หลิงมู่เอ๋อร์ปล่อยให้ซั่งกวนเซ่าเฉินจับไว้ ซั่งกวนเซ่าเฉินคารวะหลิงต้าจื้อครั้งหนึ่ง จากนั้นก็มองโจวฉี่เยี่ยนที่อยู่ด้านข้าง “ขอโทษด้วย ข้ามีคำพูดที่จะกล่าวกับมู่เอ๋อร์ หากพี่น้องแซ่โจวท่านนี้ไม่รีบไปเดินชมเรือนแล้วล่ะก็ ข้าก็จะพามู่เอ๋อร์ไปก่อนแล้ว”
โจวฉี่เยี่ยนได้ยินคำเสียงเล่าลือมาก่อนแล้ว เมื่อเห็นซั่งกวนเซ่าเฉินก็มิได้รู้สึกประหลาดใจ แม้เขาจะรู้สึกว่ามือของซั่งกวนเซ่าเฉินนั้นขัดตาเป็อย่างมาก แต่ก็ไม่มีทางพูดออกมาต่อหน้าหลิงมู่เอ๋อร์ เขารักษามารยาท กล่าวกับซั่งกวนเซ่าเฉินว่า “เชิญเถิด ข้าก็มีคำพูดที่จะกล่าวกับมู่เอ๋อร์เช่นกัน เพียงแต่ไม่ต้องเป็ยามนี้ เพราะอย่างไรพวกเราก็มีเวลา”
คำนี้เมื่อตกสู่สายตาของซั่งกวนเซ่าเฉินก็กลายเป็การท้าทายอย่างเปิดเผยแล้ว อะไรเรียกว่ามีเวลา? นั่นแปลว่าต่อจากนี้เขากับหลิงมู่เอ๋อร์ก็จะใช้เวลาร่วมกันตลอดแล้วหรือ?
รอจนเขาออกจากเมืองหลวงแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์ก็จะอยู่ร่วมกับเขาเช้าค่ำ ในฐานะที่เป็บุรุษผู้หนึ่ง เขาก็จะคิดมากแล้ว ว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันกำลังทำสิ่งใด นางจะอ่อนโยนกับบุรุษอื่นเช่นนี้เหมือนกันหรือไม่ ใน่เวลาสั้นๆที่เขาจากไปนี้ นางจะเปลี่ยนใจไปรักผู้อื่นหรือไม่ ความคิดประเภทนี้จะผุดขึ้นมาในสมองของซั่งกวนเซ่าเฉิน
ทว่า ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่ใช่คนธรรมดา แน่นอนว่าย่อมไม่ตกหลุมพรางเช่นนี้ ลูกไม้ตื้นๆเช่นนี้ไม่อาจส่งผลกระทบต่อเขาได้
หลิงมู่เอ๋อร์ถลึงตาใส่โจวฉี่เยี่ยนครั้งหนึ่ง เื่ที่ซั่งกวนเซ่าเฉินคิดได้ นางก็คิดได้เช่นกัน
เพียงแต่นางมิได้ตำหนิโจวฉี่เยี่ยน โจวฉี่เยี่ยนมิได้มีเจตนาร้าย นางรู้เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว เื่เมื่อครู่ก็ถือเป็การกระทบกระทั่งกันระหว่างบุรุษแล้วกัน! เช่นเดียวกับที่หนึ่งภูผาไม่อาจมีสองพยัคฆ์ พวกเขาสองคนมองกันแล้วไม่ถูกชะตาก็ไม่แปลก
ในห้อง ซั่งกวนเซ่าเฉินโอบกอดเอวบางของหลิงมู่เอ๋อร์ไว้ ฝ่ามือแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยพละกำลังกักตัวนาง ราวกับจะผสานนางเข้าไปในอ้อมกอดของตน
“ท่านมิใช่รีบร้อนจากไปหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์ผลักซั่งกวนเซ่าเฉิน
“คำพูดที่พูดเมื่อคืนยังจำได้หรือไม่?” ซั่งกวนเซ่าเฉินดมกลิ่นหอมบนผมของนาง น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำนั้นแหบพร่ากว่ายามปกติ ราวกับกำลังอดทนต่อสิ่งใด
