ!...”
“ลุงเหอเสียใจกับการตายของท่านแม่หรือ แต่ทำไม?...” หลงหว่านชิงเอ่ยถามด้วยความข้องใจ
แต่ยังพูดไม่ทันจบ กลับถูกกู่ไห่รั้งเอาไว้เสียก่อน
เขามองหญิงสาว ที่ส่งสายตามาให้ด้วยความกังขา จึงส่ายหน้าห้ามปรามอีกฝ่าย เมื่อเห็นเช่นนั้น นางจึงพยักหน้าตอบ และไม่ได้พูดอะไรอีก
“ท่านอ๋องเหอ ในเมื่อท่านไม่มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติม เช่นนั้นก็ช่างเถอะ วันนี้รบกวนท่านแล้ว” กู่ไห่ยกยิ้มเล็กน้อย
“อืม!...” ท่านอ๋องเหอพยักหน้า
กู่ไห่และหลงหว่านชิงเอ่ยลา ก่อนเดินออกจากพระราชวังของท่านอ๋องไป
“กู่ไห่ เหตุใดเ้าถึงขัดจังหวะข้า? ข้ากำลังจะถามเหอซื่อคังแล้วเชียว ว่าเหตุใดถึงไม่มาร่วมไว้อาลัยแม่ข้า” ระหว่างทาง หลงหว่านชิงก็ถามอย่างงุนงง
“ที่ข้าห้าม ก็เพราะเราไม่อาจถามอะไรได้ เหอซื่อคังถูกคนจับตาดูอยู่” กู่ไห่ตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“หา?” ท่าทีของหลงหว่านชิงเปลี่ยนไป
“เ้าจำองครักษ์ที่อยู่ไม่ไกลจากเหอซื่อคังได้หรือไหม? ั้แ่แรกที่พวกเราเข้าพระราชวังท่านอ๋องมา เขาก็ ‘ปกป้อง’ ท่านอ๋องเหออยู่ไม่ไกล พวกเราไปไหน เขาก็เดินตาม ตลอดทั้งสามทางแยก สองห้องโถงใหญ่ เขายังคงตามมาติดๆ
เมื่อตอนกลางวัน ที่หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน ทหารองครักษ์ผู้นั้นก็ยืนอยู่ข้างเหอซื่อคังเช่นกัน” กู่ไห่บอกเสียงต่ำ
“อา? เ้าจำทั้งหมดนี้ได้อย่างนั้นหรือ?” หลงหว่านชิงพูดด้วยความประหลาดใจ
“ในเมื่อข้าสงสัยท่านอ๋องเหอ ย่อมต้องสนใจคนรอบข้างเขาเป็ธรรมดา” กู่ไห่อธิบาย
“ดีจริงๆ ที่มีเ้าอยู่ด้วย” หลงหว่านชิงรู้สึกขอบคุณ
“ท่านอ๋องเหอถูกเฝ้าดูอยู่หรือ? มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน? เช่นนั้น การตรวจสอบเบาะแสต่างๆ คงจะยากลำบากแน่” หลงหว่านชิงกล่าวด้วยความกังวล
“จำเทพยดาก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ ท่านอ๋องเองเหอก็มีบัตรเชิญเช่นกัน บางทีเราอาจจะสอบถามเขา ตอนไปทะเลอิ๋นเยวี่ยได้” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
หลงหว่านชิงพยักหน้า
ทั้งสองกลับมาที่ตำหนักเสี่ยวเยว่ ซึ่งตอนนี้ ไต้ซือหลิวเหนียนและซ่างกวนเหินก็กลับมาแล้วเช่นกัน
“ซ่างกวนเหิน ครั้งนี้พวกเ้าออกไปข้างนอก เป็อย่างไรบ้าง?” กู่ไห่ถาม พลางยกยิ้ม
“ฝ่าา พวกเราตามรอยไปที่ทะเลอิ๋นเยวี่ย ที่นั่นมีหัวอสรพิษของาาเสวียนอู่ทั้งหัว... ถ้าข้าได้มันมา ก็จะสามารถบรรลุพลังระดับหยวนอิงขั้นต้น” ซ่างกวนเหินพูดอย่างตื่นเต้น
“โอ้? ทะเลอิ๋นเยวี่ยอีกแล้วหรือ?“ กู่ไห่แปลกใจเล็กน้อย
“ใช่แล้ว! พวกเรายังเห็นัแห่งอธรรมด้วย เป็กลุ่มเดียวกับที่คุณชายอานพาไปล่าเสวียนอู่ในทะเลเหนือก่อนหน้านี้ พวกมันอยู่ในทะเลอิ๋นเยวี่ย ปิดกั้นเส้นทางของพวกเรา” ซ่างกวนเหินเล่า ขณะขมวดคิ้วแน่น