ภายในโรงเตี๊ยม เสิ่นเสวียนลุกยืนขึ้นพลางยกมือสองข้างขึ้นเหนือหัว
ยอมแพ้อย่างนั้นหรือ
เมื่อครู่ยังทำท่าทีเหมือนเป็ยอดฝีมือแห่งยุคอยู่เลย ตอนนี้กลับยอมแพ้เสียอย่างนั้น!
การกระทำของเสิ่นเสวียนอย่าว่าแต่ทำให้คนที่มามุงดูสับสนเลย แม้แต่เริ่นเสี้ยวเทียนที่นั่งตัวสั่นอยู่ข้างๆ ยังงุนงงไปด้วย
“จบแล้วหรือ”
เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวถาม
“จบแล้ว” เสิ่นเสวียนกล่าวพร้อมกับยักไหล่
“เ้ารู้ไหม ทำแบบนี้พวกเราอาจต้องเอาชีวิตไปทิ้งก็ได้นะ!”
“ถ้าไม่ทำแบบนี้พวกเราก็ตายเหมือนกัน พวกเขามากันสี่คนนะไม่ใช่คนเดียว สู้ไม่ได้หรอก”
เสิ่นเสวียนส่ายหัว เขาไม่เคยต่อสู้ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ในเมื่อสู้ไม่ได้ก็ต้องยอมแพ้ อย่างน้อยก็โดนลงโทษน้อยลง
หากไม่ใช่เพราะเริ่นเสี้ยวเทียนมีจิตใจที่แข็งแกร่งเขาคงโกรธขึ้นมาแล้วก็ได้ เขาอยากดูว่าไม้ตายของเสิ่นเสวียนมีมากน้อยแค่ไหน แต่ผลสุดท้ายกลับกลายเป็ยอมแพ้
เหมือนกับวางไพ่ลงแล้ว เลิกเล่นแล้ว
“เ้า! เอาแบบนี้จริงๆ หรือ”
อี้เกินหูเห็นการกระทำของเสิ่นเสวียน พลันเกิดความรู้สึกไม่เข้าใจขึ้นมา
เมื่อครู่เสิ่นเสวียนหลบหลีกพลังโจมตีของตนได้อย่างง่ายดาย คิดว่าอีกฝ่ายเป็บุคคลที่เก่งกาจ ตอนนี้มองดูเขาอีกทีก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก เขาจึงส่ายหัว คิดเพียงตนเองอายุมากแล้ว ความเชื่อมั่นในตนเองไม่มีเหลือแล้ว
“ไม่ทำแบบนี้แล้วยังทำอย่างไรได้อีก หรือจะให้โดนพวกท่านโจมตีจนเกือบตายแล้วค่อยโดนลากออกไป”
“ดี! ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็ตามพวกข้าไป”
อี้เกินหูมองเสิ่นเสวียน ขอเพียงเ้าเด็กนี่มีบางอย่างน่าสงสัย เขาจะลงมือสังหารในทันที
“ได้เลย ออกเดินทางได้ เ้าจะไปด้วยไหม”
เสิ่นเสวียนถามเริ่นเสี้ยวเทียนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เ้าคิดว่าข้าไม่ไปได้ด้วยหรือ”
เริ่นเสี้ยวเทียนยังไม่เข้าใจว่าทำไมเสิ่นเสวียนถึงไม่หนีไป หรือเขาต้องไปเจอเหลยป้าเทียนให้ได้ ถึงตอนนั้นหากอยากหนีคงไม่มีโอกาสแล้ว
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็ไปด้วยกันเถอะ ไม่ต้องกลัวไปหรอก”
เสิ่นเสวียนตบบ่าเริ่นเสี้ยวเทียน คนผู้นี้อายุมากกว่าตน หากเขาไม่มีเป้าหมายอื่นเสิ่นเสวียนคงอยากผูกมิตรเอาไว้
ภายในเมืองเสียเยว่ ผู้าุโทั้งสี่คนยืนอยู่สี่มุม ให้เสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนเดินอยู่ตรงกลาง มุ่งหน้าไปยังตระกูลเหลยพร้อมกัน
อำนาจสูงสุดในเมืองเสียเยว่เป็ของตระกูลเหลย พวกเขาอาณาเขตกว้างใหญ่เอาไว้ ประชากรในเมืองเสียเยว่มีประมาณสามแสนคน เป็คนตระกูลเหลยไปแล้วถึงสามพันคน อาณาเขตของตระกูลอันกว้างใหญ่ตั้งอยู่ในส่วนที่รุ่งเรืองที่สุดของเมืองเสียเยว่ มีบ้านเรือนเล็กใหญ่เรียงรายอยู่ในนั้น หรูหรายิ่งกว่าตระกูลเสิ่นเสียอีก
เพียงไม่นาน เสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนก็เดินมาถึงตระกูลเหลยภายใต้การนำทางของผู้าุโทั้งสี่คน พวกเขาเข้าไปด้านในและเดินตรงไปยังหอประชุม
