นอกกลุ่มเมฆที่ปั่นป่วนนั้น มีอสูรเมฆานับหมื่นกระจายล้อมอยู่ พวกเขากำลังตรวจสอบค่ายกล มีบางคนถึงกับกำลังตื่นเต้น ผู้ฝึกตนหลายหมื่นคน มิได้เกรงกลัวกองทัพของกู่ไห่อีกต่อไป ตรงกันข้าม ต่างจับจ้องมันด้วยท่าทีคาดหวัง
ความเย้ายวนของต้นท้อร้อยปีมีมากยิ่ง สายตาของผู้คนต่างแสดงออกว่าแทบทนรอไม่ไหว ที่จะชิงต้นท้อร้อยปีไป แต่เ้ากู่ไห่ผู้นั้นกลับคิดจะทำลายมัน?
ผู้ฝึกตนหลายหมื่นคนจ้องตรงไป ดวงตาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ บางที... บางที หากเรารวมพลังโจมตีเข้าไปพร้อมกัน อาจจะมีโอกาสได้ลูกท้อร้อยปีมากระมัง?
...
ภายในกลุ่มเมฆ
เฉินเทียนซาน เกาเซียนจือและเสี่ยวโหรว ต่างมองกู่ไห่เป็ตาเดียว ชายหนุ่มปลิดลูกท้อที่เหลืออีกเจ็ดลูกออกมาอย่างเบามือ จากนั้นก็วางหกลูกลงไปในกล่องหยก ก่อนเก็บไว้ในช่องว่างมิติของตน
ส่วนลูกสุดท้ายที่เหลือนั้น กู่ไห่อ้าปาก กินไปทันที
ตามคาด ลูกท้อสีทองละลายทันทีที่เข้าปาก รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่าง
ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็สั่นเทา แสงพร่างพราวปรากฏทั่วร่าง
ปัง!
พลัน พลังชี่มหาศาลจากทั่วสารทิศ ก็พุ่งตรงมายังกู่ไห่
เฉินเทียนซานจ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง แววตาสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น นั่นคือลูกท้อร้อยปี... ท่านหัวหน้ากินไปแล้ว จะเกิดผลลัพธ์อย่างไรบ้าง?
ตูม!
และแล้ว ภายในร่างของกู่ไห่ก็เกิดเสียงดังขึ้น
พลังหยวนเก้าเม็ด ได้หลอมรวมกันเป็หนึ่งเดียว
"ระดับแรก์ขั้นที่สี่?!" ดวงตาของชายหนุ่มสว่างวาบทันที
ลูกท้อสีทองหนึ่งลูก ช่วยให้ข้ายกระดับพลังไปถึงขั้นที่สี่ได้จริงหรือนี่? แน่นอนว่า ยังมีพลังอีกประเภทหนึ่งอยู่ในร่างกู่ไห่ เขารู้สึกได้ถึงความมีชีวิตชีวาของมัน แต่อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่เื่สำคัญ แค่เข้าสู่ขั้นที่สี่ของระดับก่อ์ได้ ก็พอแล้ว
ใบหน้าของชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มทันที
ทว่า เฉินเทียนซานที่อยู่ด้านข้าง กลับร้องโพล่งอย่างใ “อะไรกัน? ท่านหัวหน้า เมื่อครู่นี้ท่านเพิ่งบรรลุขั้นที่สี่ ของระดับก่อ์หรือขอรับ?”
“หืม?” กู่ไห่มองอีกฝ่ายด้วยความงุนงง
เฉินเทียนซานกลับมองกู่ไห่ ด้วยสายตาสับสน "เป็ไปได้อย่างไร? นั่นเป็ถึงลูกท้อร้อยปี เป็ยาอายุวัฒนะที่ล้ำค่าที่สุดในโลก
ที่โลกภายนอก เพียงหนึ่งลูกก็สามารถนำไปแลกหินิญญาได้เป็ูเา แต่กลับยกระดับพลังของท่านได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น?"
