หมี่หลันเยว่เห็นงานฝีมือจากมือแม่ สมองก็พลันแล่นความคิดใหม่ๆ ถึงแม้จะเป็แค่ถุงเสื้อผ้า แต่ในยุคนี้หลายคนอาจไม่ได้ใส่ใจเื่นี้มากนัก ทว่ารูปแบบถุงเสื้อผ้าที่ออกมาจากมือแม่กลับดูประณีตกว่าของเธออย่างเห็นได้ชัด นี่แหละคือความละเอียดอ่อนที่ร้านค้าควรมี
หลันเยว่มองถุงเสื้อผ้าในมือตัวเอง ดูท่าว่าเธอคงต้องทุ่มเทให้กับเื่นี้ให้มากขึ้น แม้คนทั่วไปอาจไม่ได้้าความพิถีพิถัน แต่ถ้าได้ััถุงเสื้อผ้าที่สวยงามเกินคาด ก็ย่อมรู้สึกว่าสินค้าชิ้นนี้น่าดึงดูดใจอย่างแน่นอน
"แม่คะ พอเห็นถุงเสื้อผ้าของแม่ หนูถึงได้รู้ว่างานของเรายังไม่ดีพอ ถุงเสื้อผ้าของเราสองคนวางคู่กัน เห็นชัดเลยว่าของแม่ดึงดูดสายตามากกว่า หลังตรุษจีนหนูคงต้องหาคนมาเพิ่ม ทำงานด้านถุงเสื้อผ้าโดยเฉพาะ ต้องทำให้ได้ระดับเดียวกับแม่ หรือต้องทำให้ดีกว่าด้วยซ้ำ"
หวังหย่วนฉิงอารมณ์ดีที่ลูกสาวชมเชย มือก็พลันทำงานเร็วขึ้น
"ดีๆๆ ถ้าลูกจะรับคนเพิ่ม แม่จะช่วยฝึกให้เอง การพับเสื้อผ้าก็มีเทคนิคของมันนะ นี่คือประสบการณ์ชีวิตหลายสิบปีของแม่เลย"
เฉียนหย่งจิ้นและคนอื่นๆ ก็เห็นถุงเสื้อผ้าในมือของน้าหวังเหมือนกัน ของที่พวกเขาทำเองดูเหมือนจะลวกๆ ไปหน่อย พวกเขาจึงค่อยๆ พับอย่างระมัดระวัง แต่ด้วยความที่ยังเด็ก ประสบการณ์ชีวิตน้อย แถมยังเป็ผู้ชาย นอกจากหลันเยว่ที่ค่อยๆ มีคล้ายแม่แล้ว คนอื่นๆ ก็ยังด้อยกว่าอยู่บ้าง
"จะไม่เทียบก็ไม่รู้จริงๆ พอเทียบกับน้าแล้ว ของพวกเรานี่ดูไม่ได้เลย ดูท่าว่าเราต้องพยายามกันต่อไป ที่แท้ก็คิดว่าเราทำได้ดีแล้ว ที่ไหนได้ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนเก่งยังมีคนเก่งกว่า"
เฉียนหย่งจิ้นถอนหายใจอย่างหมดมาด ทำเอาคนทั้งห้องหัวเราะกันครืน
"พี่หย่งจิ้นเป็คนเก่ง หรือเป็ยอดคนกันแน่คะ?"
