อสูรร่ำไห้ ที่แท้มันคือเคล็ดอสูรร่ำไห้ที่สูญหายไปนานแล้ว!
เมื่อหลงโม่หรานรับรู้ถึงมีดบินสามเล่มที่พุ่งติดๆ กันมา ทำให้เขาตกตะลึงยากจะสงบใจ ใน่เวลาชี้เป็ชี้ตายแบบนี้ สิ่งที่ทำให้เขายังรอดชีวิตมาได้ก็คือประสบการณ์และสัญชาตญาณการต่อสู้ของตนเอง ทว่าการปรากฏขึ้นกะทันหันของเคล็ดอสูรร่ำไห้ ทำให้เขาตัดสินใจพลาดไป
เดิมทีการโจมตีทั้งสามทางนั้น เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของหนานฟางอ่อนแอที่สุด แต่จิตใต้สำนึกของหลงโม่หรานกลับบอกว่ามีดบินทั้งสามเล่มนั้นอันตรายที่สุด
อาจบอกได้ว่ามันคือเื่บังเอิญ ขณะหลงโม่หรานยังเด็ก เคยเห็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธลับใช้เคล็ดอสูรร่ำไห้สังหารผู้คนมากมาย เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขากลัวจนน้ำตาแทบเล็ด
ั้แ่นั้นมาเคล็ดวิชานี้ก็เป็ภาพหลอกหลอนหลงโม่หรานมาตลอด เคราะห์ดีที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธลับออกจากสำนักอิ่นเซียนไปและยังนำคัมภีร์วรยุทธ์เคล็ดอสูรร่ำไห้ไปทำให้มันสาบสูญ แต่วันนี้ เคล็ดอสูรร่ำไห้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในยุทธจักร!
หลงโม่หรานตกตะลึงชั่วครู่จนพลาดโอกาสหลบหนีการโจมตีนี้
กระบี่พลังปราณสีฟ้า ลูกศรสีน้ำเงิน และมีดบินสามเล่มพุ่งมาทางเขาแทบในเวลาเดียวกัน และใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่จะปลิดชีพเขา!
ปัง!
ทันใดนั้น หมัดประทับของคนผู้หนึ่งพุ่งปะทะแผ่นหลังของเขาเต็มแรงและรวดเร็วราวสายฟ้า
หลงโม่หรานถูกหมัดนี้ซัดเต็มแรงจนร่างกายไร้เรี่ยวแรงจึงล้มลงบนพื้นโคลนที่เย็นจัดและชื้นแฉะราวกับสุนัขจมโคลนตมก่อนจะสิ้นสติ ด้วยเหตุนี้ หลงโม่หรานจึงสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีที่เป็อันตรายทั้งสามทางได้!
หมัดประทับฝังตัวอักษรคำว่า ‘บ้า’ ขนาดใหญ่ที่แผ่นหลังของหลงโม่หราน ดูน่าสยดสยอง
ใครกัน?
เย่เฟิงอยู่ในสภาพหมดแรงจากการสูญเสียพละกำลัง และกำลังสงสัยว่าใครช่วยหลงโม่หรานในเวลาเช่นนี้ จากสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าการจัดการหลงโม่หรานคงไม่ง่ายเสียแล้ว...
เมื่อปลดปล่อยกระบี่พลังปราณเป็ครั้งสุดท้าย เย่เฟิงคุกเข่าลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงทันที และพยายามประคองสติตัวเอง ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยาแ อีกทั้งมีเืไหลออกมา ทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอลงเรื่อยๆ
“พาเขาออกไป แล้วรีบไสหัวไปซะ”
น้ำเสียงแหบแห้งดังมาจากป่าที่อยู่ไม่ไกล ตามด้วยร่างของชายชราและเด็กสาวคนหนึ่ง
“เย่เฟิง!”
ทันทีที่เด็กสาวเห็นเย่เฟิงในสภาพโชกเื สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลขณะวิ่งมาหา
“เมิ่งหาน? ปู่?”
ทันทีที่เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็ซูเมิ่งหานและปู่ ทำให้เขาอดใไม่ได้
ที่แท้หมัดนั้นเป็ของเย่เวิ่นเทียน! เหตุใดเย่เวิ่นเทียนถึงช่วยหลงโม่หราน? นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด!
