เปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้บนูเาและต้นไม้ชื้นๆ ทำให้เกิดควันหนาทึบกระจายไปโดยรอบ
คนในพรรคต้าเฟิงจำนวนมาก รีบไปดับไฟทันที ทุกอย่างตกอยู่ในความสับสน ทั้งยังมีควันหนาทึบลอยอยู่ทั่วไป ทัศนวิสัยถูกบดบังด้วยกลุ่มควัน ผู้คนจำนวนมากวิ่งรอกไปมา พร้อมปิดปากและจมูกของตนเอาไว้
ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนเ่าั้หงุดหงิดงุ่นง่าน เพราะทำงานลำบากขึ้น
…
ขณะเดียวกัน กู่ไห่ก็ได้เดินลึกเข้าไป ยังพื้นที่ส่วนในของพรรคต้าเฟิง
ตอนนี้ แม้คนในพรรคบางคน จะสังเกตเห็นกู่ไห่ที่สวมหมวกคลุมปกปิดใบหน้าแล้ว แต่ก็ี้เีเกินกว่าจะไล่ตาม เพราะฝนตก ทำให้คนจำนวนมากสวมชุดคลุมที่มีหมวกในตัวเช่นนี้ เพื่อกันฝน
กู่ไห่จึงเดินทะลุเข้าพื้นที่ด้านในของพรรคต้าเฟิงได้ โดยไม่มีผู้ใดขัดขวาง ทุกอย่างราบรื่นยิ่ง
...
ในพื้นที่รับรอง ซ่างกวนเหินหรี่ตามองกลุ่มควันที่อยู่ห่างออกไป
ช่างเป็ภาพที่ยุ่งเหยิง! แม้เพลิงจะดับลงแล้ว แต่กลุ่มควันหนาทึบ คงไม่หายไปง่ายๆ ูเาถูกไฟเผาวอด คงมิใช่เื่ง่ายที่จะฟื้นฟูสภาพ ให้กลับคืนมาดังเดิม
เหตุเพลิงไหม้นี้ คงทำให้พรรคต้าเฟิงตกอยู่ในความอลหม่านไปแล้วกระมัง?
แอบเข้าไปโดยใช้ประโยชน์จากความโกลาหลเช่นนี้ คงจะได้ผลกว่าการใช้ตราผ่านทาง
“นายท่าน? แท้จริงแล้วท่านคือผู้ใดกันแน่?” ซ่างกวนเหินทอดถอนใจ พร้อมมองกลุ่มควันที่ค่อยๆ แผ่กระจายมายังตำแหน่งที่เขาอยู่
…
พลังฝึกปรือของกู่ไห่ถูกผนึกไว้ จึงไม่อาจใช้หินิญญาวางค่ายกลได้ แต่บางครั้งการก่อความวุ่นวาย ก็ไม่จำเป็ต้องใช้พลังใดๆ
กู่ไห่เดินไปตามเส้นทางที่ชายชุดดำผู้ตกเป็เชลยบอก เขาค่อยๆเดินมาถึงนอกเขตที่อยู่อาศัย
นั่นเป็ทางเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ของพรรคต้าเฟิง
เวลานี้หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย กำลังเฝ้าดูเหตุเพลิงไหม้ที่ห่างออกไปด้วยความประหลาดใจ ด้านข้างคือคนสวมชุดดำกลุ่มหนึ่ง ซึ่งนำโดยผู้ที่ถือไม้เท้า สวมชุดคลุมพร้อมหมวกในตัวปกปิดมิดชิด ราวกับไม่้าให้ผู้อื่นเห็นใบหน้า แต่ดูจากรูปร่างแล้ว น่าจะเป็หญิงชราผู้หนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?” หญิงชราในชุดคลุมสีดำถามเสียงเคร่ง
“ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน หลี่เหว่ยผู้นี้ กำลังรนหาที่อย่างแท้จริง เขารู้ว่าท่านหัวหน้าสังกัดติงมาถึงแล้ว แต่ยังกล้าส่งเสียงเอะอะเช่นนี้” หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยยิ้มอย่างเ็า
กู่ไห่มองเห็นพวกเขาได้แต่ไกล ทว่าแทนที่จะหันหลังจากไป กลับพุ่งเข้าหาเสียอย่างนั้น
ชายหนุ่มยังคงสวมชุดคลุมสีดำ ซึ่งมีหมวกปิดบังใบหน้า
“หืม?” กลุ่มคนชุดดำพากันจ้องมองผู้ที่กำลังเดินตรงมาหา
ความจริงแล้วในพรรคต้าเฟิง ใช่ว่าทุกคนจะสวมเสื้อคลุมเช่นนี้ แต่ชายตรงหน้ากลับปิดบังหน้าตา... ทั้งๆ ที่มาพบพวกเรา?
“รายงานหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย และแขกทุกท่าน ท่านหัวหน้าให้ผู้น้อยมารายงานขอรับ ว่าเพลิงไหม้ครานี้เป็เพียงอุบัติเหตุ ขอทุกท่านอย่าได้กังวล” กู่ไห่ทำความเคารพ พร้อมรายงาน
“อุบัติเหตุหรือ? ฮ่าๆๆ! พรรคต้าเฟิงยังคงเต็มไปด้วยเื่น่าใจริงๆ” หัวหน้าสำนักซ่งเจียเหน็บแนม
“ขออภัยในความผิดพลาดของทางเราด้วยขอรับ!” กู่ไห่ประสานมือ ค้อมศีรษะกล่าวขอโทษ
“ดี! ไปแจ้งหลี่เหว่ย ว่าข้าจะไม่รอจนถึงพรุ่งนี้ เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ข้าจะไปที่นั่นทันที!” หญิงชราผู้ถือไม้เท้ากล่าวเสียงเคร่ง
รีบไป? ไปที่ใด? แม้ชายหนุ่มจะสงสัยยิ่ง แต่ก็ยังรักษาน้ำเสียงและสีหน้าเอาไว้
“ท่านหัวหน้าได้เตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว อย่างไรทุกท่านรอจนถึงพรุ่งนี้ดีหรือไม่ขอรับ?” กู่ไห่พูดด้วยท่าทางนอบน้อม
“เ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?” หญิงชราเอ่ยเสียงกร้าว
“มิกล้าๆ เพียงแต่ก่อนหน้านี้ได้ตกลงกันเอาไว้แล้ว หากไปขอให้ท่านหัวหน้าเปลี่ยนแผนกะทันหัน เกรงว่าท่านจะไม่เชื่อ ขอผู้าุโมอบตราให้ผู้น้อย เพื่อนำไปยืนยันกับท่านหัวหน้าด้วยขอรับ” ชายหนุ่มกล่าว น้ำเสียงจริงจังยิ่ง
หญิงชราโยนตราให้เขา “นี่คือป้ายพกที่หลี่เหว่ยมอบให้ข้า มันเป็ตราที่สามารถเรียกใช้สอยคนในพรรคได้ทั้งหมด มอบมันให้เขา แล้วเขาจะเชื่อเ้า”
“ขอรับ!” กู่ไห่ตอบ
เขารับป้ายพก ก่อนโค้งคำนับทุกคน แล้วค่อยๆ ถอยออกมา
หลังออกจากลานเล็กๆ นั่นแล้ว ชายหนุ่มก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนมองดูตราคำสั่งในมือ ซึ่งทำจากเหล็กสีดำ มีตัวอักษร ‘เฟิง’ ขนาดใหญ่สลักเอาไว้ด้านหน้า ส่วนด้านหลังสลักเป็รูปเต่า
“ไปหรือไม่ไปดี?” กู่ไห่สูดหายใจเฮือกใหญ่ แล้วนิ่งไปชั่วขณะ
หลังไตร่ตรองอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ ทว่าเื่นี้อันตรายยิ่ง
