ฮ่องเต้มองเขาด้วยสายตาเ็าทว่าอันที่จริงเขารู้สึกปวดศีรษะมาก
เขากับฮองเฮาเป็สามีภรรยากันมากว่ายี่สิบปี ถึงไม่ได้รักกันลึกซึ้งแต่ก็ถือว่าเคารพกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทว่าคนของตระกูลหลิวค่อยๆ โรยราเพราะการปกป้องของบรรพบุรุษจึงมีการรับรองว่าคนรุ่นนี้ต้องมีฮองเฮาหนึ่งพระองค์ทว่าฮองเฮาคงเป็ได้เพียงเท่านี้ หากฮองเฮาไม่ได้ทำความผิดก็ยังดีทว่าหากทำความผิดแล้ว ผู้ที่จ้องฉวยโอกาสเ่าั้จะต้องรีบกลืนตระกูลหลิวในทันที อัครเสนาบดีฝ่ายขวาผู้นี้ช่างเลอะเทอะเสียจริง
เวลานี้มีหลักฐานอย่างแ่า จดหมายลับของพวกเขาถูกโยนทิ้งเต็มพื้นอัครเสนาบดีฝ่ายขวาน้ำตาไหลอย่างอดไม่ได้
“เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็เพราะกระหม่อมแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้เกี่ยวข้องกับฮองเฮาแม้แต่น้อยและไม่ได้เกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทแต่อย่างใด ฝ่าาโปรดตรวจสอบด้วยเถิดกระหม่อมเป็ผู้รับผิดทั้งหมดเองพ่ะย่ะค่ะ” ขณะที่กล่าวนั้น เขาจึงโขกศีรษะอย่างหนักทว่าคาดไม่ถึงว่าอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ดูแลกรมคลังกลับสบถเสียงเย็น
“พลทหารและม้าเยอะขนาดนั้นหากไม่ได้มีรับสั่งจากฮองเฮาย่อมไม่มีทางทำได้สำเร็จใช่ไหม?”
“ฝ่าา เหตุการณ์นี้มีหลักฐานชัดเจนมากฮองเฮาและอัครเสนาบดีฝ่ายขวาลอบสมคบคิดเจตนาลักลอบสับเปลี่ยนของคุณภาพดีเป็ของคุณภาพแย่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ต้องไม่ใช่ครั้งแรกอย่างแน่นอนสิ่งของบรรเทาทุกข์ของแผ่นดินเราในทุกๆ ปีเมื่อส่งถึงแดนประจิมแล้วกลับกลายเป็พวกธัญพืชเน่าเสียเ่าั้การกระทำเช่นนี้ถือเป็เจตนาร้ายต่อบ้านเมืองสตรีที่เป็ภัยต่อบ้านเมืองเช่นนี้ไม่สมควรเป็มารดาแห่งแผ่นดินฝ่าาได้โปรดถอดถอนฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ขณะที่กล่าวนั้นเขาก็คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้ด้วยเช่นกัน
“เ้า”
อัครเสนาบดีฝ่ายขวาถลึงตาโตทั้งสองข้างแม้ว่าสมัยก่อนพวกเขายื่นมือเข้ามาแทรกเื่นี้บ้าง แต่ก็เป็เพียงการแบ่งผลประโยชน์ส่วนหนึ่งเท่านั้นทว่าอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายคิดจะโยนความผิดไว้ที่ตระกูลหลิวทั้งหมดหากถูกตัดสินว่าตระกูลหลิวมีความผิดจริง นั่นก็คือโทษหนักถึงการล้มล้างตระกูล ทว่าสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือมีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า กำแพงล้มเพราะทุกคนผลัก เขายังไม่ทันโต้แย้งเพื่อตนเองขุนนางทั้งหลายต่างคุกเข่าลงกันถ้วนหน้า
“ฝ่าาได้โปรดถอดถอนฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
เขาพลันทรุดนั่งลงบนพื้นในชั่วพริบตาเขาแก่ลงเป็สิบปี
ขณะที่มีเสียงเรียกร้องดังสะท้านไปทั่วนั้น กงเช่อได้ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูตำหนักเขาคุกเข่าลงพร้อมยื่นหนังสือสารภาพความผิดของตน
สุดท้ายฮองเฮาก็ขวางกงเช่อไม่สำเร็จนางมององค์รัชทายาทเดินจากไปด้วยสายตาตะลึงงัน เมื่อเขาจากไปไกลแล้วดวงตาคู่นั้นของนางจึงค่อยๆ มีสติกลับคืนมา นางเรียกคนให้ช่วยประคองนางขึ้นมา จากนั้นจึงกลับเข้าสู่ตำหนักด้านใน นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เริ่มจากมองตนเองในกระจกอยู่เงียบๆ แต่แล้วพลันเอ่ยปาก
“หงซิ่ว ช่วยข้าทำผม”
“เหนียงเหนียงโปรดรักษาพระวรกาย ต้องไม่เป็ไรแน่ๆ เพคะ” นางกำนัลาุโข้างกายดวงตาแดงก่ำนางรีบก้าวขึ้นไปพร้อมกล่าวเสียงสะอื้น
“ทำทรงผมเหมือนตอนแต่งตั้งเป็ฮองเฮา” ฮองเฮาราวกับไม่ได้ยินคำพูดใดๆนางมองกระจกพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นางพิจารณา่เอวของตนที่อ้วนขึ้นเล็กน้อยจากนั้นจึงเอ่ยรำพึง
“ไม่รู้ว่าตอนนี้ข้าจะสวมชุดหงส์ในตอนนั้นได้หรือเปล่า?” เมื่อนางกล่าวจบเทียนเซียงนางกำนัลคนสนิทอีกคนจึงรีบคุกเข่าพร้อมกล่าวขึ้น
“หม่อมฉันจะรีบไปหยิบนะเพคะ”
“ไม่รีบ”
ดวงตาของฮองเฮาสะท้อนประกายดุดัน นางจะยอมแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ? ไม่มีทาง นางมองตัวเองในกระจก เดิมทีนางคิดจะไปขอร้องหลงกุ้ยเฟยให้ช่วยนางบ้างทว่าเวลานี้ นางกัดฟันเล็กน้อยพร้อมเปลี่ยนใจ
“ตอนนี้เ้ารีบไปตำหนักไท่จี๋ ไปเชิญองค์หญิงจาวหยางมาที่นี่”
“เพคะ”
ใช่นางลืมตัวแปรสำคัญอย่างกงอี่โม่ได้อย่างไร?
