ด้านนอกสุสานโบราณ มีผู้คนเข้าๆ ออกๆ ไม่ขาดสาย
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีเงาร่างผอมแห้งคนหนึ่งหายเข้าไปในฝูงชน
ผ่านไปสามวัน จั๋วอวิ๋นเซียนกลับมาที่สุสานโบราณอีกครั้ง กลับพบว่าที่นี่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ไม่มีรอยแยกพื้นดิน ไม่มีแท่นผนึกเทพ ไม่มีผู้าุโเฉียนโม่ แม้แต่แผนผังค่ายกลที่เขาซ่อมแซมไปก่อนหน้านี้ก็หายไปแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะจั๋วอวิ๋นเซียนมั่นใจว่าจิตของเขากำลังวิวัฒนาการ เขาคงคิดว่าตัวเองฝันกลางวันแน่ๆ
……
“ผู้าุโเฉียนโม่? ผู้าุโเฉียนโม่...”
จั๋วอวิ๋นเซียนตรงเข้าไปในส่วนลึกของสุสานโบราณ เขาส่งเสียงะโเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
“ไม่อยู่แล้วหรือ?”
ไม่รู้เพราะเหตุใด หัวใจของจั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกหดหู่ จากนั้นเขาคำนับให้อากาศที่ว่างเปล่า
“ขอบคุณโอกาสที่ผู้าุโเฉียนโม่มอบให้...”
“ผู้าุโเฉียนโม่ ท่านพ่อของข้าจัดงานแต่งให้ข้า ถึงแม้ข้าจะไม่ชอบ แต่หาได้คัดค้านไม่...ที่จริงแล้ว ถ้าข้าปฏิเสธ ท่านพ่อไม่มีทางบังคับข้าแน่ แต่ข้ารู้ความ้าของท่านพ่อ เขาทำเพื่อข้าและเพื่อตระกูลจั๋ว ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อต้องผิดหวังอีกแล้ว”
“เ้าซาลาเปาสหายข้าเคยบอกกับข้าว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองชอบได้ ข้าคิดว่าตัวข้าเองแตกต่าง คิดว่าตัวเองเลือกได้ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้าจริงๆ ข้าถึงพบว่า ข้าไม่ได้กล้าหาญอย่างที่คิด”
“ผู้าุโเฉียนโม่ ครั้งที่แล้วข้าได้พบท่านแม่ในภาพมายา นางมองข้าด้วยรอยยิ้ม...ข้าดีใจมาก ข้ารู้ว่าท่านแม่ไม่ได้ผิดหวังกับข้า ข้ารู้ว่าท่านแม่ไม่อยากจากข้าไป แต่ข้าหยุดนางไว้ไม่ได้...”
ขณะที่กำลังพูด ดวงตาของจั๋วอวิ๋นเซียนก็เต็มไปด้วยน้ำตา ทั้งๆ ที่เขาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลแล้ว
ไม่มีใครตอบและไม่มีใครฟัง
มีเพียงจั๋วอวิ๋นเซียนคนเดียวที่ระบายความกดดันในใจออกมา
เื่ราวและคำพูดมากมายที่เขาไม่เคยบอกกับบิดาและพี่สาว เขาแค่ไม่อยากให้ครอบครัวต้องกังวล ดังนั้นหลังจากที่ระบายความในใจออกมา เขาก็รู้สึกสบายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่จำเป็ต้องหลบซ่อน ไม่จำเป็ต้องปิดบัง
……
“ผู้าุโเฉียนโม่ ข้าขอตัวลา ขอขอบคุณท่านมาก”
จั๋วอวิ๋นเซียนวางผลไม้ิญญาไว้สามผล จากนั้นลุกขึ้นออกจากสุสานโบราณ
……
จั๋วอวิ๋นเซียนจากไปได้ไม่นาน เงาตนหนึ่งก็ปรากฏออกมา
“ช่างเป็เด็กน้อยที่น่ารำคาญนัก”
เฉียนโม่หยิบผลไม้มากัดคำหนึ่ง ความหอมหวานไหลเข้าปาก เป็รสชาติที่ไม่เลวเลย
จากนั้นเงาก็หายไป สุสานโบราณกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
……
ณ เมืองโบราณเทียนฟง ผู้คนะโขายของเสียงดัง คึกคักมากเป็พิเศษ
การฟื้นฟูของมิติมายาสุญญตา ไม่เพียงแต่นำการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงมาสู่แผ่นดินเซียนฉยงเท่านั้น ยังหลอมรวมเข้ากับการใช้ชีวิตของผู้คนด้วย
โดยเฉพาะตอนนี้ถึงแม้ซากโบราณสถานต่างๆ จะเพิ่มระดับความยาก แต่ของรางวัลก็ถูกยกระดับขึ้นเช่นกัน จึงไปกระตุ้นความกระตือรือร้นของทุกคนเข้า
“ขายผลชีเยี่ยกับหญ้าชื่อหลง...รับซื้อยันต์เกราะจำนวนมาก!”
