Quint hip l femboy
1
/
ผมเจอคุณครั้งแรกที่งานวันเกิดของเพื่อนสนิท ก่อนจะมารู้ทีหลังว่าคุณเป็เพื่อนร่วมรุ่นของอีกฝ่าย...คุณใส่เดรสตัวยาวสีครีมลายกุหลาบและมันค่อนข้างบางจนผมต้องผินใบหน้าหนีห่างอยู่บ่อย ๆ
ผมจำได้ดีว่าวันนั้นผมนั่งมองคุณทั้งคืน แต่ทว่าผมแม่งกากเราห่างกันเพียงแค่โต๊ะคั่นกลางแต่ผมดันปิดปากเงียบไม่กล้าเปิดบทสนทนาทั้ง ๆ ที่มีจังหวะให้ทักทายแท้ ๆ
“ควินท์” เพราะไอ้เ้าของวันเกิดเรียกกันด้วยน้ำเสียงยานครางผมจำต้องละสายตาจากพวงหน้าของคุณหันไปตอบรับเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
“อะไร”
“วันเกิดกู”
“เออ กูรู้”
“ขึ้นไปร้อง Happy birthday ให้เพื่อนหน่อยดิ” นั่นไง ผมเดาผิดเสียที่ไหน ทั้ง ๆ ที่ก่อนมาผมปฏิเสธอย่างหนักแน่นแต่ทว่าไอ้ห่านี่ก็ยังคงตามวอแวไม่หยุด
“ไม่ อายคน”
“เดี๋ยวกูเอาไลน์ไอ้ปั้นให้” ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อที่ไม่คุ้นเคยพร้อมกับสบถในใจว่า ‘ปั้นไหนวะ’
“...”
“มึงชอบมันไม่ใช่เหรอ กูเห็นจ้องั้แ่ที่มันเดินเข้ามาในร้านแล้ว—เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงมีรสนิยมชอบของแปลก” ผมไม่รู้ว่ามัน้าจะสื่ออะไรแต่หากให้เดาปากหมา ๆ ยามต้องเหล้าคงไม่พ้นเื่เหี้ย ๆ อย่างแน่นอน
“หมายความว่าไง”
“ก็ไอ้ปั้น—ไม่ดิ ปั้นหยามันเป็กะเทยล่าสุดที่รู้มาเห็นว่ามันยังไม่ได้เอาไอ้นั่นออกเลยนะเว้ย” ไอ้แดนหัวเราะในขณะที่ผมกำลังอึ้งก่อนจะถอนหายใจอย่างแรงเมื่ออยู่ ๆ ความรู้สึกหัวร้อนและกรุ่นโกรธก็เข้ามาแทนที่
“หยาเป็เพื่อนมึงใช่ปะ”
“เออ ทำไมวะ”
“งั้นมึงก็ควรรู้ตัวนะ ว่าไอ้ประโยคหมา ๆ เมื่อกี้มันไม่ควรออกมาจากปากของคนเป็เพื่อนน่ะ”
ผมเดินออกมานั่งหน้าร้านเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังร้อนผ่าวของตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอ้แดนเมาแล้วพูดไม่คิดแต่นี่เป็ครั้งแรกที่คนใจเย็นอย่างผมอยากจะลุกขึ้นซัดหน้าให้มันจบ ๆ ไป...ถ้าปากมันพูดอะไรออกมาดี ๆ ไม่ได้ก็เก็บเอาไว้อมเหรียญตอนตายเถอะไอ้เหี้ย
“ตรงนี้ห้ามสูบนะ” มือหนาที่กำลังจะจุดไฟแช็กชะงักก่อนจะเก็บบุหรี่ที่คาบเอาไว้คาปากใส่ในซองดังเดิมแล้วจากนั้นจึงลุกขึ้นมาขอโทษขอโพยใครบางคนที่ได้ยินแค่เสียงแต่ทว่าไม่เห็นหน้า
“ขอโทษครั—” ผมไม่รู้ว่าเวลาที่โลกหยุดหมุนนั้นเป็อย่างไรแต่ก็คงจะคล้าย ๆ กับตอนนี้...ตอนที่เราสบตากันและเพลงที่เคยดังกระหึ่มเสียจนลอดออกมาด้านนอกก็หยุดลงราวกับมีคนตัดสายไฟ สิ่งรอบตัวไร้การเคลื่อนไหวเว้นเสียแต่หัวใจที่ยังคงเต้นกระหน่ำจนแทบจะทะลุออกมาอยู่รอมร่อ
“เธอโอเคไหม”
และใช่
วินาทีนั้นผมรู้ได้ในทันทีว่าเผลอตกหลุมรักคุณเข้าให้แล้ว
