“เอ่อ...” เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนที่อยู่ในสวนต่างก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แม้แต่กงจื้อิที่มีสีหน้าเ็ามาโดยตลอดก็ยังหน้าแดงขึ้นมาด้วย เขายกมือขึ้นมาหยิบชาเพื่อจะดื่ม ทว่ากลับถูกน้ำชาลวกจนต้องขมวดคิ้ว
หลินลิ่วกระแอมออกมาสองครั้ง แต่ท่านลุงอวิ๋นกลับกลอกตาไปมาไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่
มีเพียงซานอีที่ถามต่อด้วยสายตาเฉียบคมว่า “การนวดร่างกายและกระตุ้นจุดลมปราณจะช่วยรักษานายน้อยให้หายได้อย่างนั้นหรือ?”
ติงเหว่ยส่ายศีรษะและตอบอย่างระมัดระวังว่า “การแช่น้ำร้อนช่วยให้หลอดเืขยายตัวและยังช่วยกระตุ้นจุดลมปราณที่เกี่ยวข้อง หากนวดบ่อยๆ อย่างต่อเนื่องทุกวันจะต้องมีผลลัพธ์อย่างแน่นอน แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่านายน้อยจะสามารถลุกขึ้นได้ เพราะความเป็จริงั้แ่แรกก็คือถูกวางยาพิษไม่ใช่เพราะาแภายนอกแต่อย่างใด”
ซานอีฟังแล้วพยักหน้า จากนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นราวกับเด็กน้อยที่ได้เจอของเล่นใหม่ ในขณะที่เขากำลังจะเงยหน้าเพื่อขออาสารับหน้าที่นี้ คิดไม่ถึงว่าท่านลุงอวิ๋นจะถลึงตาใส่เขาอย่างดุดัน
เขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และเมื่อเขากำลังจะอ้าปากถามอีกครั้ง หลินลิ่วก็ก้าวไปข้างหน้าและลากเขาเดินออกไป
ในไม่ช้าทั้งสองก็เดินออกจากสนามไปและยืนอยู่ใต้เงาของกำแพงที่ร่มรื่น ซานอีโมโหจนถลึงตาใส่หลินลิ่วแล้วะโถามว่า “ข้ายังพูดไม่จบเลย แล้วเ้าจะลากข้าออกมาทำอะไร?”
หลินลิ่วกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย เขาคิดอยากจะผ่าสมองของซานอีออกมาดูจริงๆ ว่าข้างในมีแต่แป้งต้มหรืออย่างไร เขาเองก็ไม่ได้อยากใส่ใจ แต่คงปล่อยพี่น้องที่ร่วมเป็ร่วมตายกันมาหลายปีไปไม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงอดทนและพูดด้วยเสียงแ่เบาว่า “เ้านี้มันโถวจู [1] จริงๆ ดูไม่ออกหรือยังไงว่าท่านลุงอวิ๋นจงใจจะจับคู่ให้แม่นางติงกับนายน้อย?”