หลิงมู่เอ๋อร์เข้าใจว่าเขาหมายถึงสิ่งใด เพียงแต่แสร้งทำเป็โง่เขลา นางกล่าวอย่างคลุมเครือว่า “ท่านพูดเื่อะไร? ข้าไม่เข้าใจ”
“แต่งกับข้า ดีหรือไม่?” ซั่งกวนเซ่าเฉินประคองใบหน้าของนาง ไม่ให้นางหลบเลี่ยงอีก มองดูดวงตาใสกระจ่างที่ไร้มลทินของนาง ราวกับ้าจะสืบค้นเข้าไปภายในหัวใจของนาง
ผู้คนกล่าวว่าดวงตาเป็หน้าต่างของหัวใจ มองเห็นผู้ใดในดวงตา ในใจของคนผู้นั้นก็มีบุคคลนั้นอยู่ เขามองเห็นตนเองในดวงตาของนาง
เขารู้ว่า ข้างกายของนางไม่เคยขาดบุรุษที่มีความสามารถมาก่อน บุรุษพวกนั้นโดดเด่นเป็อย่างมาก
ทว่า เขาก็มิเคยสงสัยในสิ่งใดเลย และไม่เคยกังวลในเื่ใดมาก่อนเลย เพียงแต่ใบหน้าหล่อเหลางดงามไร้ที่เปรียบของซูเช่อนั้น และยังมีใบหน้าที่หน้าดูของโจวฉี่เยี่ยน ทำให้ในใจเขาเกิดความรู้สึกไม่ปกติขึ้นมา คล้ายจะเป็ความไม่ยินยอมพร้อมใจ และก็คล้ายจะเป็ความไม่ยอมแพ้ การปะทะกันระหว่างบุรุษ หากเปรียบกันที่พลัง เขาก็ไม่เคยกลัวมาก่อน เปรียบกันที่ความสามารถ เขาก็ไม่เกรงสิ่งใด แต่หากแข่งหน้าตา… ใบหน้าในตอนนี้…
“มู่เอ๋อร์ ไม่ว่าเ้าจะได้เห็นสิ่งใด เ้าก็อย่าได้ตื่นตระหนก และอย่าได้โกรธ ได้หรือไม่?” ซั่งกวนเซ่าเฉินกระแอมเบาๆทีหนึ่ง
หลิงมู่เอ๋อร์สังเกตว่าอารมณ์ของซั่งกวนเซ่าเฉินไม่ค่อยถูกต้อง ทว่าแม้นางเฉลียวฉลาดอย่างไร ก็ไม่อาจคาดเดาได้ทุกเื่ เมื่อได้ยินคำพูดของเขา นางผงกศีรษะเบาๆ กล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “เื่อะไรหรือ? ท่านพูดเถอะ! ข้าจะไม่โมโห”
ซั่งกวนเซ่าเฉินหมุนตัว ในยามที่หลิงมู่เอ๋อร์จะเดินเข้ามานั่นเอง เขาส่งเสียงเตือนว่า “อย่าเข้ามา”
หลิงมู่เอ๋อร์ได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ นางเห็นซั่งกวนเซ่าเฉินหันหลังให้นางทำบางอย่าง แต่อะไรก็มองไม่เห็น นางจึงนั่งลงดื่มชาเสียเลย
“มู่เอ๋อร์…” ซั่งกวนเซ่าเฉินเรียกนางอีกครั้ง
หลิงมู่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมา ในยามที่เห็นใบหน้าของซั่งกวนเซ่าเฉินอีกครั้งนั้น เสียง ‘พรืด’ ดังขึ้น น้ำในปากถูกพ่นออกไป
“เ้า…” ในตอนที่ซั่งกวนเซ่าเฉินช่วยนางตบหลัง นางชี้ไปยังใบหน้าของซั่งกวนเซ่าเฉิน สีหน้าเปลี่ยนเป็แปลกพิกลขึ้นมา
บุรุษที่อยู่เบื้องหน้า ผิวขาวราวหิมะ รูปโฉมสามารถกล่าวได้ว่าหล่อเหลาไร้เทียมทาน เพียงแต่ ใบหน้าที่งดงามอย่างยิ่งเช่นนี้ หากอยู่บนร่างของสตรีแล้ว ก็สามารถกล่าวได้ว่าเป็ความงามล่มแคว้นเลยทีเดียว หากถูกกษัตริย์รับเข้าวังหลัง เช่นนั้น ก็จะต้องเป็บุคคลระดับนางมารล่มชาติ ทว่า นี่เป็ใบหน้าของบุรุษผู้หนึ่ง บุรุษผู้นั้นมีนิสัยเ็า ฝีมือโเี้ บุคคลเช่นนี้ เหตุใดจึงมีรูปโฉมที่หล่อเหลาสง่างามดั่งเทพเซียนเช่นนี้ และยังเย้ายวนดุจมารร้ายอีกด้วย
