ข่าวเื่เสวียนเทียนหนึ่งกระบวนท่ากำราบศัตรู ถูกบรรดาลูกศิษย์สำนักนอกที่เห็น ซึ่งในนั้นก็มีศิษย์ชั้นสูงอยู่ด้วยเป็จำนวนมากกระจายข่าวออกไปในหมู่ศิษย์นอกอย่างรวดเร็วทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
ศิษย์ชั้นสูงที่ชมดูการต่อสู้ของเสวียนเทียนบางส่วนเป็คนของศิษย์พี่หยางหรือไม่ก็จางหลงความเป็ไปในการแข่งขันของเสวียนเทียนจึงแพร่ไปถึงหูของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถของเสวียนเทียนแต่ศิษย์หัวแถวของศิษย์ชั้นสูงอย่างศิษย์พี่หยางหรือจางหลงเป็ต้นกลับแค่นเสียงออกจมูกไม่สนใจแม้แต่น้อย
ฉวี่เซี่ยงหนานคนนั้นก็เป็แค่ศิษย์พลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดลูกศิษย์พลังวัตรขั้นเก้าคนไหนสักคนก็ชิงกระบี่เอาชนะด้วยมือเปล่าได้วิธีของเสวียนเทียนถึงแม้จะยอดเยี่ยมแต่ความสามารถที่แสดงออกมาก็ไม่ได้เหนือกว่าศิษย์พลังวัตรขั้นเก้า ย่อมไม่อาจพอให้ลูกศิษย์หัวแถวอย่างศิษย์พี่หยางหรือจางหลงเห็นค่าได้
เสวียนเทียนลงจากเวทีก็ตรงออกจากลานกว้างเดินไปทางที่พัก
การแข่งขันจัดอันดับที่สำคัญจริงๆ คือการแข่งขันรอบหลังๆการแข่งขันรอบแรก ทั้งหมด 508 คู่ เสวียนเทียนเป็คู่ที่ 467 ยังเหลืออีก 41 คู่ การแข่งขันก็จบลงแล้ว
แต่ว่า หลังการแข่งขันรอบที่หนึ่งจบสิ้นลงยังต้องรอลูกศิษย์ที่ตกรอบทั้ง 508 คนจัดอันดับเสร็จเสียก่อน จากนั้นจึงจะเริ่มการแข่งขันรอบที่สองเวลาคือสองวันหลังจากนี้
ใน่การแข่งขันศิษย์ธรรมดาจำต้องอยู่ที่ลานกว้างดูการแข่งขันของศิษย์ชั้นสูง แต่ศิษย์ชั้นสูงที่เข้าร่วมการแข่งขันสามารถไปหรืออยู่ได้อย่างอิสระการแข่งขันด้านหลังไม่น่าสนใจสำหรับเสวียนเทียนไม่สู้ไปฝึกวิทยายุทธ์วิถีปราณเพิ่มสักหลายรอบเลื่อนพลังวัตรขึ้นชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าให้เร็วที่สุดเสียยังดีกว่า
เพิ่งข้ามยอดเขาได้เพียงลูกเดียวเสวียนเทียนเพ่งสายตามองไปทางด้านหน้า
คนผู้หนึ่งหันหลังให้เสวียนเทียนอยู่เขายืนอยู่กลางเส้นทาง ร่างยืนตรงราวกับกระบี่ที่ชักออกจากฝัก เปล่งประกายคมกริบเพียงแค่แผ่นหลังเสวียนเทียนก็รู้ได้ทันทีจากกลิ่นไอรัศมีอันคมกริบนั้นคนผู้นี้คือจางหลงนั่นเอง
ย่างก้าวของเสวียนเทียนหาได้หยุดลงไม่ เขายังคงมุ่งต่อไปข้างหน้าเมื่อระยะห่างจากจางหลงเหลือเพียงประมาณสิบจั้ง จางหลงก็หันกายกลับมาสายตาดั่งปราณกระบี่ตวัดมองมาที่เสวียนเทียน
“เ้ามาแล้ว!” จางหลงพูดขึ้นสามคำ
เสวียนเทียนสีหน้าไม่เปลี่ยน ถามขึ้นว่า “มีเื่อันใด?”