“อะไรนะ?” ซานอีใมากจนตาแทบจะหลุดออกมา เขาคว้าคอเสื้อของหลินลิ่วแล้วะโว่า “จะเป็ไปได้ยังไง แม่นางติงไม่ใช่ว่า…”
หลินลิ่วดีดนิ้วไปที่ข้อศอกของซานอีหนึ่งที และไม่สนใจเสียงร้องโวยวายของซานอีอีกต่อไป หลินลิ่วจัดเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็พึมพำว่า “เ้าถามข้าแล้วจะให้ข้าไปถามใคร บางทีอาจเป็เพราะเด็กในท้องของนางก็ได้ ท่านลุงอวิ๋นถึงได้…”
ซานอีได้ยินไม่ชัดเจนเท่าไรจึงอยากจะถามต่ออีกแต่หลินลิ่วก็เดินหนีไปแล้ว เขาโมโหจนกระทืบเท้าและเดินวนไปวนมาอยู่ที่ด้านนอกด้วยความสงสัย แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าเดินเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อย่างไรหลินลิ่วก็เป็คนที่ได้รับการยอมรับว่าฉลาดที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด อย่างน้อยก็ฉลาดกว่าเขาที่วันๆ เอาแต่คลุกตัวอยู่ในกองสมุนไพรไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า และคำเตือนของหลินลิ่วก็มักจะถูกเสมอ
……
ที่ด้านในสวนอวิ๋นอิ่งเข็นกงจื้อิเข้าไปในห้องพักแล้ว จากนั้นก็มีชายหนุ่มในชุดสีดำปรากฏตัวออกมาจากที่ใดไม่รู้และช่วยกงจื้อิล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้า อวิ๋นอิ่งมีไหวพริบเป็ที่สุดนางจึงถอนตัวออกไปอยู่ที่หน้าประตู
ท่านลุงอวิ๋นเหลือบตามองลูกสาวของตนอย่างพึงพอใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระแอมสองทีแล้วพูดกับติงเหว่ยว่า “ส่วนเื่นั้น แม่นางติง ในเรือนของพวกเรามีแต่พวกผู้ชายมือเท้าหนัก ไม่มีไหวพริบและยังไม่ค่อยระมัดระวังอีก แล้วข้าก็ไม่ไว้ใจที่จะให้คนใช้จากเรือนด้านนอกมาทำ ส่วนผู้หญิงที่นี่จะมีก็แต่เซียงเซียงกับอวิ๋นอิ่ง เ้าเด็กโง่เซียงเซียงคนนั้นคงไม่ต้องพูดถึง ส่วนอวิ๋นอิ่ง…เอ่อ นางก็ยังเป็เด็กสาวอยู่…งั้นเ้าลองดูว่า…”
ติงเหว่ยฟังอยู่นานสองนานถึงจะเข้าใจ ผู้าุโท่านนี้้าให้นางลงมือทำด้วยตนเอง นางสีหน้าแดงก่ำและรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “ข้าทำไม่ได้ ข้า…”
ท่านลุงอวิ๋นเองก็ไม่ยอมให้นางปฏิเสธ เขาจึงอ้อนวอนนางด้วยหน้าตาเศร้าสร้อย “แม่นางติง ได้โปรดเห็นแก่หน้าคนแก่อย่างข้าแล้วรับปากได้หรือไม่ ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะหาผู้ใดที่เหมาะสมกว่าแล้วยังไว้ใจได้อีก ประการแรกวิธีการรักษานี้เ้าเป็คนเสนอออกมาดังนั้นเ้าจะต้องเชี่ยวชาญกว่าคนอื่นแน่นอน ประการที่สองเ้าเองก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ และนายน้อยก็คุ้นเคยกับเ้าแล้ว หากว่าเปลี่ยนเป็คนอื่น ข้าเกรงว่านายน้อยจะไม่ตกลงเป็แน่ ไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะฟื้นตัวมาได้สองสามส่วน หากว่าต้องมาล้มเหลวเพราะขาดความพยายามครั้งสุดท้าย [2] ก็คง… ”
