Chapter 1
Part 2/2
ยินดีต้อนรับค่ะ...
เสียงต้อนรับของหญิงสาวดังขึ้นอัตโนมัติ เมื่อประตูบานคู่แยกออกจากกัน คำกล่าวอันสุภาพเป็ธรรมเนียมต้อนรับผู้มาเยือน แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว สิ่งนี้เปรียบเสมือนสัญญาณเตือน “พนักงาน” ภายในร้านสะดวกซื้อ เพื่อให้ทุกคนเตรียมให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่
หากแต่คราวนี้ เสียงต้อนรับอัตโนมัติไม่อาจปลุกความกระปรี้กระเปร่าของพนักงานหนุ่มได้ เพราะเขาเคยชินกับสถานการณ์เดิม ๆ แล้ว พวกสุนัขไร้บ้านมักพากันมาขออาหารที่นี่เป็ประจำ
บางตัวโชคดีก็อิ่มท้องกลับไป
บางตัวโชคร้ายก็หิวโหยต่อเนื่อง
ทว่าั้แ่ส่วนสำคัญของปั๊มน้ำมันปิดปรับปรุงชั่วคราว พวกสุนัขจรจัดก็ได้รับผลกระทบมากพอสมควร เพราะลูกค้าที่เคยเมตตาให้อาหารพวกมันห่างหายไปหมด
และเนื่องจากสุนัขเหล่านี้มีจำนวนมากขึ้น พนักงานธรรมดา ๆ อย่าง “ดิว” จึงยอมรับว่าไม่สามารถช่วยขจัดความหิวโหยจากพวกมันได้ทั้งหมด ถึงแม้เขาจะแบ่งเงินส่วนตัวไปซื้ออาหารให้พวกมันแล้วก็ตาม หลายครั้งดิวจึงต้องหักใจมองข้ามสุนัขบางตัวไป
โลกความจริงก็เป็แบบนี้แหละ
ต่อให้อยากช่วยคนอื่นให้ตาย
แต่สุดท้ายก็ต้องเลือกเอาตัวรอดก่อน
และบางครั้ง อะไรแบบนี้ก็ทำให้รู้สึกเ็ปเป็บ้า
เฉกเช่นสถานการณ์ปัจจุบันที่บานประตูเคลื่อนเปิดหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาเลือกเมินเฉยต่อบางสิ่งที่อยู่ด้านนอก และไม่เบนสายตาหันไปมองทางประตูกระจกหรือหน้าจอฉายภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อสักนิด
ซึ่งการพยายามหลบหนีความจริง เกือบทุกคราไม่เคยส่งผลดีต่อใคร หากแต่คราวนี้มันคงพอช่วยพนักงานหนุ่มได้บ้าง ไม่ได้ช่วยให้หลุดพ้นจากความรู้สึกผิดเสียทีเดียว แต่แค่ไม่พาไปเผชิญหน้ากับความรู้สึก “ผิดหวัง” ในตัวเองซ้ำ ๆ เท่านั้น
ทว่า…
เป็่จังหวะที่บานประตูกำลังเคลื่อนปิดอย่างช้า ๆ
…ลมโชยอ่อน
ที่ถือโอกาสพัดสวนเข้ามาภายในร้านสะดวกซื้อ
…นำพามาซึ่ง “กลิ่นหอมรัญจวน”
มันหอม…
หอมราวกับเกิดการผลิบานของดอกไม้นับแสนนับล้านดอก ณ ที่แห่งนี้ จากสถานที่เปลี่ยวเหงา บรรยากาศซบเซา หัวใจบอบช้ำ และจิติญญาอันแห้งเหือด กลิ่นหอมนุ่มนวล สะอาด และสดชื่นก็ช่วยชุบชู “ทุกสิ่ง” ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ดิวยอมรับว่าเผลอเคลิบเคลิ้มไปกับกลิ่นหอมชั่วขณะ แต่เมื่อเขาหลุดออกจากภวังค์หลงใหลแล้ว ดวงตากลมโตก็รีบหันมองไปทางทิศที่กลิ่นหอมลอยโชยมาทันที
ในวินาทีนั้น พนักงานหนุ่มจึงพบกับ…
พระเ้า !
