ฉินหว่านใช้หน้าตนเองรับแรงกระแทก นางไม่เพียงกินดินเข้าไปเต็มคำ แต่ยังส่งผลไปถึงาแที่หน้าด้วย ยามนี้จึงตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถเหลือจะเปรียบ
นางพาดตัวไปบนพื้น ไม่อยากขยับเคลื่อนไหว เอาแต่ร้องไห้
ในฐานะคุณหนูสายตรงจวนเสนาบดี นางเคยต้องพบเจอเื่อะไรเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด เมื่อก่อนมีแต่นางที่ไม่ชอบหน้าผู้อื่นแล้วไปรังแกเขา แต่วันนี้นับว่าได้เรียนรู้แล้วว่าอะไรที่เรียกว่า ยกหินทับเท้าตัวเอง
เฉี่ยวอวี้รีบวิ่งไปหาผู้เป็นาย “นายหญิงไม่เป็ไรนะเ้าคะ”
ถึงแม้ปากจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจเฉี่ยวอวี้กลับกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ฉินหว่าน เ้าก็มีวันนี้เหมือนกัน
เมื่อเฉี่ยวอวี้ประคองฉินหว่านขึ้นมาก็ช่วยอีกฝ่ายปัดดินฝุ่นที่เลอะเปรอะเปื้อนเนื้อตัว
ส่วนฉินหว่าน นางเอาแต่ร้องไห้ด้วยรู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของเยว่เฟิงเกอจริงๆ แล้ว
สำหรับความแค้นในวันนี้ นางจะจดจำไว้ เมื่อมีโอกาสนางต้องเอาคืนแน่
ทางด้านเยว่เฟิงเกอ ตอนที่ตบฉินหว่านกับตอนที่แหย่ขาไปสกัดขาฉินหว่าน โทรศัพท์ในแขนเสื้อของนางก็สั่นขึ้นสองครั้ง
รอยยิ้มบนมุมปากของเยว่เฟิงเกอยิ่งกดลึกขึ้น
ไม่ต้องสงสัยเลย วันนี้นางคงจะได้เพิ่มอีกสิบห้ามูลค่าการซื้อแล้ว
ตอนนี้นางอยากจะถามเถาเป่าจริงๆ ว่า ฉินหว่านไปล่วงเกินมันอย่างไรกันแน่ ถึงได้อยากเห็นคนถูกทำร้ายเพียงนี้?
น่าเสียดาย ั้แ่ที่โทรศัพท์เครื่องนี้ย้อนเวลามาพร้อมกับนาง ฟังก์ชันบริการลูกค้าในเถาเป่าก็เหมือนจะถูกปิดไป
โชคดีที่ตอนหลังมีผู้ขายที่ชื่อว่าอย่าถามว่าข้าคือใครนั่นปรากฏตัวออกมา ทำให้นางได้รู้ว่านางไม่ได้เล่นอยู่กับระบบคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว
ตอนนี้เองม่อหลิงหานก็มาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูเรือนเยว่เหยา จึงได้เห็นว่าในอ้อมแขนเยว่เฟิงเกอกำลังกกกอดแมวน้อยตัวหนึ่งอยู่พอดี ดูท่าคงจะเป็แมวน้อยตัวนี้ที่เป็สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของเยว่เฟิงเกอ จิ๋วปิ่ง
ม่อหลิงหานไม่แม้แต่จะมองฉินหว่านที่หน้าเปื้อนดิน เขาเดินเข้าไปหาเยว่เฟิงเกอ
“เปิ่นหวางบอกแล้วว่าในจวนนี้ห้ามเลี้ยงแมวตัวผู้” ม่อหลิงหานพูดขณะเอื้อมมือมาจะคว้าตัวจิ๋วปิ่งไปโยนทิ้ง
