ร้อยปีก่อนก็เคยปรากฏเหตุการณ์ที่เผ่าปีศาจและเผ่ามนุษย์ร่วมมือกันเกิดขึ้น สาเหตุมาจากหมันเสินแห่งเผ่าคนเถื่อนในตอนนั้นมีพลังฝีมือที่สูงล้ำกดข่มจนเขตปกครองเทพาและเขตปกครองเทพปีศาจโงหัวไม่ขึ้น สุดท้ายไม่มีทางเลือกทั้งสองเผ่าจึงต้องร่วมมือกันสู้ศึก
เพียงแต่ว่าประวัติศาสตร์ของการร่วมมือในทุกครั้งที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุมาจากภายในงานประลองปรากฏผู้มีพลังฝีมือที่สูงล้ำจนยากที่จะต่อกรขึ้น แต่ครั้งนี้สาเหตุมันเกิดมาจากอะไร?
“ไม่สนว่าสาเหตุจะมาจากอะไร และไม่ต้องสนว่าเป้าหมายของพวกเขาคือสิ่งใด! สิ่งที่พวกเราต้องทำคือรวบรวมกำลังรบของเขตปกครองเทพาทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน เพื่อรับมือเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อน จับตาดูสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ!” เสว่อู๋เหินนั่งอยู่ที่นั่งถัดต่อจากหลงไซ้หนาน ยังคงสวมชุดสีขาวมือถือพัดด้วยท่าทางสุภาพงดงามเช่นเคย
“ถูกต้อง! นายน้อยเสว่กล่าวได้อย่างถูกต้อง! เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนเป็ไปไม่ได้ที่จะร่วมมือกันจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกมันในครั้งนี้ยกทัพไปที่หุบเขาัดำ ไม่ว่าจะฆ่าัได้สำเร็จหรือไม่ แต่รับรองได้ว่าพวกมันต้องสูญเสียอย่างหนักอย่างแน่นอน! การร่วมมือของพวกมันจะต้องพังลงโดยที่พวกเราไม่จำเป็ต้องกระทำสิ่งใด”
หลงสุ่ยหลิวที่นั่งอยู่ข้างๆ สีหน้าเป็ห่วงกังวล พูดขึ้นด้วยความสงสัย “เื่นี้มีสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเป็อย่างมาก แม้สุดยอดกองกำลังของทั้งสี่ตระกูลจะล่าสังหารกองกำลังของพวกมันไปมาก แต่ก็ไม่น่าถึงกับทำให้พวกมันทั้งสองเผ่าต้องร่วมมือกันอย่างยิ่งใหญ่เพื่อไล่ล่าสังหารขนาดนี้? ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่โอบล้อมสังหารสุดยอดกองกำลังของทั้งสี่ตระกูลแล้ว วันนี้ยังยกทัพไปกันยังหุบเขาัดำอีก จริงๆ แล้วพวกมันวางแผนการอะไรไว้กันแน่?”
“แปลก...แปลกประหลาดอย่างที่สุด!”
“แม่นางหลง รีบส่งหน่วยสอดแนมออกไปอีกให้มากกว่านี้ รีบตรวจสอบสถานการณ์ให้แน่ชัด พวกเราค่อยมาปรึกษาหารือเื่แผนการกันให้ดีอีกครั้ง”
“…”
ชั่วครู่ทุกคนต่างแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมา แต่โดยส่วนใหญ่ล้วนแสดงจุดยืนว่าให้ติดตามดูสถานการณ์ต่อไป ไม่ว่าจะพูดอย่างไรทั้งสองเผ่าร่วมมือกันในครั้งนี้แปลกประหลาดน่าสงสัยจนเกินไป พวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรวู่วาม
“อืม ตอนนี้ก็คงทำได้เพียงเท่านี้ ่นี้ให้ทุกคนตั้งค่ายพักกันอยู่ที่นี่กัน รีบส่งคนออกไปคอยจับตาดูสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของทั้งสองเผ่าต่อไป เตรียมตัวรับมือให้พร้อม!”
หลงไซ้หนานส่ายหน้าถอนหายใจออกมาอย่างอับจนปัญญา ภายในใจนางรู้สึกสังหรณ์ว่าหุบเขาัดำจะต้องมีเื่อะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เดิมทีคิดว่าเรียกประชุมกำลังคนเพื่อที่จะนำกองกำลังส่วนหนึ่งออกไปยังหุบเขาัดำเพื่อดูสักหน่อย แต่เมื่อทุกคนแสดงจุดยืนกันเป็เอกฉันท์เช่นนี้นางก็ไม่กล้าที่จะฝืนมติมหาชน จึงทำได้แค่เพียงรอดูสถานการณ์ที่ค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวต่อไป
.................................