ดวงตาจางหลงฉายแววดูถูก พูดขึ้นว่า “ได้ยินว่าเ้าใช้มือเปล่าชิงอาวุธหนึ่งกระบวนท่าเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ในชั้นเดียวกัน”
“แล้วอย่างไร?” เสวียนเทียนจับจ้องจางหลง
จางหลงหัวเราะเสียงเบาขึ้นมา กล่าวต่อว่า “ลูกเล่นกระจอกรอบที่หนึ่งศิษย์พลังวัตรขั้นเจ็ดแทบจะตกรอบหมดแล้วรอบที่สองน่าจะเหลือเพียงศิษย์ชั้นพลังวัตรขั้นแปดไม่รู้ว่าเ้าจะทนไปได้นานสักเท่าไร? เ้าจะท้าสู้ข้ากลัวว่าเ้าจะไม่มีความสามารถนั้น ทนไปได้ไม่ถึงรอบสุดท้ายน่ะสิ”
เสวียนเทียนหัวเราะขึ้นมาบ้าง ตอบว่า “เ้าไม่ต้องห่วงกระดูกชั้นต่ำของเ้า ข้าจะทำให้เ้าสมปรารถนา เข้ารอบต่อไปจนได้เจอกับเ้า ข้าจะช่วยดัดกระดูกเ้าให้เอง”
จางหลงสีหน้าเคร่งขึ้น ส่งเสียงประชดขึ้นมาทีหนึ่งกล่าวว่า “ไม่ต้องพูดจาใหญ่โตเสียเปล่าไปสุดท้ายกระดูกใครชั้นต่ำ ใครดัดกระดูกใคร อีกไม่นานก็ได้รู้กันถ้าคนของหยางติ่งจวินเจอกับเ้าคงไม่ให้เ้าได้ผ่านไปสบายนักเ้าคงต้องแสดงความสามารถสักหน่อยไม่รอถึงมือข้าก็อย่าเอากระดูกไปโดนคนอื่นหักเสียก่อนล่ะ”
พูดจบจางหลงก็มองเหยียดเสวียนเทียนครั้งหนึ่งแล้วก็หันกายจากไปเดินไปได้ประมาณห้าก้าวก็หยุดแล้วหันกลับมา “ใกล้แล้ว ตระกูลหวงของเ้าไม่นานก็จะถูกไล่ออกจากอำเภอเป่ยโม่แล้ว ฮึๆ!”
ครั้งนี้พูดจบจางหลงก็ไม่หันกลับมาอีก เดินจากไปไกล
เสวียนเทียนมองเงาร่างด้านหลังของจางหลงคำพูดที่พูดถึงตระกูลหวงทำให้ในใจเขาความโกรธพลุ่งพล่านลึกลงไปในดวงตาอันลึกล้ำคู่นั้นชั่วครู่ปรากฏเงากระบี่ดั่งหยกขาวเล่มหนึ่งขึ้นมาเลือนรางในใจจิตสังหารผุดพรายขึ้นมา
ทันใดนั้นเองเสวียนเทียนก็มีความรู้สึกอยากฝึกกระบี่อย่างรุนแรงไม่ฝึกกระบี่ก็เหมือนแม่ไก่ที่อยากตกไข่แต่ต้องกลั้นไว้เพราะไม่สบาย แต่อย่างไรก็ต้องตกไข่ออกมา
เสวียนเทียนไม่ได้กลับที่พักตรงไปยังยอดเขาด้านหลังที่มักจะมาฝึกกระบี่ ไม่รอช้าดึงกระบี่หิมะเหมันต์ออกมาเพลงกระบี่ถลาลมหนึ่งกระบวนถูกใช้ออกมาอย่างเป็ธรรมชาติ
เสวียนเทียนย่อมไม่เห็นเงากระบี่ที่อยู่ลึกลงไปในดวงตาของตัวเองเพียงรู้แค่ว่าเวลานี้้าฝึกกระบี่ เขาจึงฝึกกระบี่ไม่หยุดกระบี่หิมะเหมันต์ในมือ เคลื่อนจากบนลงล่าง กระบี่หนึ่งแทงทแยงออกไปท่านี้เป็ท่าเริ่มต้นของเพลงกระบี่ถลาลม กระบี่ดุจสายลมไหว นาทีนี้ในใจของเสวียนเทียนรับรู้ถึงเพลงกระบี่อย่างชัดเจนเป็ที่สุดรูปร่างใดๆของสายลมที่ตัดผ่านอากาศเสวียนเทียนััได้อย่างชัดเจนกระบี่ติดตามสายลม ฉับไวเหนือธรรมดา
คลื่นวายุสามตลบ!