“ยันต์นำจิตแลกกับยันต์เกราะ ใครมีของมาแลกเปลี่ยนกับเถ้าแก่ได้!”
“ร้านต้าทงเฉียนรับซื้อเงินมายาจำนวนมาก เจรจาเื่ราคากันได้!”
……
“ได้ยินมาว่าปรมาจารย์ค่ายกลไป๋รู้แจ้งเื่ค่ายกลโบราณระดับสามที่มาจากซากโบราณสถานระดับต่ำแห่งหนึ่ง!”
“แค่นี้ไม่เท่าไร ปรมาจารย์โอสถกู่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า ได้ยินมาว่าเขากู้คืนตำรับโอสถโบราณเจ็ดชนิดได้จากซากโบราณสถาน อีกไม่นานก็สามารถปรุงโอสถออกมาได้แล้ว”
“่นี้มีแต่ข่าวดีไม่น้อยเลยนะ”
“ใช่แล้วใช่แล้ว ยิ่งมิติมายาสุญญตาเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไร แผ่นดินเซียนฉยงยิ่งดีมากขึ้นไปด้วย ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะมีคนที่บรรลุเป็เซียนก็ได้!”
……
จั๋วอวิ๋นเซียนเดินบนถนนเมืองโบราณ เขาััได้ถึงท่าทีของผู้คนที่เปลี่ยนไปได้อย่างชัดเจน อีกทั้งร้านค้าที่นี่เหมือนจะเพิ่มมากขึ้น สภาพแวดล้อมก็ดีขึ้นมาก
“สหายอวิ๋นเสี่ยว ไม่ได้พบกันเสียนาน ่นี้สบายดีหรือไม่?”
เถ้าแก่อู๋มองเห็นจั๋วอวิ๋นเซียนเดินมาแต่ไกลจึงรีบะโทักทาย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเบิกบาน เหมือนเห็นญาติพี่น้องอย่างไรอย่างนั้น
ขอเพียงเป็คนที่มีเงิน ไม่ต้องพูดถึงญาติพี่น้อง ต่อให้เรียกว่าบิดาเถ้าแก่อู๋ก็ไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย...ถึงอย่างไรในมิติมายาสุญญตาแห่งนี้ล้วนใช้นามแฝง ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริง
จั๋วอวิ๋นเซียนไม่ได้ลีลา เขากล่าวออกไปตามตรง “เถ้าแก่อู๋ ข้าอยากรู้เื่บางอย่าง”
“โอ้?” เถ้าแก่อู๋ตะลึงเล็กน้อย จากนั้นกล่าวว่า “สหายอวิ๋นเสี่ยวถามมาได้เลย ขอเพียงเป็เื่ที่ข้าผู้แซ่อู๋รู้ ข้าต้องบอกท่านแน่นอน”
“เถ้าแก่อู๋รู้หรือไม่ว่าจะหาสมบัติิญญาที่สามารถงอกแขนใหม่ได้จากที่ใด?”
“โอ้? งอกแขนใหม่หรือ?”
เถ้าแก่อู๋ตะลึง เขากล่าวด้วยรอยยิ้มแห้ง “สหายอวิ๋นเสี่ยวท่านมองข้าสูงเกินไปแล้ว สมบัติิญญาที่ทำให้งอกแขนใหม่ได้ล้ำค่ามาก ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในมือของขั้วอำนาจั์ใหญ่ ร้านค้าเล็กๆ อย่างพวกเราจะไปหามาจากที่ใดกัน”
คำตอบของอีกฝ่าย จั๋วอวิ๋นเซียนคาดการณ์ไว้แล้ว จึงเปลี่ยนคำถาม “เช่นนั้นพันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์เล่า?”
“พันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีอยู่แล้ว ทว่า...”
เถ้าแก่อู๋หยุดชะงัก เขาเหมือนเข้าใจความหมายของจั๋วอวิ๋นเซียนแล้ว “สหายอวิ๋นเสี่ยวอยากจะใช้เงินมายาแลกเปลี่ยนกับสมบัติิญญางอกแขนใหม่กับพันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์หรือ?”
