ชายชรามองไปยังหานิ สายตาแน่นิ่งแต่ภายในใจกลับกำลังคำนวณอะไรบางอย่างอยู่อย่างเร่งรีบ
สถานการณ์ตอนนี้มันเลวร้ายเกินกว่าที่จะนิ่งเฉยได้ เขาไม่รู้แน่ชัดว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งเดียวที่พอแน่ใจได้ก็คือ... หานิยังไม่ได้มีเจตนาสังหารพวกเขา
แต่ก่อนที่เขาจะทันเคลื่อนไหวหรือเตรียมรับมือ ร่างของหานิก็หายไปจากสายตาของและเขาไม่สามารถััถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้อีก
ทันใดนั้นที่หางตาของเขา เห็นหานิยืนอยู่ข้างเย่หลิน ศิษย์น้องของคุณหนูซ่างกวนถิงถิง ในมือนั้นดาบแห่งแสงปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วและฟันลงที่คอของเย่หลินอย่างไม่ลังเล
แต่ทว่าเปลวเพลิงสีแดงสดพุ่งแทรกเข้ามาระหว่างกลาง รับการโจมตีนั้นไว้ภายในเสี้ยววินาที นั่นคือฮัวจินหรู แต่เปลวเพลิงนั้นไม่อาจต้านดาบแสง
แรงปะทะมหาศาลส่งร่างของฮัวจินหรูปลิวกระเด็นไปชนกับเย่หลิน ทั้งสองถูกกระแทกจนปลิวไปไกล
เย่หลิน แม้ไม่ได้ถูกฟันตรงๆ แต่แค่แรงกระแทกเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ร่างกายของเขาพิการทันที กระดูกแหลก พร้อมการบ่มเพาะพลังล่มสลาย
ส่วนฮัวจินหรู แม้จะใช้มือที่เคลือบด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ป้องกัน แต่ก็ไร้ผล นิ้วมือทั้งสิบของนางขาดออก เืไหลไม่หยุด
นางมองไปที่หานิด้วยสายตาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นี่คือคนที่นางเคยดูถูกเมื่อวันรับศิษย์ใหม่ คนที่นางบอกต่อหน้าศิษย์ตัวเองอย่างไม่ใส่ใจว่า ยังไงหานิก็ถูกไล่ออกในเวลาไม่ถึงปีแน่นอน
ในสายตานางตอนนั้น หานิคือคนธรรมดา ที่โชคดีเท่านั้น แต่ไม่มีอะไรพิเศษเลยสักอย่าง
แต่ตอนนี้...
ฟิ่ว ฟิ่ว ฟิ่ว ฟิ่ว ฟิ่ว!
ดาบแสงนับสิบพุ่งทะลุเข้าร่างของฮัวจินหรู แทงทะลุเส้นประสาททุกจุด แขน ขา กระดูกสันหลัง ทุกอย่างถูกเจาะทะลุ ร่างของนางล้มลง ก่อนที่มันจะขยับไม่ได้อีกเลย
ทว่าหานิกลับไม่เลือกจะฆ่านางในตอนนี้
ตูม!
แรงกดดันขนาดใหญ่ะเิออกจากร่างของเขา พุ่งไปกดทับยังศิษย์ทั้งหมดของยอดเขาไผ่์ ร่างของพวกนางทรุดลงนอนกับพื้นทันที เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากซ่างกวนถิงถิง
“อ๊าาาาา!”
ชายชราะโออกมาด้วยเสียงหลง “ได้โปรด... อย่าทำอะไรคุณหนู”
แต่คำวิงวอนนั้น... เหมือนจะลอยหายไปในสายลม หานิไม่แม้แต่จะสนใจ เขาเหวี่ยงมือเบาๆ ดึงร่างที่ไร้แรงต่อต้านของเย่หลินและฮัวจินหรูให้ลอยเข้ามาใกล้ตัว ไม่มีใครเข้าใจว่าเขาจะทำอะไร
ในขณะเดียวกัน ณ ด้านนอก ร่างจำแลงของซุยจื่อเมิ่งและอู๋เวินกำลังจ้องภาพการกระทำของหานิจากระยะไกล
อู๋เวินพูดด้วยเสียงต่ำ “แปลก... เ้าเด็กนั่นกำลังทำอะไรกันแน่?”