“แม่นางติง ได้โปรดรับปากข้าเถอะ” ท่านลุงอวิ๋นพูดๆ อยู่ก็จะคุกเข่าลง ปากก็เอ่ยคำสาบานว่า “หากว่าหญิงสาวตกลง สกุลอวิ๋นจะไม่เอารัดเอาเปรียบนางอย่างแน่นอน หลังจากสามปีไปแล้วนอกจากเงินค่าแรง ข้าจะให้ร้านค้าที่เจริญรุ่งเรืองเพิ่มอีกสองแห่งและบ้านอีกหนึ่งหลัง เมื่อถึงเวลานั้นแม่นางติงจะได้เลี้ยงดูลูกของนางโดยไม่ต้องกังวลทั้งเื่เสื้อผ้าและอาหารการกิน อีกอย่างเื่นี้ก็ทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงจริงๆ นอกจากข้า นายน้อย และเฟิงจิ่วผู้ที่คอยปรนนิบัติรับใช้ข้างกายของนายน้อยตลอดเวลา จะไม่มีคนที่สี่รู้เื่นี้และไม่มีทางแพร่งพรายสู่คนนอกเป็อันขาด”
มือทั้งสองของติงเหว่ยออกแรงเพื่อจะดึงลุงอวิ๋นขึ้นมาเพราะไม่อยากให้เขาคุกเข่าลงไป แต่ตอนนั้นนางก็รู้สึกปวดหลังดังนั้นจึงทำได้เพียงพูดเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านลุงอวิ๋น ได้โปรดรีบลุกขึ้นก่อน เื่นี้ขอให้ข้าได้ลองคิดสักหน่อยก่อน”
โดยไม่ทันคาดคิดท่านลุงอวิ๋นกลับลุกขึ้นอย่างมีความสุขและะโซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “เยี่ยมยอดไปเลย ถือว่าเ้ารับปากข้าแล้วนะ”
“เอ่อ ข้ายังไม่ได้...” ติงเหว่ยตกตะลึงและ้าจะอธิบาย แต่ลุงอวิ๋นกลับโบกมือแล้วะโเรียกอวิ๋นอิ่ง “อิ่งเอ๋อร์ เ้ารีบประคองแม่นางติงกลับไปพักผ่อน เดี๋ยวตอนเย็นนางยังต้องมารักษาให้นายน้อยอีก ต้องให้นางพักผ่อนให้เต็มที่สักหน่อย”
อวิ๋นอิ่งเดาว่ากลยุทธ์ทุกข์กาย [3] ของพ่อบุญธรรมนางคงจะสำเร็จอีกแล้ว ดวงตาของนางปรากฏรอยยิ้มและความจำใจขึ้นมาครู่หนึ่ง ทว่ามือของนางก็ประคองติงเหว่ยเดินออกไปด้านนอก
“ไม่ใช่นะ ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจเลย ท่านลุงอวิ๋น!”
ติงเหว่ยถูกอวิ๋นอิ่งพาออกมา นางเดินเร็วราวกับว่ามีลมอยู่ใต้ฝ่าเท้าก็ไม่ปาน ติงเหว่ยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดังนั้นจึงทำได้แค่ตำหนิอวิ๋นอิ่งว่า “อวิ๋นอิ่ง เ้าจะลากข้าออกมาทำไม? ข้ายังมีเื่จะพูดอีกนะ”
อวิ๋นอิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วหันไปมองรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงกระซิบเบาๆ ว่า “เพราะเื่นี้เป็ผลดีต่อท่านและลูก”
ติงเหว่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นอิ่ง้าจะบอกใบ้เื่อื่น นางกลับเข้าใจไปเองว่าอวิ๋นอิ่งได้ยินที่ท่านลุงอวิ๋นพูดเื่ร้านค้าและบ้าน ดังนั้นนางจึงถอนหายใจ พูดกันตามตรงรางวัลที่ท่านลุงอวิ๋นเสนอให้ก็มีค่ามากมายมหาศาลจริงๆ ใครที่ได้ยินก็คงจะสับสนไม่น้อย อันที่จริงแล้วนางตั้งครรภ์โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของเด็กเป็ใคร ั้แ่นางเกิดจนโตก็พบเจอกับความยากลำบากมานับไม่ถ้วน หากมีทรัพย์สมบัติติดตัวบ้างก็คงไม่เลว ทว่าในชาติก่อนนางยังไม่เคยมีแฟนเลยด้วยซ้ำ จู่ๆ นางก็รู้สึกอยากจะััร่างกายของผู้ชายคนนี้…
“ไอ้หยา อากาศช่างร้อนจริงๆ อวิ๋นอิ่งช่วยไปรินเหลียงฉา [3] มาให้ข้าสักถ้วยสิ!”
