หัวหน้าฉิวฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันที เขารับรองด้วยใบหน้าจริงจัง “กระหม่อมรู้ความผิดของตนเองแล้ว กระหม่อมยินดีรับโทษ เื่เช่นในวันนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกพ่ะย่ะค่ะ”
บุรุษรูปร่างใหญ่โตและมีผิวสีทองแดงอย่างหัวหน้าฉิวชูสามนิ้วสาบาน ช่างเป็ภาพที่น่าดูนัก
‘ปั้ก’
เงินถุงหนึ่งถูกโยนลงบนพื้น ส่งเสียงหนักหน่วงทีหนึ่ง
“หลายวันมานี้ลำบากพวกเ้าแล้ว นี่คือค่าเหล้าที่เปิ่นหวังเฟยเลี้ยงทุกคน โปรดรับไว้ด้วย”
ในฐานะที่ไป๋เซี่ยเหอเป็ถึงพระชายา แม้ว่าจะถูกจำคุก ทว่าก็ไม่มีผู้ใดกล้าค้นร่างกายของนาง
เงินที่นางได้มาถูกนำมาใช้ในยามจำเป็พอดี
นางรู้อยู่แก่ใจว่าการพึ่งพาสถานะของพระชายาไม่ใช่แผนระยะยาว ทั้งยังง่ายต่อการทำให้ผู้คนโกรธแค้นอีกด้วย กลยุทธ์หนึ่งฝ่ามือหนึ่งลูกกวาด ในอดีตชาตินางใช้จนคล่องแล้ว
ตอนนี้ถุงเงินอยู่ในฝ่ามือของหัวหน้าฉิว หากประเมินจากน้ำหนักแล้วย่อมสามารถคาดเดาได้ว่ามีเงินอยู่ในนั้นมากน้อยเพียงใด
อย่างน้อยก็น่าจะมากเท่ากับเงินเดือนครึ่งปีของพวกเขา!
สมกับเป็พระชายาเซ่อเจิ้งอ๋อง สุรุ่ยสุร่ายอย่างที่คาด!
“ดูพระชายาตรัสเข้าสิพ่ะย่ะค่ะ การอารักขาความปลอดภัยของพระชายาเป็สิ่งที่พวกกระหม่อมควรทำอยู่แล้ว”
หัวหน้าฉิวโบกมือ ก่อนจะสั่งให้องครักษ์คนอื่นๆ ย้ายศพออกไป ขณะเขาเดินผ่านศพนั้น หางตาก็เหลือบไปมองโดยไม่รู้ตัว
หนึ่งมีดปลิดชีพ!
ฝีมือยอดเยี่ยมยิ่งนัก
หัวหน้าฉิวขยับคอ รู้สึกเพียงว่าถุงเงินในมือเหมือนจะหนักขึ้น
จากนั้นเขาก็พาองครักษ์ทั้งหมดกล่าวลาด้วยความเคารพทันที
ความเงียบกลับคืนสู่คุก
กระถางธูปที่ถูกยกเข้ามาวางไว้บริเวณมุมห้องขังมีกำยานราคาถูกจุดไว้ข้างใน กลิ่นของมันแรงกว่ากลิ่นคาวเืเล็กน้อย
ในยามราตรี ใบหน้าเล็กและขาวผ่องของไป๋เซี่ยเหอดูสงบนิ่ง
ไม่ใช่ว่านางมีเงินเยอะจึงตั้งใจซื้อตัวหัวหน้าฉิว ทว่าตอนนี้นางยังไม่มีเบาะแส นางจึงไม่รู้ว่าต้องอยู่ในคุกไปอีกนานเพียงใด
นางไม่คิดเล็กคิดน้อย เพียงเปลี่ยนที่พักเท่านั้น นางปรับตัวได้
เพียงแต่คนพวกนั้นที่้าเอาชีวิตนาง ย่อมต้องร้อนใจเป็แน่
ไม่รู้ว่าจะเกิดการลอบสังหารเช่นนี้อีกกี่หน
หาก้าหลบหนีจากความยุ่งยาก ต้องแก้ไขที่ต้นตอ
ตอนนี้นางใช้ชีวิตในคุกมาสามวันแล้ว
เมื่อได้รับ ‘การดูแลพิเศษ’ จากหัวหน้าฉิว ก็ไม่มีเหตุลอบสังหารเกิดขึ้นเช่นคราก่อนอีก
ทว่าราวกับในวังยังไม่รู้เื่นี้อย่างไรอย่างนั้น ไม่มีผู้ใดเข้ามาถามไถ่ แม้แต่จวนไท่จื่อเองก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในตอนนี้
ดูราวกับไป๋เซี่ยเหอเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของตนเอง โดยการเปลี่ยนมาอาศัยอยู่ในที่พักที่ค่อนข้างแย่ สามวันมานี้นางทำได้เพียงกินและนอน
‘ครืด’
