สุดยอด!
ในสายตาของคนอื่นๆ ตอนนี้พวกเขาคิดว่าหลัวเลี่ยไร้อำนาจจะต่อกร
หากไม่สามารถใช้วิชาตัวเบาได้ ก็จะตัดความเป็ไปได้ของการอยู่รอด ไม่ต้องพูดถึงการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของมนุษย์จิตัเพลิง
แต่ไม่มีใครพบว่าใน่เวลาแห่งชีวิตและความตายนี้ ความรู้สึกที่เกิดจาก่เวลาที่ถูกกระแทกลงไปในเหวนั้นทำให้หลัวเลี่ยเข้าสู่สถานะที่เขาไม่สามารถผ่านเข้าไปได้เป็เวลานาน
สถานะสัญชาตญาณการต่อสู้!
แม้ว่าเขาจะลับคมมาแล้วสองครั้ง แต่สิ่งนี้ไม่ง่ายเลยที่จะกลายเป็ผู้เชี่ยวชาญ
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของหลัวเลี่ย เขาต้องรอโอกาสเท่านั้นจึงจะเข้าสู่สถานะนี้ได้ หากเขา้าเข้าสู่สถานะนี้ตาม้า เขายังคง้าการบ่มเพาะ และต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะนานพอสมควร
สัญชาตญาณการต่อสู้ นั่นคือร่างกายของเขาสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดได้เองโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดและตัดสินใจ
เมื่ออยู่ในสถานะนี้ ทักษะในการต่อสู้ของเขาจะอยู่ในจุดที่ดีที่สุดเสมอ
เป็เพราะสถานการณ์นี้เท่านั้นที่หลัวเลี่ยไม่ได้ทำอะไรเลย เขามองอย่างเฉยเมยในขณะที่มนุษย์จิตัเพลิงบินโฉบลงมา หลัวเลี่ยปล่อยให้ทะเลเพลิงที่อยู่ด้านหลังหมุนวนและกลืนกินเขา
“ตายซะ”
ชางจื่อเฟิง ต้วนเหยียนเจี่ย และคนอื่นๆ คำรามอย่างบ้าคลั่ง
หยางเสี้ยวเสียและคนอื่นๆ ไม่กล้าหันไปมองอีกต่อไป
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
ทะเลเพลิงย้อนกลับมา
กรงเล็บัของัเพลิงตามล่าเขา
ในเวลานี้ ดวงตาที่เ็าของหลัวเลี่ยแสดงให้เห็นถึงความงดงามที่สั่นไหว
จู่ๆ ปีก์เลี่ยหยางก็ยื่นออกมาจากหลังของหลัวเลี่ย
ทะเลเพลิงสั่นะเื และเปลวเพลิงัในร่างของมนุษย์จิตัเพลิงก็กระตุกอย่างรุนแรงเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้วปีก์เลี่ยหยางที่ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพชนกงซวนเมื่อไม่นานมานี้ซึ่งเป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลก เมื่อเปิดใช้งานมันจะก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับไฟ
ขณะนี้ในดวงตาของหลัวเลี่ยลุกโชนราวกับมีับรรพชนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น
ถูกต้อง ใน่เวลาวิกฤต เขากระตุ้นจิติญญาของับรรพชนในทะเลแห่งจิตสำนึกอย่างสิ้นหวัง
ทันทีที่ิญญาับรรพชนออกมา ิญญาัของัเพลิงกลืนเมฆาซึ่งได้รับการกระตุ้นจากมีดิญญาัก็แยกออกจากร่างของัเพลิงกลืนเมฆา และเปลี่ยนเป็เงาของเพลิงกลืนเมฆาที่เบ่งบานด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