พวกนางทั้งสองเดินกลับไปที่เรือนห้องครัวเล็ก ติงเหว่ยดื่มเหลียงฉาเข้าไปถึงสองชามในคราวเดียวจากนั้นนางจึงพอรู้สึกได้ว่าความร้อนบนใบหน้าลดลงไปบ้าง อวิ๋นอิ่งเดาออกบ้างเล็กน้อย นางจึงออกไปจัดโต๊ะอาหารเงียบๆ
ติงเหว่ยหยิบผ้าเช็ดหน้าเปียกน้ำมาเช็ดที่ใบหน้าของนาง ในที่สุดก็เริ่มสงบลงนิดหน่อย เมื่อคิดถึงจวนหลังใหญ่ คิดถึงร้านค้า คิดถึงชีวิตที่มีความสุขในอนาคตของนางและลูก นางคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบากหน้ายืนหยัดต่อไป
“ก็แค่นวดกับอาบน้ำเองไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่ไปขายตัวสักหน่อย! ยังไงเขาก็ขยับตัวไม่ได้ คิดซะว่าเป็เนื้อหมูก็แล้วกัน”
บางทีการปลอบใจตัวเองเช่นนี้อาจได้ผล หรืออาจเป็เพราะอาหารกลางวันที่รสชาติถูกปาก ติงเหว่ยกินอิ่มแล้วก็นอนหลับฝันหวานอยู่บนเตียง เดิมทีอวิ๋นอิ่งคิดจะเกลี้ยกล่อมนางสักสองสามประโยคเมื่อได้เห็นอย่างนี้เข้ากลับรู้สึกชื่นชมในความไม่ยึดติดของติงเหว่ย ต่อให้เป็ปัญหาที่ยากลำบากสักแค่ไหน หากว่าตัดสินใจไปแล้วก็จะไม่คิดอะไรให้มากมายอีก
……
ในเรือนอีกด้านหนึ่ง ท่านลุงอวิ๋นกำลังรายงานนายท่านอย่างระมัดระวัง “นายน้อย เมื่อครู่แม่นางติงรับปากแล้วว่านางจะทำด้วยตนเอง…เอ่อ ทำการรักษาด้วยตนเอง”
กงจื้อิวางตะเกียบลงทันที เขาเลิกคิ้วแล้วถามว่า “แม้ว่าเฟิงจิ่วจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ซานอีก็น่าจะช่วยได้นี่ นางเป็ผู้หญิงเดี๋ยวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงเอาได้ แล้ววันหน้านางจะทำยังไง?”
ท่านลุงอวิ๋นโค้งตัวและรับฟังคำชี้แนะ แต่ในดวงตาของเขากลับฉายแววประหลาดใจ หากนายน้อยรู้ว่าตนเองคือพ่อของเด็กในท้องของแม่นางติง เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับการปรนนิบัติรับใช้และอาบน้ำในวันนี้คงกลายเป็เื่เล็กไปเลย ไม่รู้ว่าหากนายน้อยรู้เข้าจะใมากแค่ไหน แต่คำพูดเหล่านี้ล้วนแต่พูดออกไปไม่ได้ ท่านลุงอวิ๋นจึงทำได้เพียงตอบรับอย่างคลุมเครือว่า “แม่นางติงยังไม่ได้แต่งงานแต่ก็ตั้งครรภ์แล้ว นางไม่ได้รับการยอมรับจากชาวบ้าน บ่าวจึงสัญญาว่าจะให้ร้านค้าสองแห่งและบ้านหนึ่งหลังแก่นาง ในวันหน้านางจะได้พาลูกไปใช้ชีวิตอยู่ในเมือง มีทรัพย์สินเหล่านี้ติดตัวไว้ย่อมไม่ขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหาร หากนางคิดจะแต่งงานอีก บางทีอาจหาผู้ชายดีๆ แต่งเข้าบ้านได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กงจื้อิก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ แต่เมื่อเขาคิดว่าจะต้อง ‘เจอกันอย่างเปิดเผย’ ในตอนเย็น ไม่รู้เหตุใดใบหน้าของเขาก็รู้สึกร้อนขึ้นมา “รินเหลียงฉามาให้ข้าสักถ้วยสิ!”
