ประโยคที่กล่าวว่า ‘ไร้ยางอาย’ หมายถึงฉางหงเยียนอย่างชัดเจน ทว่าใครบางคนที่ได้ยินกลับฟังเหมือนตีวัวกระทบคราด[1]
ทันใดนั้นพระหัตถ์ของฉางไทเฮาพลันยิ่งกำแน่น นางเองก็ไม่รู้ว่าจะหักล้างสถานการณ์ในยามนี้อย่างไร
นางรู้ว่าวันนี้อวี่เหวินซินจะต้องเอาเื่นี้มาสร้างเื่ใหญ่โตแน่นอน ส่วนฉางหลิงเกอ... ฉางไทเฮาอดจะลอบก่นด่าไม่ได้ นางเข้าใจดีว่า เื่เร่งด่วนในยามนี้คือจะต้องส่งตัวฉางหลิงเกอกลับไป
แต่ใน่เดียวกัน นางเองก็รู้ว่าในสถานการณ์ยามนี้ การจะต้องส่งเขากลับไปมิใช่เื่ง่ายดายเลย
ฉางไทเฮาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พนมมือทั้งสองข้าง หลับตาลงเล็กน้อย และกล่าวพึมพำ “อมิตาพุทธ อูเสียนอ๋อง แท้จริงแล้วนี่มันเกิดเื่อันใดขึ้น?”
อูเสียนอ๋องตกตะลึงในคำถามนี้ เหตุใดฉางไทเฮาถึงถามเขาเล่า? สถานการณ์ยามนี้... เขา...เขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน!
ทว่าคนฉลาดเช่นฮองเฮาอวี่เหวินกลับเข้าใจในเจตนาของฉางไทเฮาดี ภายในพระทัยหัวเราะเยาะหยัน นางอยากจะปลีกตัวออกไปงั้นหรือ?
ในเมื่อข้าวางแผนให้นางมา งิ้วครานี้ย่อมจะขาดฉางไทเฮาไม่ได้เด็ดขาด!
ในไม่ช้า อูเสียนอ๋องพลันตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ดวงตาแหลมคมกวาดมองฉางหงเยียน คำรามออกมาอย่างเ็า “องค์หญิงหงเยียน เหตุใดท่านถึงได้เลอะเลือนเพียงนี้ มีเงื่อนงำอันใดหรือไม่ว่าผู้ใดลอบทำร้ายท่าน จึงทำให้ท่านเป็เช่นนี้...”
อูเสียนอ๋องเองก็ผ่านโลกมามาก ในยามนี้ไม่ว่าจะโดนลอบทำร้ายหรือไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความรับผิดชอบที่ชัดเจน
ฉางหงเยียนตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากได้ยินประโยคของฮองเฮาอวี่เหวินเมื่อครู่นี้ นางพลันเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในยามนี้นางเข้าใจในสถานการณ์ของตนเองแล้ว และยังรู้ถึงความร้ายแรงของเื่ราว ชั่วขณะหนึ่ง นางค่อนข้างตื่นตระหนก จึงกล่าวตอบโดยที่แทบจะไม่รู้ตัว “ใช่ ลอบทำร้าย...มีคนลอบทำร้ายข้า!”
แต่...ลอบทำร้ายหรือ?
ผู้ใดเป็คนลอบทำร้ายนาง?
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกเทียนเซียงในอากาศค่อยๆ หายไป แม้จะไม่มาก ทว่านางก็ได้กลิ่น ชั่วขณะนั้นในใจของฉางหงเยียนสั่นเทา แม้แต่สีหน้ายังแปรเปลี่ยน
ดอกเทียนเซียง...ในห้องนี้มีกลิ่นของดอกเทียนเซียงอย่างชัดเจน!
‘ยาเสน่ห์’ ขวดนั้นของนางตกไปอยู่ในมือของเหนียนยวี่คืนนั้น อย่างน้อยในเป่ยฉีแห่งนี้คงเป็ไปไม่ได้ที่จะมีขวดที่สอง หรือว่า...
การคาดเดาก่อตัวเป็รูปเป็ร่างขึ้นในหัวของฉางหงเยียน
เหนียนยวี่!
เป็เหนียนยวี่งั้นหรือ?