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ไป๋เซี่ยเหอก็ะโลงจากตั่งด้วยท่าทีตื่นตัว ใบหน้าเล็กดูสงบนิ่ง “เข้ามา”
หัวหน้าฉิวเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มโง่งม “พระชายา มีคนนามว่าเซี่ยถิงมาขอเข้าพบ เขาบอกว่าเป็องครักษ์ของท่านพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้เขาเข้ามา”
เมื่อหัวหน้าฉิวเรียกเซี่ยถิงเข้ามาแล้ว เขาก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม้คนผู้นี้จะมีเทียบของจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง แต่กระหม่อมคิดว่าต้องมาถามพระชายาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อหัวหน้าฉิวออกไป ทั้งคุกก็เหลือเพียงไป๋เซี่ยเหอกับเซี่ยถิง
ไป๋เซี่ยเหอกลับไปนั่งที่ตั่งหิน นางเอนหลังพิงกำแพงเย็นเยียบ ก่อนจะถามอย่างเกียจคร้าน “เ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
เซี่ยถิงคารวะ จากนั้นก็เอ่ย “ข้าน้อยขอร้องให้ท่านอ๋องส่งตัวข้าน้อยเข้ามาที่นี่เองขอรับ เพราะข้าน้อยมีเื่ที่ต้องแจ้งคุณหนู”
นางเข้าใจอุปนิสัยของเซี่ยถิง หากไม่ใช่เื่เร่งด่วนจริงๆ เขาจะไม่บุ่มบ่ามเข้ามาหานางถึงในคุกเช่นนี้หรอก
“เ้ามีเื่อันใด?”
เซี่ยถิงเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวภายนอกที่ประตูเหล็กอย่างระแวดระวัง จากนั้นก็เดินเข้าใกล้ตั่งเล็กน้อย แล้วกดเสียงลง
“คุณหนูยังจำเื่ที่ให้จิ่วหานจับตาดูศพของลู่อี๋เหนียงกับซู่เนี่ยนสาวใช้คนสนิทของนางในจวนตระกูลไป๋ได้หรือไม่ขอรับ?”
เื่นั้นผ่านมานานแล้ว
หลังจากนั้นก็เกิดเื่วุ่นวายไม่ขาดสาย นางจึงลืมเื่นี้ไปเสียสนิท
“นายท่าน เมื่อเกิดเื่คราวนี้ ข้าน้อยจึงไปหาจิ่วหาน จู่ๆ เขาก็เอ่ยเื่นี้ขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ข้าน้อยจึงลองสืบดู ผู้ใดจะรู้ว่าข้าน้อยกลับค้นพบเื่ใหญ่อันน่าตกตะลึงโดยไม่ได้ตั้งใจเข้า!”
ตอนนี้พระจันทร์โผล่พ้นยอดกิ่งหลิวแล้ว
สายลมยามราตรีใน่ต้นวสันตฤดูลอดเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างขนาดเล็ก ทำให้แผ่นหลังหนาวเย็น
“เ้าค้นพบอะไรเข้า?”
เซี่ยถิงสีหน้าจริงจัง เขาเดินหน้าสองก้าวและเข้าสู่ประเด็นทันที
“ไม่ว่าจะเป็เมืองหลวงหรือชานเมือง ข้าน้อยไปค้นหาตามสถานที่เก็บศพมาหมดแล้ว ไม่พบศพของสองคนนั้นเลยขอรับ ทว่าข้าน้อยกลับพบศพของผู้ที่คุณหนูต้องเดาไม่ออกแน่”
“เหลียงเอ๋อร์”
น้ำเสียงของไป๋เซี่ยเหอราบเรียบ ทว่าทรงพลัง
“เอ่อ...”
หลังจากเซี่ยถิงนิ่งค้างไปสองสามวินาที ใบหน้าพลันฉายแววกระอักกระอ่วน “คุณหนูรู้ั้แ่เมื่อใดขอรับ?”
ไป๋เซี่ยเหอยิ้ม พลางเอียงศีรษะ “เมื่อครู่”
“...”
เซี่ยถิงเกาศีรษะอย่างกลัดกลุ้ม เขาควรรู้นานแล้วว่าอย่าท้าทายสติปัญญาของคุณหนู เดิมทีนางก็ไม่ใช่เด็กสาวธรรมดาอยู่แล้ว
“จากการสังเกตของข้าน้อย เด็กสาวที่ชื่อว่าเหลียงเอ๋อร์ตายไปนานแล้วขอรับ”
“เ้าพบศพนางที่ไหน?”