ชายหนุ่มสงบสติ แล้วค่อยๆ เดินไปยังที่พำนักของหัวหน้าหลี่
ยิ่งเข้าไปใกล้ที่หมาย จำนวนคนคุ้มกันก็เพิ่มมากขึ้น
“เ้าเป็ใคร? ถอดหมวกออก!” ทันใดนั้น ผู้คุ้มกันคนหนึ่งก็ร้องถามเสียงดัง
กู่ไห่ยังคงเงียบ และค่อยๆ หยิบป้ายเหล็กสีดำออกมา
“เอ๊ะ?” เมื่อเห็นตราคำสั่ง สีหน้าของคนผู้นั้นก็เปลี่ยนไปทันที
“นำทางข้าไปหาหัวหน้าหลี่!” ชายหนุ่มสั่ง
“ขอรับ!” ชายผู้นั้นตอบอย่างนอบน้อม
แล้วให้ผู้คุ้มกันสองคนมานำทาง กู่ไห่ทิ้งระยะห่างหนึ่ง่ตัว ก่อนเดินตามเข้าไปด้านใน
แม้ว่าทุกอย่างจะราบรื่น แต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าแผนการนี้อันตรายยิ่ง หากประมาทเพียงเล็กน้อย ตัวตนของเขาอาจถูกเปิดเผย
ยิ่งเดินเข้าไปลึก ผู้คุ้มกันก็ทวีจำนวน มีการตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น แต่เพราะมีตราคำสั่งเป็ใบเบิกทาง จึงไม่มีผู้ใดกล้าวุ่นวายมากความ ไม่ช้า กู่ไห่ก็ถูกพามาถึงห้องโถงใหญ่
ที่นอกโถง กลุ่มคนของพรรคต้าเฟิง กำลังรายงานต่อเ้านายของตนที่อยู่ด้านใน อย่างพินอบพิเทา
“ท่านหัวหน้า เราตรวจสอบแล้วขอรับ มีคนใช้น้ำมันหยางโหยววางเพลิงทีู่เาขอรับ” คนในพรรคผู้หนึ่งประสานมือ พลางกล่าว
“เจอเบาะแสใดบ้างหรือไม่?” เสียงอันเยือกเย็นของหลี่เหว่ย ดังออกมาจากห้องโถง
“ไม่เจอขอรับ!”
“ไม่ได้เื่ เหตุใดยังไม่รีบไสหัวไปตรวจสอบให้ละเอียดอีก?” หลี่เหว่ยตะคอกอย่างหัวเสีย
“ขอรับ!”
“นอกจากนี้ ส่งคนไปหาหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย เพื่อแจ้งให้ทราบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี นี่เป็แค่อุบัติเหตุ” หลี่เหว่ยสั่งการเพิ่ม
“ไม่จำเป็!” จู่ๆ เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น
“เอ๊ะ?” เสียงร้องอย่างแปลกใจ ดังมาจากในห้อง
ผู้คนที่อยู่นอกโถงทั้งหมด หันไปมองชายชุดดำผู้นั้นทันที
ฟิ้ว!
กู่ไห่โยนป้ายเหล็กสีดำเข้าไปในโถงใหญ่
แกรกๆๆ!