หลันเยว่ไม่พลาดโอกาสแซวหย่งจิ้น
"เฮ้อ แต่ก่อนนึกว่าตัวเองเป็เซียน ที่ไหนได้ โดนคุณน้าเขี่ยตกเหวไปแล้ว ตอนนี้ผมก็แค่พอสอบผ่านไปวันๆ เท่านั้นแหละ"
คนอื่นหัวเราะกันจนท้องแข็ง มีแต่เขาที่หน้าตาเคร่งเครียด ทำให้ดูตลกยิ่งขึ้นไปอีก
"ฉันเพิ่งรู้ว่าพี่หย่งจิ้นก็มีมุกตลกเหมือนกันนะเนี่ย"
ทุกคนผลัดกันหยอกล้อกันไปมาอีกสองสามคำ ก็เงียบลง ในโรงงานจึงได้ยินแต่เสียงเครื่องจักรและเสียงฉีกซองถุงเสื้อผ้า งานเข้าสู่่ที่จริงจังอีกครั้ง
งานที่เงียบสงบ แต่หัวใจกลับไม่เหงา ไม่ว่าจะเป็คนงานในโรงงาน หรือจะเป็ผู้นำอย่างหลันเยว่ หลันหยาง เฉียนหย่งจิ้น หลินเผิงเฟย หรือแม้แต่หวังหย่วนฉิงที่มาช่วย ต่างก็มีไฟลุกโชนในใจ นั่นคือความภาคภูมิใจที่ได้เห็นความสำเร็จก้าวหน้าไปทีละขั้น
เมื่อผ้า กระดุม ป้ายยี่ห้อ ด้าย และของจุกจิกอื่นๆ ค่อยๆ ประกอบร่างกันเป็เสื้อผ้าสำเร็จรูป แล้วบรรจุหีบห่อ มันเป็กระบวนการที่ทำให้ใจพองโต เหมือนกับได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ รดน้ำ พรวนดิน แล้วเฝ้ามองมันเติบโตเป็ต้นไม้ใหญ่ ความภาคภูมิใจนั้นยากจะบรรยาย
เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลันเยว่ไม่คิดว่าคุณลุงหนิวจะมาด้วยตัวเองอีกครั้ง
"คุณลุงหนิว ทำไมคุณลุงต้องมาเองด้วยคะ ่ก่อนตรุษจีนงานยุ่งขนาดนี้ คุณลุงส่งคนมารับเสื้อผ้าก็พอแล้ว นี่คุณลุงมาเอง ฉันเกรงใจแย่เลย"
เห็นสาวน้อยพูดจริงจังว่าเธอเกรงใจ หนิวต้าลี่แทบจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มยุ้ยๆ นั่น นี่ขนาดเป็เด็กที่เก่งกาจขนาดนี้แล้วนะ ยังจะมีความเกรงใจอีก เธอจะไปมีความกดดันอะไรได้ นอกจากเขาเองนั่นแหละที่มีความกดดัน
"กล้าพูดว่าเกรงใจ เสื้อผ้าทำไม่ครบตามจำนวนรึไง?"
หนิวต้าลี่ก็เริ่มหยอกล้อหลันเยว่บ้าง ถ้าบอกว่าเสื้อผ้าทำออกมาไม่ทัน หนิวต้าลี่เองก็ไม่เชื่อ เขาเชื่อมั่นในความสามารถของหลันเยว่อย่างมาก และถ้าหลันเยว่ทำตามที่รับปากไม่ได้ เธอคงไม่ให้คำมั่นสัญญาั้แ่แรกแล้ว นี่ต้องบอกว่าเป็สิ่งที่หลันเยว่สร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านของตัวเองอย่างมาก
"คุณลุงหนิว เสื้อผ้าทำครบตามจำนวนแน่นอนค่ะ แค่ฉันกลัวว่าจำนวนที่ทำเพิ่มให้จะน้อยไป คุณลุงจะไม่พอใจเอาน่ะสิ"
หลันเยว่ทำท่าทางหยอกล้อให้หนิวต้าลี่ นี่เป็ครั้งแรกที่หลันเยว่แสดงท่าทีเหมาะสมกับอายุให้หนิวต้าลี่เห็น หลังจากที่รู้จักกันมา ทำให้เห็นว่าหลันเยว่เปิดใจให้หนิวต้าลี่แล้ว
พอได้รับการปฏิบัติแบบนี้ หนิวต้าลี่ยิ่งดีใจ
"ยัยหนู กล้าว่าฉันแก่ซะแล้ว แก่แต่ตัวใจยังสู้ ฉันน่ะกำลังวังชาดี มีแรงเหลือเฟือ เธอกล้าดูถูกฉัน เดี๋ยวจะดูซิว่าหลันเยว่น้อยทำเพิ่มให้ฉันเท่าไหร่ ถ้าได้น้อยไปฉันไม่ยอมแน่"
หลันเยว่ยื่นรายการจำนวนสินค้าที่ส่งให้หนิวต้าลี่ หนิวต้าลี่เหลือบมองแวบเดียวก็ยิ้มแก้มปริ
"ว่าแล้วไงว่าหลันเยว่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว คราวนี้ฉันก็สบายแล้ว ที่ร้านฉันของแทบเกลี้ยง แถมยังติดค้างลูกค้าไว้อีกเยอะ คราวนี้แก้ปัญหาได้แล้ว"
"อย่างนี้ก็แสดงว่าคุณลุงหนิวพอใจกับงานของเรามากแล้วสินะคะ"
หลันเยว่ใช้นิ้วจิ้มๆ ที่จำนวนในรายการ หนิวต้าลี่พยักหน้าหงึกๆ
"พอใจ พอใจมาก พอใจที่สุด ปีนี้ฉันไม่ต้องกังวลแล้ว"
"พอใจก็ดีค่ะ ฉันกลัวว่าคุณลุงหนิวจะผิดหวังค่ะ"
พอจัดการส่งมอบสินค้ารอบนี้ได้ หลันเยว่ก็พอใจมาก ความกังวลของคุณลุงหนิวคลี่คลายไป หลันเยว่ก็เพิ่งจะคลายใจได้แค่นิดหน่อย เพราะภารกิจก่อนตรุษจีนของเธอยังไม่สำเร็จ
"ทำไม ดูจากสีหน้าแล้วเธอยังไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นะ สินค้าของฉันก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ยังมีอะไรที่ทำให้พวกเธอไม่สบายใจอีกเหรอ?"
