เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่สลัดอาจารย์อวี้ไปได้อย่างราบรื่นแอบย่องกลับมาที่เรือน แต่กลับถูกเยวี่ยเจาหรานที่นั่งดื่มชากินขนมอยู่ที่โต๊ะพบเข้าพอดี เขาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ หรี่ตาเอ่ยถาม “วันนี้ทำไมจึงเร็วนัก?”
เดิมทีก็แค่ถามไปอย่างนั้น ไม่ได้คิดว่าจะได้คำตอบอะไร คาดไม่ถึงว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ เยวี่ยเจาหรานอย่างสบายอารมณ์ แล้วหัวเราะอย่างเบิกบาน “ข้าไล่อาจารย์อวี้นั่นหนีไปแล้วน่ะสิ!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ยเช่นนั้น ในน้ำเสียงมีความภูมิใจและลำพองอยู่ด้วยเล็กน้อย อย่างไรนางก็คิดว่าตนได้ทำเื่ยิ่งใหญ่ไปแล้ว สามารถโอ้อวดไปทั่วดั่งมีคุณงามความดีเกริกไกรอย่างไรอย่างนั้น
เยวี่ยเจาหรานขมวดคิ้ว รู้ได้ว่าเื่นี้ไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น เขาคว้าตัวเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่กำลังจะวิ่งกลับเตียงไปนอนต่อกลับมา เอ่ยถามอย่างจริงจังอีกครั้ง “เ้า พูดใหม่อีกที?”
“ไอ้หยา! ข้าไล่อาจารย์อวี้ไปแล้ว ไล่ไปแล้ว ไล่ไปแล้ว! ได้ยินชัดหรือยัง?” เมื่อเห็นท่าทีไม่สนใจของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เยวี่ยเจาหรานก็แทบจะเป็ลมไปด้วยความโมโห นั่นเป็คนที่ฮ่องเต้ส่งมานะ นางกล้าขับไล่ไปได้อย่างไรกัน? นี่นางยังไม่รู้จักนิสัยของอาจารย์อวี้กับนิสัยของฮ่องเต้อีกหรือ?
“เ้า เ้าทำอะไรลงไปน่ะ รีบไปขอโทษเขาเสีย ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ราชโองการได้มาถึงบ้านเ้าอีกครั้งหรอก!”
เยวี่ยเจาหรานไม่ทันจะคิดอะไรมาก ก็ดึงท่อนแขนของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอาไว้ เอ่ยขึ้นเสียงเล็กน้อย แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ยังคงมีสีหน้าไม่แยแส แล้วสะบัดมือเยวี่ยเจาหรานทิ้ง
“ข้าไม่ไป! เ้าไม่ได้บอกเองหรอกหรือ ปฏิบัติเช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายทำกับตนจะช่วยให้อยู่ด้วยกันได้ เช่นนั้นเขารังแกข้าทุกวันทำให้ข้าโมโห ข้าก็ตอบโต้กลับไม่ได้หรือ? พยัคฆ์ไม่แสดงอำนาจเขาก็เห็นข้าเป็แมวป่วยน่ะสิ!”
แม้จะบอกว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นดูภายนอกไม่ได้ต่างอะไรกับชายหนุ่มผู้หนึ่ง แต่ภายในก็ยังเป็สาวน้อยที่น้อยใจเป็เสียใจเป็ ไม่ต้องพูดถึงคนที่แสนเย่อหยิ่งอย่างอาจารย์อวี้ผู้นั้น ทั้งยังไม่เคยสอนนักเรียนไม่เก่งที่ไม่มีพร์อะไรอย่างเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมาก่อน ย่อมรู้สึกไม่ถูกชะตากัน รับข้อบกพร่องและนิสัยของอีกฝ่ายไม่ได้เป็ธรรมดา
แถมอาจารย์อวี้ก็เป็พวกปัญญาชนเข้าเส้น การตำหนิต่อว่าล้วนอ้างจากคัมภีร์ทั้งสิ้น ชัดเจนแล้วว่ากลั่นแกล้งให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่เข้าใจ เขาทำลายความภาคภูมิของนาง และแอบเยาะเย้ยที่นางไร้การศึกษาไปพร้อมกัน...
หญิงสาวที่ปกติสักหน่อยก็ไม่มีใครรับความอยุติธรรมเช่นนี้ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่อารมณ์ร้อน สามารถทนมาได้นานขนาดนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
เยวี่ยเจาหรานตรึกตรองดูก็เข้าใจถึงความทุกข์ยากของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เขาจึงไม่บีบบังคับนางอีก เพียงแค่ปลอบโยนนางไปก่อน “เ้านั่งก่อน นั่งลงก่อน... จะรีบทำไม...”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองก็ใจเย็นลงมาบ้างแล้ว ความเดือดดาลในใจคลายลงไปไม่น้อย จึงนั่งลงอีกครั้งอย่างว่าง่าย นางนั่งเบ้ปากอย่างไม่ได้รับความเป็ธรรมแล้วเท้าคางนิ่งเงียบ เยวี่ยเจาหรานรินชาให้นางแล้วเอ่ยขึ้น “ที่ข้าบอกว่าปฏิบัติเช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายปฏิบัติกับตนนั้น ไม่ได้มีความหมายอย่างที่เ้าเข้าใจ...”