"นี่เป็ยาอายุวัฒนะ ไม่ใช่สมุนไพริญญา มิใช่ว่าท่านได้บอกเอาไว้หรอกหรือ ว่ายาอายุวัฒนะอาจจะไม่ช่วยยกระดับพลังก็ได้" เกาเซียนจือที่อยู่ใกล้ๆ พูด พลางสั่นศีรษะ
เฉินเทียนซานมองกู่ไห่ด้วยสายตางุนงง “ท่านหัวหน้า นั่นคือลูกท้อร้อยปี ท่านใช้มันเพียงเพื่อยกระดับการฝึกปรือขึ้นเล็กน้อย มิใช่ว่าสิ้นเปลืองเกินไปหรือขอรับ?”
ก่อนหน้านี้ ที่ให้เสี่ยวโหรวกินไปถึงสามลูก เป็เพราะ้าช่วยชีวิตนาง ซึ่งถือว่ายอมรับได้ แต่นี่ใช้เพียงเพื่อเลื่อนระดับเล็กๆ น้อยๆ เป็การสิ้นเปลืองเกินไปหรือไม่?... ไม่ว่าท่าน้าหินิญญากี่ก้อน ข้าก็สามารถให้ท่านได้ แค่แบ่งลูกท้อให้ข้าสักลูก
“ฟุ่มเฟือย? หากสิ่งใดสามารถยกระดับพลังได้ ข้าก็จะใช้มัน ไม่ว่าสมบัติเ่าั้จะมีค่าเพียงใดก็ตาม!" กู่ไห่กล่าว พลางส่ายหน้า
"ขอรับ! มันเป็ลูกท้อของท่าน ท่านใช้ได้ตามใจปรารถนาอยู่แล้ว" เฉินเทียนซานประชด
"ท่านหัวหน้า คนนอกมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ฝึกตนนับหมื่นกำลังจะโจมตีค่ายกล ทำอย่างไรดีขอรับ? เราอาจไม่สามารถป้องกันได้ " เกาเซียนจือกล่าวอย่างกังวล
"ค่ายกลของข้าไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงต้องเรียกพวกเ้าเข้ามาช่วยดูแล การขัดขวางคนเ่าั้หาใช่เื่ยากไม่!" กู่ไห่ส่ายหน้า
“พวกเราสี่คนสู้กับฝูงชนนับหมื่น?” เฉินเทียนซานโพล่งออกมา ใบหน้าดูไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใคร่เต็มใจนัก
ในความคิดเขา นี่ไม่ต่างจากการหาเื่ตาย พวกเขามีกองทัพหมื่นอาชา แต่ฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนมากกว่า นี่มิใช่ว่ารนหาที่หรอกหรือ?
"ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็อย่างไร พวกเ้าแค่พยายามให้ดีที่สุดก็พอ แล้วข้าจะตอบแทนด้วยลูกท้อร้อยปี หลังจบศึก!" ชายหนุ่มกล่าว ท่าทางจริงจัง
"ขอรับ!" ดวงตาของเกาเซียนจือเป็ประกายพลัน
“ผู้มีพระคุณ ไม่จำเป็ต้องให้ข้าเ้าค่ะ เพราะข้ากินไปตั้งสามลูกแล้ว!” เสี่ยวโหรวส่ายหน้าปฏิเสธทันที
"จริงหรือขอรับ?" ดวงตาของเฉินเทียนซานเปล่งประกายทันควัน
ไม่ว่าผลจะเป็อย่างไร ตราบเท่าที่เราอย่างทำเต็มที่ ก็จะได้ลูกท้อร้อยปีตอบแทน
ใบหน้าที่เพิ่งบิดเบี้ยวหายไปทันใด เฉินเทียนซานรีบรับคำอย่างตื่นเต้น “ท่านหัวหน้าโปรดวางใจ ข้าจะทุ่มเทพลังทั้งหมด และพยายามอย่างเต็มที่แน่นอนขอรับ!”
กู่ไห่พยักหน้า
“ท่านหัวหน้า หากเว่ยเซิงเหรินไม่ปรากฏตัวในอีกสิบวัน ท่านจะทำลายต้นท้อร้อยปีจริงหรือขอรับ?” เกาเซียนจือมองต้นท้อร้อยปี พลางขมวดคิ้ว และยื่นมือไปััมัน
วูบ!
ร่างเกาเซียนจือสั่นทันที ดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์
ฟิ้ว!
