บทที่ 189 หุ่นเชิด
“พี่ซินเหยา…”
“ทำไมท่านถึงพยักหน้า? ทำไม?!”
เมื่อเห็นฉู่ซินเหยาพยักหน้า ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกเ็ปใจ ราวกับถูกธนูนับพันแทง รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง
นางเห็นด้วยกับฉู่เจิ้นหนาน บอกว่าเกลียด “ซิวหลัวหน้าผี” ซึ่งก็คือฉู่อวิ๋นจริง หรือ?
แต่นางกลับชอบเสวี่ยหานเฟย ้าแต่งงานกับคุณชายชุยเสวี่ยคนนั้นหรือ?
เป็ไปได้อย่างไร?
นี่เป็ไปไม่ได้เลย!
“ไม่ พี่ซินเหยาต้องไม่เห็นด้วยแน่ เื่นี้ต้องมีอะไรผิดปกติ!” หลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะ ฉู่อวิ๋นก็ได้สติอีกครั้ง เขาส่ายหัวและสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว
ฉู่ซินเหยามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและน่าจดจำกับเขา ถ้าเป็สถานการณ์ปกติ นางไม่มีวันหักหลังเขาแน่
พูดได้ว่าหญิงงามคนนี้มีที่ว่างในใจให้เพียงฉู่อวิ๋นเท่านั้น ไม่ว่าชายคนอื่นจะเลิศเลออย่างไรนางย่อมดูแคลน จะไปเห็นด้วยกับฉู่เจิ้นหนานได้อย่างไร?
“พี่ซินเหยา…” เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉู่อวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้า อยากถามหาเหตุผล นางคงเจอเื่ขมขื่นบางอย่างจนถูกบังคับให้พยักหน้า!
“แม่นางฉู่ เรารักกันไม่ใช่หรือ? ท่านพูดอะไรหน่อยสิ!” ฉู่อวิ๋นถามด้วยน้ำเสียงงุนงง
แต่ทันทีที่พูดจบ ฉู่ซินเหยาไม่ได้ตอบอะไร ทำเพียงส่ายหัวอย่างไม่ลังเลเลย
ท่าทีนี้ทำให้หัวใจของฉู่อวิ๋นเย็นเฉียบ ชั่วขณะหนึ่ง เขา้าเปิดเผยตัวตนออกไป เพราะคิดว่าฉู่ซินเหยาจำเขาไม่ได้
แต่พอคิดจะทำเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็กัดฟันและระงับแรงกระตุ้นนี้
เพราะตอนนี้ดวงตาผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างจับจ้องมายังเวที เขาจะเปิดเผยตัวตน ถามหาเหตุผลได้อย่างไร?
หากตระกูลฉู่รู้ว่าเขาคือฉู่อวิ๋น เขาต้องตายแน่ๆ
“ให้ตายเถอะ!” เขากำหมัดแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว วิตกกังวลอย่างยิ่ง แต่กลับทำอะไรไม่ได้
ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็ประหลาดใจและโอดครวญเช่นกัน รู้สึกว่าฉู่ซินเหยาน่าสงสารมาก
ทุกคนเห็นฉู่ซินเหยาพยักหน้า รับรู้ว่านางเห็นด้วยกับคำพูดของฉู่เจิ้นหนาน
จากนั้น ทุกคนเห็นนางมองดู “ซิวหลัวหน้าผี” อย่างเ็าโดยไม่พูดอะไรสักคำ พวกเขาจึงเริ่มเชื่อสิ่งที่ฉู่เจิ้นหนานพูด
“คุณหนูตระกูลฉู่ได้แสดงท่าทีเห็นด้วยกับคำกล่าวของผู้นำฉู่แล้ว ทุกท่านยังมีคำใดอยากพูดอีกหรือไม่?” อวี่เหวินจือ ผู้นำเผ่าาเืเอ่ยขึ้น เขาเริ่มเติมเชื้อไฟและสร้างแรงผลักดันให้กับตระกูลเสวี่ย
“ในเมื่อนี่เป็ทางที่คนงามเลือก จะไม่รักษาสัญญาก็ไม่เป็ไรหรอก”
“ั้แ่สมัยโบราณคนงามชีวิตรันทด ขอให้คนงามได้ครองเรือนที่ดี นั่นคือผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว”
ผู้คนจำนวนมากตกตะลึงและต่อสู้เพื่อความอยุติธรรมที่ฉู่ซินเหยาได้รับ ในขณะเดียวกันก็จ้องมองฉู่อวิ๋นบนเวทีอย่างไร้ความปรานี
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉู่เจิ้นหนานก็อารมณ์ดี พูดเสริมครั้งสุดท้าย เขาะโเสียงดัง “เฮ้อ! ์มีตา แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน เหตุใดพวกท่านต้องสงสัยในคำพูดของผู้แซ่ฉู่กัน?”