“อ...โอเคครับ” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักก่อนจะยกมือซ้ายขึ้นมาถูจมูกตัวเองแก้เก้อ ทั้ง ๆ ที่เป็พวกมั่นใจในตัวเองมาตลอดแต่ไม่รู้ว่าทำไมพออยู่ต่อหน้าคุณแล้วผมถึงได้ประหม่าทำตัวไม่ถูกถึงแบบนี้
“ออกมาสูบบุหรี่เหรอ” คุณถามผมก่อนจะทิ้งกายนั่งลงบนม้านั่งตัวเดียวกันโดยเว้นระยะห่างเอาไว้่หนึ่งซึ่งถือว่าเป็เื่ดีเพราะหากอยู่ใกล้กันกว่านี้คุณคงได้ยินเสียงหัวใจของผมเป็แน่
“ครับ แต่ไม่สูบแล้ว”
“อืม...เมื่อกี้ขอบคุณนะ”
“ครับ?” ผมงุนงงกับคำพูดขอบคุณอย่างไม่มีที่มาที่ไปก่อนจะกระจ่างในวินาทีถัดมาเมื่อคุณเริ่มอธิบายว่าเพราะอะไร—
“ที่เธอพูดกับแดนเมื่อกี้ไง คือปกติไม่ค่อยมีรีแอคชั่นแบบนี้เท่าไหร่ส่วนใหญ่ถ้าไม่เงียบก็จะหัวเราะกลบเกลื่อน” คุณยิ้ม—ก่อนจะพูดออกมาราวกับว่ามันเป็เื่ดินฟ้าอากาศทั่วไปและนั่นทำให้ผมเจ็บใจเพราะแววตาที่เคยสดใสกลับหม่นหมองเมื่อพูดถึงเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
“ควินท์ไม่อยากให้เธอมองว่าอะไรแบบนี้มันเป็เื่ปกติ” ผมขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกงุ่นง่านก่อนจะเผลอแทนตัวเองด้วยชื่ออย่างลืมตัว
“...”
“และเธอไม่จำเป็ต้องทนถ้าไม่ไหวก็ะโออกมา” ว่ามึงเป็เหี้ยไรกัน แน่นอนว่าประโยคหลังผมกล่าวในใจเพราะไม่อยากให้คำพูดหยาบคายทั้งหลายถูกใช้ในบทสนทนาแรกของเรา
“ไว้คราวหลังเราจะะโออกมานะ”
“...”
“ว่าแต่เธอชื่อควินท์ใช่ไหม เห็นแทนตัวเองเมื่อกี้”
“อา โทษทีพอดีติดจากที่บ้านน่ะ”
“ไม่เป็ไร น่ารักดี”
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมถูกชมแต่ทว่ามันดันเป็ครั้งแรกที่ผมรู้สึกเขินอาย—ผมผิวดำเพราะมีเชื้อสายแอฟริกา ทำผมเดทร็อกั้แ่จำความได้เพราะนี่เป็ทรงที่เข้ากับหน้าผมมากที่สุดและใช่หากมองแบบภาพรวมแล้วรูปลักษณ์ภายนอกของผมต่างจากคำชมว่าน่ารักอยู่มากโข
ผมไม่เคยเชื่อมัน
จวบจนกระทั่งมันออกมาจากปากคุณ
“ครับ หยาก็น่ารักเหมือนกัน” เชื่อสิผมไม่ได้ชมคุณตามมารยาทหรอก ผมชมจากใจจริง ๆ
คุณแม่งน่ารัก น่ารักฉิบหาย
ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะกลับคอนโดไม่เกินห้าทุ่มทว่าในความเป็จริงแล้วอีกไม่กี่นาทีร้านก็จะปิดแต่ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิมข้าง ๆ คุณซึ่งเอาแต่เจี๊ยวจ๊าวเล่านู้นเล่านี่ตามประสาคนพูดเก่งบวกกับรอยยิ้มหวาน ๆ ที่ทำเอาผมละสายตาแทบไม่ได้
“เราถามได้ไหมว่าควินท์ทำงานอะไรเหรอ” คุณดื่มน้ำที่ผมวิ่งไปซื้อมาให้ก่อนจะหันมาถามด้วยแววตาอยากรู้ซึ่งนั่นเป็จังหวะเดียวกันกับที่ผมมองคุณอยู่พอดี
“อา ควินท์เป็โปรดิวเซอร์เพลงครับ ทำงานอยู่เื้ัน่ะ”
“...”
