จ้านชิงหลงมักสงสัยกับวิธีการหลอมโอสถของจ้านอู๋มิ่ง ยามถามตำรับโอสถของจ้านอู๋มิ่ง ข้อสงสัยยิ่งเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมิเพียงแต่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แม้กระทั่งฟังยังมิเคยได้ฟังเื่นี้มาก่อนด้วยซ้ำ ต้นหญ้าัเจ็ดดาว ดอกไห่ถังห้าดาว พิษงูเจ็ดก้าว กรงเล็บตะขาบหลังเหล็ก เืค่างแขนทอง…ส่วนผสมยาเหล่านี้ ส่วนใหญ่กอปรด้วยพิษร้ายรุนแรง แต่จ้านอู๋มิ่งกลับนำมาต้มรวมกันในหม้อเดียว
จ้านชิงหลงด้านหนึ่งกังขามิเข้าใจ อีกด้านหนึ่งรู้สึกปวดใจยิ่งนัก ต้นหญ้าัเจ็ดดาวเป็ส่วนผสมยาจิติญญาระดับห้า ดอกไห่ถังห้าดาวก็เป็สมุนไพรคุณค่าเลิศล้ำ ทั้งยังราคาสูง กลับถูกนำมาต้มรวมกับส่วนผสมอื่นที่มีพิษร้ายจนกลายเป็น้ำแกง ้าทำอะไรกันแน่? หรือว่าตำรับโอสถจากมรดกโบราณหลอมด้วยวิธีเช่นนี้เอง?
จ้านอู๋มิ่งโยนส่วนผสมยาล้ำเลิศใส่ลงไปในหม้อดำใบใหญ่อย่างสุดชีวิต โดยที่ตาก็ยังไม่กะพริบสักครั้งเดียว จ้านชิงหลงปวดใจจนแทบจะร่ำไห้แล้ว แต่กลับมิกล้าเอ่ยปาก กล่าวถึงที่สุดแล้ว จ้านอู๋มิ่งได้ทำการค้นคว้าโอสถะเิเพลิงสำเร็จ สร้างกำไรให้ตระกูลจ้านมากมายมหาศาล แม้กระทั่งราชวงศ์ต้าเหยียนก็ยังสนใจมาเยือนถึงบ้านแล้ว สิ้นเปลืองตัวยาไปบ้างนับเป็อะไรได้ ผู้อื่นเขามีตำรับโอสถโบราณ มิทันได้รับการยอมรับก็ยังสามารถหลอมโอสถะเิเพลิงสำเร็จออกมาได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้แต่เอาหูไปนา เอาตาไปไร่กับวิธีการหลอมโอสถที่น่าอนาถจนทนดูมิได้นี้
สิ่งที่ดูแล้วมิเข้าใจ จ้านชิงหลงได้แต่มิไปดูมัน ฟืนไฟก่อเกิดควันพวยพุ่ง ฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งเรือน เขายืนเฝ้าดูอยู่ข้างเตาครู่เดียว ใบหน้าก็ถูกรมจนดำคล้ำไปแล้ว จ้านอู๋มิ่งเหมือนดุจกำลังปรุงอาหาร คล้ายกำลังต้มผักอยู่ก็มิปาน เทสมุนไพรต่างๆ ทั้งหมดลงใส่หม้อรวดเดียว จากนั้นก็โยนไม้ฟืนเพิ่มเข้าไปใต้หม้ออย่างวุ่นวาย หากว่านี่ก็คือการหลอมโอสถเช่นกันละก็ สำหรับนักหลอมโอสถทั่วหล้าแล้ว นั่นล้วนเป็การดูิ่เหยียดหยามกันเลยทีเดียว จ้านชิงหลงทนดูต่อไปอีกไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงกล่าวคำชี้แนะสั่งสอนอย่างจริงใจขึ้นว่า “มิ่งเอ๋อร์ ถึงแม้ในจวนจะมีเงินทอง แต่เ้าก็ต้องรู้จักประหยัดอดออมด้วย ส่วนผสมยาหม้อนี้ของเ้ามีมูลค่าร่วมหมื่นเหรียญทองเลยเชียว นี่คือโอสถชนิดใดของเ้า? มีสรรพคุณเช่นไรบ้าง?”