เป็เวลาชั่วขณะหนึ่งที่มนุษย์จิตัเพลิงอยู่ในสภาพสูญเสีย ราวกับว่าเขาสูญเสียความแข็งแกร่งและตัวตนของเขาไปแล้ว
แสงพร่างพราวแวบผ่านไป
กระบี่ราชันถูกดึงออกจากฝัก และมีแสงที่งดงามส่องผ่านเป็ประกาย
กระบี่ราชันถูกสวมกลับเข้าฝัก
เมื่อมองไปที่ร่างของัเพลิงอีกครั้ง หัวของัตัวใหญ่ก็เอียงไปด้านข้าง และในที่สุดมันก็หลุดออกจากร่างของมัน ตกลงไปในก้นบึ้งแห่งเปลวเพลิง และร่างของมันก็ตกลงไปพร้อมกับเงาร่างัที่พร่ามัว
ทะเลเพลิงที่ม้วนตัวขึ้นก็กลับคืนสู่เหวทันที
ปีก์เลี่ยหยางหายไป และความสามารถในการบินไม่ได้ก็หายไปใน่เวลาสั้นๆ
หลัวเลี่ยใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่กำลังโกลาหล กระพือปีกและกลับมายังเส้นขอบฟ้า
ในเวลานี้ชางจื่อเฟิง ต้วนเหยียนเจี๋ย และคนอื่นๆ ยังคงโห่ร้องอย่างตื่นเต้น หยางเสี้ยวเสีย หวงอวี้ และคนอื่น ๆ เต็มไปด้วยความเศร้าและความขมขื่น
ในความรู้สึกของหยางเสี้ยวเสีย หลัวเลี่ยยังคงเป็รอง และทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เพียงเพราะการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินไปจนไม่สามารถมองได้ทัน
หลัวเลี่ยที่กลับมายังเส้นขอบฟ้าไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า แต่กลับมายืนตรงหน้าชางจื่อเฟิง
จนถึงขณะนี้ รอยยิ้มที่แข็งทื่อบนใบหน้าของชางจื่อเฟิงถูกแทนที่ด้วยความกลัวและความใ เขาจ้องมองไปยังหลัวเลี่ย ในขณะที่ถอยกลับเขากล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า “เ้า เ้าฆ่าข้าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นราชวงศ์ชางกับบรรพชนของโลกจะ…”
หลัวเลี่ยยื่นมือออกไปคว้าคอของชางจื่อเฟิงและยกร่างเขาขึ้น
เมื่อเผชิญหน้ากับหลัวเลี่ยในขณะนี้ พรรคพวกของชางจื่อเฟิงต่างก็ถอยหนีด้วยความใ
ัเพลิงิญญาไม่สามารถทำอะไรเขาได้
ตกเหวลงไปต่อให้ใช้วิชาตัวเบาไม่ได้ แต่ก็ยังบินกลับมาได้
พวกเขาทั้งหมดหวาดกลัวจนไม่รู้จะทำอย่างไร
“ชางจื่อเฟิงยั่วโมโหข้ามาหลายครั้งแล้ว เ้าคิดจริงๆ หรือว่าสถานะที่เรียกว่าองค์ชายแห่งต้าชางจะทำให้ข้าไม่กล้าฆ่าเ้า”
“ข้าไม่ได้ชื่นชอบการฆ่าคน เว้นแต่จะเป็คนที่สมควรถูกฆ่า”
“และเ้าชางจื่อเฟิง ในสายตาของข้า เ้าสมควรถูกฆ่า”
กร็อบ
โดยไม่ให้โอกาสชางจื่อเฟิงได้ส่งเสียง หลัวเลี่ยหักคอของชางจื่อเฟิงด้วยแรงเพียงครั้งเดียว
ฟุ่บ
ศพล้มลงกับพื้น
หลัวเลี่ยมองต้วนเหยียนเจี๋ยและคนอื่น ๆ อย่างเ็า และหันหลังกลับไปยังเส้นขอบฟ้า
กรรซ์
เสีงัดังขึ้นราวกับฟ้าคำราม
เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็ปกติ ัน้ำแข็งและัไฟจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากเหวทั้งสองด้านของท้องฟ้าอีกครั้ง ฟันและกรงเล็บของพวกมันถูกกางออกเพื่อหยุดหลัวเลี่ยไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า