“เช่นนั้นเ้าหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าเ้าเองก็คิดว่าข้าไร้การศึกษาเหมือนกันใช่หรือไม่! แม้แต่คำที่เ้าพูดมีความหมายว่าอย่างไรก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ข้าจะบอกให้ ข้าเข้าใจว่า... ปฏิบัติเช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายปฏิบัติกับตน ก็คือหากข้าให้ของขวัญเ้า เ้าเองก็ต้องให้ข้ากลับมาบ้างถึงจะถูกไงเล่า!”
ไม่รู้เหตุใด วันนี้อารมณ์ของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงเหมือนจะแปลกไปเป็พิเศษ เยวี่ยเจาหรานบ่นในใจ รู้สึกขึ้นมาว่านางอาจจะเป็วันนั้น แต่ก็ไม่อาจพูดออกมาตรงๆ ได้แต่ยกมือยอมจำนน เอ่ยอย่างทั้งขอร้องทั้งปลอบ “ใช่แล้วๆ เ้าพูดถูกแล้ว ข้าไม่ได้บอกว่าเ้าไร้การศึกษา เพียงแต่ในเื่นี้ก็ต้องดูไปตามรูปการณ์ จะเหมารวมไปทั้งหมดได้อย่างไร?”
ในที่สุดเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ปิดปากเงียบ เพียงแค่แค่นเสียงในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ และไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรต่อจากนั้นอีก
สำหรับเยวี่ยเจาหรานแล้ว เื่ที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วขับไล่อาจารย์อวี้ไปนั้นไม่ได้นับว่าเป็เื่ใหญ่อะไร ถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้เป็คนไล่ไปเอง แต่ไม่รู้เพราะอะไร เยวี่ยเจาหรานถึงได้รู้สึกกังวลเื่ที่เกี่ยวกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วโดยไม่รู้ตัว กังวลเื่ความปลอดภัยของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว กังวลว่านางจะโมโหจนทำอะไรไม่ยั้งคิด...
เกี่ยวกับปฏิกิริยาอันแปลกประหลาดและความกังวลที่อธิบายไม่ได้ในใจนี้ ั้แ่ต้นจนจบเยวี่ยเจาหรานนั้นไม่เต็มใจยอมรับและไม่ยอมพูดถึงมัน แต่มันกลับซุกซ่อนอยู่ส่วนลึกในหัวใจของเยวี่ยเจาหรานตลอดมา และไม่เคยลบเลือนหายไป
แม้ว่าเยวี่ยเจาหรานจะไม่หยิบยกมันขึ้นมา แต่กลับยากที่จะควบคุมตนเองและถูกความรู้สึกนั้นครอบงำ จนมักจะเข้าไปพัวพันกับเื่ของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างไม่มีเหตุผลอยู่เสมอ
ในเื่นี้ เยวี่ยเจาหรานพูดปลอบใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าเขาแค่กลัวว่าเื่จะลำบากมาถึงตน ส่งผลให้เื่ที่ทั้งสองเป็ ‘คู่แต่งงานกำมะลอ’ ถูกเปิดเผยและเื่แดงขึ้นมา จะทำให้จวนเยี่ยนและเยวี่ยพลอยประสบหายนะไปด้วย...