ตราคำสั่งกระเด็นกระดอนไปตามพื้น
“เอ๊ะ?” จู่ๆ หลี่เหว่ยก็ส่งเสียงอุทาน พลางคลายมือที่โอบกอดเยว่เหยา แล้วเดินออกจากห้องทันที
นี่เป็ครั้งที่สอง ที่กู่ไห่เจอเยว่เหยา แผลเป็ที่ใต้คางของหญิงสาว ดูน่ากลัวเล็กน้อย แต่กระนั้น หลี่เหว่ยก็เหมือนจะรักผู้หญิงคนนี้มาก ไม่เคยอยู่ห่างนางเลย
“อาจารย์อาให้ข้ามาบอกว่า ไม่จำเป็ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้ เราควรไปที่นั่นทันที!” กู่ไห่กล่าว น้ำเสียงจริงจัง
“โอ้! หัวหน้าสังกัดติง คืออาจารย์อาของเ้าหรือ?” หลี่เหว่ยถามพลางเลิกคิ้วอย่างกังขา
“อย่าได้ถามในเื่ที่ไม่สมควร!” กู่ไห่ตอกกลับ น้ำเสียงไม่พึงใจ
กล้ามเนื้อบนใบหน้าหลี่เหว่ยกระตุก จ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ก็มิได้ลงมือแต่อย่างใด
“ไปแจ้งหัวหน้าสังกัดติง ว่าข้าจะรีบไปในทันที” หลี่เหว่ยกล่าว น้ำเสียงเข้มลึก
“ทันที? แล้วทันทีนี่นานเท่าใด? อาจารย์อาไม่ชอบรอใครนานๆ ข้าจะรอเ้าอยู่นี่” กู่ไห่ตอบ
“หึ!” หลี่เหว่ยส่งเสียงฮึดฮัด พลางหันกลับไปมองเยว่เหยา “ที่รัก รอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะรีบกลับมา”
“ข้า.. ข้า...” เยว่เหยามองหลี่เหว่ย ด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักระคนเกรงกลัว
“พวกเรา… ไป!” หลี่เหว่ยสั่งการ
“ขอรับ!” ทุกคนขานรับทันที
จากนั้น หลี่เหว่ยก็พาผู้ติดตามอีกหกคน ไปยังที่พำนักของหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย
กู่ไห่เดินตามพวกเขาไป
คนทั้งกลุ่มมีเพียงกู่ไห่เท่านั้นที่สวมหมวกคลุม แต่ไม่มีผู้ใดหาความเขา
ไม่นานนัก ทั้งหมดก็มาถึงที่หมาย
หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย และหัวหน้าสังกัดติงรุ่ย พร้อมผู้ติดตามของนาง กำลังรออยู่ข้างใน ทุกคนจ้องเขม็งไปทางหลี่เหว่ย และคนทั้งเจ็ดที่กำลังเดินเข้ามา
กู่ไห่เดินปิดท้ายขบวน แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายเจอกัน ชายหนุ่มก็จงใจแยกตัวออกจากกลุ่มของหลี่เหว่ย
“หัวหน้าสังกัดติง เื่ไฟไหม้นั่น เป็เพียงอุบัติเหตุเท่านั้น” หลี่เหว่ยกล่าว พร้อมยิ้มประจบ
“ข้ารู้แล้ว ไม่จำเป็ต้องพูดซ้ำอีก” หัวหน้าสังกัดติงกล่าว น้ำเสียงมิใคร่ชอบใจนัก
สิ่งที่หัวหน้าสังกัดติง้าจะสื่อก็คือ เมื่อครู่กู่ไห่ก็เพิ่งกล่าวเช่นเดียวกันนี้ไปแล้วรอบหนึ่ง เหตุใดเ้าถึงต้องพูดซ้ำอีก... น่าเบื่อยิ่ง!