“สิ่งนี้มิใช่โอสถ แต่เป็น้ำแกง นำมาใช้สำหรับอาบน้ำ…” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“น้ำแกงอาบน้ำ?!” จ้านชิงหลงรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาวูบหนึ่ง ใช้ส่วนผสมยามูลค่าร่วมหมื่นเหรียญทองเพื่อนำมาทำน้ำแกงอาบน้ำ นี่คือคนที่ล้างผลาญมากมายเพียงใดจึงสามารถกระทำเื่เช่นนี้ออกมาได้! จ้านชิงหลงได้แต่รู้สึกเืลมพลุ่งพล่าน ตำหนิขึ้นว่า “มิ่งเอ๋อร์ เ้าจะมาซุกซนสร้างปัญหาวุ่นวายเช่นนี้ได้อย่างไร กว่าทางตระกูลจะรวบรวมสมุนไพรเหล่านี้มาได้มิใช่เื่ง่ายเลย เ้าจะนำมาใช้ทำน้ำแกงอาบน้ำได้อย่างไรกัน”
“ท่านลุงใหญ่ ท่านเพลาๆ ลงสักหน่อยเถอะ ข้าเป็ตัวล้างผลาญั้แ่เมื่อไรกัน เม็ดโอสถัพยัคฆ์ที่ข้าหลอมขึ้นมิใช่แย่งกันซื้อจนเป็บ้าเป็หลังไปแล้วหรือ อุจจาระสัตว์อสูรวิหคกระจอกขาวก็ขาดตลาดไปแล้วเช่นกัน…”
“หุบปากของเ้าเสีย! เป็โอสถะเิเพลิง มิใช่อุจจาระสัตว์อสูรวิหคกระจอกขาว!” จ้านชิงหลงรู้สึกขืนพูดกับหลานชายอีกต่อไป เขากำลังจะพังทลายลงแล้ว ล้วนเป็สายเืตระกูลจ้านเช่นกัน ไฉนความคิดจึงแตกต่างกันมากมายถึงเพียงนี้เล่า?
“ประเสริฐ โอสถะเิเพลิงก็โอสถะเิเพลิงเถอะ สิ่งนี้ก็มิได้เรียกว่าน้ำแกงอาบน้ำเช่นกัน เรียกมันว่าโอสถน้ำเจ็ดดาราผลัดเปลี่ยนกายาก็แล้วกัน! สามารถเพิ่มสมรรถภาพผลัดเปลี่ยนร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพของเืลม เสริมความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นตลอดจนกระดูก ท่านทราบหรือไม่ ไฉนเนื้อหนังของบรรดาสัตว์อสูรจำนวนมากจึงสามารถป้องกันตัวได้ดีกว่าชุดเกราะ? นั่นเพราะสายเืของพวกมันแข็งแกร่งโดยกำเนิดนั่นเอง สายเืเริ่มเพิ่มสมรรถภาพผลัดเปลี่ยนร่างกายของมันั้แ่ยังเล็ก ดังนั้นหนังของสัตว์อสูรจำนวนมาก ดาบกระบี่จึงไม่ระคายผิวสร้างความเสียหายได้ยาก โอสถน้ำเจ็ดดาราผลัดเปลี่ยนกายาของข้านี้สามารถทำให้ิัและกล้ามเนื้อของคนค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นจนเพียงพอจะเทียบเคียงกับสัตว์อสูรได้” จ้านอู๋มิ่งก็พูดไม่ออกอยู่บ้างเช่นกัน ข้าเลือกชื่อดีๆ ชื่อหนึ่งมาใส่เข้าไป ท่านสมควรจะไม่มีปฏิกิริยารุนแรงมากมายขนาดนั้นแล้วกระมัง
“มันมีสรรพคุณขนาดนี้จริงๆ หรือ?” ดวงตาของจ้านชิงหลงเป็ประกายขึ้นมาทันใด