แน่นอนว่าพวกเย่ชิงหานไม่อาจรู้ได้ว่าภายนอกหุบเขามีกองกำลังของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนตั้งค่ายกันอยู่อย่างมากมาย และก็ไม่รู้ว่าเ้าัดำตัวนั้นกำลังอยู่ใน่วางไข่ พวกเขาทำได้แค่เพียงฟังเสียงร้องคำรามของัด้วยความหวาดผวาอยู่ตลอดคืนวัน
“เ้าัตัวนี้มันบ้าไปแล้วรึ? ร้องติดต่อกันตลอดทั้งวันทั้งคืนไม่เหนื่อยบ้างหรืออย่างไร?” เย่สือชีนั่งพิงอยู่กับผนังถ้ำส่ายหัวออกมา ได้ยินเสียงร้องของัอยู่ตลอดทำให้ทุกคนแทบจะไม่ได้หลับได้นอน ผ่านศึกและการวิ่งตะบึงมาอย่างเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ กลับต้องมานั่งฟังเสียงร้องของัอีก
“เ้าัตัวนี้จะต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับมันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็ความผิดปกติที่ไม่ธรรมดามากด้วย” เย่สือซานเองก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า พูดออกมาอย่างแ่เบาด้วยความอ่อนแรง
อืม! เย่ชิงหานและเย่ชิงอู่ต่างกลอกตาขาวมองบนพร้อมๆ กัน สิ่งที่เย่สือซานพูดออกมาก็เหมือนไม่พูด ัดำสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในงานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้ ถ้าหากมันร้องคำรามออกมาหลายคืนวันติดต่อกันเช่นนี้แล้วยังบอกว่ามันปกติสิถึงจะแปลก เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็อะไร และไม่มีใครกล้าพอที่จะเข้าไปดูว่าสิ่งผิดปกติที่ทำให้มันร้องออกมาได้ยาวนานทั้งวันทั้งคืนเช่นนี้มาจากสาเหตุอะไร
“ตกลงแล้วเ้าัมันเป็อะไรกันแน่? ลองหาทางไปดูมันสักหน่อยจะดีไหม? ไม่แน่ว่าอาจจะเป็โอกาสเหมาะที่ทำให้เราหลบหนีไปได้ก็เป็ได้?” เย่ชิงหานคิดอยู่เงียบๆ ภายในใจ อยู่ภายในโพรงถ้ำแห่งนี้มาหลายคืนหลายวัน อาศัยเสบียงแห้งประทังความหิวจนรู้สึกว่าตอนนี้จะเริ่มบ้าไปแล้ว ในหัวปรากฏภาพของพวกเย่อีที่เสียชีวิตอย่างน่าอนาถอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงน้องสาวที่นอนอยูู่เาด้านหลังตระกูล สมองในตอนนี้สับสนจนคิดอะไรไม่ออก
“ข้ารู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น!”
ในเวลานี้เองภายในหัวของเย่ชิงหานปรากฏเสียงดังก้องขึ้นมา ทำให้อารมณ์ที่กำลังสับสนวุ่นวายของเขาถูกดึงกลับมา จากนั้นใบหน้าปรากฏความยินดีอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับร้องขึ้นอย่างแปลกใจ “เสี่ยวเฮย? เ้าฝึกฝนเสร็จแล้วรึ?”
“เสี่ยวเฮย?”
เสียงที่เย่ชิงหานร้องออกมาอย่างฉับพลันนั้นทำให้อีกสามคนที่เหลือสะดุ้งใไปตามๆ กัน สายตามองดูเย่ชิงหานที่ทำท่าทางดีใจราวกับคนบ้าด้วยความสงสัย ต่างรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา
มองเห็นทั้งสามคนที่มองมายังตนเองเหมือนมองคนบ้า เย่ชิงหานพูดออกมาอย่างจำใจ “เสี่ยวเฮย ออกมาเถอะ ที่นี่มีแต่คนกันเองทั้งนั้น!”
เย่ชิงหานพูดจบ ตำแหน่งบริเวณหน้าอกของเขามีกระแสพลังสีดำสายหนึ่งพวยพุ่งออกมา กระแสพลังสีดำค่อยๆ รวมตัวกันเป็รูปร่างสุนัขจมูกราชสีห์สีดำตัวหนึ่งที่มีเขางอกออกมาอันหนึ่งบนหัว
“สวัสดีลูกพี่!”
เสี่ยวเฮยเมื่อออกมาก็รีบยืดตัวขึ้นตรงในทันที ทำการยืดเส้นยืดสาย กะพริบตาปริบๆ จากนั้นะโเข้าไปยังอ้อมอกของเย่ชิงหานพร้อมกับส่งกระแสเสียงกล่าวทักทายเขาอย่างตื่นเต้นยินดี
“เอ่ออ! อ่าาา! อู๊ววว!”