“เขียนเพลงบ้างประปรายแต่ไม่บ่อยนักหรอก”
“เก่งจัง มีอะไรที่ควินท์ทำไม่ได้บ้างปะเนี่ย” ผมหัวเราะก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นเพราะอยู่ ๆ ก็อยากเอื้อมมือไปลูบศีรษะคุณแรง ๆ เสียนี่
“ทำไมถามงั้นอะ”
“ก็ควินท์ดูเก่งไปทุกอย่างเลยนี่น่า”
“...”
“โอ๊ะ เราต้องกลับบ้านแล้ว ไว้เจอกันนะ” คุณมองนาฬิกาบนข้อมือก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความใทั้งยังหันมาลนลานบอกลาแล้วเตรียมจะเดินจากไปราวกับเ้าหญิงในการ์ตูนที่น้องสาวผมชอบดู
“หยา”
“คะ?”
ผมไม่ใช่เ้าชาย ผมไม่้ารองเท้าแก้วเอาไว้ดูต่างหน้าเพราะผมคงไม่มีปัญญาที่จะพลิกแผ่นดินตามหาคุณ—แต่เชื่อสิผมมีวิธีที่ดีกว่านั้น
“ควินท์ขอไลน์ได้ไหม”
“....”
“ควินท์แค่อยากรู้ว่าเธอถึงบ้านหรือยัง แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็ไรครับ” หากถามว่าคืนนี้ผมประหม่าไปแล้วกี่ครั้งนิ้วมือที่มีทั้งหมดก็คงนับได้ไม่เพียงพอและยิ่งคุณเงียบใส่ใจผมยิ่งเต้นตึกตักมันทั้งกลัวแต่ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมคาดหวังอยู่พอสมควร
“ลืมอะไรไปหรือเปล่า”
“ครับ?”
“ควินท์ต้องถามเราก่อนว่ามีแฟนหรือยัง จากนั้นค่อยขอไลน์” มันเขี้ยว
“แล้วหยามีแฟนหรือยังครับ”
“ยังค่ะ ยังไม่มี”
“...”
“p-a-n-h-y-a-j-u-b-u อันนี้ไอดีเรา”
“ปั้นหยาจุ๊บุเหรอ” ผมกรอกอักษรภาษาอังกฤษในช่องเพิ่มเพื่อนอย่างเร่งรีบปากก็ขยับอ่านชื่อที่น่ารักพอ ๆ กับเ้าตัวจนโดนมองแรงใส่ไปหนึ่งครั้งถ้วน
“ห้ามแซวนะ เราใช้ั้แ่มอต้นแน่ะ”
“ไม่แซวครับ ไม่แซว”
“โอเค งั้นเรากลับก่อนนะ”
“ครับ เดินทางปลอดภัยนะ” ผมมองคุณตาละห้อยไม่ต่างจากสุนัขมองเ้าของ ให้ตาย ทั้ง ๆ ที่ผมเป็พวกติดห้องแต่ยอมยื้อเวลาอยู่ข้างนอกเพราะอยากจะคุยกับคุณให้นานขึ้น
เออ เหตุผลแม่งมีแค่นี้แหละ
คืนนั้นผมกลับห้องไปด้วยความรู้สึกว้าวุ่นใจ ส่งสติกเกอร์ไลน์โง่ ๆ ไปหนึ่งตัวแล้วนั่งจ้องหน้าจอว่าเมื่อไหร่คุณจะตอบกลับมา—ผมภาวนาให้คุณถึงบ้านอย่างปลอดภัย เราอาจจะคุยกันสักสี่ห้าข้อความแล้วจากนั้นค่อยแยกย้ายไปนอน
นั่นเป็สิ่งที่ผมหวัง
โคตรหวังเลยล่ะ
ปั้นหยา : เราถึงห้องแล้วนะ รถติดมากเลย