นางพลันรู้สึกขึ้นมาว่า ยังคงเป็ซั่งกวนเซ่าเฉินในอดีตน่าดูกว่า คนในยามนี้ น่าดูก็น่าดูอยู่ แต่ว่า น่าดูเกินไปแล้ว ความเชื่อมั่นใจในตนเองของนางถูกโจมตีแล้ว
“เฉิน ใส่หน้ากากกลับขึ้นไปดีหรือไม่?” หลิงมู่เอ๋อร์เลียบเคียงถาม
ซั่งกวนเซ่าเฉินดวงตาหลี่ลง
ในอดีต ยามที่เขาทำเช่นนี้จะดูน่าเกรงขามมากเป็พิเศษ แต่ตอนนี้ หลิงมู่เอ๋อร์พลันรู้สึกว่าเหมือนแมวน้อยแสนี้เีตัวหนึ่ง นางพ่นหัวเราะออกมา
ซั่งกวนเซ่าเฉินจนใจ โอบนางเข้าไว้ในอ้อมกอด จุมพิตนางจนหอบหายใจ
“ข้ารู้ว่าเ้าจะต้องตอบสนองเช่นนี้ สาวน้อยเช่นเ้านี่…ช่างเป็สาวน้อยที่นิสัยไม่ดีจริงๆ” ซั่งกวนเซ่าเฉินทางหนึ่งจุมพิตไป อีกทางหนึ่งก็บ่นไป “ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเ้าจริงๆ? เ้าไม่อาจเป็เหมือนสตรีอื่นบ้างหรือ?”
“ผู้หญิงคนอื่นเป็เช่นไร? ยังมีผู้หญิงคนอื่นเคยเห็นหน้าท่านด้วย?” หลิงมู่เอ๋อร์พลันหึงหวงขึ้นมาแล้ว ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามเช่นนี้ กับถูกผู้อื่นมองไปแล้ว
“ข้ามิได้ใส่หน้ากากหนังมนุษย์อยู่ตลอดเวลา หลายปีก่อนยังคงใช้ใบหน้านี้” ซั่งกวนเซ่าเฉินมองนางอย่างเอ็นดู “ภายหลังที่บ้านเกิดเื่ ข้าจึงสวมขึ้นมา มีเพียงเช่นนี้จึงจะไม่มีคนมาตามตัวข้า”
“ขอโทษด้วย ข้าไม่ควรหึงหวงเพราะเื่นี้ ทำให้ท่านนึกถึงเื่ที่เื่ที่ทำร้ายจิตใจ” หลิงมู่เอ๋อร์มองเขาอย่างรู้สึกผิด
“ข้าเต็มใจที่จะพูดทุกเื่กับเ้า ขอเพียงในใจของเ้ามีความสงสัย ข้าล้วนจะบอกกับเ้า” ซั่งกวนเซ่าเฉินโอบกอดนาง “อย่าได้พูดขอโทษกับข้าอีกตลอดกาล เช่นนั้นจะทำให้ข้ารู้สึกว่าอยู่ไกลจากเ้าเหลือเกิน”
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่เคยรู้มาก่อนว่า หลังซั่งกวนเซ่าเฉินเข้าสู่หมวดความรักแล้ว จะเปลี่ยนเป็เชี่ยวชาญในการกล่าวคำหวานเช่นนี้ นางแอบอิงอยู่ในอ้อมกอดของเขา ฟังเสียงหัวใจเต้นของเขา
คนทั้งสองมิได้พูดจาหลังจากนั้น และก็มิได้ทำสิ่งใดที่สนิทสนมกัน พวกเขากำลังดื่มด่ำกับความใกล้ชิดของจิติญญา มิใช่ร่างกาย
ขอเพียงอีกฝ่ายอยู่ข้างกายของตน แม้จะไม่ทำสิ่งใดเลย เพียงแค่ได้มองอีกฝ่ายก็รู้สึกอิ่มเอมอย่างมาก น่าเสียดายที่่เวลาสั้นเกินไป ในไม่ช้าพวกเขาก็ต้องแยกจากกันเป็เวลาสั้นๆอีกสองสามวันแล้ว
“จากไปไกลแล้ว มู่เอ๋อร์คิดจะกลายเป็หินรอสามีหรือ?” โจวฉี่เยี่ยนกล่าวด้วยสำเนียงหยอกเย้า
หลิงมู่เอ๋อร์มองโจวฉี่เยี่ยนที่อยู่ข้างกาย “น้องชายของท่านอยู่ในที่พักที่เ้าจัดหาให้จริงหรือ?”