แต่เยวี่ยเจาหรานนั้นเฉลียวฉลาด เขารู้ดีว่าสิ่งเ่าั้ก็แค่ข้ออ้างที่ตนใช้อธิบายสิ่งที่ไม่อาจอธิบายนี้ก็เท่านั้น
วางความรู้สึกแปลกประหลาดพวกนั้นเอาไว้ก่อน ในเมื่อเื่ได้ถูกตนผูกไว้กับตัวแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะสลัดมันทิ้งไป หลังจากที่ทั้งสองต่างนิ่งเงียบกันไปพักหนึ่ง เยวี่ยเจาหรานจึงเอ่ยถามหยั่งเชิงขึ้นอีกครั้ง “ใจเย็นลงหรือยัง? ถ้าอย่างไรก็เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ ว่าเกิดเื่อะไรขึ้นกับพวกเ้าสองคนกันแน่”
เยวี่ยเจาหรานรินน้ำชาให้ตนเองและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเสร็จ ยังเก็บชาเย็นชืดที่เหลืออยู่ถ้วยนั้นของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมาด้วยความใส่ใจ แล้วผลักชาถ้วยใหม่ไปตรงหน้าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างใจดี
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองก็ถอนหายใจออกมา แล้วเล่าเื่ราวให้เยวี่ยเจาหรานฟังอย่างละเอียดครบถ้วน หลังจากนั้นก็เบะปากอีกครั้ง ท่าทางระทมทุกข์อย่างยิ่ง แล้วไม่ยอมเอ่ยอะไรอีก
“เื่นี้ เดิมทีก็ไม่ยากหรอก... เพียงแต่ อาจจะทำให้เ้าต้องคับข้องใจ...” เยวี่ยเจาหรานถอนหายใจยาว ครุ่นคิดว่าควรจะพูดให้นุ่มนวลสักหน่อยเช่นไร จึงจะทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพอจะยอมรับได้อย่างราบรื่น “คับข้องใจที่ต้องไปขออภัยท่านอาจารย์อวี้ก่อน”
“อย่าๆ เ้าอย่าเพิ่งใจร้อน...” เมื่อเห็นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเงยหน้ามองตนด้วยสายตาน่าสะพรึงกลัวที่สามารถฆ่าคนได้ เยวี่ยเจาหรานก็รีบโบกมือสื่อว่าตนยังพูดไม่จบอย่างตะลีตะลาน จึงรอดพ้นจากการถูกสังหารด้วยสายตาของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไปได้ และได้โอกาสเอ่ยต่อไปอย่างสุขุม “เ้าก็เห็นแล้ว ถึงอย่างไรท่านอาจารย์อวี้ก็เป็คนที่ฮ่องเต้ส่งมา เ้าไปหักหน้าเขาเช่นนั้น ไม่กลัวฮ่องเต้จะส่งราชโองการมาจัดการลงโทษเ้าอีกรอบหรืออย่างไร?”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วปิดปากเงียบนิ่งไม่เอ่ยอะไร ทำให้เยวี่ยเจาหรานพลอยรู้สึกตึงมือไปด้วย แต่ก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้อาจารย์อวี้มาขอโทษนักเรียนจอมวุ่นวายของตนก่อนได้นี่นา? สำหรับอาจารย์อวี้ที่แสนเย่อหยิ่งผู้นั้นแล้ว นั่นเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้เลย!
แต่ใครว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะเป็เพื่อนนักเรียนหญิงที่ไม่มีอารมณ์โมโหกันล่ะ? แม่นางน้อยผู้นี้ยามปกติก็ดูเหมือนจะเป็คนเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะ แต่เมื่อโกรธขึ้นมาจริงๆ ก็อันตรายถึงตายได้เหมือนกัน ครู่หนึ่งเยวี่ยเจาหรานอับจนหนทาง ได้แต่ปิดปากเงียบ ทันใดนั้นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็พลันแค่นเสียงฮึออกมาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วก้มหน้าก้มตาบ่นกับตัวเอง “อาจารย์อวี้นั่นนับเป็แบบอย่างได้อย่างไรกัน เอาแต่เปลี่ยนวิธีด่าข้าโง่เขลาเบาปัญญาไม่เว้นแต่ละวัน บอกว่าข้าทำตำราปราชญ์ของเขาเสียเปล่า...”
พูดไปพูดมา ก็เหมือนจะร้องไห้แล้ว! ทำให้เยวี่ยเจาหรานตื่นตระหนกขึ้นมา เขารีบโอบเ้าตัวมาไว้ในอ้อมกอด พลางตบหลังเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเบาๆ แล้วพูดปลอบขวัญนาง “เ้าไม่ต้องไปฟังเขาพูดไร้สาระหรอก นักปราชญ์คร่ำครึพวกนี้น่ะ ชอบพูดเปรียบเทียบเกินจริงทำลายความภาคภูมิของคนอื่นที่สุด เ้าคือขุนพลน้อยเยี่ยนผู้ยิ่งใหญ่ทรงพลัง เหตุใดจะต้องมีความรู้เหมือนกับเขาด้วยล่ะ?”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ร้องไห้เหมือนเด็กด้วยความน้อยอกน้อยใจ นางดึงปกเสื้อด้านหน้าของเยวี่ยเจาหรานอย่างแรงแล้วเอามาสั่งน้ำมูก น้ำหูน้ำตานองหน้า โดยส่วนใหญ่แล้วก็เป็สภาพเช่นตอนนี้แหละ...
เยวี่ยเจาหรานกุมใบหน้าด้วยท่าทางเ็ป รู้สึกขึ้นมาว่าหากเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยังทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายคนที่ร้องไห้ก็คงจะเป็ตนนี่ล่ะ