“มโนธรรมของข้า บิดาครองฟ้ามารดาครอง์รับรู้ ั้แ่ต้นจนจบ ข้าไม่เคยพูดคำเท็จ แม้ว่าตระกูลหลิงจะกล่าวหาว่าผู้แซ่ฉู่ฉ้อโกงของหมั้นของพวกเขา แต่ข้าก็ไม่ได้ปฏิเสธ ปัญหายิ่งน้อยเท่าใดยิ่งดีเท่านั้น”
“หานเฟยยังเด็ก เขาเืร้อน ให้คำมั่นว่าจะประลอง แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้อย่างน่าเสียดาย แต่ผู้แซ่ฉู่ก็ไม่กลับคำพูด กลับเต็มใจที่จะทำให้ตระกูลเสวี่ยขุ่นเคืองและเปลี่ยนคู่แต่งงาน”
“เฮ้อ! ทุกท่าน สิ่งที่ผู้แซ่ฉู่ทำคือมหาเมตตาและชอบธรรมอย่างที่สุด!” เมื่อมาถึงจุดนี้ ฉู่เจิ้นหนานก็หลั่งน้ำตาด้วยสีหน้าเสมือนจริง เขาโบกมือไปรอบๆ จนทำให้ทุกคนรู้สึกผิดที่ตำหนิเขา
เมื่อฉู่เจิ้นหนานเห็นว่าสำเร็จแล้ว เขาก็รีบเปลี่ยนหัวข้อทันทีและพูดต่ออย่างเสียใจ “แต่ฉู่ซินเหยาเป็ทายาทของเชื้อสายไป๋หยาง ในฐานะผู้าุโที่นางเคารพ ข้าจะยอมให้นางหมั้นกับคนที่นางไม่พึงใจได้อย่างไร?”
“เดิมที ออกท่องยุทธภพต้องภักดีและรักษาคำพูด แต่วันนี้ เพื่อความสุขของสาวน้อยซินเหยา ผู้แซ่ฉู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องผิดสัญญา ให้นางได้แต่งงานกับคนที่พึงใจ!”
หลังจากพูดถ้อยคำอันเร่าร้อนนี้จบ ฉู่เจิ้นหนานก็โค้งคำนับสุดตัว ดวงตาที่น่ากลัวของเขารื้นไปด้วยน้ำตา ทำให้หลายคนเข้าข้างเขา และความรู้สึกที่มีต่อ “ซิวหลัวหน้าผี” ก็ยิ่งแย่ลงไปอีก
“สามีของภรรยาตระกูลฉู่ ต้องเป็เสวี่ยหานเฟย!”
“การแต่งงานระหว่างฉู่และเสวี่ย ถือเป็ผลลัพธ์ที่น่ายินดีสำหรับทุกคนที่สุด”
“เด็กหน้าผี ลงจากเวทีซะ! แม้แต่คนงามยังบอกว่าเกลียดเ้า แต่ไม่ยอมลงมาเสียที ช่างไร้ยางอายจริงๆ!”
ในขณะนี้ ในลานจัตุรัสเต็มไปด้วยเสียงะโ
ตอนนี้เกือบทุกคนอยู่ข้างฉู่เจิ้นหนาน
ไม่ ควรจะบอกว่าทุกคนอยู่ข้างฉู่ซินเหยา ล้วนสนับสนุนนาง
“เ้าสุนัขเฒ่า ไร้สาระทั้งเพ!!!” ฉู่อวิ๋นะโด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำสียงแหบแห้ง
“แต๊ง--”
ทันใดนั้น เสียงระฆังขนาดใหญ่ดังก้องไปทั่วทั้งลานจนหนวกหู กลบเสียงตำหนิอย่างโกรธเกรี้ยวของฉู่อวิ๋น และทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ใเล็กน้อย
ฉู่เจิ้นหนานยิ้มและประกาศเสียงดังในทันที “ฤกษ์อันเป็มงคลมาถึงแล้ว! ในเมื่อทุกคนต่างยินดี เช่นนั้นก็ขอเชิญคุณชายชุยเสวี่ยและผู้นำตระกูลเสวี่ยขึ้นบนเวที เข้าสู่ศาลเ้าเพื่อเข้าพิธีแต่งงาน!”