“มีสรรพคุณขนาดนี้หรือไม่ ท่านลุงใหญ่ทดลองดูก็ทราบแล้วมิใช่หรือ เด็กอย่างข้า เพราะไม่สามารถฝึกฝนจิติญญาการต่อสู้ได้ จึงคิดใช้น้ำแกงนี้เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพของร่างกายตนเอง ท่านลุงใหญ่อย่าได้นำออกไปพูดต่อให้วุ่นวายจนทั่ว น้ำแกงสมุนไพรนี้ให้ดีที่สุดทราบกันเฉพาะท่านและข้าเท่านั้น กล่าวถึงที่สุดตัวยาหม้อหนึ่งนี้ มูลค่าร่วมหมื่นเหรียญทองเลยทีเดียว หากท่านปู่ผู้เฒ่าทราบเื่ ไหนเลยยังจะมีส่วนของท่านกับข้าอีกเล่า” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างอับจนปัญญา
ดวงตาจ้านชิงหลงกลอกไปมารอบหนึ่ง คำพูดของจ้านอู๋มิ่งทำให้จิตใจเขาหวั่นไหวแล้วจริงๆ ส่วนผสมที่จำเป็ต้องใช้สำหรับน้ำแกงหม้อนี้มูลค่าสูงมากจริงๆ ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือส่วนผสมบางชนิดยังหายากอย่างยิ่งอีกด้วย ถ้าทุกคนทั้งครอบครัวต่างก็ต้มมาอาบน้ำ มิใช่ ต้มมาเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย ส่วนผสมเหล่านี้ก็จะถูกใช้หมดสิ้นอย่างรวดเร็ว
ถ้าประสิทธิภาพของมันได้ผลจริงๆ คงได้แต่แบ่งกันเฉพาะตนกับหลานชายตัวน้อยเท่านั้น คนอื่นๆ ได้แต่ยืนเฉยๆ อยู่ด้านข้าง ส่วนหลานชายตัวน้อย เขาควรเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายสักหน่อยแล้วจริงๆ แม้กระทั่งพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ก็ยังมิมี หากร่างกายเกิดแย่ลงอีกละก็ จะมิใช่สูญเสียอัจฉริยะนักหลอมโอสถคนนี้ไปหรือ? ดังนั้นจ้านชิงหลงพยักหน้าพูดว่า “หากมีสรรพคุณเช่นนี้ตามที่เ้าพูดจริง เช่นนั้นลุงใหญ่ก็จะปกปิดความลับนี้ให้เ้า แต่เ้าต้องแบ่งโอสถน้ำนี้ให้ข้าครึ่งหนึ่ง”
จ้านอู๋มิ่งหัวเราะ “เหอะ เหอะ” คราหนึ่ง พูดว่า “เื่นี้แน่นอนอยู่แล้ว เื่นี้แน่นอนอยู่แล้ว ข้าต้มหม้อใหญ่ขนาดนี้ก็เพราะเผื่อไว้สำหรับท่านลุงใหญ่ครึ่งหนึ่งอยู่แล้ว ่เวลานี้หลานคิดจะตั้งใจศึกษาส่วนผสมอย่างเข้มข้น ใช้วัตถุดิบปริมาณค่อนข้างมาก และมิ้าให้ใครมารบกวน ยังคงขอให้ท่านลุงใหญ่ใจกว้าง อดทนอีกหน่อย”
“เื่นี้มิมีปัญหา แต่ว่าหากเ้าคิดค้นตำรับโอสถใดสำเร็จขึ้นมาละก็ จะต้องบอกให้ลุงใหญ่ทราบก่อนเป็คนแรก” จ้านชิงหลงคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นด้วยแล้ว ท่านปู่ผู้เฒ่ามอบหลานชายตัวน้อยให้ตนดูแลแล้ว เขาสืบทอดตำรับโบราณ จะตั้งใจฝึกฝนเรียนรู้ก็มิเห็นจะเป็ไร เพียงแต่ต้องอยู่ในสายตาของตนเองตลอดเวลา
ั้แ่นั้นมา นายน้อยท่าทางประหลาดของตระกูลจ้านก็มิค่อยได้ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยๆ อีก
……