“ขอโทษนะครับ”
นะ นั่นมัน…
“อาหารสุนัขวางอยู่ตรงไหนเหรอครับ ?”
‘ภาษา’ ตัวจริงเสียงจริงเลยนี่
จากประสบการณ์การทำงานที่นี่มาหลายปี รวมทั้งการรู้กฎข้อบังคับของพนักงานร้านสะดวกซื้อเป็อย่างดี เกือบทุกครั้งที่ลูกค้าขอความช่วยเหลือเช่นนี้ เขาจำเป็ต้องเดินออกจากบริเวณเคาน์เตอร์แคชเชียร์เพื่อพาลูกค้าไปหาสิ่งที่้าโดยเร็ว
แต่ทว่า ณ ตอนนี้ ดิวกลับรู้สึกประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน ซึ่งความรู้สึกนี้ส่งผลกระทบต่อร่างกายโดยตรง มันเริ่มจากหัวใจที่สั่นไหวอย่างรุนแรง เม็ดเหงื่อผุดซึมเต็มฝ่ามือ และขาทั้งสองข้างก็แข็งทื่อราวกับเสาหิน
ไม่รู้เลย...
...ว่ามันเกิดอาการแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร
เพียงแค่ได้พบกับ “นักร้องดัง” เท่านั้น
พนักงานหนุ่มพยายามกลืนก้อนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ก่อนจะตัดสินใจแก้ไขสถานการณ์โดยเร็ว “อะ เอ่อ...อะ อาหารสุนัขวางอยู่ตรงเชลฟ์ด้านหลังเลยครับ คุณลูกค้า”
“...”
ดิวกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง จากนั้นเขาจึงผายมือไปทางเชลฟ์วางสินค้าที่ตั้งอยู่ติดผนังสีขาว “คุณลูกค้าเดินไปจนสุดทางก็จะเจอเลยครับ”
ลูกค้าคนดังค้อมศีรษะลงเล็กน้อยด้วยกิริยานอบน้อม ก่อนเอ่ยตอบ “ขอบคุณครับ”
หลังจากนักร้องดังกล่าวถ้อยคำอันสุภาพจบลง ร่างสูงเพรียวก็สาวเท้าไปทางด้านหลังร้านสะดวกซื้อทันที ดิวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตอนอีกฝ่ายหมุนตัวหันหลังให้เคาน์เตอร์แคชเชียร์
เขาหลุบตามองขาทั้งสองข้างที่ยังแข็งเกร็งอยู่ ก่อนจะกำมือแน่นแล้วทุบลงบนขาตัวเองด้วยความหงุดหงิด
“น่าขายหน้าชะมัด !” พนักงานหนุ่มบ่นเสียงแ่ “…ดันมาก้าวไม่ออกอะไรตอนนี้วะ ?”
“…”
“ทั้ง ๆ ที่ควรให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่แท้ ๆ ”
“…”
“แย่จริง ๆ เลย ไอ้ดิว”
กรอบแกรบ…
…กรอบแกรบ
ดิวหยุดตำหนิตัวเองตอนเกิดเสียงดังขึ้นสองจังหวะ มันเป็เสียงคล้ายห่อสินค้าพลาสติกกำลังถูกกดบีบให้มีขนาดเล็กลง ซึ่งเมื่อเขาเลื่อนสายตาขึ้นมองทางต้นเสียง…
มันก็ทำให้เข้าใจว่า...
