หากเมื่อสักครู่หลินเยว่ไม่ได้เข้าไปัับรรยากาศอันคึกคักในตลาดผีด้วยตัวเองเขาคงไม่เชื่อว่าที่นี่เป็สถานที่ตั้งของตลาดผีอย่างแน่นอน
ความสามารถในการเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วปฏิกิริยาที่คล่องแคล่วฉับไว รวมทั้งเทคนิคในการซ่อนตัวอันชาญฉลาด!
หลินเยว่เกิดความรู้สึกนับถืออยู่ในใจ มันเป็การนำรูปแบบการสู้รบแบบกองโจรของคุณปู่ประธานเหมาเจ๋อตงขึ้นมาพัฒนาจนถึงที่สุด
และเวลานี้เอง มีไฟรถจากที่ไกลๆ ค่อยๆขับแล่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
น่าจะเป็รถตำรวจล่ะมั้ง
หลินเยว่แอบคิดอยู่ในใจ
เมื่อรถตำรวจจอดสนิท ท่ามกลางความมืดหลินเยว่เห็นรางๆว่ามีคนสองสามคนค่อยๆ เดินไปหยุดข้างรถ และมีคนสองสามคนลงมาจากภายในรถ และไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรกันและไม่รู้ว่าเป็เพราะอะไร ดูเหมือนว่าคนที่เพิ่งเดินไปหยุดข้างๆรถตำรวจจะทำร้ายตำรวจ แต่สุดท้ายก็ถูกคนอื่นห้ามไว้
ทำร้ายตำรวจ?
หลินเยว่พลันรู้สึกว่าโลก ณที่ตรงนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว มีคนกล้าทำร้ายตำรวจด้วยหรือ?
ทันใดนั้นหนึ่งในคนตรงนั้นก็หยิบสิ่งของอย่างหนึ่งวางไว้ตรงปาก และก็มีเสียงนกหวีดหวีดแหลมดังขึ้นมาจากที่นั่นทันทีเกิดเป็เสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งพื้นที่
และเวลานี้เอง หลินเยว่ก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่เขาไม่มีทางลืมตลอดชีวิตนี้
ท่ามกลางความมืดรอบๆ ตัวพลันเกิดแสงไฟดวงเล็กๆสว่างขึ้น หลังจากนั้นจึงเกิดภาพราวกับหิ่งห้อยบินรวมตัวอยู่บนถนนของตลาดผีอย่างรวดเร็วแสงไฟมีการตัดผ่านกันเป็ระยะๆ ราวกับทางช้างเผือกกำลังเคลื่อนที่และก็เหมือนกับผีเสื้อน้อยที่กำลังเต้นรำเปลี่ยนตำแหน่งกันอย่างรวดเร็วและแ่เบาหากเวลานี้สามารถมีบทเพลงเซเรเนด (Serenade) อันไพเราะขับกล่อม มันคงกลายเป็บรรยากาศราวกับอาณาจักรแห่งความฝันในเทพนิยายเลยทีเดียว
เพียงไม่นาน แสงไฟก็ถูกหยุดอยู่ตรงตำแหน่งหนึ่ง เกิดเป็แสงไฟสลัวๆสว่างขึ้นท่ามกลางความมืด หลังจากนั้นท่ามกลางแสงไฟนี้ก็เกิดเป็เงาของผู้คนเดินออกมาอย่างคึกคัก มีการเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องบางครั้งก้มตัวลงมอง บางครั้งลุกขึ้นหยิบสิ่งของและเงาของผู้คนก็กลับมาเงียบสนิทท่ามกลางแสงไฟอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 2นาที
ช่างยิ่งใหญ่! ช่างรวดเร็ว!
ขณะที่หลินเยว่กำลังรำพึงรำพันอยู่นี้ เสียของเฮ่อโย่วจ้างที่อยู่ข้างๆก็ดังขึ้น “ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว”
ไม่มีอะไรแล้ว?
ตำรวจไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
หลินเยว่เห็นว่าพวกตำรวจเ่าั้ยังยืนอยู่ตรงนั้นเลยนะ
หรือว่าจะรุมทำร้ายตำรวจ?
หลินเยว่แอบคิดไปในทางร้ายเพราะนี่เป็เวลากลางคืน และยังมีคนเยอะแยะมากมาย หากคิดจะทำร้ายตำรวจจริงๆ ก็อาจจะหาตัวคนที่ลงมือไม่เจอ...แหะๆ ไม่แน่นะเขาก็อาจจะแอบร่วมวงด้วยนิดนึง
ขณะที่หลินเยว่และเฮ่อโย่วจ้างกำลังจะเดินไปที่ถนนเส้นนั้นทางด้านข้างของพวกเขาก็มีคนคนหนึ่งเดินผ่านไป และก็ได้ยินอีกฝ่ายส่งเสียงด่าออกมา“ไม่รู้ไอ้หน้าอ่อนพวกนั้นมาจากไหน ไม่รู้จักกฎเกณฑ์บ้างหรือไงวะ ที่นี่มีใครเขาขับรถมากันมีแต่คนเดินมาทั้งนั้นแหละ หากมีไอ้พวกบ้าที่ไหนขับรถมาที่นี่ทำให้คนอื่นใอีกข้าจะเป็คนแรกที่จัดการมันให้ตาย ไอ้บ้าเอ๊ย ทำให้ข้าใเหงื่อแตกไปฟรีๆไอ้บ้าเอ๊ย!”