ซุยจื่อเมิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็จริงจังอย่างไม่เคยเป็มาก่อน
“ถ้าให้ข้าเดา... ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่นี่คือสิ่งที่ข้าไม่้าเห็นจากใครทั้งนั้น”
อู๋เวินหันขวับ “อะไรกัน?”
ซุยจื่อเมิ่งพูดชัดถ้อยชัดคำ
“ชายคนนั้นกำลังล่อลวงเต๋า์”
คำพูดนั้น... ทำให้อู๋เวินตกอยู่ในความเงียบ เงียบชนิดที่แม้แต่เสียงลมหายใจก็ฟังดูดังเกินไป
หานิยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบาๆ แต่กดดันจนบรรยากาศรอบข้างตึงเครียด
“เ้าชื่อเย่หลินใช่ไหม?”
เย่หลินที่นอนาเ็อยู่มองไปยังหานิ
“อยากจะทำอะไรข้าก็เชิญ... แต่อย่าทำอะไรอาจารย์และศิษย์พี่ทั้งหมดของข้า ปล่อยพวกนางไป..พวกนางไม่เกี่ยวข้อง”
หานิหัวเราะในลำคอเบาๆ “คำพูดเท่ดีนี่... เอาเถอะ ข้าจะให้เ้าเลือก”
เขาหยุดพูดชั่วครู่ ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังเล่าเื่อยู่
“ข้ามีสี่ตัวเลือกให้เ้าเลือก มาเริ่มกันที่ตัวเลือกที่หนึ่ง... ข้าจะไว้ชีวิตอาจารย์คนแรกของเ้า ฮัวจินหรู”
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบประโยค จิตสังหารของหานิก็ะเิออกใส่เย่หลินในทันที แรงกดดันอันมืดมิดเย็นะเืปะทะเข้ากับจิตสำนึกของทุกคนรอบด้าน เย่หลินตัวสั่นราวกับถูกฝังอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ เขาแทบหายใจไม่ออก
แม้แต่ซ่างกวนถิงถิง เฟิ่งเอ๋อ เหมยจิ้งหยา เซินเยว่ฮัว และหวังฟางเซียน ที่นอนห่างออกไป ยังรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับพันปักลงทั่วร่างกาย ร่างของพวกนางสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
หานิพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบสนิทไร้อารมณ์
“แต่คนที่เหลือ... จะต้องตายทั้งหมด ศิษย์พี่ อาจารย์คนที่สองของเ้ารวมถึงเ้าด้วย จะไม่มีใครรอดทั้งนั้นยกเว้นอาจารย์คนแรกของเ้า”
คำพูดนั้นทำให้ทุกคนตัวแข็งเหมือนถูกคำสาป ชายชราไม่ได้พูดอะไรแต่เขารู้ได้ทันที... ชายหนุ่มตรงหน้าจะไม่ลังเลที่จะทำตามคำพูดของเขาแน่นอน
เย่หลินกัดฟันจนเืซึมจากมุมปาก เขาสบถออกมา
“ไอ้สารเลว... แก้าอะไรกันแน่!”
ปัง!
ปลายเท้าของหานิเตะเข้าไปเต็มปากของเย่หลินอย่างรุนแรง ฟันกระเด็นออกมา 2 ซี่ เืพุ่งกระจาย ร่างของเย่หลินกลิ้งไปกับพื้น
“อ๊าาาา!”
เสียงกรีดร้องของเขาดังสะท้านพร้อมสติที่แทบหายไป
หานิย่อตัวลง มองเขาด้วยสายตาที่เ็า
“ข้ารู้ว่าคำพูดพวกนั้นจะเพิ่มความชื่นชอบในใจผู้หญิงเ่าั้ให้เ้า... แต่ว่าข้าไม่ชอบให้ใครขัดตอนที่ข้ากำลังพูด”
เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“ตัวเลือกที่สอง ทุกคนจะรอด ยกเว้นเ้า... กับอาจารย์ของเ้า จะต้องตายแทน”
เสียงของเขายังคงนิ่งสงบ...