ทว่าเห็นได้ชัดว่าเหนียนยวี่เสียชีวิตในค่ายเสินเช่อไปแล้ว เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในคืนวันนั้น นางเองก็เห็นทั้งหมดกับตา ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ยังมี ‘โรคระบาด’ ในค่ายเสินเช่ออีก ฝ่าาทรงมั่นใจว่าเหนียนยวี่เข้าไปในค่ายเสินเช่อ และภายใต้พิษกู่นั้น เหนียนยวี่คงไม่ต่างจากพลทหารของค่ายเสินเช่อพวกนั้นที่ตายไปอย่างมิต้องสงสัย ทว่า...ยาเสน่ห์นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“วางแผนทำร้าย? ใครเป็คนวางแผนทำร้ายเ้า?” ฮองเฮาอวี่เหวินคำรามในลำคออย่างเ็า ต่อให้ใส่ร้าย ร่างกายของฉางหงเยียนในยามนี้ก็ได้ด่างพร้อยไปแล้วอย่างแน่นอน ต่อให้ออกเรือนกับบุตรตระกูลธรรมดาในเป่ยฉีก็คงเป็ไปไม่ได้
"ใช่ พวกเขาคนเป่ยฉี เป็ใครที่ทำร้ายเ้า จะปล่อยให้คลุมเครือไม่ได้" อูเสียนอ๋องกล่าวเสียงดัง ท่าทีซักไซ้ไล่เลียงจนสุดทาง
ใคร?
"เหนียน..." ฉางหงเยียนโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว ทว่าทันทีที่โพล่งคำว่า ‘เหนียน’ ออกมาคำเดียว นางกลับตระหนักอะไรขึ้นได้จึงไม่กล้าพูดต่อ มีเพียงความเงียบงัน และสายตาที่สั่นไหวไม่สบายใจ
เป็เหนียนยวี่!
แต่ต่อให้พูดว่าเหนียนยวี่เสียชีวิตไปแล้ว ถึงแม้จะยังไม่เสียชีวิต นางก็มิอาจโพล่งสองคำนั้นออกไปได้ นางเหลือบมองอวี่เหวินหรูเยียนซึ่งยืนอยู่ข้างกายฮองเฮาอวี่เหวิน เื่ในคืนนั้น อวี่เหวินหรูเยียนเองก็รู้ว่าเกิดอันใด ยังมีท่านอ๋องมู่อีก พวกเขาล้วนรับรู้ทุกคน เพียงแค่ตนดึงเหนียนยวี่เข้ามาเกี่ยว เื่ที่ตนทำคืนนั้นคงจะถูกเปิดเผยออกมาอย่างง่ายดายแน่
นางทำเช่นนี้ไม่ได้!
สถานการณ์ในยามนี้ทำให้นางมิอาจต่อต้าน นางไม่อาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับเื่อื่นไปมากกว่านี้
“ข้า...ข้าไม่รู้ ทว่า...ทว่าจะต้องมีคนวางแผนทำร้ายข้าแน่” ดวงตาของฉางหงเยียนสั่นไหว หันไปมองบุรุษที่สวมเสื้อผ้าขององครักษ์ผู้ติดตามข้างกาย “ฝ่า...”
ทันทีที่เอ่ยคำว่า ‘ฝ่า’ ออกมาคำเดียว จิตใจของผู้คนตรงนั้นพลันคับแน่น สายตาแหลมคมของบุรุษตวัดมอง ชั่วขณะนั้นฉางหงเยียนใจนหุบปากลงทันที นางรีบเบนสายตาไปมองอูเสียนอ๋อง “ท่านอ๋อง ท่านต้องตัดสินให้หงเยียนนะเ้าคะ จะต้องมีคนวางแผนทำร้ายข้าแน่”
ฉางหงเยียนในยามนี้ในใจรู้สึกวิตกกังวล ใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์ไร้ซึ่งความสง่างามดั่งวันวาน ในยามนี้รู้สึกไม่สบายใจอย่างเต็มเปี่ยม นางพูดออกไปไม่ได้ว่าเป็เหนียนยวี่ และยังเผยสถานะของฝ่าาไม่ได้อีก โชคดี...โชคดีที่ตนไม่ได้พูดออกไปเมื่อครู่นี้ ไม่เช่นนั้น...
ฉางหงเยียนรู้สึกโล่งอกเล็กน้อย ทว่ากลับมีใครบางคนััได้ถึงความแปลกประหลาดในชั่วขณะนั้น
ฮองเฮาอวี่เหวินเหลือบมององครักษ์ผู้นั้น ดวงตาฉายแววสำรวจและสงสัย และด้านหลังฝูงชน เหนียนยวี่ท่ามกลางกลุ่มนางกำนัล มองเห็นทุกอย่างในห้องผ่านช่องว่างของผู้คนข้างหน้าอย่างพอดี
ฝ่า... หึ เกือบไปแล้ว อีกนิดพวกเขาก็เผยความลับออกมาแล้ว!
ฉางหลิงเกอ ยามนี้บุรุษผู้นี้คงจะรู้แล้วว่า การปลอมตัวเข้ามาในเป่ยฉีเช่นนี้มิใช่เื่ปลอดภัยเพียงนั้น!