เยว่เฟิงเกอรีบร้อนหมุนกายหลบ ไม่ให้ม่อหลิงหานััถูกจิ๋วปิ่ง
ในเวลาเดียวกันนี้ เมื่อจิ๋วปิ่งเห็นหน้าม่อหลิงหานก็แยกเขี้ยวกางเล็บอีกครั้ง ส่งเสียงระบายความโกรธ
ดูเหมือนว่าจิ๋วปิ่งจะไม่ชอบม่อหลิงหาน
เยว่เฟิงเกอเห็นจิ๋วปิ่งเป็เช่นนี้ก็รีบลูบขนปลอบประโลมให้ “จิ๋วปิ่งเด็กดี เ้าอย่าทำให้ท่านอ๋องโกรธเชียว ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ให้เ้าอยู่ในจวนนี้อีกแล้ว”
ไม่รู้ว่าเป็เพราะคำพูดของเยว่เฟิงเกอที่ทำให้จิ๋วปิ่งเกิดกลัวขึ้นมา หรือเพราะนางลูบขนเขากันแน่ สุดท้ายจิ๋วปิ่งถึงได้อยู่ในสภาพแมวน้อยแสนเชื่อง
มันร้องเมี๊ยวใส่เยว่เฟิงเกอไปเสียงหนึ่ง “พระชายาดูสิ ท่าทางของท่านเก้าในตอนนี้เชื่องมากใช่หรือไม่? ”
เยว่เฟิงเกอลูบขนของจิ๋วปิ่งด้วยท่าทีอ่อนโยนยิ่งอีกครั้ง ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ตอนนี้จิ๋วปิ่งเชื่องมาก ช่างทำให้คนรักคนหลงจริงๆ ”
เมื่อจิ๋วปิ่งได้ยินเยว่เฟิงเกอเอ่ยชม ก็ไม่รอช้าใช้ศีรษะชนกับอ้อมอกของนางเบาๆ
หนึ่งคนหนึ่งแมวตรงหน้านี้โต้ตอบกันไปมา โดยไม่เห็นใครอื่นอยู่ในสายตา ทำให้สายตาที่ม่อหลิงหานจดจ้องมาเต็มไปด้วยความโกรธ
“เยว่เฟิงเกอ เหตุใดเ้าต้องอ่อนโยนกับแมวตัวหนึ่งถึงเพียงนี้ เ้าเคยอ่อนโยนกับเปิ่นหวางเช่นนี้เมื่อไร? ” ม่อหลิงหานถูกความเปรี้ยวในใจของตนทำเอาสมองเลอะเลือนใช้การไม่ได้ คำพูดของเขาทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ตะลึงค้าง
เยว่เฟิงเกอที่กำลังลูบขนจิ๋วปิ่งเองก็เงยหน้ามองม่อหลิงหานด้วยความใ
ส่วนฉินหว่านที่ตอนแรกยังร้องห่มร้องไห้อยู่ยังถึงกับนิ่งค้างไปเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีชิงจื่อและเฉี่ยวอวี้ที่ใจนเบิกตาโต ส่วนเฉียวเฟยและถานอี้ที่ติดตามม่อหลิงหานมาต่างก็ถูกคำพูดของผู้เป็นายทำเอาแข็งค้างไปเช่นกัน
วันนี้ท่านอ๋องของพวกเขาไม่ได้เป็อะไรกระมัง คนต้องไม่พอใจมากเพียงใด ถึงขนาดพูดอะไรเช่นนี้ออกมาได้
มุมปากเยว่เฟิงเกอกระตุก นางมองม่อหลิงหานราวกับมองสัตว์ประหลาด “ท่านอ๋อง วันนี้คงไม่ได้เสวยพระโอสถผิดมาใช่หรือไม่เพคะ”
จิ๋วปิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของเยว่เฟิงเกอยังคงใช้ศีรษะเบียดซุกข้อพับของนาง โดยไม่แม้แต่จะมองม่อหลิงหานอีกด้วยคิดว่าอีกฝ่ายก็แค่เ้าโง่ตัวใหญ่ หึงได้กระทั่งแมวน้อยอย่างเขา ทนดูต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ
ม่อหลิงหานเห็นว่าทุกคนต่างก็จ้องมองเขาเช่นนั้น เขาไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีก ลากเยว่เฟิงเกอเข้าไปในเรือนนอน
กว่าฉินหว่านจะดึงสติกลับมาได้ ก็เห็นว่าม่อหลิงหานปิดประตูเรือนไปแล้ว
เมื่อครู่นางคิดไว้แล้วว่าจะเล่าเื่ที่ตนต้องเผชิญมาในวันนี้ให้ม่อหลิงหานรับรู้ มิคาดเขาไม่แม้แต่จะมองนางด้วยซ้ำ
ความน้อยเนื้อต่ำใจทั้งหมดถึงกับะเิออกมาในคราวเดียว ฉินหว่านร้องไห้จ้า
“เสียงดังหนวกหูจริงๆ ลากชายารองกลับไปเรือนหว่านหนิงเดี๋ยวนี้” ภายในหอห้องมีเสียงบ่นแกมรำคาญจากม่อหลิงหานดังลอดออกมา ก่อนจะตามมาด้วยประตูที่ถูกเปิดออกพร้อมจิ๋วปิ่งที่ถูกม่อหลิงหานโยนออกมา
เฉียวเฟยและถานอี้ทำตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด เข้าไปลากแขนฉินหว่านคนละข้างแล้วหิ้วร่างออกไปจากเรือนเยว่เหยากระทั่งไปถึงเรือนหว่านหนิงถึงได้จากมา
เดิมทีพวกเขาก็ไม่ชอบฉินหว่านเป็อย่างมาก หากท่านอ๋องมีคำสั่งให้โยนฉินหว่านออกไปจากจวนเมื่อไร พวกเขาก็พร้อมยินดีทำตามคำสั่งเป็อย่างยิ่ง
ระหว่างทางที่คนทั้งสองหิ้วปีกฉินหว่าน แน่นอนว่ามีคนรับใช้หลายคนได้เห็นนางถูกลากตัวออกไปเช่นนั้น ยิ่งได้เห็นว่านางต้องตกอยู่ในสภาพมอมแมม ใบหน้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ท่าทางที่น่าอนาถนี้ทำให้บรรดาสาวใช้ที่เคยถูกฉินหว่านรังแกต่างพากันตบมือโห่ร้องดีใจอยู่ในใจ
เนื่องจากข่าวที่เมื่อคืนท่านอ๋องค้างคืนที่เรือนพระชายาได้แพร่กระจายไปทั่ว หลังจากที่คนเหล่านี้ได้เห็นสภาพน่าอนาถของฉินหว่านแล้วก็พอจะคาดเดาได้ว่า ต้องเป็ฉินหว่านที่วิ่งแจ้นไปหาเื่พระชายาเป็แน่ สุดท้ายไม่เพียงทำอะไรไม่ได้ ซ้ำยังถูกคุมตัวกลับมาอีก
หลังจากฉินหว่านถูกลากตัวผ่านหน้าบรรดาสาวใช้บ่าวรับใช้ทั้งหลายในจวน ฉับพลันนั้นก็เริ่มเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พวกเขาต่างพูดคุยกันว่า พระชายาในยามนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว เกรงว่าจวนอ๋องในยามนี้คงจะไม่ใช่ถิ่นของฉินหว่านอีกแล้ว แต่เป็ถิ่นของพระชายาเยว่เฟิงเกอ
……...........................................................................................