กู่ไห่ยื่นมือไปดึงแขนอีกฝ่ายลงทันที
"เมื่อครู่เกิดสิ่งใดขึ้น?" สีหน้าของเกาเซียนจือเปลี่ยนไปทันควัน
เฉินเทียนซานก็จ้องมองต้นท้อร้อยปี ด้วยความแปลกใจเช่นกัน
“เ้ายังจำแผ่นหยกในหุบเขาไร้โศกได้หรือไม่?” กู่ไห่ถามน้ำเสียงเคร่งขรึม
"โอ้! อรหันต์เหลียนเซิงบอกว่ามันคือค่ายกล ที่เราได้เม็ดหมากสีทองมา ก็เพราะหยกแผ่นนั้น ตอนที่ััมัน เราทุกคนก็ได้เข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน แต่จู่ๆ มันก็แตกเป็เสี่ยงๆ หลังท่านหัวหน้าเข้าไป" เกาเซียนจือเอ่ย ท่าทีสับสน
กู่ไห่พยักหน้า “ต้นท้อร้อยปีนี่ก็เช่นเดียวกัน หากข้าไม่ขัดขวางไว้ เ้าคงจะเข้าสู่ห้วงฝันเช่นเดิม”
“ห้วงฝัน! เกิดอะไรขึ้น?” เฉินเทียนซานโพล่งถามอย่างพิศวง
"ข้าคิดว่าต้นท้อร้อยปีนี้ ก็เหมือนกับแผ่นหยกนั่น เป็สิ่งที่ผู้าุโกวนฉีสร้างขึ้น และคงไม่ใช่เื่ดี หากเ้าเข้าไปในห้วงฝัน" กู่ไห่อธิบายเสียงเคร่ง
“เอ๊ะ!” สีหน้าของเกาเซียนจือและเฉินเทียนซาน เปลี่ยนไปทันที
“ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ว่าผู้าุโกวนฉีวางแผนจะทำสิ่งใดกันแน่ แต่ไม่น่าจะใช่เื่ดีอันใดสำหรับพวกเรา แม้เขาจะสิ้นไปแล้ว แต่ก็มีความลับหลายอย่างที่ทิ้งเอาไว้เื้ั ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่
ต้นท้อร้อยปีนี้สำคัญยิ่ง มันต้องมีความลับอันยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่ ก่อนหน้านี้ ข้าก็รู้สึกถึงมันแล้ว แต่ข้าสามารถถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัย
ใช่ว่าไม่้ารู้ แต่ความแข็งแกร่ง สถานการณ์และกองกำลังในปัจจุบันของข้า อ่อนแอเกินไป จึงไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ในยามนี้ คงจะดีกว่า หากไม่เข้าไปสำรวจมัน” กู่ไห่กล่าว พลางส่ายหน้า
"แต่..." เกาเซียนจือขมวดคิ้ว
"ไม่มีแต่ เกาเซียนจือ เ้าจำคำของข้าเอาไว้ให้ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์ ก็คือการตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขาทำ และทำในสิ่งที่ตนทำได้ มิฉะนั้น หากพยายามทำในสิ่งที่เกินความสามารถ ชีวิตก็อาจจะหาไม่!" กู่ไห่เอ่ย
เกาเซียนจือมีสีหน้านับถือ พยักหน้ารับทันที "ขอรับ ข้าจะจดจำให้ขึ้นใจ ขอบคุณท่านหัวหน้าที่ชี้แนะ!"