หนึ่งกระบี่แทงออกไปจนสุด ก้าวเท้าขยับนิดหนึ่งกระบี่ในมือเป็ดุจแรงของสายลม หนึ่งระลอกไม่ทันสงบ อีกหนึ่งระลอกก็โหมพัดแทงกระบี่ออกไปข้างหน้าอีกสามครั้ง
วายุคลั่งกวาดแดนดิน!
เสวียนเทียนจับกระบี่หิมะเหมันต์ฟันขวางเหมือนกับพายุคลั่งกวาดราบผืนแผ่นดิน ลมจากกระบี่พัดผ่านที่ใด ต้นหญ้าบนดินต่างค้อมตัวหมอบราบตามแรงลม
กระบี่ตามติดสายลมไหว!
ในใจของเสวียนเทียนสงบ นาทีนี้เขาไม่เพียงใช้ตาฝึกกระบี่หรือใช้มือฝึกกระบี่แต่ใช้ทั้งร่างกายฝึกกระบี่ ใช้ความรู้สึกฝึกกระบี่ ทิศทางที่ลมมุ่งไปทิศทางที่กระบี่มุ่งไป เห็นเพียงเงากระบี่ติดตามไปกับกระแสลม สลับซับซ้อนในชั่วดีดนิ้วมือ เขาก็แทงออกไปหลายกระบี่
กระบี่ขยับสายลมติดตาม!
ทันใดนั้น เสวียนเทียนจับได้ถึงเส้นทางของสายลมชักนำกระแสลมประสานเข้ากับกระบี่ พอเงากระบี่ขยับ ก็ไม่ได้ขยับติดตามสายลมอีกแล้วแต่เป็เงากระบี่ตัดผ่านที่ใด สายลมติดตาม รวดเร็วทรงพลังไม่มีสิ่งใดเทียบได้
.....
.....
เสียงลมสี่ทิศกระหน่ำ!
ทันใดนั้นเสวียนเทียนก็แทงออกไปหนึ่งกระบี่แสงกระบี่ในมือพลันสลายหายไป ได้ยินเพียงเสียงลมซู่ซ่า
ถลาลมหนึ่งกระบี่!
กระแสลมในอากาศยังคงเหมือนเก่าแสงกระบี่สายหนึ่งพลันติดตามสายลมออกมากระบี่นี้ราวกับปรากฏขึ้นมาจากที่ใดที่หนึ่งของสายลม แต่ที่ใดไม่มีสายลมอยู่ จะป้องกันย่อมทำไม่ได้
เพลงกระบี่ถลาลมหนึ่งกระบวนฝึกเสร็จในใจของเสวียนเทียนก็โล่งขึ้นมาก เพลงกระบี่ถลาลมดูเหมือนจะสำเร็จขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง
ความปรารถนาที่จะฝึกกระบี่ในใจยังคงพลุ่งพล่านเสวียนเทียนยังคงแทงทแยงกระบี่ออกไป ใช้ท่าเริ่มต้นกระบี่ดุจสายลมไหวเริ่มต้นขึ้นเป็รอบที่สอง
หลังจากประสบเหตุพิสดารที่บึงซ่อนกระบี่ แล้วกระบี่หยกขาวเล่มน้อยเล่มนั้นเข้ามาอยู่ในหว่างคิ้วของเสวียนเทียนในใจของเสวียนเทียนเพิ่งมีไฟโกรธลุกโชนเช่นนี้เป็ครั้งแรกเพราะว่าเื่นี้เกี่ยวกับตระกูลหวงด้วย
จดหมายของบิดาเล่าว่าความขัดแย้งระหว่างตระกูลหวงกับตระกูลจาง หนิว เฉิงสามตระกูลยิ่งมากขึ้นทุกวัน คงต้องเกิดต่อสู้กันขึ้นมาในไม่ช้าตระกูลหวงเพิ่งตั้งตัวขึ้นมาย่อมตกเป็รอง ได้ยินน้ำเสียงเมื่อครู่ของจางหลง ดูเหมือนว่าตระกูลจางหนิว เฉิงทั้งสามตระกูลคงใกล้จะลงมือกับตระกูลหวงแล้ว
ไฟโทสะของเสวียนเทียนคงไปกระตุ้นกระบี่หยกขาวเล่มน้อยกลางหว่างคิ้วเล่มนั้นเป็ครั้งแรกที่ดวงตาของเสวียนเทียนปรากฏเงากระบี่ขึ้นมาเงากระบี่ในดวงตาทำให้เสวียนเทียนฝึกฝนวิชากระบี่ราวกับคนบ้าความเข้าใจในวิชากระบี่ล้ำหน้ายามปกติไปไกล ไม่นานเมื่อฝึกรอบที่สองจบ เสวียนเทียนก็เริ่มรอบที่สาม!