หลัวเลี่ยยืนอยู่บนท้องฟ้า มือซ้ายถือกระบี่ราชัน เสื้อคลุมของวีรบุรุษสะบัดไปด้านหลัง และเขายกมือขวาขึ้นอย่างดุดัน
ัที่ยังคงโกลาหลอยู่ในตอนนี้เงียบลงทันที
นั่นคือความยิ่งใหญ่สูงสุดที่เขาได้รับมาหลังจากตัดหัวัเพลิง ทุกๆ การเคลื่อนไหวดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อเผ่าั และทำให้เผ่าัสงบลง
ด้วยวิธีนี้ทุกการเคลื่อนไหวของเขาราวกับว่ามีัน้ำแข็งและัเพลิงจำนวนมากคอยคุ้มกันทั้งสองด้าน พวกมันโค้งหัวทำความเคารพหลัวเลี่ยขณะที่เขาเดินผ่านไป ไม่มีัตัวใดกล้าที่จะท้าทายเขา แม้ว่าสิ่งที่เรียกว่าัเหล่านี้จะไม่มีจิติญญาัที่แท้จริงก็ตาม
เสื้อคลุมวีรบุรุษโบกสะบัด และความเย่อหยิ่งของหลัวเลี่ยก็ทำให้ทุกคนตะลึง
เมื่อเขาข้ามเส้นขอบฟ้าและถึงจุดสิ้นสุด ัน้ำแข็งและัไฟเ่าั้ดูเหมือนจะหมดความยับยั้งชั่งใจ และเริ่มเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งในทันที เปล่งเสียงคำรามที่ทำให้เส้นขอบฟ้าเต็มไปด้วยอันตรายอีกครั้ง
หลัวเลี่ยมองกลับไปที่ต้วนเหยียนเจี๋ย ตัวแทนของแคว้นเหยียนหลงในพันธมิตรแปดร้อยแคว้น และกล่าวอย่างเ็า “ข้าจะไม่ฆ่าเ้า แต่ข้าจะบอกเ้าว่าอย่าได้ไปวุ่นวายกับแคว้นปิงเฟิง หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหวงอวี้ ข้าจะกลับมาฆ่าเ้า รู้ใช่ไหมว่าหากข้าได้ลั่นวาจาไปแล้วข้าจะไม่ผิดคำพูดโดยเด็ดขาด”
ต้วนเหยียนเจี๋ยตัวสั่นด้วยความใ เขา้าระบายความโกรธของเขากับหวงอวี้และแคว้นปิงเฟิง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของหลัวเลี่ย เขากลัวมากจนเลิกล้มความคิดอย่างรวดเร็ว
หลัวเลี่ยคือใคร?
ศิษย์ของบรรพชนอูอวิ๋นเซียน หากเขาบอกว่าจะฆ่า เขาก็จะฆ่าทันที ไม่มีการพูดเป็ครั้งที่สอง และยิ่งกว่านั้นเขาจะทำมันอย่างเปิดเผยและรุนแรง
หยางเจี้ยนศิษย์ของบรรพชนอวี้ติงยอมรับข้อตกลงนั้นทันที
มันเป็คำสัญญาและต้องรักษาสัญญาอย่างเคร่งครัด
ต้วนเหยียนเจี๋ยก็ยังไม่อยากตายตอนนี้เช่นกัน
หลัวเลี่ยะโขึ้นหลังอาชาเดือนดารัญ ล่องลอยออกไปพร้อมกับเสวี่ยปิงหนิง และหายไปในหมู่เมฆ
หวงอวี้ก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับหลัวเลี่ยจากระยะไกลด้วยความซาบซึ้งใจ “ในวันที่ข้าหวงอวี้ได้ขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะฮ่องเต้แห่งแคว้นปิงเฟิง ข้าจะบริหารราชการด้วยความเป็ธรรม และปฏิบัติต่อประชาชนของข้าด้วยเมตตา”
เสียงหัวเราะของหลัวเลี่ยดังมาจากที่ไกลๆ
หยางเสี้ยวเสียเห็นการกระทำของหลัวเลี่ย รวมทั้งคำสาบานของหวงอวี้ เขาพึมพำกับตัวเองว่า “เ้าไม่ใช่วีรบุรุษ..”