กลับกัน เฉินเทียนซานที่อยู่ใกล้ๆ ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย ได้แต่มองคนทั้งสองอย่างงุนงง
“ท่านหัวหน้า คงจะทำลายต้นท้อร้อยปีนี้จริงๆ น่าเสียดายยิ่ง!” เฉินเทียนซานกล่าวอย่างเสียใจ
"น่าเสียดาย? หึ! เช่นนั้นหากข้าให้ต้นท้อร้อยปีนี้แก่เ้า เ้าจะสามารถนำมันไปได้หรือไม่?" กู่ไห่ถาม พร้อมแค่นยิ้ม
"เอ๊ะ! ให้ข้าหรือขอรับ?" ดวงตาของเฉินเทียนซานเป็ประกาย
"เ้าแน่ใจหรือไม่ ว่าจะสามารถออกจากเกาะเทียนหยวนได้?" กู่ไห่ยังคงยิ้ม
เฉินเทียนซานรู้สึกตัว สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะยกยิ้มขื่น และกล่าวว่า "สิ่งที่ท่านหัวหน้า้าชี้แนะก็คือ ความหมกมุ่นและหลงใหล ที่ข้าน้อยมีต่อสมบัติชิ้นนี้"
“อย่างที่ข้าพูดไปเมื่อครู่ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์ คือการตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขาทำได้ แม้ว่าสมบัติจะสำคัญ แต่ต้องดูด้วยว่า เ้ามีความสามารถพอที่จะมันหรือไม่
หากเ้าไม่มีความสามารถในการปกป้องมัน นั่นก็หาใช่สมบัติล้ำค่าไม่ แต่เป็หายนะ... ที่อาจทำให้เ้าถึงตาย!” กู่ไห่อธิบาย
"ขอรับ! / เ้าค่ะ!" ทุกคนพยักหน้า
กุบกับ!
ทหารอสูรเมฆาสามคนแยกตัวจากกองทัพใหญ่ ทันใดนั้น ทั้งสามก็เริ่มเปลี่ยนไป ชิ้นส่วนของชุดเกราะ เริ่มปรากฏขึ้นบนร่าง พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อาวุธในมือก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
“จ้าวจื่อหลงแห่งฉางซาน[1] คารวะเหนือหัว!” อสูรเมฆาตนหนึ่งกล่าว
"เกาเซียนจือ เ้าดูแลอสูรเมฆาตนนี้ นี่เป็รูปลักษณ์ของแม่ทัพผู้กล้า ที่ข้าใช้จินตนาการสร้างขึ้นจากค่ายกล จ้าวจื่อหลงชำนาญในการใช้หอกยาว ฝีมือเก่งกาจไร้เทียมทาน” กู่ไห่แนะนำอย่างใจเย็น
"ขอรับ!" เกาเซียนจือตอบรับ พลางนำหมากสีทองของตัวเองออกมา และก้าวขึ้นไปบนศีรษะของจ้าวจื่อหลง ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆ จมลงไปในศีรษะของอสูรเมฆาตนนั้น
ตูม!
พายุอันรุนแรงปะทุจากร่างของจ้าวจื่อหลง รังสีดุดันกระจายไปทั่วสารทิศ
"กวนอวิ๋นฉางจากเจี่ยเหลียง[2] คารวะเหนือหัว!" ทันใดนั้น ทหารอสูรเมฆาอีกตนก็เปล่งเสียง
"เฉินเทียนซาน เ้าดูแลอสูรเมฆาตนนี้ นี่เป็รูปลักษณ์ของแม่ทัพผู้กล้า ที่ข้าใช้จินตนาการสร้างขึ้นจากค่ายกล กวนอวิ๋นฉางถนัดในการใช้ง้าวัเขียว ง้าวของเขาแกร่งกล้าไร้ผู้เทียบเทียม” กู่ไห่เอ่ย
"ขอรับ!" เฉินเทียนซานตอบ
เมื่อก้าวขึ้นไปบนศีรษะของอสูรเมฆากวนอวิ๋นฉาง ร่างของเฉินเทียนซานก็ค่อยๆ จมลงไปในศีรษะของมัน
ตูม!
กวนอวิ๋นฉางลูบเครายาวของตน ขณะกลิ่นอายดุดันจากร่าง กำจายไปทุกทิศทาง
"ท่านหัวหน้า อสูรเมฆาของท่านช่างสง่างามนัก แข็งแกร่งยิ่งกว่าอสูรวัวั์ของข้าเสียอีก" เฉินเทียนซานร้องอย่างอัศจรรย์ใจ
กู่ไห่ไม่ได้สนใจอีกฝ่าย เพียงมองอสูรเมฆาตนสุดท้าย
"ชาวเยี่ยน จางอี้เต๋อ[3] คารวะเหนือหัว!" อสูรเมฆตนสุดท้ายะโออกมา
"เสี่ยวโหรว เ้าดูแลอสูรเมฆาตนนี้ จางอี้เต๋อเป็รูปลักษณ์ของแม่ทัพผู้กล้า ที่ข้าใช้จินตนาการสร้างขึ้นจากค่ายกล สิ่งที่เขาถนัดคือทวนอสรพิษ ฝีมือฉกาจไร้เทียมทาน" กู่ไห่กล่าว
"เ้าค่ะ!" เสี่ยวโหรวตอบอย่างตื่นเต้น
ในที่สุด นางก็สามารถช่วยผู้มีพระคุณได้แล้ว เสี่ยวโหรวะโขึ้นไปบนศีรษะของอสูรเมฆาจางอี้เต๋ออย่างมีความสุข ก่อนที่ร่างของนางจะจมเข้าไปในศีรษะของมัน
ตูม!