รอบที่สี่!
รอบที่ห้า!
……
……
รอบแล้วรอบเล่าอึดใจเดียวเสวียนเทียนก็ฝึกเพลงกระบี่ถลาลมไปถึงสิบรอบ ทั้งร่างเหงื่อโชกดุจฝนชโลมทว่าเสวียนเทียนยังคงไม่หยุด กระบี่แทงทแยงออกไป เสวียนเทียนก็เริ่มต้นฝึกรอบที่สิบเอ็ดขึ้นมาอีก
“หืม!”
ปากของเสวียนเทียนหลุดเสียงใออกมาครั้งนี้แทงกระบี่ออกไป ในสมองพลันมีแสงสว่างวาบขึ้น ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแต่ความรู้สึกนั้นฉายวาบขึ้นมาแล้วก็หายไป จับไว้ไม่ทัน
เสวียนเทียนจึงแทงกระบี่ไปข้างหน้าทั้งอย่างนั้นชั่วเวลาดีดนิ้วมือผ่านไป เสวียนเทียนไม่ออกกระบวนท่าที่สองคลื่นวายุสามตลบต่อแต่ชักกระบี่กลับแล้วแทงออกมาอีกครั้ง
กระบี่นี้เสวียนเทียนจดจ่อมากขึ้นแต่ก็ยังไม่ปรากฏความเข้าใจเหมือนตอนนั้น
เสวียนเทียนชักกระบี่กลับอีกครั้ง แล้วแทงออกมาอีกครั้งยังไม่มี!
ชักกระบี่กลับ แทงกระบี่ออกมา!
ชักกระบี่กลับมาอีก แทงกระบี่ออกมา!
.....
.....
แทงกระบี่อยู่ติดกันสิบกว่าครั้งก็ยังไม่เกิดบรรลุความเข้าใจอันใด
มีคำกล่าวประโยคหนึ่งกล่าวไว้ตั้งใจปลูกดอกไม้ดอกไม้ไม่บาน ไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิวต้นหลิวงอกงาม
เมื่อเสวียนเทียนเพิ่มความจดจ่อตั้งใจคิดอยากััความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นอีกครั้งแต่ทำอย่างไรก็เข้าสู่สภาวะตอนนั้นไม่ได้
คิดว่าอาจเป็เพราะเพิ่มความจดจ่อ ในใจจึงเคร่งเครียดเกินไปเสวียนเทียนจึงลองผ่อนคลายตัวเองลง
ลืมว่าอยากบรรลุ
ลืมว่ากำลังฝึกกระบี่
ราวกับว่าไม่รู้สึกตัว เสวียนเทียนแทงกระบี่ออกมาครั้งหนึ่ง
เหมือนกับว่าจะััได้นิดหนึ่งความรู้สึกเบาบางเกินไป ยังไม่พอ
เสวียนเทียนแทงกระบี่ทแยงออกมาอีกครั้งหนึ่ง
หนึ่งครึ่ง อีกหนึ่งครั้ง แล้วก็อีกครั้ง
เสวียนเทียนลืมสิ้นทุกสิ่งใช้ท่าที่หนึ่งของกระบี่ถลาลม กระบี่ดุจสายลมไหว ออกมาซ้ำๆ
ที่จริงเป็ครั้งที่หนึ่งร้อยหรือเป็ครั้งที่สองร้อย หรืออาจเป็ครั้งที่ห้าหกสิบกันแน่
เสวียนเทียนไม่รู้อีกแล้วเขารู้สึกว่าจำนวนครั้งมากอยู่ แต่ก็เหมือนจะยังไม่มาก เขาลืมแล้วว่าตัวเองแทงออกไปแล้วกี่กระบี่
ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไร เมื่อเสวียนเทียนแทงกระบี่ออกไปในสมองก็บังเกิดความเข้าใจขึ้น
ดวงตาทั้งสองของเสวียนเทียนพลันปิดสนิทร่างทั้งร่างยังคงท่าทางที่แทงกระบี่นั่นออกไป
เวลาผ่านไปนานหลายนาทีเสวียนเทียนยังคงค้างท่าทางไว้ไม่ขยับ
