วิถีชีวิต่นี้ของอนงค์กานต์เป็ไปอย่างเรียบง่าย สบาย ๆ นอกจากเื่การเปิดบัญชีหุ้นที่แทรกเข้ามาแล้ว เื่อื่นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ่เช้ายังคงไปตลาดกับพ่อและแม่ ตอนนี้แม่ของเธอได้รับผิดชอบเื่ขายไก่อย่างเต็มตัวแล้ว เธอและพ่อเพียงแค่เข้าไปช่วยหยิบจับเล็ก ๆ น้อย ๆ ใน่ที่มีลูกค้าเยอะเท่านั้น ที่เหลือ อนงค์ ทอง และนวล สามารถรับมือกันได้อย่างสบาย
การที่รับทองและนวลมาช่วยงานถือเป็เื่ที่ถูกต้องที่สุดสำหรับครอบครัวของเธอ เพราะทั้งสองคนขยันและสามารถทำงานได้อย่างดีมาก นอกจากนี้ยังเฉลียวฉลาด ช่างสังเกต อนงค์พูดบอกอะไรก็สามารถเข้าใจได้ในทันที อนงค์จึงตั้งใจว่าจะเพิ่มค่าตอบแทนให้เมื่อทำงานครบสามเดือนแล้ว
ธุรกิจขายไก่ทอดก็ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ฐานลูกค้าขยายกว้างออกไปเรื่อย ๆ ตอนนี้กระแสเื่ความอร่อยของไก่ทอดได้กระจายไปไกลถึงตัวเมืองแล้ว ในทุกวัน ข้าราชการระดับสูงของจังหวัด หรือผู้มีอันจะกินในตัวเมืองมักจะส่งคนมาซื้อไก่ทอดกลับไปให้เสมอ และซื้อแต่ละครั้งก็สิบชิ้นขึ้นไปทั้งนั้น
นอกจากกลุ่มลูกค้าในตัวจังหวัดแล้ว กลุ่มลูกค้าที่เป็นักท่องเที่ยวก็เริ่มมีมากขึ้นเช่นกัน ตอนนี้เริ่มมีพูดกันไปไกลแล้วว่า หากมาเที่ยวดอย์ อีกสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้คืออย่าลืมชิมไก่ทอดแม่อนงค์ บางวันถึงกับให้ไกด์สั่งจองไว้ล่วงหน้าเพราะกลัวหมดก่อน ตอนนี้อนงค์จึงได้ทำไก่เป็วันละ 60 ตัวเพื่อรองรับคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
เนื่องจากกลัวลูกค้ารู้สึกจำเจ อนงค์ยังได้ทำไก่สูตรใหม่ขึ้นมาอีกสองสูตร คือสูตรแกงเขียวหวาน และ สูตรกะเพรา เมื่อเริ่มออกขายก็ได้รับเสียงตอบรับเป็อย่างดี ไก่ทอดสูตรแกงเขียวหวานนั้นมีกลิ่นพริกแกงที่หอมเข้มข้นมากเนื่องจากเป็พริกแกงที่ตำเองใหม่ ๆ ปนกลิ่นหอมของโหระพาและได้ความกลมกล่อมจากกะทิ คนที่ชอบแกงไทย ๆ เป็ทุนเดิมอยู่แล้วได้ชิมก็ติดใจ แวะเวียนมาซื้อกันอยู่บ่อยครั้ง
ส่วนสูตรกะเพรา ตอนหมักไก่ก็จะใส่พริกขี้หนู กระเทียม และใบกะเพราบดละเอียดลงไปคลุกผสมกับเครื่องปรุงอื่นด้วย สูตรนี้จึงเด่นที่ความเผ็ดของพริกขี้หนูและความหอมที่เป็เอกลักษณ์ของใบกะเพรา เรียกน้ำย่อยของคนได้เป็อย่างดี เป็สูตรที่กินแล้วไม่เลี่ยนเลยแม้แต่น้อย คนกินรสจัดจะชอบสูตรนี้
แต่ที่อนงค์กานต์รู้สึกยกย่องแม่เธอมากที่สุด นั้นคือแม่ได้นำแป้งสำหรับทอดไก่ที่ผสมเรียบร้อยแล้วมาแบ่งใส่ถุงขายด้วย เพราะอนงค์เห็นว่า อนาคตน่าจะมีคนเริ่มแกะสูตรและเลียนแบบไก่ทอดเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นในตอนนี้ ถ้าอะไรที่ยังพอทำขายหรือหากำไรได้ ให้รีบทำทันทีเพื่อชิงการเป็จ้าวตลาด ซึ่งอนงค์กานต์ก็เห็นด้วย เพราะสถานการณ์ในชาติก่อนก็เป็อย่างที่แม่พูดจริง ๆ
ถุงหนึ่งใส่ปริมาณที่สามารถทอดไก่ได้หนึ่งตัว โดยขายถุงละ 15 บาท ทำขายวันละ 50 ถุง ขายหมดเกลี้ยงทุกวัน และเมื่อมีแป้งแบ่งใส่ถุงออกมาขาย ก็มีเสียงเรียกร้องจากลูกค้าให้ทำน้ำพริกแกงเขียวหวานออกมาขายด้วย เพราะเคยไปหาน้ำพริกสำเร็จในตลาดมาหมักแล้ว กลับไม่ได้ไก่ที่รสชาติเข้มข้นแบบที่อนงค์ทำ อนงค์ก็ตอบรับแบบไม่เกี่ยงงอน โดยแบ่งใส่ถุงขายเป็ขีด ขีดละ 6 บาท ซึ่งก็ขายดิบขายดีเช่นกัน เตรียมมาวันละสามกิโลกรัมยังไม่เพียงพอ เพราะไม่เพียงแต่ลูกค้าที่ซื้อไปทำไก่ทอดเท่านั้น ยังมีลูกค้าที่ซื้อไปทำแกงโดยเฉพาะอีกด้วย