เสี่ยวโหรวควบคุมทวนอสรพิษ อาวุธในมือแม่ทัพตอบสนองทันที ทวนอสรพิษเคลื่อนไหวคล้ายงูั์ ที่กำลังเริงระบำอยู่ในมือของจางอี้เต๋อ รังสีดุดันแผ่ไปทั่วสารทิศ
"นี่คือค่ายกลฟ้าดินตารางหมากยี่สิบแปดเส้น ข้าได้แบ่งเป็สี่ทิศ พวกเราสี่คนจะรับหน้าที่ดูแล และบัญชาการกองกำลังคนละทิศ เพื่อ เตรียมพร้อมรับมือกับผู้ฝึกตนจากทุกทิศทาง จำไว้ว่า หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ อย่าลงมือโดยพลการ เพียงบัญชาการกองทัพก็พอ!” กู่ไห่กล่าวเสียงเคร่ง
"ขอรับ! / เ้าค่ะ!" ทั้งสามตอบรับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“วางใจได้ หากไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น อสูรเมฆาแม่ทัพผู้กล้าทั้งสาม จะไม่ลงมือ มีข้าอยู่นี่ พวกนั้นไม่มีทางโจมตีเข้ามาได้แน่!" กู่ไห่ยิ้ม
“ขอรับ! / เ้าค่ะ!” ทั้งสามพยักหน้า
ปัง!
จากนั้น กู่ไห่ก็สอนให้ใช้พลังจากแม่ทัพผู้กล้าทั้งสาม ในการควบคุมกองทัพ พวกเขาจึงบัญชาการรบอย่างตื่นเต้นยินดี
ปัง!
เสียงกึกก้องดังมาจากกลุ่มเมฆ ดูเหมือนความกระหายอยากของผู้ฝึกตนจะมาถึงขีดสุดแล้ว
...
ณ พื้นดิน ภายในป่า บนูเาลูกหนึ่ง
คุณชายเก้ามองท้องฟ้าด้วยสีหน้าเ็า ผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา คือกลุ่มคนซึ่งสวมชุดคลุมสีดำ
"คุณชายเก้าใกล้สำเร็จแล้วขอรับ เราได้กระตุ้นความปรารถนาของผู้คนตามแผนแล้ว ขอเพียงท่านสั่ง คนของเราที่ปะปนอยู่ในกลุ่มคนนอก ก็จะกระตุ้นพวกเขา ให้โจมตีค่ายกลทันทีขอรับ!” ชายชุดดำรายงานด้วยท่าทีนอบน้อม
ั์ตาของคุณชายเก้าหรี่ลง ขณะมองท้องฟ้า "กู่ไห่ เ้ามีอสูรเมฆามากมายแล้วอย่างไร นั่นก็เป็เพียงกองทัพหมื่นอาชา แต่คนภายนอกพวกนั้น มีจำนวนมหาศาล มาดูกันสิ ว่าเ้าจะป้องกันอย่างไร?”
"เริ่มการโจมตีเต็มรูปแบบ!" คุณชายเก้าสั่งเสียงเย็น
---------------------------------------
[1] จ้าวจื่อหลงแห่งฉางซาน คือจู่ล่ง จากตำนานสามก๊ก
[2] กวนอวิ๋นฉางจากเจี่ยเหลียง คือกวนอู จากตำนานสามก๊ก
[3] ชาวเยี่ยน จางอี้เต๋อ คือเตียวหุย จากตำนานสามก๊ก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้