เมื่อเย่เวิ่นเทียนปรากฏตัว สีหน้าของหลงจื่อกับหลงชิงพลันเปลี่ยนไป
ทำไมชายชราผู้นี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
แม้พวกเขาสองคนยังไม่ฟื้นตัวจากการโจมตีด้วยวิชากรงเล็บัของเย่เฟิงเมื่อสักครู่ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาสงสัยอะไรมาก ทั้งคู่รีบวิ่งไปหาหลงโม่หรานที่อยู่ในสภาพไร้สติทันที
“ท่านผู้นำ พวกเราเจอแขนของท่านแล้ว!”
ในเวลานี้เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นจากบริเวณป่า และเป็คนจากตระกูลหลงทั้งสองคนที่พบแขนข้างที่ขาดของหลงโม่หราน
“ะโเสียงดังทำไม? รีบไปเร็ว”
หลงจื่อขมวดคิ้วมุ่นพร้อมตวาดออกไป เขา้าพาหลงโม่หรานออกไปจากที่แห่งนี้
“เดี๋ยวก่อน ทิ้งแขนไว้ที่นี่ซะ”
เย่เวิ่นเทียนก้าวเดินมาด้วยท่าทางผ่อนคลาย ทว่าภายในเสี้ยววินาทีก็มายืนตรงหน้าคนของตระกูลหลงทั้งสองคน ก่อนจะคว้าแขนข้างที่ขาดของหลงโม่หรานไว้
สีหน้าของคนตระกูลหลงซีดเผือดทันที
พรึบ!
เย่เวิ่นเทียนใช้แรงเขวี้ยงมันไปไกล จนเกิดเสียงดัง ‘จ๋อม’ ดูเหมือนว่าแขนข้างนั้นจะตกทะเลไปเสียแล้ว
“ทำไมพวกเ้าตระกูลหลงยังไม่รีบไปอีกล่ะ? คนแก่อย่างฉันจะนับหนึ่งถึงสาม หากยังเห็นหน้าพวกแกอีก ได้เจอดีแน่”
เย่เวิ่นเทียนลูบคางตนเองขณะจ้องอีกฝ่าย
“รีบไปกันเถอะ”
หลงจื่อและหลงชิงไม่กล้าพูดอะไรออกมาเมื่อเผชิญหน้ากับเย่เวิ่นเทียนผู้เป็ถึงยอดฝีมือระดับตำนาน อีกอย่างพวกเขาไม่อยู่ในจุดที่จะพูดอะไรได้ ต่อให้หลงโม่หรานอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็ยังไม่กล้าพูดอะไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายชราผู้นี้!
แต่ก่อนจะจากไป หลงจื่อที่สวมเสื้อคลุมสีม่วงหันไปมองเย่เฟิงเป็ครั้งสุดท้าย
คิดไม่ถึงเลยว่าชายสวมหน้ากากคนนั้นคือเย่เฟิง...
หลงจื่อรู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงสัญญาณอันตราย นอกจากเย่เฟิงจะเริ่มฝึกวรยุทธ์แล้ว พร์ของชายหนุ่มยังสูงจนร้ายกาจ อีกทั้งตอนนี้หลงหว่านเอ๋อร์ก็อยู่ข้างเดียวกับอีกฝ่าย ทำให้สถานการณ์ตระกูลหลงตอนนี้เลวร้ายอย่างยิ่ง!
หากเย่เวิ่นเทียนยืนหยัดปกป้องเย่เฟิง ขอเพียงให้เวลาชายหนุ่มสักหน่อย เขาจะต้องเติบโตจนเป็ผู้แข็งแกร่งในยุทธจักรแน่นอน!
อายุแค่นี้แต่สามารถเผชิญหน้ากับหลงโม่หรานได้ ถึงจะอาศัยความแข็งแกร่งของคนอื่น แต่ก็ไม่อาจมองข้ามความสามารถของเย่เฟิงได้เลย หลังจากกลับไปแล้ว สิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำคือรักษาหลงโม่หรานให้หายดี จากนั้นรอฟังแผนการต่อไปของท่านผู้นำ เพราะเื่ใหญ่แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่หลงจื่อจะตัดสินใจเองได้
ส่วนแขนข้างที่ถูกตัดออกไปนั้น เป็เพราะเผชิญหน้ากับเย่เวิ่นเทียน พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้อย่างใจนึก...
“พวกแกทุกคนจงฟังให้ดี เย่เฟิงคือหลานชายของฉัน เย่เวิ่นเทียน” หลังจากเย่เวิ่นเทียนไล่คนตระกูลหลงแล้วก็ไปยืนตระหง่านอยู่กลางวงพลางกวาดตามองรอบบริเวณพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงทรงพลังและแข็งแกร่ง จนผู้ฟังหวาดผวา “ใครก็ตามที่กล้าคิดร้ายกับหลานชายฉันล่ะก็ อย่าหาว่าฉันโหดร้ายแล้วกัน!”