หนิวต้าลี่มองออกได้ง่ายๆ ว่าสีหน้าของหลันเยว่ไม่ได้ผ่อนคลายอย่างที่พูด
"พูดตรงๆ เลยนะคะ สินค้าที่คุณลุงสั่งไม่มีปัญหาอะไร ฉันโล่งใจไปได้แล้วค่ะ แต่ว่าที่ร้านของฉันเองก็ยังมีงานที่ลูกค้าสั่งจองไว้ด้วย นี่ก็ช่วยไม่ได้ ลูกค้าไว้ใจเรามาก ยอมให้เรานัดวันรับสินค้าเป็วันที่ 29 แล้วค่ะ ใจดีมากๆ เลย"
สิ่งที่หลันเยว่ต้องทำตอนนี้คือกัดฟันสู้ต่อ ให้พนักงานเร่งมืออีกสี่วัน เพื่อผลิตเสื้อผ้าตามใบสั่งซื้อของลูกค้าที่ร้านให้เสร็จ ก็ถือว่าเรียบร้อย งานอาจจะหนักไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ภารกิจที่เป็ไปไม่ได้ ดังนั้นที่หลันเยว่ยังไม่ผ่อนคลาย ก็เป็เพราะงานยังไม่เสร็จเท่านั้น ไม่ใช่เพราะมีอะไรที่ยากเกินรับมือ
"งานของพวกเราเตรียมการไว้แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ คุณลุงหนิวไม่ต้องเป็ห่วงพวกเรานะคะ"
เห็นหนิวต้าลี่แสดงความเป็ห่วงเป็ใย หลันเยว่ก็รู้สึกซาบซึ้งใจ คุณลุงคนนี้เพิ่งรู้จักกับเธอได้แค่สองสามเดือน แต่หลันเยว่ก็ััได้ว่าเขาเป็คุณลุงที่ใส่ใจและเอาใจใส่จริงๆ
"อ้อ ถ้าทำได้ก็ดี ก่อนตรุษจีนจัดการงานทุกอย่างให้หมด ก็เป็เื่ดีที่สุดแล้ว พวกเราจะได้ต้อนรับตรุษจีนกันอย่างสบายใจ"
หนิวต้าลี่ยื่นมือออกมา หลันเยว่นึกว่าเขาจะมาชนมือเฉลิมฉลอง เธอก็รีบยกมือขึ้น
แต่หนิวต้าลี่กลับดึงมือเธอลงมา จับมือแน่นๆ หลันเยว่ถึงได้รู้ว่าการชนมือแบบนั้นยังไม่เป็ที่นิยมในยุคนี้ เธอรู้สึกเหมือนหลุดมาจาก่เวลาอื่น ความทรงจำมากมายจากชาติที่แล้วก็ผุดขึ้นมาในใจ
หนิวต้าลี่ไม่ได้สังเกตอาการเล็กน้อยของหลันเยว่ เพราะตอนนี้เขากำลังตื่นเต้นที่ได้สินค้าเพิ่มมากมาย ทำให้เขารู้สึกดีเป็พิเศษ
"หลันเยว่ นี่ ฉันเอาของขวัญตรุษจีนมาให้ ไปดูกับฉันหน่อยสิ"
หลันเยว่ไม่อยากรับของขวัญของหนิวต้าลี่ ครั้งที่แล้วที่เขาบอกว่าจะซื้อทีวีสีให้ที่บ้าน เธอก็ปฏิเสธไปแล้ว ครั้งนี้เธอก็ไม่อยากรับของเขาเหมือนกัน ในเมื่อต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน ก็แค่ช่วยเหลือกันในเื่ธุรกิจก็พอ หลันเยว่ไม่อยากสนิทสนมกันเป็การส่วนตัวมากเกินไป
น้ำใจบางอย่างก็ตอบแทนยาก ในวงการธุรกิจต้องใช้สัญญาเป็หลัก แต่หนิวต้าลี่ไม่ยอมให้เธอปฏิเสธ ดึงหลันเยว่ไปที่รถ เปิดกระโปรงหลังรถให้ดู ในนั้นเต็มไปด้วยของใช้ในบ้านและของกิน
"ดูสิ คราวนี้ฉันไม่ได้ซื้อของแพงอะไร แค่ของกินของใช้ทั่วไป แล้วก็ของเล็กๆ น้อยๆ ที่ใช้ใน่ตรุษจีน คราวนี้เธอห้ามปฏิเสธแล้วนะ ถ้าปฏิเสธอีก ฉันก็ขายหน้าแย่เลย ไม่ว่ายังไงนี่ก็อุตส่าห์หอบหิ้วมาจากเมืองชิงไถเลยนะ"