จนผ่านไปครึ่งชั่วยามทันใดนั้นเสวียนเทียนก็ลืมตาขึ้น
เสวียนเทียนมองไปรอบตัว สายตาของเขาเปลี่ยนไปแหลมคมเหลือประมาณ
สายลมเบาพัดผ่าน หญ้าเขียวบนพื้น ปลายยอดหญ้าลู่เอนนิดๆใบไม้ทุกใบบนต้นไม้พลิ้วไหวท่าทางต่างๆ กันไปตามกระแสลม
ประสาทการฟังของเสวียนเทียนก็กลายเป็เฉียบคมยากหาใดเปรียบเขาได้ยินเสียงเสียงเบาๆ เสียงหนึ่งดังมาจากใต้ต้นไม้ที่อยู่ด้านข้างฟังดูเหมือนกับคนกำลังประกระบี่กัน
หันสายตามองไปเป็ตั๊กแตนสองตัวกำลังทะเลาะกันขาหน้าคมกริบแข็งแรงของพวกมันฟาดฟันไปมา ปะทะกันกลางอากาศราวกับมือกระบี่สองคนกำลังประลองกระบี่กันดูเหมือนแฝงกระบวนท่าที่ยอดเยี่ยมถึงขีดสุดไว้
“เป็เช่นนี้นี่เอง!”
เสวียนเทียนอุทานขึ้นมาเบาๆในใจปลอดโปร่งอย่างที่สุด เขาแทงกระบี่ออกไป
อากาศที่นิ่งสงบ ติดตามการแทงกระบี่ครั้งนี้ไปเกิดเป็คลื่นกระแสลมสายหนึ่ง สายลมบางเบาวูบหนึ่งเกิดขึ้นมาแล้ว
เพลงกระบี่ถลาลมก่อนหน้านี้ของเสวียนเทียนล้วนเป็กระบี่เคลื่อนไหวติดตามสายลมมีแค่ตอนที่ฝึกถึงท่ากระบี่ขยับสายลมติดตามเท่านั้นถึงจะใช้กระบี่ขับเคลื่อนสายลมได้
แต่ว่ากระบี่นี้ไม่เพียงใช้กระบี่ขับเคลื่อนสายลมแต่เป็การสร้างสายลมขึ้นมา
เพลงกระบี่ถลาลม เมื่อมีสายลมถึงสามารถเปล่งประกายพลังได้ถึงขีดสุดแต่เสวียนเทียนในเวลานี้ หนึ่งกระบี่แทงออกไปก็สามารถสร้างสายลมหอบหนึ่งขึ้นมาได้ไม่ว่าจะเวลาไหน เพลงกระบี่ถลาลมก็สามารถแสดงพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้หรือแม้กระทั่งแสดงพลังที่แข็งแกร่งเกินกว่าเพลงกระบี่ถลาลมก่อนหน้านี้เพลงกระบี่ถลาลมในมือของเสวียนเทียนดูเหมือนจะสูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ กลายเป็วิชากระบี่ชั้นทองขั้นสูง
ท่ากระบี่ของเพลงกระบี่ถลาลมทั้งหมดฉายซ้ำในสมองของเสวียนเทียนไม่หยุดก่อนจะผสานเข้าหากัน ในท้ายที่สุด ท่ากระบี่ทั้งยี่สิบเจ็ดท่าก็ถูกเสวียนเทียนผสานเข้าด้วยกันจนเหลือเพียงกระบวนท่ากระบี่เก้าท่า
“ต่อไป เพลงกระบี่ถลาลมชั้นทองขั้นกลางไม่มีอยู่อีกแล้วมีเพียงเพลงกระบี่ชั้นทองขั้นสูง ถลาลมเก้ากระบี่!” กระบี่ในมือของเสวียนเทียนขยับ หนึ่งกระบี่แทงออกอากาศสองข้างแหวกออกเกิดเป็กระแสลมสองสาย กระบี่ของเสวียนเทียนเคลื่อนไปทางซ้ายทีขวาทีติดตามกระแสลมทั้งสอง พลันแทงออกไปด้านหน้า ลึกลับยากหยั่งถึง ดุจดั่งสายลมทำให้คนไม่อาจแยกแยะได้ว่าเป้าหมายของการโจมตีอยู่ที่ใด
“กระบวนท่าวายุทลาย”