เสียงด่าก็ลอยห่างออกไปเรื่อยๆ ตามเขาผู้นั้น
ในที่สุดหลินเยว่ก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเมื่อสักครู่เฮ่อโย่วจ้างถึงได้พาเขาเดินเป็ระยะทางไกลมากแต่ไม่ได้บอกให้คนขับรถแท็กซี่ขับมาส่งพวกเขาถึงที่นี่ ที่แท้มันเป็กฎของที่นี่นั่นเอง
ส่วนพวก “ตำรวจ”ก็น่าจะเป็พวกนักธุรกิจที่้ามาดูของที่ตลาดผี
และเหตุการณ์นี้ก็เป็เพียงการตื่นตระหนกใไปกันเองเท่านั้น
เมื่อหลินเยว่คิดถึงการกระทำของเฮ่อโย่วจ้างที่ยังไม่ยอมกลับไปเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าเหตุการณ์เข้าใจผิดที่ตลาดผีเช่นนี้น่าจะเคยเกิดขึ้นมาบ้างมิน่า ผู้ชายคนนั้นถึงอยากจะชกนักธุรกิจกลุ่มนั้นไงล่ะหากเปลี่ยนเป็คนอื่นก็คงไม่มีใครยินดีที่จะเหนื่อยแรงกันฟรีๆ หรอก
ขณะที่หลินเยว่และเฮ่อโย่วจ้างกำลังเดินอยู่บนถนนของตลาดผีนั้นพลันมีเสียงคนเรียกพวกเขาอยู่ด้านข้าง
“สหายหนุ่ม สหายหนุ่ม อย่าเพิ่งไปสิหินหยกเมื่อตะกี๊ยังดูไม่เสร็จไม่ใช่หรือ รีบมาดูต่อสิ”
หลินเยว่มองไปตามเสียงเรียกนั้นเขาจึงพบว่าเป็เสียงของเ้าของแผงที่เมื่อสักครู่เขาสำรวจหินหยกนั่นเอง
เมื่อเห็นสายตาของเ้าของแผงที่มีความร้อนใจหลินเยว่จึงได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ เขากำลังจะไปโทรศัพท์หาฉินเหยาเหยาแล้วจะมีเวลาไปดูหินหยกของเ้าของแผงผู้นั้นได้อย่างไรกันล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นการทดสอบว่าเขาสามารถใช้พลังพิเศษในตอนกลางคืนได้หรือไม่ก็สำเร็จเรียบร้อยแล้วเขาจึงไม่มีความจำเป็จะต้องไปดูอีก และอีกอย่างหินหยกก้อนนั้นก็ไม่ดีเสียด้วย
เฮ่อโย่วจ้างก็ไม่ได้มีทีท่าจะหยุดก้าวเช่นกันพวกเขาทั้งสองคนจึงเดินมุ่งหน้าต่อไป
เ้าของแผงมองเงาด้านหลังของพวกเขาทั้งสองท่ามกลางความมืดอย่างจนใจแล้วก็ถอนหายใจออกมา หลังจากนั้นสายตาของเขาก็เริ่มมีความโกรธแค้นเขาสบถออกมาเสียงต่ำ “ไอ้ลูกหมาที่ไหนที่มาทำให้ข้าเสียเื่ หากข้ารู้นะข้าจะถลกหนังหัวพวกมันแน่ๆ! ไอ้บ้าเอ๊ยกว่าจะได้เจอคนอ่อนหัดก็ไม่ใช่เื่ง่ายเลยนะ ดูซิ หมูที่รอถูกเชือดก็วิ่งหนีไปหมดแล้ว!”
หลินเยว่พูดขอตัวกับเฮ่อโย่วจ้างหลังจากนั้นเขาจึงเดินไปในที่ที่ไม่มีคน แล้วก็โทรศัพท์หาฉินเหยาเหยา
“ที่นั่นเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? ดึกขนาดนี้แล้วทำไมนายถึงเพิ่งโทรมาล่ะ”น้ำเสียงของฉินเหยาเหยาที่ผ่านออกมาทางโทรศัพท์ก็เต็มไปด้วยความร้อนใจ
เมื่อหลินเยว่ได้ยินเช่นนี้เขาก็รู้สึกอบอุ่นในใจ ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกผิด เพราะดึกขนาดนี้แล้วเธอก็ยังไม่ได้เข้านอนเธอยังคงรอโทรศัพท์จากเขาอยู่ การที่ต้องให้หญิงสาวผู้หนึ่งต้องรอตัวเองนานขนาดนี้ก็ทำให้หลินเยว่รู้สึกผิดมากจริงๆ
“ผมไม่ได้เป็อะไร เพราะว่าตอนกลางคืนต้องออกมาข้างนอกทำให้หลับมาตื่นนึงแล้ว ก็เลยโทรหาเธอซะดึกเลย ขอโทษด้วยนะ” น้ำเสียงของหลินเยว่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความเสียใจ
“ไม่ต้องขอโทษหรอก แค่นายไม่เป็ไรก็พอแล้ว”ฉินเหยาเหยาจึงรู้สึกสบายใจขึ้น
“ต่อไปก็อย่านอนดึกขนาดนี้ล่ะ ต้องดูแลตัวเองด้วยผมอยู่ที่นี่ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินเหยาเหยาที่อยู่ปลายสายก็พูดตอบ “อืม” อย่างราบเรียบและก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกอื่นๆ ออกมา
หลินเยว่ลอบถอนหายใจจากปฏิกิริยาของฉินเหยาเหยาเขาก็รู้ดีว่าเธอไม่มีทางทำตามคำพูดของเขาขณะที่เขาถอนหายใจ ในใจลึกๆ ของเขาก็มีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆเพราะการที่ฉินเหยาเหยาไม่เชื่อฟังคำพูดของเขาเป็เพราะเธอใส่ใจตัวเขามากนั่นเอง
หลินเยว่พูดปลอบใจฉินเหยาเหยาอยู่สักพักหลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองก็คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วจึงวางโทรศัพท์ลง
การที่มีแฟนสักคนมันช่างมีความสุขจริงๆ!
และนี่ก็ทำให้หลินเยว่รู้สึกว่าตอนนี้เขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเองคนเดียวอีกต่อไปเพราะเขายังต้องทำเพื่อคนรักของเขาเป้าหมายการต่อสู้เช่นนี้ก็ทำให้เขามีแรงบันดาลใจอย่างไร้ขีดจำกัด
หลินเยว่เก็บโทรศัพท์ให้เรียบร้อยหลังจากนั้นจึงเดินกลับไปตามเส้นทางที่ออกมาเพื่อตามหาเฮ่อโย่วจ้างเขาต้องหาเส้นทางท่ามกลางแสงไฟสลัวๆ ในที่สุดหลินเยว่ก็หาเฮ่อโย่วจ้างจนเจออีกฝ่ายกำลังมองหินหยกอยู่หน้าแผงร้านหนึ่ง
หลินเยว่เดินเข้าไปหาและสบตากับเ้าของแผงร้านนี้ พวกเขาทั้งสองต่างนิ่งอึ้งไปทันที
เ้าของแผงผู้นี้คือฉินจงฮั่น!
หลินเยว่ก็ดีใจขึ้นทันที เขานั่งลงยองๆแล้วพูดขึ้น “คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอคุณที่นี่”
“ผมก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน ดูท่าคุณก็อยู่ในวงการการพนันหินหยกมานานพอสมควรแล้วนะเพราะยังคลำทางมาถึงตลาดผีได้ด้วย เหอๆ......”
ฉินจงฮั่นก็รู้สึกดีใจที่ได้เจอกับหลินเยว่เช่นกันนั่นเป็เพราะการที่ได้เจอคนคุ้นเคยยามดึกก็เป็เื่ที่น่ายินดี
“ผมเพิ่งทำอาชีพนี้ไม่นาน ผมมากับเพื่อนน่ะ”ขณะที่พูด หลินเยว่ก็ชี้ไปยังเฮ่อโย่วจ้างที่กำลังสำรวจหินหยกอยู่
เมื่อได้ยินคำว่า “เพื่อน” คำนี้จากปากของหลินเยว่เฮ่อโย่วจ้างก็ตัวไหวไปชั่วขณะอย่างไม่รู้ตัว หลังจากนั้นเขาก็กลับมาเป็ปกติเหมือนเคย
ฉินจงฮั่นมองไปตามมือที่ชี้ของหลินเยว่แล้วพูดขึ้น “ในเมื่อเป็เพื่อนกันทั้งนั้นหินหยกที่พวกคุณสนใจในวันนี้จะต้องคิดราคาพิเศษอย่างแน่นอน ผมขอแค่ไม่ขาดทุนก็พอฮ่าๆ”
“กลัวแค่ว่าหินหยกของคุณไม่มีที่พวกเราสนใจน่ะสิ”หลินเยว่แซวกลับ
“จะเป็ไปได้อย่างไร นี่เป็หินหยกส่วนที่เหลือจากงานจัดแสดงหินหยกที่เมืองย่างกุ้งประเทศเมียนมาเลยนะผมรับมาจากงานนั้นเลย รับรองว่ามีคุณภาพดี” ฉินจงฮั่นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเยว่ก็เบะปาก“เลิกโม้เถอะ นั่นก็แสดงว่าเป็ส่วนที่เหลือจากที่คนอื่นเลือกไปแล้วน่ะสิ”
“แหะๆเลือกจากของที่เหลือก็ยังดีกว่าซื้อไม่ได้ใช่ไหมล่ะ!” ฉินจงฮั่นพูดด้วยสีหน้าเ้าเล่ห์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้