ฮองเฮาลูบใบหน้าของตน ความคิดเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ นางห้ามยอมแพ้ง่ายๆเช่นนี้ หากนางล้มแล้ว พระโอรส บิดา ตระกูลของนางต่างต้องพ่ายแพ้ไปด้วย อย่างน้อยนางต้องปกป้องบุตรชายของนางให้ปลอดภัยเขาต้องเป็องค์รัชทายาทต่อไป
กงอี่โม่เพิ่งกลับถึงตำหนักคนของฮองเฮาก็มาถึงแล้ว
นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่รู้ว่าคนข้างกายของฮ่องเต้้าล้มฮองเฮาคนเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากแผนการของนางสร้างเื่มากมายขนาดนี้ ดังนั้นนางจึงลังเลเพียงเล็กน้อยจากนั้นจึงตามเทียนเซียงไปยังตำหนักเฟิ่งชีระหว่างทางนางฟังเทียนเซียงกล่าวที่มาที่ไปด้วยน้ำเสียงเ็า
กงอี่โม่ตะลึงงัน คาดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมีคนยืมมือนางวางแผนล้มฮองเฮาเช่นนี้
ชาติที่แล้ว ตอนที่นางพบกงเช่อนั้นเสด็จแม่และท่านตาของกงเช่อต่างเสียชีวิตไปหมดแล้ว ดังนั้นตำแหน่งองค์รัชทายาทของเขาจึงเปราะบางอยู่อย่างยากลำบาก ที่แท้ก็เป็เพราะ่เวลาเช่นนี้หรือ?
พวกนางถึงตำหนักเฟิ่งชีอย่างรวดเร็ว
เมื่อกงอี่โม่เข้าไปจึงเห็นฮองเฮาอยู่ในชุดหงส์เต็มยศกำลังเขียนหน้าผากเมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ กงอี่โม่ััได้ทันทีว่าฮองเฮาต้องพร้อมปลิดชีพอย่างแน่นอนบางทีชาติที่แล้วอาจเป็เพราะนางยอมตายเพื่อยอมรับความผิดไว้ทั้งหมดฮ่องเต้จึงไม่ได้ปลดตำแหน่งองค์รัชทายาท เมื่อเห็นสภาพของฮองเฮาในเวลานี้แล้วดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะตัดสินใจทำเช่นนี้จริงๆ
ฮองเฮามองกงอี่โม่โดยไม่มีความไม่พอใจเหมือนแต่ก่อนแล้วตอนนี้ในราชสำนักทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ต่างเป็พวกเดียวกันกับพวกนางฝ่ายนั้นมีเพียงกงอี่โม่เท่านั้นที่เป็ข้อยกเว้น บางทีบุคคลที่นางเคยดูแคลนว่าเป็ลูกติดผู้นี้อาจมีโอกาสออกหน้าช่วยพูดแทนบุตรชายของนาง
เมื่อคิดถึงจุดนี้ นางสั่งให้คนสนิทของตนออกไปจากนั้นจึงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้ากงอี่โม่
“เพราะเหตุใดเสด็จแม่จึงทำเช่นนี้?” กงอี่โม่มองการกระทำของนาง คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย
หรือว่าสถานการณ์เลวร้ายจนถึงขั้นนี้แล้ว?