“ตัวเลือกที่สาม เ้าตายเพียงคนเดียว... เพื่อแลกกับการปล่อยทุกคนที่นี่ไป”
“ส่วนตัวเลือกสุดท้าย เ้ารอดเพียงคนเดียว... ส่วนทุกคนที่นี่ตาย”
เย่หลินที่ฟุบอยู่กับพื้น ค่อยๆ รวบรวมสติกลับมา สายตาของเขาเลือนราง ร่างกายเ็ปไปทั่วทั้งตัว แต่เสียงของเขาก็ยังดังขึ้นอย่างมั่นคง
“ข้า... เลือกข้อที่สาม...”
แต่หานิยกมือขึ้นเป็เชิงห้าม
“ใจเย็นๆ หน่อย หนุ่มน้อย ยังไม่ถึงเวลาเลือก”
เขายิ้มออกมาก่อนปล่อยออร่าสีทองศักดิ์สิทธิ์ออกจากร่าง พลังบริสุทธิ์แผ่กระจายไปทั่วพื้นที่รอบด้าน จากนั้นเขาดึงดาบที่เปล่งประกายไปด้วยพลังะออกมาจากอากาศ ดาบนั้นส่องแสงบริสุทธิ์ปะทะเข้ากับดวงตาของทุกคน
หานิฟันดาบนั้นลงมาช้าๆ แต่ไม่ได้ฟันใส่ร่างกายใคร แต่เป็การฟันเหนือหัวของทุกคนที่อยู่ที่นั่น
ในชั่วพริบตา ชายชราผู้หนึ่งที่อยู่ในวงนั้นก็หน้าซีดเผือด ใบหน้าของเขาแสดงถึงความตึงเครียดสุดขีด เขาััได้ถึงบางอย่างที่ถูกตัดขาดออกไป เขากลืนน้ำลายก่อนเอ่ยเสียงแ่เบา
“อาวุธะ... ที่สามารถตัดขาดการเชื่อมต่อกับโถงิญญาได้...”
เขาเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาตกตะลึง
“คุณชาย... ไม่ทราบว่าท่านเป็บุตรแห่งพระเ้าจากตระกูลใดหรือ? ถ้าไม่รังเกียจ... ทางตระกูลซ่างกวนยินดีเชิญคุณชายไปดื่มชาสักถ้วย...”
แต่หานิไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะหันไปมอง ด้านนอก ร่างจำแลงของซุยจื่อเมิ่งที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ตลอดแสยะยิ้ม
“ข้าเดาไว้แล้วไม่มีผิด ไอ้เด็กเวรนี่... มันต้องเป็บุตรแห่งพระเ้าจากตระกูลไหนสักแห่งแน่นอน ใครกันในโลกเบื้องล่างที่จะมีอาวุธะที่มีคุณสมบัติหายากอย่างอาวุธที่สามารถตัดขาดการเชื่อมต่อิญญากับโถงิญญาได้กัน?”
อู๋เวินยังนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“เ้าคิดมากไปหรือเปล่า... บางทีเขาอาจจะโชคดีเจอสมบัติของผู้เป็ะก็ได้...”