ทันทีที่ชายชรากล่าวออกไป ความโกลาหลก็เกิดขึ้นทั่วบริเวณ
นี่คือคำประกาศกร้าวของเย่เวิ่นเทียน!
“พวกเราไปกันเถอะ”
สวีเซียวหยู่โบกมือออกคำสั่ง ก่อนพาคนจากสำนักหมัดเทวาจากไปโดยไม่คิดอะไรให้มากความ
เมื่อมีการเปิดเผยว่าชายสวมหน้ากากคือเย่เฟิง สวีเซียวหยู่ก็ใไปชั่วขณะ แต่ในไม่ช้าก็เกิดความคิดหนึ่ง เขา้ากระจายข่าวว่าเย่เฟิงเริ่มต้นฝึกวรยุทธ์แล้วให้เร็วที่สุด! ตระกูลเย่มีศัตรูอยู่มากมาย เมื่อถึงเวลานั้นเขาไม่จำเป็ต้องออกแรงจัดการเื่นี้ด้วยตนเอง ปู่หลานคู่นี้ต้องเจอปัญหาไม่รู้จบแน่
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่มีพร์ร้ายกาจเช่นเย่เฟิง เขาก็จำเป็ต้องคิดวิธีจัดการไว้หลายทางจึงจะดี ซึ่งทางที่ดีที่สุดคือให้เป็เหมือนเหตุการณ์เมื่อยี่สิบปีก่อน ให้ผู้คนมากมาย้าสังหารอีกฝ่าย หากพึ่งพาแค่เย่เวิ่นเทียนคนเดียวล่ะก็ คนตระกูลเย่ไม่อาจพลิกกลับมาชนะได้แน่นอน...
สวีเซียวหยู่โลดแล่นในยุทธจักรมานาน ย่อมรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเกิดผลดีที่สุด
เมื่อเขาพาคนของตัวเองออกไปแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ ภาพการต่อสู้ในวันนี้ต้องสั่นะเืทั้งยุทธจักรแน่นอน ทั้งยังได้รู้ข่าวสำคัญเกี่ยวกับเย่เฟิงอีกด้วย
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญที่มีสายตาเฉียบแหลมเห็นว่ามีดบินที่ปล่อยออกมาเมื่อครู่เป็เคล็ดอสูรร่ำไห้ หากข่าวสำคัญเช่นนี้ถูกกระจายออกไป คงเป็เื่ใหญ่ที่ทำให้คนในยุทธจักรใเช่นกัน!
ในไม่ช้า ผู้คนโดยรอบต่างกระจายตัวออกไปจนหมด
“เย่เฟิง!”
หลงหว่านเอ๋อร์รีบวิ่งออกจากที่ซ่อนตัว เพราะ้าใช้เคล็ดแสงศักดิ์สิทธิ์รักษาอาการาเ็ทั่วร่างกายของเย่เฟิง แต่เมื่อวิ่งได้เพียงครึ่งทางก็เห็นซูเมิ่งหานในชุดกระโปรงสั้นกำลังพยุงชายหนุ่มพิงรถบรรทุกด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างปิดไม่มิด
ครู่หนึ่งที่หลงหว่านเอ๋อร์รู้สึกลังเล และหันกลับไปมองเย่เวิ่นเทียน ตัวตนของเธอช่างน่าอายเป็อย่างยิ่ง หากจะอยู่ตรงนี้... ไม่สิ ไม่เพียงรู้สึกอับอาย แต่เป็น่าอายอย่างยิ่งต่างหาก...
เธอกัดฟัน พยายามไม่คิดอะไรมาก ชีวิตที่เรียบง่ายและราบรื่นไม่เคยเป็ของเธออยู่แล้ว เธอแค่รอช่วยเย่เฟิงรักษาอาการาเ็ให้ดีขึ้น แล้วตามเขาไปใต้ทะเลอีกครั้งเพื่อจัดการเื่ทั้งหมด เมื่อเื่ทุกอย่างจบแล้วเธอจะเป็ฝ่ายจากไปเอง
หลงหว่านเอ๋อร์ตัดสินใจเื่นี้ในใจเงียบๆ เธอไม่สนใจสายตาหึงหวงของซูเมิ่งหาน ก่อนวิ่งไปหยุดอยู่ข้างเย่เฟิง มองซูเมิ่งหานอีกครั้งแล้วเอ่ยปาก “ขอโทษนะ เธอถอยไปก่อนได้ไหม ฉันจะรักษาแผลให้เขา”