ผมมือสั่นพอ ๆ กับใจพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกตอบกลับไปซึ่งนั่นทำให้คุณส่งสติกเกอร์หัวเราะน่ารักกลับมาจนผมใจเหลว เกิดมาก็เพิ่งจะเคยพบคนอะไรน่ารักยันตัวอักษร
ควินท์ : สติกเกอร์น่ารัก
ปั้นหยา : งืม งั้นแป๊บนึงนะคะ
คุณหายไปพักใหญ่ ๆ ก่อนจะส่งลิงก์ของขวัญอะไรสักอย่างมาให้ในช่องแชตแล้วบอกให้ผมกดรับ ซึ่งถ้าเป็คนอื่นผมคงด่ากลับไม่ก็คิดว่าลิงก์แปลกประหลาดที่ส่งมาเป็ไวรัสแน่นอนแต่ทว่าพอเป็คุณแล้วความคิดร้าย ๆ ในหัวของผมมันมลายสิ้นไม่เหลือแม้กระทั่งความยับยั้งใจ
ควินท์ : กดแล้วครับ
ปั้นหยา : งั้นลองส่งสติกเกอร์ให้เรา อันไหนก็ได้ค่ะ ๆ
ผมชั่งใจคิดก่อนครู่หนึ่งก่อนจะกดดาวน์โหลดสติกเกอร์แล้วบรรจงเลือกตัวที่น่ารักที่สุดส่งให้คุณ—และเป็อย่างที่ผมคิด เราคุยกันเรื่อยเปื่อยจนเกือบตีสามทั้ง ๆ ที่ผมต่อบทสนทนาไม่เก่ง ศิลปะการชวนคุยติดลบแต่พออยู่กับคุณเื่โง่ ๆ อย่างหมี่หยกไม่ลวกผมยังหยิบยกมาเป็ประเด็นเพื่อหาเื่คุยกับคุณได้
ชอบว่ะ โคตรชอบคุณเลยทำไงดี
ปั้นหยา : เราไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า
ควินท์ : หยา
ปั้นหยา : คะ?
ควินท์ : พรุ่งนี้ควินท์ทักไปคุยอีกได้ไหม
เป็คำถามที่วัดใจพอสมควรเพราะหากคุณตอบว่า ‘ไม่’ นั่นหมายความว่าทุกอย่างต้องจบลงและผมคงต้องตัดใจ แต่ขอเถอะจีซัสลูกอยากได้คนนี้จริง ๆ ถึงจะไม่ค่อยเข้าโบสถ์แต่ลูกก็สวดภาวนาหาท่านตลอดนะ...
‘อ่านแล้ว’
เป็อีกครั้งที่พระเ้าไม่เห็นใจผม ช้ำใจกว่าการถูกปฏิเสธคือการที่คุณอ่านไม่ตอบ แต่ช่างเหอะผมโอเคดีมันไม่ถือว่าอกหักเพราะหากให้พูดกันตามตรงผมยังไม่เริ่มจีบคุณเลยด้วยซ้ำ
ต่อไปนี้ call me ควินท์แห้ว นะครับ
:- (
09:30 AM
พี่ตี๋ : กูได้เนื้อเพลงละนะ
พี่ตี๋ : แต่มึงส่งมาผิดปะวะ คอนเซ็ปมันคือเพลงรักไม่ใช่เพลงอกหักครับไอ้เหี้ย!
อย่าลืมไปฟัง Cinderella นะคะ :-)
/
คอมเมนต์ or #ควินท์ฮิป
เป็ครั้งแรกที่เราลองบรรยายรูปแบบนี้ ไม่แน่ใจว่าโอเคไหม ทุกคนสามารถติชมกันได้นะคะ
เื่นี้มี 10 ตอนค่ะ อีบุ๊คคิดว่าจะขายในราคา 69 บาทฝากอุดหนุนด้วยนะคะ
รัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้