ราชวงศ์ต้าเหยียนขยายแว่นแคว้นอย่างรวดเร็วใน่เวลาห้าปีที่ผ่านมา พร้อมกับการขยายดินแดนของราชวงศ์ต้าเหยียน ตระกูลชั้นสองแห่งหนึ่งก็เจริญรุ่งเรืองและแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน มีสัญญาณจางๆ ของการเปลี่ยนแปลง แทรกตัวเข้าไปอยู่ในรายชื่อตระกูลชั้นหนึ่งของราชวงศ์ต้าเหยียน ซึ่งก็คือตระกูลจ้านแห่งมู่เหย่ ที่ครั้งหนึ่งเคยเปิดตัวโอสถโอสถะเิเพลิงที่ทำให้ชาวยุทธ์พากันคลั่งไคล้นั่นเอง
หลายปีมานี้ ราชวงศ์ต้าเหยียนและตระกูลจ้านมีความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง โอสถะเิเพลิงของตระกูลจ้านกลายเป็สิ่งจำเป็ที่ต้องมีของกองทัพราชวงศ์ต้าเหยียน มันทำให้ทหารของราชวงศ์ต้าเหยียนสามารถครองความได้เปรียบระหว่างการสู้รบในศึกากับแคว้นอื่น บุกเข้าโจมตีเมืองและยึดครองดินแดน จนกระทั่งสามารถขยายดินแดนออกไปร่วมหลายพันลี้ ราชวงศ์ต้าเหยียนที่เคยมีเก้ามณฑลและแปดหัวเมือง ตอนนี้มีถึงสิบสองมณฑลแล้ว การผงาดขึ้นของราชวงศ์ต้าเหยียนกระตุ้นความสนใจของแคว้นมหาจักรพรรดิชางเหยียนตี้กั๋วขึ้นมาแล้ว แต่ว่าแคว้นมหาจักรพรรดิมิเคยสนใจการศึการะหว่างราชวงศ์ด้วยกัน ตราบใดที่ราชวงศ์นั้นยังคงยอมอยู่ภายใต้การปกครองของมหาจักรพรรดิชางเหยียนตี้กั๋ว และยังคงส่งเครื่องบรรณาการตามขนาดพื้นที่อยู่มิขาดทุกปี ดินแดนของมหาจักรพรรดิมิสนใจผู้ใดแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาราชวงศ์ต่างๆ นี่เป็หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขตแดนของมหาจักรพรรดิยังคงสามารถดำรงอยู่อย่างมั่นคง
ใน่เวลาขยายอาณาเขตของราชวงศ์ต้าเหยียน ใต้หล้าก็ได้รู้จักตระกูลจ้านที่ผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทุกปีตระกูลจ้านล้วนเปิดตัวเม็ดโอสถสรรพคุณสุดวิเศษออกมาชนิดหนึ่ง เม็ดโอสถทั้งหมดของตระกูลจ้านล้วนมอบให้หอสมบัติล้ำค่าเป็ตัวกลางขายสินค้า สมาชิกคนในตระกูลจ้านนับเงินจนมือไม้อ่อน กล่าวกันว่าเม็ดโอสถวิเศษที่ผลิตขึ้นโดยตระกูลจ้านกระตุ้นความสนใจของปรมาจารย์นักหลอมโอสถแห่งสำนักจวี้อู๋ป้า ทำให้ตระกูลจ้านแห่งมู่เหย่ชื่อเสียงโด่งดังระบือไกล เล่าขานกันว่าตระกูลจ้านมีอาจารย์นักหลอมโอสถลึกลับผู้หนึ่ง ถึงแม้จะมิมีผู้ใดเคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ความนิยมล้ำหน้า เหนือกว่าปรมาจารย์นักหลอมโอสถระดับห้าของตระกูลหลงไปแล้ว ปรมาจารย์นักหลอมโอสถหลายท่านได้นำเม็ดโอสถของตระกูลจ้านมาวิเคราะห์ส่วนผสมเพื่อทำเป็ตำรับโอสถ ล้วนมิประสบความสำเร็จ เม็ดโอสถของตระกูลจ้านเลียนแบบมิได้ เม็ดโอสถที่หลอมโดยตระกูลจ้านเท่านั้นจึงจะมีสรรพคุณอันแปลกพิสดารนี้ ถึงแม้จะรู้ส่วนผสมของตัวยา ผลลัพธ์ก็ยังคงเช่นเดิม ทำให้ปรมาจารย์นักหลอมโอสถลึกลับท่านนั้นของตระกูลจ้านกลายเป็ที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับมีผู้สงสัยว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในตระกูลจ้านคงเป็ยอดคนในหมู่บรรดาปรมาจารย์นักหลอมโอสถ
……
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ…” เสียงกระดูกกระทบกันดังชัดเจนภายในห้องลับของหอโอสถของตระกูลจ้าน ถังไม้ขนาดใหญ่แตกทลายกลายเป็เศษเล็กเศษน้อยนับร้อยชิ้น จ้านอู๋มิ่งในสภาพเปลือยเปล่าค่อยๆ ยืนขึ้นจากของเหลวที่สาดกระเซ็นส่งเสียงดังเปาะแปะ กลิ่นสมุนไพรเข้มข้นระลอกหนึ่งฟุ้งกระจายทั่วทุกตารางนิ้วของห้องลับ
“ในที่สุดก็สามารถทะลวงขอบเขตผลัดเปลี่ยนกระดูกสำเร็จแล้ว” จ้านอู๋มิ่งมองดูกล้ามเนื้อสมส่วนและรูปร่างเพรียวพอดีตลอดทั้งร่างกายของตนอย่างพึงพอใจ ระยะเวลาห้าปี ใช้สมุนไพรมากมายนับมิถ้วน ั้แ่การผลัดกล้ามเนื้อไปจนถึงการเปลี่ยนเส้นเอ็น ตลอดจนการกลั่นผิวกาย ในที่สุดก็ทะลวงผ่านขอบเขตแห่งการซ่อมแซมชีวิตขั้นที่หนึ่งสำเร็จ สามารถมีทักษะพื้นฐานของการรักษาชีวิตเพื่อเอาตัวรอดแล้ว
"คัมภีร์เทพอนัตตา" กล่าวว่าจะซ่อมแซมชีวิต จงทะนุถนอมชีวิตก่อน จะทะนุถนอมชีวิต จงเพิ่มสมรรถภาพร่างกายก่อน กลั่นกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ผิวกายด้วยความอดทน ให้ร่างกายแข็งแรงปราศจากภัยจึงเป็การทะนุถนอมชีวิต กลั่นผิวกายและเพิ่มสมรรถภาพกล้ามเนื้อสำเร็จสามารถผลัดเปลี่ยนกระดูก กระดูกสูงส่ง ชีวิตเลิศล้ำ กระดูกต่ำต้อย ชีวิตอับเฉา ซ่อมแซมชีวิตไม่ผลัดเปลี่ยนกระดูก ไหนเลยสามารถกำหนดชะตาชีวิตตนเอง ขอบเขตนี้เป็ขั้นตอนรู้จักซ่อมแซมเพื่อทะนุถนอมชีวิต ต้องรู้จักชีวิตตน เมื่อเพิ่มสมรรถภาพเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว จึงค่อยเข้าสู่เส้นทางการฝึกฌานบ่มเพาะพลังชีวิต
การฝึกฌานบ่มเพาะพลังชีวิต แท้จริงคือการปรับปรุงสมรรถภาพอวัยวะภายใน ไขกระดูก แปรเปลี่ยนโลหิต มนุษย์หากสามารถทำให้อวัยวะภายใน ไขกระดูก โลหิตและการหมุนเวียนของโลหิตกระชับสมบูรณ์ แล้วพลังชีวิตจะยืนยาว เืลมไม่เสื่อมโทรมถดถอย อายุยืนยาวเป็นิรันดร์…