ทันทีที่เข้าไปในตระกูลเหลย ผู้าุโทั้งสี่คนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
ก่อนหน้านี้พวกเขากังวลว่าเสิ่นเสวียนจะมีลูกเล่นอย่างอื่นอีก แต่หลังจากเข้าตระกูลเหลยมาแล้ว ความเป็ไปได้ก็หมดลง
เพราะอีกฝ่ายไม่มีโอกาสแล้ว
“เ้าคิดอะไรอยู่”
เริ่นเสี้ยวเทียนปากยังคงยิ้มแต่สีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้มากกว่า คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รู้จักกับคนไม่กลัวตายเช่นนี้
“เรือแล่นไปตามธรรมชาติเผชิญหน้ากับสะพาน ในเมื่อหลบหลีกไม่ได้ ไม่สู้เข้าปะทะเลยดีกว่า”
“เฮอะ! พวกเ้าอย่าเพิ่งดีใจกันเร็วนัก คุณชายใหญ่าเ็หนัก หากพวกเ้ารักษาไม่ได้ ข้าจะให้พวกเ้าต้องตายทั้งเป็”
อี้เกินหูกล่าวเสียงเย็น ความตายมาเยือนแล้วยังคุยเล่นกันได้อีก เ้าพวกลูกวัวไม่กลัวตาย
ตระกูลเหลยแผ่อำนาจในเมืองเสียเยว่มานานหลายร้อยปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นคนไม่กลัวตายเช่นนี้มาก่อนเลย
“ไม่ให้ดีใจเร็วนัก? หรือจะต้องให้ร้องไห้ออกมา ได้หัวเราะสักหนึ่งเค่อก็คือหนึ่งเค่อ”
เสิ่นเสวียนเบ้ปากกล่าว
“หัวเราะ! พวกเ้าช่างกล้านัก”
ในขณะนั้นเอง เสียงที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจดังสนั่นพุ่งเข้ามา ตามด้วยแรงกดดันที่น่ากลัว
แรงกดดันที่พุ่งเข้ามาโจมตีใส่ร่างของเริ่นเสี้ยวเทียนและเสิ่นเสวียนเท่านั้น
เริ่นเสี้ยวเทียนอยากที่จะยืนหยัดไว้ก่อน แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเสิ่นเสวียนจะล้มลงกับพื้นในทันที
“แข็งแกร่งมาก!” ตามมาด้วยเสียงตื่นใของเสิ่นเสวียน
“เ้าจะแสดงเก่งเกินไปแล้ว!”
เริ่นเสี้ยวเทียนเห็นดังนั้นจึงทำสีหน้าเบื่อหน่าย แรงกดดันนี้แข็งแกร่งมากก็จริงอยู่ แต่ไม่มีทางที่จะล้มลงไปทันทีหรือเปล่า ถึงตอนนี้กลับกลายเป็เริ่นเสี้ยวเทียนที่มองเสิ่นเสวียนไม่ออก แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้แล้วเขาจึงล้มลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว เลียนแบบเสิ่นเสวียนทุกอย่าง
“เฮอะ! นึกว่าจะเก่งสักแค่ไหน”
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งที่กลางอากาศ
แรงกดดันพลันจางหายไป เสิ่นเสวียนจึงลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า
“นี่ก็คือผู้นำตระกูลของพวกท่านหรือ” เสิ่นเสวียนถามอี้เกินหูที่ยืนอยู่ข้างๆ
“กลัวแล้วล่ะสิ!”
อี้เกินหูกล่าวเสียงเย็น เขารู้ว่าวันนี้เสิ่นเสวียนไม่มีทางรอดออกไปได้ ตอนนี้ถึงเวลาปล่อยให้อีกฝ่ายได้เพลิดเพลินแล้ว
"กลัวแล้ว กลัวแล้ว”
“เลิกเสแสร้งสักที ยังไม่รีบลุกขึ้นอีก”
เสิ่นเสวียนใช้เท้าเขี่ยเริ่นเสี้ยวเทียนที่นอนอยู่บนพื้น ทำให้เริ่นเสี้ยวเทียนดีดตัวลุกขึ้นทันที
“เห็นแล้วใช่ไหม นี่ก็คือความแข็งแกร่ง พวกเราอย่าได้เล่นตลกอีกเลยจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นอาจรับมือกับผลที่ตามมาไม่ได้”
ขณะที่เริ่นเสี้ยวเทียนลุกขึ้นยืน เสิ่นเสวียนไม่ลืมที่จะกล่าวเตือนอีกฝ่าย
เมื่อเห็นความสงบนิ่งของพวกเสิ่นเสวียนทั้งสองคน ผู้าุโคนอื่นกลับมีสีหน้าไร้อารมณ์ พวกเขาไม่ใส่ใจคนใกล้ตายเหล่านี้หรอก
“รีบเดินเถอะ ท่านผู้นำรออยู่ที่นั่น!”