ใช่ หากยังมีหนทางอื่นอีกชาติที่แล้วกงเช่อคงไม่ได้สูญเสียมารดาไปเร็วขนาดนั้น
สีหน้าของฮองเฮาเคร่งขรึมมาก เมื่อเห็นสีหน้าปฏิเสธของกงอี่โม่ นางจึงกัดฟันจากนั้นโขกศีรษะลงไปจังหวะที่ก้มศีรษะนั้นน้ำตาของนางไหลออกมาเป็สองสาย
นางเป็ฮองเฮาที่ไร้ความสามารถอย่างแท้จริง หากไม่มีกงอี่โม่นางจะต้องไปขอร้องหลงกุ้ยเฟย ทว่าเมื่อเทียบกับความอำมหิตของหลงกุ้ยเฟยแล้วผู้ที่อายุยังน้อยอย่างกงอี่โม่กลับมีจิตใจเมตตามากยิ่งกว่า ดังนั้นนางจึงยินดีคุกเข่าขอร้องเพื่อบุตรชายของตน
กงอี่โม่รู้เป็อย่างดีว่านาง้าให้ตนทำอะไรทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพระราชอำนาจของฮ่องเต้นางคิดว่านางเป็เพียงองค์หญิงที่ไม่ได้มีเืเนื้อเชื้อไขเดียวกันนางสามารถสร้างความพอพระทัยให้ฮ่องเต้ แต่นางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจหรือแม้กระทั่งการโน้มน้าวชักจูงฮ่องเต้ได้เลย นอกเสียจากนางไม่้ามีชีวิตแล้ว
“องค์หญิงเจ็ด เหตุการณ์ที่ผ่านมาต่างๆ นานาล้วนเป็ความผิดของข้าเองข้าเป็คนทำร้ายพวกเ้าหลายต่อหลายครั้งและก็เป็ข้าที่้าลักลอบสับเปลี่ยนสิ่งของบรรเทาทุกข์ในครั้งนี้ทว่าขอให้เ้าเห็นแก่เช่อเอ๋อร์ ยอมมองข้ามเหตุการณ์ในอดีตช่วยเหลือเช่อเอ๋อร์ด้วยเถิด” ท่าทางของนางราวกับเป็เพียงผงธุลีแต่ละคำล้วนเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
กงอี่โม่ถอนหายใจออกมาหนึ่งคำ
“ฮองเฮา ข้าขอไม่พูดอ้อมค้อม ข้าไม่ได้เป็บุตรสาวแท้ๆ ของเสด็จพ่อท่านคิดว่าคำพูดของข้าจะมีน้ำหนักเท่าใดหรือ?”
ฮองเฮาเบิ่งตาขึ้นเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่ากงอี่โม่จะรู้ชาติกำเนิดของตัวเองเช่นนี้ทว่านางไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว นางกัดฟันโขกศีรษะอีกครั้ง
“ขอแค่เห็นแก่เวลาปกติที่เช่อเอ๋อร์คอยดูแลเ้า เห็นแก่ความลำบากของคนเป็มารดาอย่างข้าข้ารู้ว่าองค์หญิงเจ็ดต้องสามารถทำได้สำเร็จ เ้าจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”
เมื่อเห็นนางโขกศีรษะเช่นนี้ ใช้ศีรษะโขกกับพื้น น้ำเสียงอ้อนวอนกงอี่โม่จึงหลับตา นางรู้สึกเห็นใจอย่างอดไม่ได้ บนโลกนี้ผู้ที่เป็มารดาย่อมเป็เช่นนี้ใช่ไหมสามารถทำทุกอย่างเพื่อบุตรของตนเองโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด
เมื่อคิดถึงชาติที่แล้ว กงเช่อลำบากถึงเพียงนั้นทว่าสุดท้ายเขาก็เป็ฮ่องเต้ที่ดี นางแอบยิ้มเย้ยหยันตนเองอย่างอดไม่ได้แต่สมองของนางกลับกำลังคาดการณ์สถานการณ์ในเวลานี้
เพียงไม่นานฮองเฮาก็โขกศีรษะจนหน้าผากบวมแดง เสียงโป๊กๆดังขึ้นราวกับกำลังกระแทกที่หัวใจ ก้องกังวานสะท้อนในตำหนักอย่างชัดเจน
“อย่าโขกอีกเลย ข้ารับปากท่าน” ผ่านไปชั่วครู่ กงอี่โม่จึงถอนหายใจยาว
เมื่อได้ยินเช่นนี้สายตาของฮองเฮาจึงเต็มไปด้วยความพอใจอย่างเหลือเชื่อนางเงยหน้าขึ้น ดูเหมือนว่าคำพูดของนางไม่ผ่านการเรียบเรียง ดูสับสนทว่าสายตาของนางกลับแสดงออกอย่างเด็ดขาด
“ขอบคุณเ้ามาก ขอบคุณมาก เ้าวางใจได้ ข้าไม่มีทางสร้างความลำบากใจให้เ้านักขอแค่องค์หญิงรับปากว่าจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ข้าจะดื่มยาพิษแขวนคอทันทีคิดว่าฝ่าาน่าจะเห็นแก่การตายของข้า ฝ่าาจะสงสารเช่อเอ๋อร์ขึ้นบางส่วนแค่เกรงว่าพวกขุนนางเ่าั้จะฉวยโอกาสนี้ไม่ยอมปล่อยเช่อเอ๋อร์องค์หญิงได้โปรดช่วยเช่อเอ๋อร์ออกหน้าเหมือนช่วยองค์ชายเก้าด้วยเถิด”