ซุยจื่อเมิ่งที่ยืนเงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ
“สิ่งที่ทำให้ข้ารู้ว่าเขาไม่ธรรมดา... ไม่ใช่อาวุธพวกนั้น หรือพลังมากมายที่เขาแสดงออกมา แต่มันเป็...โชคชะตาอันลึกลับของเขาต่างหาก ถึงข้าจะยอมเสียอายุขัยไปมากมายก็ยังไม่อาจเห็นสิ่งใดๆ ได้ เหมือนว่า... โชคของเขามันถูกปกปิดไว้โดยใครบางคนที่แข็งแกร่งถึงขนาดมีความสามารถทำให้ชายคนนั้นไม่ได้อยู่ในกฎของจักรวาลนี้อีกต่อไปแล้ว”
อู๋เวินพยักหน้าเบาๆ ดวงตาหรี่ลงด้วยความระแวง
ขณะเดียวกัน ด้านล่าง เย่หลินที่นอนเจ็บสาหัสอยู่กับพื้น เริ่มััได้ถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไปในร่าง เศษจิติญญาของเขาที่ผูกไว้กับโถงิญญาของตระกูลอู๋... ถูกตัดขาดไปแล้ว
ในวินาทีนั้น เขานึกว่าจะได้ตายอย่างเท่ๆ สละชีวิตเพื่อช่วยทุกคน ได้รับคำชื่นชมจากอาจารย์และศิษย์พี่สาวที่งดงามทั้งหมด ได้กลายเป็ฮีโร่ของใครบางคน
แต่ฝันแสนหวานพวกนั้น... ถูกชายตรงหน้าบดขยี้จนไม่เหลือซาก และยิ่งไปกว่านั้น เขายังถูกบีบบังคับให้ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอีกครั้ง
หัวใจของเขาตกอยู่ในความสับสน ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี ร่างกายของเขาเจ็บจนชา จิตใจหลุดลอยไปในความว่างเปล่า
แต่แล้ว... เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจเขา เสียงของอดีตอาจารย์ของเขา
“เย่หลิน... จงเลือกพวกนางเถอะ ข้ายินดีจะสลายตัวเอง... กลายเป็เศษจิติญญาอีกครั้ง”
เย่หลินเบิกตากว้างทันที เหมือนแสงไฟถูกจุดขึ้นกลางความมืด
“ขอบคุณท่านอาจารย์...” เขาพูดด้วยเสียงเบา แต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่
ฮัวจินหรูที่อยู่ไม่ไกลรู้สึกะเืใจ แม้ว่าตอนนี้นางกับเขาไม่ได้เป็ศิษย์อาจารย์กันแล้ว แต่นางยังคงหลงเหลือความรู้สึกบางอย่างอยู่ในใจ
“เ้า... จะไม่ลังเลหน่อยเลยงั้นเหรอ?”
แต่สิ่งที่ทั้งเย่หลินและฮัวจินหรูไม่รู้ก็คือ... บทสนทนาเสียงภายในของพวกเขาไม่ได้เงียบงันอย่างที่คิด เสียงเ่าั้ ถูกส่งต่อไปถึงทุกคนที่อยู่ในบริเวณ โดยหานิ
ศิษย์ทั้งห้าของยอดเขาไผ่์ และผู้พิทักษ์ของซ่างกวนถิงถิง ต่างได้ยินคำพูดนั้นอย่างชัดเจน แม้แต่จี้อี้เหริน ที่ดูเหมือนจะยังสลบอยู่ นางลืมตาขึ้นมาตั้งนานแล้ว แต่นางเฝ้ามองทุกอย่างอยู่ในความเงียบ รอดูสถานการณ์ และแน่นอน... นางก็ได้ยินทุกคำพูดเช่นกัน
หวังฟางเซียนส่ายหัวเบาๆ อย่างเหนื่อยหน่าย สายตาที่เคยมองเย่หลินด้วยความเอ็นดู บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง แม้แต่ศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นก็เงียบ ไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาของพวกเขา... ก็บอกทุกอย่าง
ยกเว้นเพียงคนเดียว เซินเยว่ฮัว สายตาของนางกลับฉายแววแปลกออกไป ไม่ใช่ความผิดหวัง แต่เป็ความ... ประทับใจ การยอมเสียสละอาจารย์ของตน เพื่อช่วยเหลือนาง กลับแตะเข้าไปในบางส่วนของหัวใจนางอย่างเงียบงัน
เย่หลินที่พยายามจะยันตัวขึ้น ทั้งที่ร่างกายยังบอบช้ำ ยิ้มเล็กน้อย พลางพูดออกมาด้วยเสียงหอบ
“ข้า... เลือกข้อที่... สอง...”