จั๋วอวิ๋นเซียนพยักหน้า “ข้าคิดเช่นนี้จริง แต่ไม่รู้ว่าจะแลกเปลี่ยนได้อย่างไร? ถ้าเถ้าแก่อู๋ช่วยได้ เื่ค่าตอบแทนข้าก็ยินดีจ่าย”
จากการตะลุยซากโบราณสถานมาหลายปี เขาสะสมเงินมายาเอาไว้ไม่น้อย นี่เป็เพียงวิธีเดียวที่เขาสามารถคิดได้ตอนนี้
เถ้าแก่อู๋ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะบอกสิ่งที่รู้ออกไป “สหายอวิ๋นเสี่ยว เงินเข้ามาหาแต่ไม่รับไว้คงมีแต่คนโง่ แต่เงินนี้ข้ามิอาจรับไว้ได้จริงๆ ...ที่จริงแล้วการแลกเปลี่ยนสิ่งของกับพันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์นั้นง่ายดายมาก แค่เ้าไปที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ไท่เซวียนก็พอแล้ว ไม่ต้องให้ข้าช่วย...แล้วข้าก็คงช่วยอะไรไม่ได้”
“เมืองศักดิ์สิทธิ์ไท่เซวียนหรือ?”
จั๋วอวิ๋นเซียนเงียบขรึมทันที เขาเคยได้ยินชื่อ ‘เมืองศักดิ์สิทธิ์ไท่เซวียน’ มาก่อน แต่ไม่เคยไป เพราะที่นั่นคือศูนย์กลางของทวีปไท่เซวียน หากจะไปที่นั่นต้องผ่านซากโบราณสถานระดับกลางเก้าแห่ง จั๋วอวิ๋นเซียนไม่คิดว่าตอนนี้เขาจะมีความสามารถพอ แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะลองดู
เมื่อจั๋วอวิ๋นเซียนมาถึงซากโบราณสถานลำดับที่หนึ่งร้อย ‘หุบเขาฉางเซิง’ ก็ไม่อาจเข้าไปในนั้นได้ เหมือนถูกพลังไร้ลักษณ์ขัดขวางเอาไว้
ไม่ใช่แค่จั๋วอวิ๋นเซียนคนเดียว ผู้บำเพ็ญตนมากมายที่มาฝึกฝนที่นี่ล้วนถูกขัดขวาง เื่นี้ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกประหลาดใจ
……
ผ่านไปไม่นาน พันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงของมิติมายาสุญญตาผ่านหอเหนือฟ้า
หลังจากที่มิติมายาสุญญตาฟื้นตื่นขึ้นมา มีซากโบราณสถานไม่น้อยที่กำลังซ่อมแซมตัวเอง ตอนนี้ซากโบราณสถานระดับต่ำยังไม่มีข้อจำกัดใดๆ แต่ซากโบราณสถานระดับกลางต้องมีการบำเพ็ญระดับรวมพลังถึงจะมีคุณสมบัติเข้าไป และซากโบราณสถานระดับสูงต้องมีระดับกำเนิดปราณขึ้นไปถึงจะเข้าไปได้
จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกว่า “การซ่อมแซมตัวเองของซากโบราณสถาน” ทำให้มิติมายาสุญญตากำลังค่อยๆ หลุดออกจากการควบคุมของพันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ในอนาคตสถานที่แห่งนี้จะตั้งตัวเป็เอกเทศ เป็โลกที่อิสรเสรียิ่งขึ้น
……
หลังจากออกจากมิติมายาสุญญตา จั๋วอวิ๋นเซียนจมในความคิด
เขาเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น่นี้ ั้แ่การปรากฏตัวของสีเฟยเหยียนจนมาถึงการแต่งงานของเขา จากนั้นก็การเปลี่ยนแปลงของสุสานโบราณ การฟื้นตื่นของมิติมายาสุญญตา...เขารู้สึกว่าตัวเองไร้เรี่ยวแรงยิ่งนัก
หากมีพลังไม่เพียงพอ แต่อยากได้สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าจะทำอะไรได้?
ไม่ว่าเมื่อไร ไม่ว่าเื่ใด ทุกสิ่งล้วนต้องพึ่งพาพลัง
เมื่อคิดได้เท่านี้จั๋วอวิ๋นเซียนก็จมเข้าไปในจิตใจ เริ่มเข้าฌานทำสมาธิ