ลูกค้าคนนี้คงไม่ได้ตั้งใจมาซื้อของมากมายั้แ่แรก
ดิวมองภาษาใช้แขนเรียวโอบรัดถุงอาหารสุนัขจำนวนหนึ่งไว้แนบอก คล้ายกลัวสิ่งสำคัญเ่าั้จะหลุดร่วงจากอ้อมกอด ส่วนมืออีกข้างกำลังเอื้อมไปหยิบขวดน้ำดื่มจากตู้แช่เย็น
และผลจากการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าที่พบเจอทุกวัน หากภาษามีรายการสิ่งของที่้าอยู่ในใจั้แ่แรก เ้าตัวควรตัดสินใจหยิบตะกร้าหูหิ้วที่วางอยู่ตรงประตูทางเข้าติดมือไปด้วย ทว่าตอนนี้ภาษากลับเลือกหอบหิ้วทุกอย่างไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว และท่าทางไม่ค่อยคล่องตัวก็แสดงให้เห็นว่า ‘มีบางสิ่งอยู่นอกเหนือจากที่คิดเอาไว้’
ซึ่งขณะที่ดิวกำลังนึกถึงความเป็ไปได้ต่าง ๆ อยู่ เขาก็มีโอกาสมองสังเกตภาพรวมของศิลปินหนุ่มอย่างละเอียดเป็ครั้งแรก
หากมองด้วยสายตาจากระยะห่างเท่านี้ โดยที่เขาไม่เคยเจอภาษาตัวจริงมาก่อน ดิวเพียงแค่เห็นอีกฝ่ายผ่านทางสื่อโซเชียล รายการโทรทัศน์ และภาพเ้าตัวเป็พรีเซนเตอร์สินค้าแบรนด์ต่าง ๆ ปรากฏบนป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ รวมถึงภาพที่ติดอยู่บนผลิตภัณฑ์หลายประเภทที่วางจำหน่ายภายในร้านสะดวกซื้อแห่งนี้
บนขวดน้ำดื่ม ขวดชาเขียว
บนห่อมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ ถุงบรรจุไส้กรอก
แผงยาดม และอื่น ๆ
ล้วนมีภาพของภาษาติดอยู่ทั้งสิ้น
ดิวรู้สึกว่านักร้องหนุ่มที่ได้รับการขนานนามว่าเป็ “ผู้ที่มีเสียงใสดุจดั่งหยดน้ำค้างบนกลีบดอกไม้” ตัวจริงนั้นต่างจากทุกรูปแบบที่เขาเคยเห็นมา เพราะเมื่อั์ตาคู่เดิมได้ััลงบนตัวใครสักคนโดยตรง มันก็สร้างความแตกต่างทางความรู้สึกได้อย่างชัดเจน
เขาเพิ่งเห็นกับตาว่า…
ภาษาตัวจริงมี “ออร่า” มากล้นถึงเพียงใด ภาพถ่ายอันใดที่ถูกชื่นชมว่าสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ภาพความจริงตรงหน้ายิ่งทวีคูณมากขึ้นไปอีก ราวกับกล้องถ่ายรูปตัวไหนบนโลกก็ไม่อาจเก็บบันทึก “ความเปล่งประกาย” ของศิลปินหนุ่มได้ทั้งหมด
ซึ่งไม่ต่างจากหมวกแก๊ปสีน้ำเงินอมเทาที่ไม่สามารถบดบัง “ความสว่างไสว” จากอีกฝ่ายได้สักนิด
เขากลืนน้ำลายลงคอด้วยหัวใจที่ยังสั่นไหวอยู่เหมือนเดิม ขณะเดียวกันดวงตาก็มองตามภาษาที่ก้าวเท้าไปหยุดยืนตรงตู้อุ่นไส้กรอก เ้าตัวหยิบ “คอร์นด็อก” อันสุดท้ายออกมาจากตู้ทรงสี่เหลี่ยม
และ…
ในจังหวะที่ภาษาหมุนตัวสาวเท้ากลับมาทางเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ภาพความจริงก็ขยับเข้าใกล้พนักงานหนุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
มันชัดมากว่า…
ภาษาคือผู้ “ใบหน้าอ่อนหวาน” อันสมบูรณ์แบบ ทุก ๆ ส่วนบนรูปหน้าเรียวยาวล้วนสมมาตรกันทั้งหมด องค์ประกอบเ่าั้จึงหลอมรวมเกิดเป็ “ความงาม” อย่างไร้ที่ติ
โดยบนเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบประกอบด้วย ดวงตาเฉี่ยวคมคล้าย “ดวงตาแมว” คิ้วเรียงเส้นเป็ระเบียบ จมูกโด่งเป็ทรงสวย และริมฝีปากหยักเป็กระจับ
ทว่าภาษาไม่ได้เพียงแค่ความงดงามและอ่อนหวานเท่านั้น เพราะในบางองศาที่เผยให้เห็นสันกรามคมชัด มันก็ส่งผลให้ศิลปินหนุ่มดู “หล่อเหลา” ขึ้นมาทันตาเช่นกัน
ดิวรู้สึกว่า…
มันน่าอิจฉามาก ๆ
ที่คนคนเดียว…
แต่ได้ทั้งความสวยและความหล่อ
อีกทั้งภาษายังมีรูปร่างสูงเพรียวเหมือนนายแบบ หากวัดความสูงอีกฝ่ายจากสายตา เขาคาดว่าภาษาน่าจะสูงราว 179 ซม. ฉะนั้น ไม่ว่าเ้าตัวจะสวมใส่เสื้อผ้าแบบใด มันก็ล้วนออกมาดูดีทั้งสิ้น
เฉกเช่นค่ำคืนนี้ เ้าของร่างสูงเพรียวสวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงินอมเทาปิดบังเรือนผมสีละมุนไว้ ใส่เสื้อเชิ้ตผ้ากำมะหยี่สีดำแขนยาว ชายเสื้อสอดทับในกางเกงยีนส์ทรงขากระบอกสีสนิมเข้ม แขนเสื้อถูกพับขึ้นเหนือข้อมือเล็กน้อย และปลดกระดุมสามเม็ด้า เผยให้เห็นแผงอกขาวเนียนกับสร้อยสีทองเส้นบาง ๆ ที่ประดับอยู่บนคอระหง
นอกจากนั้นแล้ว เขายังสังเกตเห็นศิลปินหนุ่มสวมนาฬิกาสายหนังสีน้ำตาลเข้มและรองเท้าแตะรัดส้นสีดำของแบรนด์ H ด้วย
อะไรแบบนี้สินะ…
ที่คนเขาเรียกกันว่า “คนมีเทส” น่ะ
และอะไรแบบนี้แหละ
ที่ทำให้ภาษา “โคตรดูดี” เลย
แต่แล้วทุกความคิดก็พลันหยุดลง ตอนนักร้องดังก้าวมาหยุดยืนตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ดิวจึงต้องสบตากับลูกค้าคนดังตรง ๆ โดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เขาแทบไม่ได้นับว่าตัวเองกลืนน้ำลายลงคอไปกี่ครั้งแล้ว
และนี่…
“ชะ เชิญวางได้เลยครับ คุณลูกค้า”
คงนับเป็อีกครั้งที่เขาต้องพยายามกลืน…
“…”
ความรู้สึกประหม่าปนเก้อเขินลงคอไป
ดิวคิดว่าภาษาคงเป็คนไวต่อความรู้สึกคนอื่นพอสมควร เพราะหลังจากเขาเอ่ยกระอึกกระอักเช่นนั้น ทั้งยังเผลอแสดงอาการเก้อเขินอย่างไม่เป็ธรรมชาติด้วย อีกฝ่ายก็หลุบตาลงมองเคาน์เตอร์สีขาวสะอาดแทน ก่อนเ้าตัวจะวางของทุกอย่างลงเงียบ ๆ
มันอาจไม่ใช่ความใส่ใจ…
…หรืออาจไม่ใช่อะไรเลยก็ได้
แต่แปลก…
ที่การกระทำนี้…ช่วยทำให้เขาหายใจโล่งขึ้น
ตอนกำลังรู้สึกตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองแทบไม่ได้
“รบกวนด้วยนะครับ”
ภาษาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลหลังจากวางของชิ้นสุดท้ายลงบนเคาน์เตอร์ และเขาก็เข้าใจประโยคนั้นได้ทันที โดยไม่จำเป็ต้องขยายความเพิ่ม
“ได้ครับ คุณลูกค้า”
ดิวพยายามเก็บซ่อนทุกความรู้สึกและพูดด้วยน้ำเสียงปกติ เช่นเดียวกับที่เคยใช้พูดคุยกับลูกค้าทุกคน จากนั้นเขาก็ส่งมือหนาข้างหนึ่งไปหยิบถุงอาหารสุนัขมาเป็อย่างแรก ส่วนมืออีกข้างก็จับเครื่องสแกนบาร์โค้ดสีดำสนิทมาจ่อลงตรงบาร์โค้ดของสินค้า
ติ๊ด !