แต่หลี่เหว่ยกลับคิดว่าหัวหน้าสังกัดติงกำลังไม่พอใจ
“หัวหน้าสังกัดติงอย่าได้โมโห เราจะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ!” หลี่เหว่ยรีบกล่าว
“อืม!” หัวหน้าสังกัดติงพยักหน้ารับ
หัวหน้าสังกัดติง หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย และหลี่เหว่ย ค่อยๆ เดินนำไป ขณะที่เหล่าสมุนตามมาด้านหลัง ผู้ติดตามของหัวหน้าสังกัดติงส่วนใหญ่จะสวมชุดสีดำ แม้ว่าเสื้อคลุมที่กู่ไห่สวมอยู่จะต่างออกไป แต่เวลานี้ก็ไม่มีผู้ใดสงสัยเขา
หัวหน้าสังกัดติงและพวก คิดว่ากู่ไห่เป็คนของพรรคต้าเฟิง ขณะที่หลี่เหว่ย ก็คิดว่ากู่ไห่เป็ศิษย์หลานของหัวหน้าสังกัดติง อีกทั้งก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งถูกกู่ไห่ตอกหน้าไปยกหนึ่ง ย่อมไม่อยากเอ่ยถึงเขาอีก
ทั้งกลุ่มค่อยๆ เดินผ่านบริเวณที่พำนักไป
หัวหน้าสังกัดติง หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย และหลี่เหว่ย ทั้งสามมีระดับพลังสูงมาก แม้ฝนจะเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก แต่กลับไม่อาจต้องร่างพวกเขาได้ ทุกคนต่างกำลังหงุดหงิด จึงไม่มีผู้ใดสนใจชายหนุ่มที่อยู่ท้ายแถว
...
หลังจากเดินวนไปมาอยู่นาน สุดท้ายก็มาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีผู้คุ้มกันจำนวนมาก กำลังเฝ้าถ้ำแห่งหนึ่งอยู่ ปากถ้ำถูกผนึกด้วยหินต้วนหลง[1] ทำให้ไม่มีผู้ใดมองเห็นด้านใน
“ท่านหัวหน้า!” กลุ่มคนที่กำลังเฝ้าถ้ำ ทำความเคารพหลี่เหว่ย
“เปิดทางเข้า!” หลี่เหว่ยสั่ง
“ขอรับ!” กลุ่มผู้คุ้มกันรีบควบคุมกลไก เปิดทางเข้าถ้ำทันที
แกรกๆๆๆ
เสียงกลไกดังขึ้น ก่อนที่หินต้วนหลงจะค่อยๆ ขยับเปิดออก เผยให้เห็นถ้ำที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์ การเดินเข้าไปในอุโมงค์ที่รกเรื้อไปด้วยเถาไม้เลื้อยนับไม่ถ้วน ทำให้รู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในโพรงต้นไม้ขนาดใหญ่ไม่มีผิด
เถาวัลย์เหล่านี้มีสีเขียวขจี และมีหนามพิษนับไม่ถ้วน ยื่นออกมารอบลำต้น อีกทั้งยังแขวนไข่มุกราตรีไว้โดยรอบ
พวกเขาค่อยๆ เดินเข้าไปในถ้ำ
กู่ไห่กวาดตามองไปด้วยความประหลาดใจ รอบกายมีเพียงเถาวัลย์จำนวนมากมาย และถ้ำแห่งนี้ก็ลึกมาก
ไม่นาน ทุกคนก็มาถึงปลายถ้ำที่มีพื้นที่กว้างขวาง บริเวณโดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์พิษเต็มไปหมด เช่นเดียวกับทางที่เดินผ่านมาก่อนหน้านี้
ตรงกลางถ้ำ มีชายแต่งตัวโทรมๆ ผู้หนึ่ง ถูกเถาวัลย์ตรึงไว้กลางอากาศ มีรูขนาดเล็กจำนวนมากบนร่างกาย ดูเหมือนนักโทษที่ถูกทรมาน
ทั้งร่างของชายผู้นี้เป็สีดำ ราวกับได้รับพิษ
“หัวหน้าสังกัดติง ที่ข้าบอกว่าให้รอจนถึงพรุ่งนี้ เป็เพราะพิษในร่างเขายังมิได้ถูกกำจัด เวลานี้จึงยังไม่ได้สติ พรุ่งนี้ถึงจะฟื้นขอรับ” หลี่เหว่ยอธิบาย
“ปลุกเขา!” หัวหน้าสังกัดติงสั่งเสียงเคร่ง
“หัวหน้าสังกัดติง ถ้าเราฝืนปลุกเขาขึ้นมา จิติญญาของเขาจะเสียหาย ดังนั้น...” หลี่เหว่ยกล่าวอย่างลำบากใจ
“ข้าบอกว่าให้ปลุกเขา!” หัวหน้าสังกัดติงกล่าวย้ำ ด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองยิ่ง
“ขอรับ!” หลี่เหว่ยตอบรับอย่างเสียมิได้
เพียะๆๆ!