“ขอรับ นายน้อย” ท่านลุงอวิ๋นแอบมองสีหน้าของนายท่าน แววตาเขาก็มีรอยยิ้มมากขึ้นทว่าใบหน้าของเขากลับไม่กล้าแสดงสีหน้าใดๆ เกรงว่านายน้อยจะรู้สึกเขินอายเป็อย่างมาก ต้องกล่าวว่านายน้อยถูกเหล่าองครักษ์เงาปรนนิบัติรับใช้มาั้แ่ยังเด็ก เขาไม่เคยใกล้ชิดกับสตรีคนใดมาก่อน เดิมทีฮ่องเต้ยังคิดจะให้พระมเหสีจัดเตรียมห้องที่เปิดถึงกันได้ไว้สองห้องเพื่อใช้สอนเื่อย่างว่าให้กับนายน้อย นึกไม่ถึงว่าพระมเหสีจะดื่มเหล้าพิษแทนฮ่องเต้และตไปเสียก่อน เื่นี้จึงถูกเลื่อนออกไป ต่อมายังมีการไว้ทุกข์ทั่วทั้งอาณาจักร และค่อยๆ เกิดาขึ้นทีละน้อย ผู้คนพากันรบราฆ่าฟันไปทั่วทุกสารทิศ นายน้อยจึงไม่มีโอกาสได้มีปฏิสัมพันธ์กับสตรีเลย
จะว่าไปแล้วแม่นางติงก็ถือว่าเป็สตรีคนแรกของนายน้อย ตอนนี้ท่านลุงอวิ๋นจึงพยายามช่วยจับคู่และทอดสะพานเพื่อให้พวกเขาได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น หากวันหน้าความจริงปรากฏขึ้นมาบางทีนายน้อยอาจนึกถึงความรู้สึกเหล่านี้ ถึงแม้ฐานะจะสูงต่ำต่างกันขนาดไหน อย่างไรก็คงมีที่ข้างกายไว้ให้สำหรับแม่นางติงเป็แน่ ส่วนคนแก่อย่างเขาก็ถือว่าได้ชดใช้กรรมในวันนั้นแล้ว!
กงจื้อิไม่รู้ว่าพ่อบ้านาุโมีความคิดซับซ้อนมากมายในใจ ดังนั้นเขาจึงกินอิ่มไปครึ่งหนึ่งจากนั้นก็วางตะเกียบลง
เวลาไม่เคยเดินเร็วขึ้นหรือช้าลงเพราะคำอธิษฐานของใคร แต่ความหวังหรือความเขินอายของใครบางคนอาจทำให้เวลาเดินเร็วขึ้นหรือช้าลง ไม่นานนักเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ติงเหว่ยกินข้าวเสร็จก็ไปที่เรือนด้านหลังทันที
กงจื้อิเองก็เพิ่งกินข้าวเสร็จและกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สองล้อพลางเงยหน้ามองต้นดอกกุ้ยฮวา [5] อย่างเหม่อลอย เดือนสิงหาคมจะเป็่เวลาที่ดอกกุ้ยฮวาเหล่านี้เบ่งบาน ในเวลานี้ที่กิ่งก้านของมันมีดอกตูมเล็กๆ เพียงไม่กี่ดอก ทว่ากลิ่นหอมจางๆ กลับโชยออกมา เมื่อสูดดมเข้าไปลึกๆ ก็รู้สึกสดชื่นเป็พิเศษ
แสงแดดจางๆ ของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกสาดส่องลงมาบนร่างของกงจื้อิ ราวกับทั่วทั้งร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยสีแดงอมส้ม ทำให้ร่องรอยความเ็าที่มีอยู่แต่เดิมดูอ่อนโยนขึ้นมาไม่น้อย ทำให้ติงเหว่ยถึงกับตะลึงงันไปชั่วขณะ จนกระทั่งอวิ๋นอิ่งเข้าไปผลักนางเบาๆ นางถึงได้มีสติขึ้นมา ติงเหว่ยรีบจัดการความคิดยุ่งเหยิงของตนเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็คำนับและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายน้อย ท่านกินข้าวเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่?”