“หากพลาดฤกษ์อันเป็มงคลไป พรที่เทพเ้าประทานให้จะไม่เป็มงคลเอา! หานเฟย รีบขึ้นมาเร็วสิ เ้าสาวจะรอไม่ไหวแล้ว ฮ่าๆๆ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ทุกคนในตระกูลเสวี่ยก็ร่าเริงและเหลิงมากขึ้นไปอีก มีใจเพียงใดก็ได้ใจเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับท่าทีของเสวี่ยหานเฟยในยามนี้ เรียกได้ว่าชั่วร้ายอย่างยิ่ง รอยยิ้มของเขาค่อนข้างน่ากลัว เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา
“ชนะข้าแล้วอย่างไร? ซินเหยาเช้าค่ำก็ยังคงเป็ของข้าไม่ใช่หรือ? ไอ้คนสวะ!” เขาพูดกับตัวเองอย่างหยิ่งผยอง ขณะอยู่บนเวทีก็จ้องมองฉู่อวิ๋นด้วยท่าทีเคร่งขรึม
ในขณะนี้ ทุกคนต่างตื่นเต้นและถอนหายใจ วันแต่งงานนี้มีแต่เหตุการณ์ขึ้นๆ ลงๆ สุดท้ายเสวี่ยหานเฟยจากตระกูลเสวี่ยก็ได้คนงามไปครอง
“แปะๆ!”
ผู้ชมส่งเสียงปรบมือดังกราว ขณะที่ผู้ชมต่างยินดีกับตระกูลเสวี่ยและคนอื่นๆ บนเวที โดยคิดว่าในที่สุดเื่ตลกนี้ก็จบลงแล้ว
แต่ก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อพบว่า “ซิวหลัวหน้าผี” ยังคงไม่ลงจากเวที ดูน่ารำคาญมาก
“ปัง--!”
ทันใดนั้น ผู้ชมทั้งหมดก็ตกตะลึง ได้ยินเสียงดัง เวทีพังทลาย และก้อนหินก็ปลิวว่อนไปทั่ว
ยามนี้ รณทระนงของฉู่อวิ๋นกลับมาอีกครั้ง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเปลวไฟ เขารีบวิ่งไปข้างหน้าไปหาฉู่ซินเหยาด้วยความเร็วสุดชีวิต!
เพราะเขาไม่อาจพูดอธิบายอะไรได้ ซ้ำแผนการยังล้มเหลว จึงทำได้เพียงเอาชีวิตเข้าแลก ต่อให้ต้องแย่ง เขาก็ต้องเอาฉู่ซินเหยากลับมา!
หนึ่งร้อยหมี่
ห้าสิบหมี่
ยี่สิบหมี่...
ระยะทางที่สั้นลงเรื่อยๆ สร้างความหวังให้ฉู่อวิ๋น
“พี่หญิง!”
แต่เมื่อเขากับฉู่ซินเหยาอยู่ห่างกันเพียงสิบหมี่
ทันใดนั้นแรงกดดันที่ทรงพลังก็ตกลงมาจากท้องฟ้าปกคลุมเขาไว้อย่างสมบูรณ์ เมื่อมีเสียงดัง “ปัง” เขาก็ล้มลงกับพื้นไม่สามารถขยับได้ แม้แต่จะหายใจยังลำบาก
นี่คือแรงกดดันจากผู้แข็งแกร่งในขั้นพื้นพิภพ ทรงพลังอย่างยิ่ง!
“แค่กๆ ...ใครกัน!!!” ดวงตาของฉู่อวิ๋นลุกเป็ไฟ เขาะโด้วยความโมโห พลังปราณและเืทั้งร่างกายหยุดนิ่ง
“เหอะ กล้าขัดขวางงานมงคลลูกชายข้า เ้าอยากตายใช่หรือไม่?” เสวี่ยจิงหงเดินผ่านเขาไป จ้องมองที่ฉู่อวิ๋นแล้วยืนอยู่ข้างๆ ฉู่เจิ้นหนาน
แรงกดดันนี้มาจากเ้าเมืองชุยเสวี่ย
“บังอาจ! เสวี่ยจิงหง ตระกูลเสวี่ยของเ้าอยากเป็ปรปักษ์กับตระกูลหลิงของเราหรือ?! รีบปล่อย... คุณชายของพวกเรา!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หัวใจของหลิงจื้อก็สั่นสะท้าน เขารีบปล่อยขอบเขติญญาออกมาอย่างรวดเร็ว เพียงโบกมือก็เรียกเมฆฝน[1] กำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือฉู่อวิ๋น
“ควับ!”