ภายในเรือนพัก
ม่อหลิงหานเอาแต่จับมือเยว่เฟิงเกอไว้ไม่ยอมปล่อย
เยว่เฟิงเกอถูกจับไว้จนเจ็บ พยายามสลัดมือม่อหลิงหานออก น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยไร้ซึ่งความเป็มิตร “ท่านอ๋องเลิกฉุดกระชากกันเช่นนี้จะได้หรือไม่เพคะ ไม่ทรงกลัวว่าจะทำให้ข้อมือของหม่อมฉันต้องเขียวช้ำอีกเป็ครั้งที่สองหรือ? ”
จะอย่างไรนางก็ได้รับมูลค่าการซื้อที่เพียงพอจะซื้อเตาหลอมยาแล้ว จึงไม่จำเป็ต้องดิ้นรนเอาใจม่อหลิงหานเพื่อหวังคำชมจากปากเขาอีกแล้ว
ม่อหลิงหานเห็นเยว่เฟิงเกอทำสีหน้าไม่พอใจ เขาก็เดาว่า นางต้องไม่พอใจเขาเพราะแมวตัวนั้นแน่ๆ
คิดถึงตรงนี้ ในใจม่อหลิงหานก็ยิ่งมีความโกรธที่ไร้ที่มาที่ไปปะทุขึ้น
“เพื่อแมวตัวหนึ่ง? สำหรับเ้าแล้ว มันสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? ” ม่อหลิงหานทนไม่ไหวเผลอพูดความในใจออกมา
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าม่อหลิงหานยังโกรธเื่จิ๋วปิ่งอยู่ นางก็รีบร้อนอธิบาย “ท่านอ๋องทรงเข้าใจอะไรผิดหรือไม่ จิ๋วปิ่งเป็แค่สัตว์เลี้ยงของข้า ท่านคงไม่ถึงกับต้องหึงแมวตัวหนึ่งกระมัง”
“หึงแมวตัวหนึ่ง? เื่ชั้นต่ำเช่นนั้น เปิ่นหวางจะไปทำได้อย่างไร พระชายาอย่าได้คาดเดาสุ่มๆ จะดีกว่า” ม่อหลิงหานไม่มีทางยอมรับหรอกว่าตนกำลังหึงแมวตัวหนึ่งอยู่จริงๆ
ที่จริงแล้วแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเพียงได้เห็นเยว่เฟิงเกอกอดแมวตัวนั้น เห็นท่าทางอ่อนโยนของนางที่มีต่อมัน เขาถึงได้รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
พระชายาของเขาต้องอ่อนโยนกับเขาคนเดียวถึงจะถูก นางจะไปอ่อนโยนกับแมวตัวหนึ่งได้อย่างไร มิหนำซ้ำแมวตัวนั้นยังเป็แมวตัวผู้อีก
ม่อหลิงหานถลึงตามองเยว่เฟิงเกอ เดินก้าวยาวๆ ไปนั่งลงบนเตียง
ทว่า ครั้นม่อหลิงหานกำลังพูดจาเช่นนี้ เยว่เฟิงเกอสังเกตเห็นหูของเขาที่แดงระเรื่อขึ้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“หัวเราะอะไร มานี่” ม่อหลิงหานเห็นว่าเยว่เฟิงเกอกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่ ก็ให้หงุดหงิดยิ่งนัก
ยามนี้ม่อหลิงหานอยากจะกอดเยว่เฟิงเกอไว้ในอ้อมแขน จัดการนางให้รู้จักหลาบจำ
เยว่เฟิงเกอกำลังอารมณ์ดีอย่างยิ่ง นี่เป็ครั้งแรกที่นางได้เห็นม่อหลิงหานหน้าแดง นางยิ้มจนตาหยีแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหาเขาละก้าว
ม่อหลิงเห็นว่าเยว่เฟิงเกอจงใจเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ จึงลุกขึ้นเดินมาคว้าแขนนางไว้แล้วดึงให้มานั่งลงข้างเตียง
“วันหน้าห้ามอ่อนโยนกับชายใดทั้งนั้น อ่อนโยนกับเปิ่นหวางได้คนเดียว เข้าใจหรือไม่? ” ยามที่ม่อหลิงหานพูด เขามองเยว่เฟิงเกอตาไม่กะพริบ ใบหน้าค่อยๆ ยื่นเข้าใกล้นางเข้าไปเรื่อยๆ