เวลานี้พลังจิติญญาของจ้านอู๋มิ่งยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะเปิดอ่าน "คัมภีร์เทพอนัตตา" ในจิติญญาได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ จึงไม่สามารถเข้าใจวิธีการฝึกฌานบ่มเพาะพลังหลังขอบเขตควบคุมชะตากรรม แต่ทุกอย่างที่ได้รับรู้ ทำให้เขาทราบว่านี่คือโอกาสครั้งหนึ่งที่จะย้อนทวนฝืนฟ้า เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต ความทรงจำในอดีตมากมายมิสิ้นสุด ทำให้เขารู้ว่าหนทางข้างหน้านั้นยากลำบาก ถึงแม้พลังจิติญญามิเพียงพอที่จะผสมผสานเศษเสี้ยวความทรงจำของชาติภพที่เก้าสิบเก้า แต่เขาค้นพบโดยมิคาดคิดว่าตนเองไม่ได้เกิดใหม่ตามกฎของวัฏสงสาร แต่เป็ชั่วขณะที่ิญญากำลังจะสลายท่ามกลางอสนีบาตของทัณฑ์สายฟ้า ตนได้ควบคุมดวงชะตาด้วยตัวเอง แผดเผาิญญาตนเอง——เสี่ยงชีวิตกับฟ้า!
โชคดีที่เศษเสี้ยวิญญาได้รับความช่วยเหลือจาก "คัมภีร์เทพอนัตตา" รวบรวมิญญาขึ้นมาใหม่และย้อนทวนเวลา หวนกลับมา ผ่านนภากาศและกาลเวลากลับคืนสู่ร่างเดิมของชาติภพที่เก้าสิบเก้านี้
ดังนั้นตัวเขาในตอนนี้ยังคงมีชีวิตอยู่ในห้วงเวลาที่เขาเคยอยู่นั่นเอง เขามิรู้ว่าสิ่งใดทำให้ิญญาทรงพลังจากในอนาคตมาอยู่ร่วมเคียงคู่กับิญญาที่อ่อนแอในตอนนี้ ิญญาทั้งสองอยู่ร่วมกันในทะเลแห่งจิติญญา พร้อมกับเวลาที่ล่วงเลยไป และการเจริญเติบโตขึ้นของตนเอง ิญญาจะค่อยๆ หลอมรวมกันจนเป็หนึ่งเดียว
แต่เขาทราบว่าสองิญญาเคียงข้างกันคือโอกาสสำหรับตนเองในตอนนี้ พร้อมๆ กับที่ิญญาค่อยๆ หลอมรวมกัน ประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมาของชาติภพก่อนจะล้วนปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่งในห้วงคำนึง ทำให้เขาหวนกลับคืนสู่จุดสูงสุด ความเป็ไปได้ในการต่อสู้ย้อนทวนฝืนชะตาฟ้าลิขิตก็มีเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
วิถีแห่งการฝึกฌานบ่มเพาะพลังชีวิตของ "คัมภีร์เทพอนัตตา" แตกต่างจากพลังปราณและพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ที่เขารู้จัก ในผืนแผ่นดินนี้ การฝึกพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้คือการใช้จิติญญาเพื่อรับรู้พลังปราณของฟ้าดิน ดูดซับ ชักนำปราณและคายออก ปรับเปลี่ยนกรุยทางตนเอง ให้ร่างกายได้ใกล้ชิดฟ้าดิน แต่ละระดับขั้นความใกล้ชิดของจิติญญาการต่อสู้และระดับการควบคุมนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ชักนำปราณสู่ร่างกาย ใช้ปราณฝึกปรือบ่มเพาะเป็นักยุทธ์
ััพลังแผ่พุ่งปราณออก เกิดเสียงครืนครั่นเป็ยอดยุทธ์