ติ๊ด !
ติ๊ด !
เสียงดัง ติ๊ด ออกมาจากเครื่องอ่านบาร์โค้ด มันดังขึ้นเป็ระยะท่ามกลางความเงียบงัน และเสียงนั้นหยุดลงตอนพนักงานหนุ่มหยิบคอร์นด็อกใส่แยกในถุงพลาสติกใบเล็กแทน เพราะภายในถุงพลาสติกใบใหญ่มีทั้งอาหารสุนัข น้ำดื่ม และถ้วยกระดาษแบบแพ็กสามใบ
เหตุผลที่ตัดสินใจทำแบบนี้
ไม่ใช่เพราะถุงใบใหญ่เต็มหรอก…
แต่เป็เพราะดิวสังเกตเห็นว่า คอร์นด็อก เป็อาหารคนเพียงชิ้นเดียวจากของทั้งหมด มันจึงน่าจะเป็ “สิ่งเดียว” ที่ภาษาตั้งใจซื้อให้ตัวเอง
เขาเลื่อนถุงพลาสติกสีขาวขุ่นทั้งสองใบไปตรงหน้าศิลปินหนุ่ม ก่อนเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ทั้งหมดสองร้อยสิบห้าบาทครับ คุณลูกค้า”
“…”
“คุณลูกค้าสามารถตรวจสอบรายการสินค้าทั้งหมดได้ที่หน้าจอเลยนะครับ” พนักงานหนุ่มเอ่ยอย่างสุภาพ ก่อนจะผายมือไปทางหน้าจอแสดงผลทรงสี่เหลี่ยมที่ตั้งอยู่ตรงหน้าลูกค้า ถึงแม้ดิวจะยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่เหมือนเดิม แต่เมื่อเป็เื่ผลประโยชน์ของลูกค้ากับร้านสะดวกซื้อแห่งนี้แล้ว เขาก็ต้องพยายามทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด
ภาษากวาดสายตามองหน้าจอแสดงผลแบบผ่าน ๆ คล้ายจะบอกว่า “ไว้ใจ” พนักงานอย่างเขา จากนั้นอีกฝ่ายจึงยื่นธนบัตรสีเทามาให้ และทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น…
เกือบราบรื่นแล้วเชียว
ทว่ามันดันมาสะดุดตรง…
…ตรงที่ภาษาเผยรอยยิ้มบาง ๆ ขณะหลุบตามองถุงพลาสติกใบเล็ก
ทำยังไงดีวะ
หัวใจแม่ง…
เต้นรัวเป็กลองเลย
รอยยิ้มแบบนั้น…
…มันหลอมละลายหัวใจสุด ๆ
ทว่าสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดิวก็ยังต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดเหมือนเคย “รับมาหนึ่งพันบาทนะครับ คุณลูกค้า”
ภาษาละความสนใจจากถุงพลาสติกใบนั้นแล้วเลื่อนสายตาขึ้นสบตากันอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าตอบรับเบา ๆ “ครับ”
“ทะ ทอน…เอ่อ ทอน”
ทอนเท่าไรวะ ไอ้ห่า
ถึงแม้หน้าจอแสดงผลจะโชว์ตัวเลขที่คำนวณผลลัพธ์ออกมาอย่างถูกต้องและแม่นยำแล้ว แต่สมองของพนักงานหนุ่มกลับไม่รับรู้ผลลัพธ์อันใด มันรวนราวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ระบบขัดข้อง