การปรากฏตัวออกมาของเสี่ยวเฮยทำเอาสีหน้าของทั้งสามคนตื่นใราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น เย่สือซานและเย่สือชีเบิกตากว้าง เย่ชิงอู่เอามือปิดปาก สัตว์อสูรของเย่ชิงหานเป็อสูรศักดิ์สิทธิ์พวกเขาล้วนรู้ดี และรู้ว่าลักษณะของมันเป็อย่างไร แต่พวกเขาไม่คิดว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ในตำนานจะมีรูปร่างลักษณะเช่นนี้ ได้ยินว่ามันข้ามผ่าน่ระยะอ่อนแอมานานแล้วมิใช่รึ? ทำไมตัวยังเล็กอยู่เช่นนี้? นอกจากเขาหนึ่งที่งอกขึ้นมาบนหัวแล้วส่วนอื่นๆ ล้วนไม่แตกต่างจากสุนัขจมูกราชสีห์เลยแม้แต่น้อย หรืออาจจะพูดได้ว่าเหมือนอย่างกับสุนัข...
“เอ่อ...มันชื่อว่าเสี่ยวเฮย เผ่าพันธุ์อสูรกลืนิญญา พวกเ้าต่างไม่ใช่คนนอกข้าก็เลยเรียกมันออกมา ่ก่อนคนเยอะปากมาก ประกอบทั้งเสี่ยวเฮยเพิ่งจะข้ามผ่าน่ระยะอ่อนแอไม่นานจึงจำเป็ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนปรับพลังให้มั่นคง ดังนั้นจึงไม่ได้เรียกมันออกมาเลยสักครั้ง... อืม เมื่อสักครู่เสี่ยวเฮยส่งกระแสเสียงบอกข้าว่ามันรู้ว่าเ้าัตัวนี้เจอกับปัญหาอะไร!”
เย่ชิงหานยื่นมือออกไปกอดเสี่ยวเฮยเข้ามาแล้วพูดบอกออกไปให้ทั้งสามคนฟัง นับั้แ่เดินทางออกมาจากตระกูลเยว่ เสี่ยวเฮยบอกกับเย่ชิงหานว่ามันเพิ่งจะเริ่มเข้าสู่่ระยะเติบโต จึง้าระยะเวลาในการฝึกฝน่หนึ่ง นอกเสียจากว่าจะถูกฝืนเรียกออกมารวมร่างอสูรแล้ว เวลาอื่นๆ ล้วนจะอยู่ในสภาวะจำศีลหลับลึก วันนี้มันตื่นขึ้นมาจากสภาวะจำศีลหลับลึกด้วยตนเองทำให้เย่ชิงหานปลื้มปีติยินดีเป็อย่างมาก
“แข็งแกร่ง อสูรศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งจริงๆ! ถึงกับสามารถส่งกระแสเสียงได้ด้วย!” เย่สือชียกนิ้วโป้งขึ้นมาชมว่าเยี่ยม แสดงออกถึงความตื่นเต้นและความเคารพเลื่อมใส
“เย่ชิงหาน สัตว์อสูรของเ้าน่ารักจัง! สามารถส่งกระแสเสียงคุยกับเ้าได้ด้วย เ้าจิ้งจอกขาวสัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดของข้าทำได้แค่เพียงฟังเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูดเพียงเท่านั้น แต่ไม่สามารถส่งกระแสเสียงคุยกับข้าได้ น่าเสียดายที่ครั้งก่อนมันได้รับาเ็ตอนนี้ยังอยู่ใน่รักษาตัว ไม่เช่นนั้นคงเรียกมันออกมาเล่นเป็เพื่อนกับเสี่ยวเฮยได้” เย่ชิงอู่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม ั์ตาทั้งสองข้างโค้งจนเป็รูปพระจันทร์เสี้ยว
การตื่นขึ้นมาของเสี่ยวเฮยทำให้จิตใจที่ห่อเหี่ยวมาหลายวันของเย่ชิงหานรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย เขาเอามือลูบหัวของมันอย่างรักใคร่เอ็นดู คิดถึงคำพูดของเสี่ยวเฮยเมื่อสักครู่จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสนใจ “อืม! เสี่ยวเฮย เมื่อสักครู่เ้าบอกว่า รู้ว่าเ้าัตัวนี้เจอกับปัญหาอะไรอย่างนั้นรึ?”
พวกเย่สือซานทั้งสามคิ้วกระตุกขึ้นพร้อมๆ กัน มองดูเสี่ยวเฮยด้วยความประหลาดใจยิ่งขึ้น ภายในใจคิดว่าเ้าอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้มหัศจรรย์ขนาดนั้นเลยรึ? ขนาดว่าอาศัยอยู่แต่ภายในมิติสัตว์อสูรภายในร่างของเย่ชิงหานโดยตลอด แต่กลับรู้ว่าภายนอกมีัตัวหนึ่งอยู่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งยังรู้ได้อีกว่าเ้าัตัวนี้เจอกับปัญหาอะไรเข้า?
“เ้าแมลงน้อยตัวนั้นกำลังออกไข่!” เสี่ยวเฮยกระตุกจมูกของมันพร้อมกับส่งกระแสเสียงบอกเย่ชิงหาน เย่ชิงหานตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะนำข้อความที่รับรู้จากเสี่ยวเฮยบอกต่อแก่ทั้งสามคน ทำเอาทุกคนอึ้งไปพร้อมๆ กัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้