เมื่อนึกถึงวันนั้นในสวนร้อยสัตว์ คมดาบที่ฟาดฟันใส่นางอย่างดุดัน รวมถึงจดหมายที่ส่งมาถึงมือนางอย่างตั้งใจ จดหมายที่ล่อให้นางเข้าไปที่ค่ายเสินเช่อ เขา้าให้ข้าตาย!
หึ ไม่ว่าจะชาติก่อน ยามที่ข้าเป็เทพาชื่ออวี่ ทั้งในยามนี้ ข้าเป็แค่บุตรีอนุตัวกระจ้อยไร้ชื่อเสียงเท่านั้น ระหว่างพวกนางคงถูกลิขิตให้เป็ศัตรูกันว่าผู้ใดจะอยู่ ผู้ใดจะตายใช่หรือไม่?
เหนียนยวี่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นางเข้าใจที่ต้องเป็ศัตรูกันว่าผู้ใดอยู่ผู้ใดต้องตาย เพียงแค่เพราะตัวตนของพวกเขาสิ่งเดียวก็ได้ถูกลิขิตมาแล้ว!
และในครานี้...
เหนียนยวี่ครุ่นคิดบางอย่าง ดวงตาส่องสว่างเบาบาง จ้องมองฉางไทเฮาอย่างสงบเสงี่ยม นางเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของไทเฮาเท่านั้น ทว่าต่อให้เป็ใบหน้าด้านข้าง มันก็เพียงพอที่จะทำให้เหนียนยวี่เห็นความกังวลและเคร่งขรึมของนางได้อย่างชัดเจน
นางกำลังกังวลสิ่งใด?
กังวลเกี่ยวกับการเผยตัวตนของฉางหลิงเกอ หรือกังวลว่าเื่ในค่ายเสินเช่อจะถูกสอบสวน และจะพัวพันมาถึงฉางหลิงเกอ?
เหนียนยวี่เลิกคิ้ว นางมั่นใจในจุดนี้มาก ในสายตาของฉางไทเฮา ฉางหลิงเกอผู้นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง อย่างไรเสีย เขาก็เป็ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของแคว้นหนานเยวี่ย ทั้งแคว้นหนานเยวี่ยก็คือบ้านเกิดของนาง สำหรับฉางไทเฮา แคว้นหนานเยวี่ยก็เป็กำลังสนับสนุนความทะเยอทะยานของนาง
ภายในห้องบรรยากาศยังคงแปลกประหลาด
สีหน้าของอูเสียนอ๋องเคร่งเครียด ในยามนี้มีเพียงต้องยืมมือของบุคคลที่สามเท่านั้น...
“หึ ดียิ่งเป่ยฉี องค์หญิงผู้เลิศเลอแห่งแคว้นหนานเยวี่ยของข้าอยู่ในเขตแดนเป่ยฉีของพวกเ้า ก็เหมือนอยู่หลังกำแพงวัง พบเจอเื่เช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไร เกรงว่าเป่ยฉีก็ควรต้องรับผิดชอบทั้งหมด!” อูเสียนอ๋องกล่าวเสียงดัง ทว่าวิธียืมมือของบุคคลที่สามของเขา แม้แต่คิ้วของฉางไทเฮายังอดไม่ได้ที่จะขมวดมุ่น ลอบก่นด่าอูเสียนอ๋อง เ้าสมองหมูผู้นี้!
อย่างที่คิด มุมปากของฮองเฮาอวี่เหวินยกยิ้มเบาบาง น้ำเสียงก็ยิ่งดูแคลน “ถ้อยคำนี้ของอูเสียนอ๋องกล่าวผิดเสียแล้ว เหตุใดถึงกล่าวว่าเป่ยฉีควรรับผิดชอบทั้งหมดเล่า? ผู้คนตรงนี้ล้วนมีตากันทั้งสิ้น ชายหญิงมากตัณหาคู่นี้ คนหนึ่งเป็องค์หญิงของหนานเยวี่ย อีกคนเป็องครักษ์ของหนานเยวี่ย พวกเขาทั้งคู่เป็คนหนานเยวี่ย เื่ระหว่างบุรุษหญิงสาวพวกนั้น เปิ่นกงเองก็เห็นมาเยอะแล้ว เห็นอย่างชัดเจนว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันมานาน ผู้ใดจะรู้เล่าว่านี่เป็ครั้งแรกที่พวกเขาทำเื่ผิดจารีตกันหรือไม่? อย่างไรเสีย เสน่ห์ขององค์หญิงหงเยียน... หึ ยามนี้อูเสียนอ๋องกลับมากล่าวโทษเป่ยฉี มีเหตุผลตรงไหนกัน ไม่สมเหตุสมผลเลยนะ”
[1] ตีวัวกระทบคราด หมายถึง ทำทีเหมือนต่อว่าคนนี้ แต่แท้จริงต่อว่าอีกคน