นักโทษถูกแส้เฆี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า ภายใต้การสั่งการของหลี่เหว่ย หลังจากถูกเฆี่ยนตีชั่วก้านธูป คนผู้นั้นก็ขยับตัว ดูเหมือนจะได้สติแล้ว
“แค่ก!”
นักโทษจ้องมองกลุ่มคนที่อยู่ในถ้ำ พลางกระอักโลหิตสีดำ เพราะพิษที่ยังคงตกค้างอยู่
“มาที่นี่อีกแล้วหรือ? หลี่เหว่ย เ้าฝันไปเถอะ ฆ่าข้าเสีย... ฆ่าข้า!” นักโทษร้องะโ
“หากอยากตาย ก็รีบบอกสิ่งที่เ้ารู้มาโดยเร็ว ว่าอย่างไร? เ้าคนดื้อด้าน รู้หรือไม่ว่าข้าต้องจ่ายไปเท่าใด เพื่อหากรงเถาพิษนี้มากักขังเ้า? คิดจะตาย... มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ?!” หลี่เหว่ยกล่าว พลางแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม
“ฆ่าข้าๆ!” นักโทษร้องะโด้วยความเ็ป
“หัวหน้าสังกัดติงอยากพบเ้า!” หลี่เหว่ยเอ่ย
หัวหน้าสังกัดติงค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า และเปิดหมวกคลุม ทันทีที่ใบหน้าของหญิงชราเผยออกมา นางก็จ้องนักโทษเขม็งทันที
เมื่อเห็นหญิงชราผู้นั้น ร่างของนักโทษก็กระตุกวูบ คล้ายสติจะฟื้นคืนเต็มที่ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง พลางกล่าวน้ำเสียงเ็า “ติงรุ่ย! เ้ามันนางแม่มดเฒ่า หากมีฝีมือมากพอก็สังหารข้าเสียสิ เ้าสามารถฆ่าข้าได้หรือไม่?”
ติงรุ่ยยิ้มเยาะ แล้วพูด “ยี่สิบปี... ยี่สิบปี... เิไท่ เ้าช่างอึดจริงๆ!”
เิไท่? สีหน้าของกู่ไห่ที่อยู่ด้านหลังกลุ่มคน เปลี่ยนไปทันที
ผิดละ!... หัวหน้าสังกัดปฐีแห่งหออี้ผิน เิไท่?
มิใช่ว่าข้าสังหารเขาไปแล้วหรือ?
ทว่า ชายคนนี้รูปร่างหน้าตาคล้ายเิไท่ผู้นั้นมาก...
... แต่จะมีเิไท่สองคนได้อย่างไร?!
------------------------------------------
[1] หินต้วนหลง ตามตำนานเป็กำแพงหินที่ใช้ปกป้องทางเข้าสุสานกษัตริย์ โดยที่จะนำหินก่อนเล็กๆ วางซ้อนกันตรงปากทางเข้าโดยจะวางก่อจนได้ระดับก่อนที่จะวางหินก้อนใหญ่ลงไปปิดที่้าสุด หากมีใครมาขยับหินด้านล่าง กองหินก็จะพังถล่ม ทำให้หินก้อนใหญ่้าร่วงลงมาทับคนที่ขยับหิน โดยทั่วไปจะใช้เพื่อหยุดโจรขุดสุสาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้