โจวฉี่เยี่ยนสีหน้าแข็งค้าง เขาหลุบตาลงต่ำ ในน้ำเสียงมีความเ็า “ความหมายของมู่เอ๋อร์ ข้าไม่เข้าใจ”
“เ้าเข้าใจ โจวฉี่รุ่ยเกิดเื่ขึ้นแล้วใช่หรือไม่?” หลิงมู่เอ๋อร์มองเขาอย่างจริงจัง เมื่อครู่ ในยามที่ท่านพูดถึงเขา ดวงตาของท่านดำมืดอย่างมาก ในนั้นราวกับกักขังสัตว์ป่าไว้ตัวหนึ่ง เพียงออกคำสั่งครั้งเดียว สัตว์ป่าตัวนั้นก็จะบุกออกมา ตอนแรกข้าก็มิได้ใส่ใจ แต่ยิ่งคิดยิ่งไม่ถูกต้อง บัดนี้ ดูสีหน้าของท่านอีกครั้ง ข้าสามารถพูดอย่างมั่นใจว่า โจวฉี่รุ่ยเกิดเื่ขึ้นแล้วใช่หรือไม่?
โจวฉี่เยี่ยนกำหมัดแน่น เขาหลับตา โอบกอดหลิงมู่เอ๋อร์ไว้
หลิงมู่เอ๋อร์ซัดหนึ่งฝ่ามือออกไป ในขณะที่ฝ่ามือจะตกลงนั้นเอง เสียงที่แฝงไปด้วยความอดทนก็ดังเข้าสู่หูของนาง “ให้ข้ากอดเพียงครู่ ขอร้องล่ะ”
น้ำเสียงที่หมดหนทางนั้น เป็สิ่งที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อน โจวฉี่เยี่ยนที่นางเคยพบ เป็ชายหนุ่มที่ดื้อรั้น ต่อให้เผชิญกับทางตันก็ไม่ยอมแพ้ ทว่า บัดนี้ ความรู้สึกไร้หนทางในน้ำเสียงของเขาทำให้นางอดใจอ่อนไม่ได้ นางวางมือลง กล่าวเบาๆว่า “ดูท่า สถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่ข้าคิดได้เกิดขึ้นแล้ว”
“เ้ามิได้เดาผิด น้องรุ่ยเขา…ไม่อยู่แล้ว เป็ตอนที่พวกเราจากบ้านสกุลหลิงมา พวกเราพบกับการลอบจู่โจม น้องรุ่ยเพื่อปกป้องข้า บังดาบแทนข้าดาบหนึ่ง ข้าก็ได้พบองค์ชายเจ็ดในยามนั้น และได้ตัดสินใจทำงานให้เขา ขอเพียงเขาสามารถแก้แค้นให้น้องชายของข้าได้ แก้แค้นให้ครอบครัวของข้า แก้แค้นให้อาจารย์ของข้าได้ แม้เขาจะเป็คนเลวร้ายไร้หลักการ ข้าก็ยอม แต่ว่า องค์ชายเจ็ดไม่ใช่กษัตริย์ผู้ไร้คุณธรรม ดังนั้น ทำงานให้เขา ข้าก็เต็มใจเช่นกัน”
หลิงมู่เอ๋อร์พยักหน้า “อย่าได้เสียใจไปแล้ว ตอนนี้เสียใจก็ไม่มีประโยชน์ เช่นนั้นท่านก็ใช้ใจไปภักดีต่อองค์ชายเจ็ด ช่วยเขาให้ได้ตำแหน่งนั้น”
“ขอบคุณเ้า มู่เอ๋อร์ เ้าสามารถค้นพบได้ว่าข้าไม่ถูกต้อง แปลว่าเ้าใส่ใจข้าถูกหรือไม่?” โจวฉี่เยี่ยนมองนางอย่างอ่อนโยน
“ข้าเห็นเ้าเป็เพื่อน เห็นเ้าเป็พี่ชาย” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว “แน่นอนว่าย่อมใส่ใจในเื่ของท่าน”