อี้เกินหูะโใส่ทั้งสองคน จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เดินเข้าไปยังที่ที่เหลยป้าเทียนรออยู่
ภายในโถง เหลยป้าเทียนนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำตระกูล ข้างๆ กันคือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา
เพียงแต่ลูกชายของเขาในตอนนี้ดวงตาเหม่อลอย แม้ยังมีลมหายใจแต่ดูซึมกะทือ น้ำลายไหลออกจากมุมปาก
“ท่านผู้นำ พวกเขามาถึงแล้ว”
ขณะนั้นเอง เสียงของอี้เกินหูดังขึ้นจากด้านนอก เห็นเป็คนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านนอกห้องโถง เสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนยืนอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน
เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาโกรธแค้นของเหลยป้าเทียนพลันสาดประกายเจตจำนงสังหารออกมาทันที คลื่นพลังสายหนึ่งพุ่งออกไปพร้อมร่างเงาที่สว่างวาบขึ้น เขาเคลื่อนที่ไปยืนอยู่บนบันไดด้านนอกห้องโถงแล้ว และก้มมองพวกเสิ่นเสวียนที่อยู่ด้านล่าง
“พวกเ้าบังอาจนัก!”
ตามมาด้วยเสียงอันทรงพลังของเหลยป้าเทียน
ในสามมณฑลเขตตะวันออกของแคว้นชิงหยุน เขาเป็บุคคลมีหน้ามีตา ไม่ว่าจะเป็อำนาจใดๆ ต่างให้เกียรติเขาเสมอมา คิดไม่ถึงว่าต้องเสียชื่อเสียงเพราะเด็กสองคนตรงหน้านี้
“ข้ามีชื่อเสียงเลื่องลือกว่าหลายสิบปี ยังไม่เคยมีใครกล้าอวดดีต่อหน้าข้าเช่นนี้มาก่อน พวกเ้าไปเอาความกล้ามาจากไหน”
เหลยป้าเทียนมองพวกของเสิ่นเสวียนทั้งสองคนพลางกล่าวเสียงเย็น หากใครกล่าวไม่ถูกใจ เขาจะลงมือสังหารพวกของเสิ่นเสวียนในทันที
“ตอบกลับท่านผู้นำตระกูลเหลย พวกข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเขาคือลูกชายของท่าน มิเช่นนั้นต่อให้พวกข้ากล้าหาญเพียงใดก็มิกล้าโจมตีเขา”
เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวขึ้นทันที
“เหลวไหล ก่อนหน้านี้พวกข้าได้แสดงฐานะแล้ว เ้ายังกล้าบอกว่าไม่รู้อีกหรือ”
ขณะนั้นเอง พ่อบ้านหนิงที่โดนเสิ่นเสวียนโจมตีจนาเ็โต้เถียงออกมา มองอีกฝ่ายที่ไร้ยางอาย ก่อนหน้านี้เหลยก่วนเปิดเผยฐานะตนเองออกไปอย่างชัดเจน แต่เหมือนจะไม่เกิดผลใดๆ
“คือ...”
เริ่นเสี้ยวเทียนเม้มปาก ไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อไปดี
“พวกข้าคิดว่าพวกเ้าแอบอ้างชื่อ มิเช่นนั้นพวกข้าจะล่วงเกินตระกูลเหลยไปทำไมกัน ท่านผู้นำตระกูลเหลยมีอำนาจยิ่งใหญ่แผ่ไปทั่วทั้งชิงหยุน ใครบ้างที่ไม่รู้ แล้วพวกแอบอ้างก็มีอยู่ถมไป”
เสิ่นเสวียนอธิบายออกไปทันที
“เฮอะ พวกเ้าคิดว่าแค่นี้จะปิดบังข้าได้หรือ ข้าจะให้พวกเ้าชดใช้ความผิด รักษาเขาให้หาย มิเช่นนั้นพวกเ้าจะต้องตาย”
เหลยป้าเทียนยืนอยู่ตรงนั้น พิพากษาพวกของเสิ่นเสวียนเป็ครั้งสุดท้าย
“คือว่า... เขารักษาไม่ได้แล้ว เขากลายเป็คนทึ่มไปแล้ว”
ใครจะไปคาดคิดว่า อีกฝ่ายเพิ่งกล่าวจบ เสิ่นเสวียนจะสวนออกไปทันที