กงจื้อิพยักหน้า ทว่าดวงตาของเขายังคงมองไปที่ต้นดอกกุ้ยฮวาที่อยู่เหนือศีรษะของเขา ติงเหว่ยรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยจึงกัดฟันพูดต่อว่า “คนโบราณว่าไว้อย่าอาบน้ำตอนที่กำลังหิวข้าว และอย่าก้มตัวในขณะที่อิ่ม ในเมื่อนายน้อยกินอาหารเรียบร้อย เดี๋ยวพักสักครู่แล้วค่อยเริ่มการรักษาของวันนี้ได้”
“อื้อ ต้องลำบากเ้าแล้ว” กงจื้อิพูดเพิ่มขึ้นอีกสองสามคำในครานี้ ติงเหว่ยได้ยินแล้วก็รู้สึกหงุดหวิด ในใจตำหนิตนเองที่เห็นแก่เงิน เหตุใดถึงได้รับงานที่น่าอับอายเช่นนี้ แต่เมื่อนางก้มศีรษะลงก็บังเอิญเห็นว่ากงจื้อิกำลังกำเหอเถาในมือซ้ายของเขาเอาไว้แน่น นางจึงอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ที่แท้นายน้อยท่านนี้แสร้งทำเป็เ็าไปอย่างนั้นเอง ความจริงแล้วเกรงว่าในใจของเขาจะตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าตัวนางอีก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็เก็บความวิตกกังวลไป ตั้งสติขึ้นมาแล้วถามอย่างเป็เื่เป็ราวว่า “นายน้อย อุณหภูมิน้ำร้อนพอดีหรือไม่? ร่างกายข้าไม่ค่อยสะดวก คงต้องเอาคนไว้ใจได้มาช่วยข้าอีกแรง”
“ห้องน้ำถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เฟิงจิ่วกำลังจุดไฟอยู่ หากเ้ามีเื่อะไรก็สั่งให้เขาทำได้เลย”
“ตกลง”
ติงเหว่ยโค้งคำนับและในที่สุดก็เดินเข้าไปในห้องอย่างช้าๆ ตามไอน้ำไปไม่นานก็เดินผ่านห้องทิศตะวันตกด้านในและเข้าไปในห้องอาบน้ำ นางเห็นชายหนุ่มชุดดำที่เคยพบมาก่อนกำลังทดสอบอุณหภูมิของน้ำ เมื่อเขาเห็นติงเหว่ยเข้ามาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและคำนับนาง
-----------------------------------------
[1] โถวจู 头猪 หมายถึง หัวหมู ใช้อุปมาถึงคนที่มีสติปัญญาต่ำ
[2] ล้มเหลวเพราะขาดความพยายามครั้งสุดท้าย 功亏一篑 หมายถึง แพ้ก่อนที่จะได้รับชัยชนะ หรือยุติเร็วกว่าที่คาดหมายไว้ คล้ายสำนานไทยว่า ตกม้าตาย
[3] กลยุทธ์ทุกข์กาย 苦肉计 หมายถึง การจงใจทำร้ายตนเองเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากฝ่ายตรงข้าม
[4] เหลียงฉา 凉茶 หมายถึง เครื่องดื่มหรือน้ำจากสมุนไพรฤทธิ์เย็นหลายชนิดรวมกัน(น้ำจับเลี้ยง) มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความร้อนในร่างกาย ขจัดความร้อนจากอากาศในฤดูร้อน และขจัดความแห้งที่ทำให้เจ็บคอในฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว
[5] ดอกกุ้ยฮวา 桂花 หมายถึง ดอกหอมหมื่นลี้ เป็หนึ่งในสิบดอกไม้จีนโบราณที่มีชื่อเสียง เป็ไม้ดอกในสวนที่มีความสวยงามและกลิ่นหอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน่กลางฤดูใบไม้ร่วง ดอกหอมหมื่นลี้จะบานสะพรั่ง จวบจนยามค่ำคืนก็ยังได้กลิ่นหอมลอยอบอวล