“ไม่ไกลจากเขตล่าสัตว์ ศพถูกโยนไว้ในคูน้ำ ทั้งร่างขึ้นอืดแล้วขอรับ”
ใบหน้าของเด็กสาวสงบนิ่ง ราวกับคาดเดาเอาไว้แล้ว
“เช่นนั้นข้าก็เข้าใจเื่นี้ได้อย่างชัดเจนแล้ว เหลียงเอ๋อร์ที่มาขอให้ข้าไปช่วยชีวิตไป๋หว่านหนิงในวันนั้นคือเหลียงเอ๋อร์ตัวจริง แต่เหลียงเอ๋อร์ที่ข้าเห็นหลังจากนั้นคือตัวปลอม”
“คุณหนู ข้าน้อยมีความคิดหนึ่ง ทว่าอาจฟังดูหาญกล้าไปหน่อยขอรับ”
“ฝูเอ๋อร์เองก็เป็ ‘ฝูเอ๋อร์’ ตัวปลอมเหมือนกันใช่หรือไม่?”
“เอ่อ...ถูกต้องขอรับ ข้าน้อยกับท่านอ๋องเองก็คิดเช่นนี้”
ท่านอ๋อง?
“ฮั่วเยี่ยนไหวพูดเช่นนี้หรือ?”
เมื่อได้ยินไป๋เซี่ยเหอหลุดเรียกชื่อของเซ่อเจิ้งอ๋องออกมา คิ้วของเซี่ยถิงก็กระตุกอย่างอดไม่ได้
“เมื่อข้าน้อยแจ้งเื่นี้แก่ท่านอ๋อง ท่านอ๋องก็ให้คนไปตรวจสอบ ‘เหลียงเอ๋อร์’ ทันที น่าเสียดายที่พวกเราช้าไปก้าวหนึ่งขอรับ”
“เนื่องจาก ‘เหลียงเอ๋อร์’ ดูแลไท่จื่อเฟยได้ไม่ดี จึงถูกตำหนักของไท่จื่อขายออกไปแล้วขอรับ”
“ไท่จื่อเฟย?”
ไป๋เซี่ยเหอยิ้มเย็น นางพึมพำคำนี้ออกมา สีหน้าดูอึมครึมและน่ากลัวเล็กน้อย
“ขอรับ เนื่องจากไป๋เช่อเฟยสูญเสียลูก ไท่จื่อทำใจไม่ได้ จึงคุกเข่าอยู่ที่ห้องทรงอักษรของฝ่าาทั้งคืน เพื่อให้ไป๋เช่อเฟยได้มีสถานะเป็ไท่จื่อเฟยขอรับ”
“ใช้ชีวิตของลูกตนเองมาแลกกับสถานะไท่จื่อเฟย ไป๋หว่านหนิงช่างเฉลียวฉลาดเสียจริง!”
ดวงตาของไป๋เซี่ยเหอทอประกายเย็นเยียบอย่างลึกล้ำ
“บอกฮั่วเยี่ยนไหวว่าไม่ต้องตามหา ‘เหลียงเอ๋อร์’ แล้ว ในเมื่อคนผู้นั้นไม่ใช่เหลียงเอ๋อร์ นางย่อมไม่ใช้ใบหน้าของเหลียงเอ๋อร์อีก”
“นอกจากนี้ ข้ายังคิดว่าคนผู้นั้นน่าจะเปลี่ยนใบหน้าของตนเอง และตอนนี้คงจะกลับไปที่ตำหนักของไท่จื่อแล้ว”
นี่เรียกว่าเปลี่ยนรูปลักษณ์!
พูดง่ายๆ คือ มันไม่ต่างจากทักษะการแต่งหน้าของยุคปัจจุบันมากนัก ในยุคนี้คนที่มีทักษะเปลี่ยนรูปลักษณ์ระดับสูงมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
ในอดีตชาติ นางเองก็เคยเจอช่างแต่งหน้าฝีมือดีมาก่อน
เพียงแต่งหน้าก็ทำให้ใบหน้าของคนคนหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็อีกคนได้แล้ว
กระทั่งใบหน้าของคนอื่น ก็สามารถเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็คนผู้นั้น
น่าเสียดาย
อันที่จริงนางเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็ ทว่าไม่เชี่ยวชาญ จึงทำได้เพียงแต่งหน้าให้ตนเองกลายเป็อีกคน ทว่าไม่อาจแต่งหน้าให้เป็คนที่กำหนดได้
ไม่อย่างนั้นคงเปลี่ยนใบหน้าของตนเองให้กลายเป็เซี่ยถิงได้แล้ว
ตอนนี้เื่ที่นางทำได้ในคุกนั้นมีจำกัดเกินไป
“คนผู้นี้มีเป็ร้อยเป็พันหน้า ไม่มีผู้ใดรู้ว่าวินาทีถัดไปนางจะมีรูปโฉมอย่างไร นอกจากนี้พวกเราล้วนไม่คุ้นเคยกับตำหนักของไท่จื่อ การตามหาใบหน้าแปลกตาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก”
“แล้วฝูเอ๋อร์เล่า พวกเ้าหาฝูเอ๋อร์พบหรือยัง?”
------------------------