“ได้ ข้าเข้าใจความหมายของเ้า” โจวฉี่เยี่ยนมองหลิงมู่เอ๋อร์ เสริมอยู่ในใจว่า เพียงแต่เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ เ้าอายุยังน้อย พึ่งรู้จักความรัก ชายผู้นั้นพูดเรื่อยเปื่อยไม่กี่คำก็ทำให้เ้าหวั่นไว้ รอจนเ้าเข้าใจถึงความดีของบุรุษอื่น ก็จะจากเขาไปเอง
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่รู้ถึงแผนการในใจของโจวฉี่เยี่ยน นางยังคงเสียใจต่อหนุ่มน้อยที่อบอุ่นดั่งแสงตะวันผู้นั้นอยู่
“เื่นี้อย่าได้บอกท่านพ่อท่านแม่ของข้า พวกเขาชอบฉี่รุ่ยมาก หากให้พวกเขารู้เข้าแล้วล่ะก็ จะต้องเสียใจมากแน่” หลิงมู่เอ๋อร์ถอนใจ
“วางใจเถอะ พวกเขาไม่มีทางได้รู้” โจวฉี่เยี่ยนลูบผมของหลิงมู่เอ๋อร์
เขาอยากทำเช่นนี้นานแล้ว เมื่อก่อนไม่กล้า ตอนนี้กล้าแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่มีสิทธิ์นั้นแล้ว เพราะบุรุษผู้นั้นราวกับกำลังปกป้องลูกน้อยกระนั้น
“พวกเ้ามายืนอยู่ตรงนี้ทำไมกัน?” หยางซื่อรออยู่ครึ่งวันไม่เห็นหลิงมู่เอ๋อร์กับโจวฉี่เยี่ยนกลับมา วิ่งออกมาหาพวกเขา เห็นคนทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนมกัน ในใจของหยางซื่อกระตุกครั้งหนึ่ง รีบเอ่ยปากขัดบรรยากาศที่คลุมเครือระหว่างพวกเขา
หยางซื่อเป็สตรีที่ยึดมั่นในธรรมเนียมเก่า ในความเห็นของนาง ในเมื่อคบหากับซั่งกวนเซ่าเฉินแล้ว ก็ไม่ควรไปมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับชายอื่นอีก ไม่เช่นนั้นก็จะไร้หลักการแล้ว
นางรู้จักนิสัยสาวน้อยของตนดี สาวน้อยนางนี้เปิดเผยโผงผาง มิได้ให้ความสำคัญกับเื่ของบุรุษสตรีนัก ที่จริงแล้วนางมิได้มีความคิดเช่นนั้น แต่ว่าแบบนั้นง่ายต่อการให้ผู้ชายเข้าใจผิด โดยเฉพาะบุรุษที่มีใจต่อนาง ในเวลาเช่นนี้ หยางซื่อก็จำเป็ต้องออกหน้าเตือนนางแล้ว ไม่เช่นนั้น หากชักนำให้เกิดปัญหาขึ้นมาก็จะไม่ดีแล้ว
โจวฉี่เยี่ยนอยู่ที่บ้านสกุลหลิงเป็เวลานานมาก สกุลหลิงก็คือสถานที่ดึงดูดปัญหา เริ่มจากโจวฉี่เยี่ยน จากนั้นเป็ซูเช่อ
ในสายตาของทุกคนในสกุลหลิง ฐานะของซั่งกวนเซ่าเฉินเป็สิ่งที่ไม่อาจสั่นคลอนได้ ส่วนการคงอยู่ของโจวฉี่เยี่ยนพี่น้องก็เป็รองเพียงซั่งกวนเซ่าเฉินเท่านั้น
ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่อยู่ ผู้ที่หลิงจื่ออวี้ติดมากที่สุดก็คือโจวฉี่เหยี่ยน การมาถึงของโจวฉี่เยี่ยนทำให้บรรยากาศของคนในสกุลหลิงครึกครื้นเป็พิเศษ