รวบรวมปราณเป็รูปลักษณ์ สามารถขับเคลื่อนวัตถุเป็อาจารย์นักยุทธ์
ควบแน่นปราณเป็รูปธรรม รูปลักษณ์แข็งแกร่งเป็ปรมาจารย์นักยุทธ์
ปราณครอบคลุมฟ้าดิน ควบแน่นดุจขุนเขาสูงตระหง่านเป็ราชันา
ฟ้าปฏิสัมพันธ์มนุษย์ ควบคุมรอบทิศเป็จักรพรรดิา
ปราณแทรกกาลเวลาทะลวงนภากาศ บารมีเทพดุจกรงขังเป็มหาจักรพรรดิา
สูงสุดคืนสู่สามัญกลับสู่รากฐาน กายาหลอมรวมฟ้าดินเป็จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์
หลอมรวมปราณทะลวงนภากาศ ควบแน่นปราณแปรพลังต้นกำเนิดเป็เทพเ้าา
หลังจากบรรลุเทพเ้าาแล้ว ฝึกฌานบ่มเพาะพลังต่อ ปราณก็จะแทรกกาลเวลาทะลวงนภากาศในระดับที่สูงส่งยิ่งขึ้น!
มิ่งซิว[1] กล่าวถึงการใช้ตนเองเป็ศูนย์กลาง ชีวิตตามธรรมชาติมีการเสื่อมโทรมถดถอย หลังจากนั้นต้องหมั่นคอยเสริมเติมเต็ม ให้พลังงานฟ้าดินทั้งมวลชดเชย เติมเต็มข้อบกพร่องของร่างกาย ฝึกฌานบ่มเพาะตนเองจนสามารถบรรลุความสมบูรณ์แบบ
พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้กล่าวถึงฟ้าดินเป็เตาหลอม หลอมรวมตนเองเข้ากับฟ้าดิน โดยวิธีนี้และอาศัยพลังของฟ้าดินบรรลุตำแหน่งเทพเ้าสูงสุด
จ้านอู๋มิ่งชมชอบวิธีการฝึกฌานบ่มเพาะพลังชีวิตของคัมภีร์เทพอนัตตามากกว่า ใช้ความสมบูรณ์แบบของตนเองหลุดพ้นจากความไม่สมบูรณ์แบบของฟ้าดิน เป็การควบคุมโชคชะตาของตนเอง หากอาศัยพลังฟ้าดินเพื่อการหลุดพ้น จะสามารถหลุดพ้นเหนือฟ้าดินได้อย่างไร? หาก้าสู้กับชะตาชีวิต ก็จะต้องหลุดพ้นจากฟ้าดิน หาก้าควบคุมชะตาชีวิต ก็จะต้องควบคุมชะตาของฟ้าดินควบคู่ไปด้วยพร้อมกัน มิจำเป็ต้องอาศัยพลังของฟ้าดิน
แน่นอนว่าระบบพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ก็เป็วิธีฝึกฌานเพื่อเสริมเติมเต็มที่ดีมากเช่นกัน หลังจากสรุปความทรงจำของชาติภพที่แล้ว เขาทราบว่าการฝึกฌานบ่มเพาะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้สามารถทำให้จิติญญาขยายจวบจนกระทั่งสมบูรณ์แบบได้ เส้นทางการฝึกฌานบ่มเพาะพลังชีวิตของคัมภีร์เทพอนัตตาสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย หากสามารถหลอมรวมสองวิธีการเข้าด้วยกัน ก็จะทำให้สมบูรณ์แบบอย่างสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิติญญา ทำให้ผู้ฝึกฌานบ่มเพาะพลังยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
[1] การฝึกฌานบ่มเพาะพลังชีวิตของคัมภีร์เทพอนัตตา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้