แต่ก่อนที่ชายชราจะก้าวไปไปได้อีกก้าว ดาบและหมัดก็ฟาดฟันลงมาอย่างดุเดือด พลังนั้นน่าตกตะลึง รุนแรงและเฉียบคม หลิงจื้อขมวดคิ้วและหลบไปด้านข้างทันที ไม่กล้าเข้าปะทะอย่างรุนแรง
นี่คือการโจมตีจากเหยียนโจว เ้าสำนักเขาหลงหยา และอวี่เหวินจือ ผู้นำเผ่าาเื พวกเขาเป็พันธมิตรของตระกูลเสวี่ย ครั้งนี้ก็ออกมือช่วยเหลืออีกครั้ง
“ท่านผู้เฒ่า อย่าได้ขัดขวางการแต่งงาน ไม่เช่นนั้น พวกข้าสองคนไม่อาจรับประกันความรุนแรงในการลงมือได้ กลัวจะทำให้ท่านาเ็” อวี่เหวินจือลูบดาบสีเืในมือ ใบหน้าดูดุร้าย
“ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ—” เหยียนโจวไม่ได้พูดอะไรมาก เขาปล่อยลมหมัดออกไปและยืนเคียงข้างกับอวี่เหวินจือ สร้างวงล้อมเพื่อป้องกันไม่ให้หลิงจื้อไปช่วยฉู่อวิ๋น
“ใช่หรือ?” เมื่อเผชิญหน้ากับแรงยั่วยุของทั้งคู่ หลิงจื้อก็โกรธทันที “ถ้าเช่นนั้นข้าก็อยากรู้ ว่าพวกเ้าสองคนจะทำอะไรข้าได้?!”
“ควับ!”
พลังศักดิ์สิทธิ์พุ่งสูง แสงประกายล้นออกมา แลดูสวยงามมาก ก้อนแสงพุ่งออกมาจากมือของหลิงจื้อด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์จนผู้แข็งแกร่งทั้งสองไม่กล้าประมาทที่จะโต้กลับทันที
“ปัง ปัง ปัง—”
ทันใดนั้นทั้งสามก็เริ่มต่อสู้กัน เสียงพลังกระแทกขึ้นฟ้าดังปัง! ดูวุ่นวาย ทำให้ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึง
ในเวลาเดียวกัน ฉู่อวิ๋นก็ถูกปรามลงกับพื้น ดวงตาของเขาเฉียบคม ความโกรธท่วมท้น เขาจ้องเสวี่ยจิงหงเขม็งและะโ “น่าตายนัก! นักรบขั้นพื้นพิภพแล้วอย่างไร?!"
“แรงกดดันขี้ปะติ๋วแค่นี้ คิดจะทำอะไรข้าได้หรือ??!”
“ปัง!”
รณทระนงลุกเป็ไฟ รังสีร้อนแรงส่องแสง ฉู่อวิ๋นเต็มไปด้วยแรงกดดัน เปิดใช้งานรณทระนงอย่างเต็มที่ เขาจะต่อสู้จนถึงที่สุด และยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพาฉู่ซินเหยาไป!
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน ร่างกายของเขาก็แทบจะไม่ขยับ แม้จะลุกขึ้นยังไม่ได้เลย
ต้องรู้ว่าเสวี่ยจิงหงเป็ผู้แข็งแกร่งในขั้นพื้นพิภพ ทั้งยังมีระดับที่ค่อนข้างสูง!
แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะอาศัยความสามารถของรณทระนงปรับปรุงร่างยุทธ์ได้ชั่วคราว จนต่อสู้กับนักรบระดับเจ็ดขั้นมหาสมุทรได้ แต่คิดจะข้ามขั้นใหญ่? นี่เป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน
“เ้าเด็กดื้อรั้น เก่งนักหรือ? กลับไปฝึกฝนต่ออีกสักสองสามปีเถอะ ซินเหยาตัดสินใจแต่งงานกับเสวี่ยหานเฟยแล้ว!” ฉู่เจิ้นหนานมองดูและพูดจาเหน็บแนม
“หึ เมื่อกี้เ้ากล้าทำร้ายลูกชายข้า ข้าจะให้เ้าได้เห็นดี!”