"ถึงของพวกนี้ส่วนใหญ่แถวนี้ก็มี แต่ฉันเอามาจากที่ไกลขนาดนั้น ก็แค่อยากแสดงความจริงใจ เพราะฉะนั้นรับไว้เถอะนะ"
หนิวต้าลี่เชื้อเชิญหลันเยว่อย่างจริงใจให้รับของขวัญ
หลันเยว่เห็นท่าทีของคุณลุงหนิวแล้ว คราวนี้คงปฏิเสธไม่ได้จริงๆ พอเห็นของในกระโปรงหลังรถ ก็เป็ของที่ใช้งานได้จริงทั้งนั้น ดูท่าว่าเขาตั้งใจจะให้ของขวัญอย่างจริงใจ ถ้าปฏิเสธอีกก็คงจะดูเสแสร้งเกินไป
"งั้นก็ขอบคุณคุณลุงหนิวนะคะ ยกของไปไว้ในร้านเลยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะเสียเวลาเดินทางกลับ"
หลันเยว่หันหลังกลับไปที่ร้าน จะให้คนออกมาช่วยยกของ แต่ก็ถูกหนิวต้าลี่ดึงไว้
"เถียจู้บอกว่าบ้านเธออยู่ไม่ไกล เดี๋ยวฉันไปส่งให้"
หลันเยว่ยังไม่ทันได้พูดปฏิเสธ ก็ถูกหนิวต้าลี่ดึงขึ้นรถไปแล้ว
"ไปๆ มาๆ ไม่กี่นาทีเอง อย่าชักช้าเลย เสียเวลาขนของไปมา สู้เอาของไปไว้ที่บ้านเลยดีกว่า"
ความกระตือรือร้นของหนิวต้าลี่ ทำให้หลันเยว่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ
"งั้นก็รบกวนคุณลุงหนิวแล้วนะคะ"
หนิวต้าลี่เตรียมออกรถ เขาพบว่าั้แ่สาวน้อยขึ้นรถมาจนกระทั่งรถออกตัว ไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นหรือแปลกใจเลยสักนิด
เขาได้รู้จักหลันเยว่มากขึ้นไปอีก ตามเหตุผลแล้ว เด็กในวัยนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้นั่งรถเท่าไหร่ น่าจะเป็่อายุที่อยากรู้อยากเห็นที่สุด แต่หลันเยว่กลับไม่มีท่าทีแบบนั้นเลย ดูสงบเกินไปด้วยซ้ำ
"หลันเยว่ ท่าทางเธอจะไม่แปลกใจกับการนั่งรถเลยนะ"
พอหนิวต้าลี่ทักขึ้นมา หลันเยว่ถึงได้รู้ตัวว่า นอกจากรถโดยสารประจำทางแล้ว นี่เป็ครั้งแรกที่เธอได้นั่งรถยนต์ ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ถูกต้อง
"อ้อ ตอนที่ไปรับผ้า ฉันเคยไปด้วยบ่อยๆ ค่ะ เลยเคยนั่งรถมาบ้าง"
หลันเยว่ใช้เื่รถบรรทุกมาอ้างไป หนิวต้าลี่ก็ไม่ได้ซักถามต่อ ในใจเขาคิดว่าถ้าหลันเยว่แสดงออกอะไรที่ไม่ธรรมดา เขาก็จะคิดว่ามันเป็เื่ปกติ
"หลันเยว่ สินค้ารอบนี้ฉันเอาไปแล้วนะ แล้วเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิปีหน้าพวกเธอจะเริ่มส่งเมื่อไหร่?"
พอพูดถึงเื่งาน สมาธิของหลันเยว่ก็กลับมาเต็มที่
"พวกเราจะเริ่มผลิตเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิทันทีหลังตรุษจีนค่ะ ถ้าคุณลุงหนิวอยากจะสั่งจอง ต้องรีบหน่อยนะคะ"