“ทอนเจ็ดร้อยแปดสิบห้าบาทนะครับ คุณลูกค้า”
แต่ยังดี…
…ที่ระบบยังรันต่อไปได้
ไม่น็อกเพราะรอยยิ้มนั้นไปซะก่อน
ดิวยื่นเงินทอนทั้งหมดให้ลูกค้า ก่อนเอ่ยขึ้น “คุณลูกค้าตรวจเช็กเงินทอนก่อนนะครับ”
ภาษาส่งมือเรียวข้างที่ว่างมารับเงินจำนวนนั้นไป อีกฝ่ายไม่ได้ทำตามคำแนะนำของเขา หากแต่เ้าตัวทำเพียงแค่เก็บเงินทอนทั้งหมดใส่ในกระเป๋ากางเกง แล้วใช้มือข้างขวาจับรวบหูหิ้วถุงพลาสติกทั้งสองใบในคราวเดียว
“ขอบคุณมากนะครับ”
และเป็อีกครา…
ที่รอยยิ้มบาง ๆ แบบนั้น
“ขอบคุณที่ช่วยแยกถุงให้…”
ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า…
“เอ่อ…”
เขากำลังยืนมอง “กลีบดอกไม้สีขาวจำนวนมากลอยปลิวอยู่ในสายลม”
ภาพนั้นมัน…
ค่อนข้าง “งดงาม” และ “เปราะบาง” มาก ๆ เลย
“…ด้วยความยินดีครับ คุณลูกค้า”
ภาษาค้อมศีรษะลงเล็กน้อย หลังจากได้ยินประโยคคำพูดนั้น ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม “ขอให้การทำงานราบรื่นอยู่เสมอเลยนะครับ”
“ขะ ขอบคุณครับ คุณภาษา”
อุ๊บ !
พนักงานหนุ่มรีบยกมือหนาขึ้นปิดปากทันที เมื่อหลุดเรียกชื่อลูกค้าคนดังออกไป เขารู้ว่ามันไม่เหมาะสมมาก ๆ
แต่…
“ผะ ผม…”
เขาก็พลาดไปแล้ว
อาจเป็เพราะภาษาไม่ได้คิดแบบเดียวกัน อีกฝ่ายจึงระบายรอยยิ้มบางเบาเช่นเดิม แล้วค้อมศีรษะลงครั้งสุดท้ายเพื่อ “บอกลา” ก่อนจะหมุนตัวแล้วสาวเท้าไปทางประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ
ดิวมองตามร่างสูงเพรียวทุกย่างก้าว เพราะเขาอยากเก็บภาพศิลปินคนดังให้ได้มากที่สุด และสุดท้ายเขาก็มองส่งอีกฝ่ายจนหายลับไปจากสายตา
รู้ตัวอีกที…
ดิวก็รีบยกมือหนาข้างหนึ่งขึ้นโบกไปมาขณะดวงตายังจดจ้องอยู่ตรงบริเวณทางออก แล้วเขาก็ะโเสียงดังตอนประตูกระจกค่อย ๆ เลื่อนประกบเข้าหากันอย่างช้า ๆ “เดินทางกลับบ้านปลอดภัยนะครับ คุณลูกค้า !”
แม้ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา…
…แต่มันเป็ “ความยินดีอย่างถึงที่สุด”
ที่ได้พบกับนักร้องดังระดับประเทศอย่าง ‘ภาษา’
TBC
เนื่องจากตังยังไม่ได้ส่งพิสูจน์อักษร จึงอาจมีคำผิดและคำตกหลุดไปบ้าง
ตังต้องขออภัยล่วงหน้าเลยคับ
เดี๋ยวหลังจากลงเนื้อหาจนจบสมบูรณ์แล้ว ตังจะมาอัปเดตเนื้อหาแบบพิสูจน์อักษรให้อีกรอบนะคับ
#ั์รักษา