เนื่องจากน้ำพริกแกงเขียวหวานได้รับเสียงตอบรับเป็อย่างดีจากลูกค้า อนงค์เลยคิดต่อยอด จะทำน้ำพริกแกงอื่น ๆ เช่นน้ำพริกแกงเผ็ด น้ำพริกแกงส้ม น้ำพริกแกงกะหรี่มาขายเพิ่มด้วย เมื่อมีงานเพิ่ม คนช่วยงานจึงไม่เพียงพอ ต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2529 อนงค์ก็จ้างเพ็ญมาช่วยงานอีกคนหนึ่ง เพ็ญไม่ได้มาช่วยที่ตลาด แต่จะช่วยเตรียมน้ำพริกและผสมแป้งที่บ้านอย่างเดียว
เพ็ญเป็เพื่อนสนิทของนวล นิสัยดีและใจเย็นเหมือนกัน ครอบครัวเพ็ญยากจน พ่อและแม่ทำงานรับจ้างหาเช้ากินค่ำด้วยกันทั้งคู่ เมื่อจบ ป.6 ก็ไม่ได้เรียนต่อ ออกมาช่วยพ่อและแม่ทำงานรับจ้างหาเงินเช่นกัน
เมื่อได้ยินว่าอนงค์อยากรับคนเพิ่ม นวลก็รีบเสนอชื่อเพ็ญ เพราะตอนนี้เธอว่างงานอยู่บ้านเฉย ๆ เนื่องยังไม่ถึงฤดูเก็บเกี่ยวจึงไม่มีงานจ้างเข้ามาเลย เมื่ออนงค์ได้ยินชื่อก็สนใจ เพราะเคยเห็นคนพูดหลายครั้งแล้วถึงความขยันและนิสัยดีของเพ็ญ แม้อนงค์จะไม่เคยได้พูดคุยและติดต่อกันมาก่อน แต่คิดว่านิสัยใจคอน่าจะใกล้เคียงกับนวลซึ่งเป็เพื่อนสนิทกัน
และอนงค์ก็คิดไม่ผิดจริง ๆ เพ็ญเป็คนใจเย็น ทำงานละเอียด หน้าตาและมือเท้าสะอาด เหมาะสำหรับทำอาหาร เธอจึงตัดสินใจรับอย่างไม่ลังเล ส่วนค่าจ้างจะได้ไม่เท่าทองและนวลเพราะจะให้ทำงานที่บ้านเป็หลัก โดยจะจ่ายให้วันละ 65 บาท เริ่มงาน 10 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น เมื่อเพ็ญได้ยินค่าจ้างก็ยินดีรับ ค่าจ้างนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับงานอื่นที่เคยทำมา แม้จะได้ไม่เท่าเพื่อนแต่เธอก็เข้าใจเพราะทั้งทองและนวลมีงานที่ต้องรับผิดชอบมากกว่า
ตอนนี้อนงค์มีคนช่วยงานที่แข็งขันถึงสามคนแล้ว กานต์และอนงค์กานต์จึงไม่มีโอกาสได้หยิบจับอะไรอีก ทั้งสามคนแย่งเอาไปทำหมด จึงได้แต่นั่งมองอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น เพื่อไม่ให้รู้สึกเบื่อ กานต์จึงหางานอดิเรกใหม่ทำ่ที่อยู่ว่างนี้ นั่นคือปลูกและดูแลผักสวนครัว ผักสมุนไพรที่จะใช้เป็ส่วนผสมเครื่องแกงของอนงค์ ที่จริงก็มีปลูกไว้อยู่เดิมแล้วหลายต้น แต่เมื่ออนงค์้าขยายธุรกิจเครื่องแกง ที่มีอยู่ไม่น่าพอ จึงได้หามาปลูกเพิ่มเติม
ตอนนี้ลานว่างข้างบ้านจึงเต็มไปด้วยพืชผักสวนครัวนานาชนิด เช้าไปตลาด สาย-เย็นยุ่งอยู่กับการดูแลพืชผักตรงลานบ้าน โดยลากอนงค์กานต์มานั่งป้อแป้ช่วยถอนหญ้าอยู่ข้าง ๆ
หลังจากไม่ต้องรับผิดชอบงานขายไก่ก็รู้สึกว่าลูกสาวเขาจะี้เีขึ้นทุกวัน กว่าจะตื่นนอนก็ตะวันสายโด่ง ไม่พอ เมื่อตื่นขึ้นมา ก็ยังมานอนฟังละครวิทยุที่ใต้ถุนเรือน พร้อมกับหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขอีก เพื่อไม่ให้ลูกสาวติดนิสัยี้เี เขาจึงหากิจกรรมมาให้เธอช่วยทำอยู่เสมอ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไร โชคดีที่ถึงเวลาเปิดเทอมในที่สุด