ทันใดนั้น เสวี่ยจิงหงก็เบิกตากว้าง ความกดดันเพิ่มขึ้นในทันที เขา้ายุติความแค้นของตน ฉู่อวิ๋นจึงถูกโจมตีด้วยพลังมหาศาลทันทีจนหน้าผากของเขาแนบติดไปกับพื้น
ด้วยเสียงดัง “ปัง” เวทีก็พังทลาย หน้ากากผีร้ายแตกร้าว ฉู่อวิ๋นวิงเวียน หน้าผีแตกโชกเื มุมปากกระอักโลหิต
แต่เขายังคงไม่ยอมแพ้ เขาตัวสั่น ปลุกเร้ารณทระนงอย่างดุเดือด พยายามลุกขึ้นยืน สิ่งนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากในกลุ่มผู้ชมะเืใจ บางคนถึงกับทนมองไม่ไหว
“ติ๋ง ติ๋ง...”
ทันใดนั้น เสียงหยดน้ำที่แ่เบาก็ดังขึ้นอย่างเงียบๆ มันใกล้และชัดเจนมาก สำหรับพลังจิตของฉู่อวิ๋นในตอนนี้ เขาได้ยินมันชัดเจน
ฉับพลัน เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวชุดแดงที่อยู่ตรงหน้าไม่ไกลนัก มองเห็นรอยที่สะดุดตาสองรอยบนผ้าโปร่งที่ปิดหน้าของนางอยู่
นี่เป็น้ำตาสองสาย ที่ทำให้ผ้าโปร่งแนบชิดไปกับใบหน้าของนาง
เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นถูกปรามลงต่อหน้าต่อตา หลั่งเืกระอักโลหิต ฉู่ซินเหยาก็ร้องไห้อย่างเ็ปไม่รู้จบ นี่เป็ความเ็ปที่จิตใจ
“พี่ซินเหยา?” ดวงตาของฉู่อวิ๋นกะพริบถี่ จากนั้นเขาก็มีโอกาสสังเกตอาการของฉู่ซินเหยาอย่างละเอียดอีกครั้ง
ในไม่ช้า ฉู่อวิ๋นก็ค้นพบแล้วว่านางมีสิ่งใดผิดปกติ!
มองเห็นพลังปราณอยู่รอบๆ ฉู่ซินเหยา ลักษณะเป็เส้นเล็กๆ ถ้าไม่ทันระวัง ไม่สังเกตให้ละเอียดจะไม่มีทางเห็นมันเลย!
และเส้นด้ายอันน่าโมโหเหล่านี้ ล้วนถูกปล่อยออกมาโดยสาวใช้ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมข้างนาง
ยามนี้ ฉู่ซินเหยากลายเป็หุ่นเชิดที่มีชีวิต นางทำได้เพียงแสดงอารมณ์ออกมาด้วยน้ำตา
“ที่แท้เป็เช่นนี้! พี่ซินเหยาถูกควบคุมอยู่!” จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็เข้าใจในทันที ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าซินเหยาไม่ได้เห็นด้วยกับคำพูดของฉู่เจิ้นหนานจริงๆ
นางเพียงแค่สูญเสียอิสรภาพ ทุกการเคลื่อนไหวของนางถูกสายพลังปราณควบคุม นางอยู่ในการควบคุมของสาวใช้ ทำได้เพียงพยักหน้าและส่ายหัวเท่านั้น
ฉู่อวิ๋นกัดฟัน รู้สึกโกรธอย่างยิ่งจนตัวสั่น!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฉู่ซินเหยานิ่งเงียบมาตลอด แม้แต่คอของนางก็ถูกด้ายพลังปราณมัดไว้อย่างแ่า จนไม่สามารถส่งเสียงได้! ใครต่างก็จินตนาการออกว่านางจะต้องเ็ปขนาดไหน!
“อ๊าก- อ๊ะ---!!!”
“ฉู่เจิ้นหนาน! เ้าสุนัขเฒ่า เ้าไม่ตายดีแน่!!!”
----------
[1] ทรงพลังมาก