บทที่ 110 ไท่ไป๋จินซิงโกรธจัด
“นายจะส่งของพวกนี้ไปให้พวกเขาหมดเลยเหรอ?”
หลิวฉิงลอยวนดูรอบโกดังหนึ่งรอบ พอเห็นสีหน้าของเย่จื่อเฉิน เธอก็มั่นใจประมาณหนึ่งว่าเขาจะต้องส่งไปทั้งหมดแน่นอน
“นายไม่กลัวว่าถ้าพวกเขาได้ของไปแล้ว จะไม่ทำงานให้นายเหรอ!”
อันที่จริง เย่จื่อเฉินก็มีความคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน ถ้าส่งของหมดนี้ไปให้พวกเขา มันจะส่งผลต่อปริมาณการขายในอนาคตหรือเปล่า
หรือว่าจะเหลือบางส่วนเอาไว้ จะได้ใช้เป็สินค้าตัวใหม่ทางการตลาดเพื่อโปรโมตขายในวันข้างหน้า
แต่ว่าให้ใบราคาไปแล้วนี่สิ ถ้าไม่ส่งไปหมดมันก็ไม่ใช่เื่ อีกอย่างเขาไม่เชื่อว่าโกดังนี้มันจะสามารถจุขนมในโลกนี้เอาไว้ได้ทั้งหมด
ส่วนถ้าไม่ทำงาน…
“ฉันว่านายหาตัวแทนสักคนไว้ดูแลกลุ่มที่ชื่อว่า ‘เลือกพรีเซนเตอร์ทางการตลาด’ นั่นดีกว่านะ แล้ว่นี้ก็ให้พวกเขาแข่งขันกัน อย่างน้อยแบบนี้ก็จะได้มีคนตั้งใจทำงาน”
“สาวน้อย ฉลาดนี่”
ยกมือขึ้นเคาะศีรษะของหลิวฉิงเล็กน้อย
ความคิดของเธอเข้าท่าจริงๆ
“งั้นก็เอาอย่างที่เธอว่าแล้วกัน”
สแกน
ติ๊ง!
ติ๊ง!
ติ๊ง!
เย่จื่อเฉินส่งอั่งเปารัวๆ ส่งอั่งเปาไปแล้วหลายร้อยอัน ก็แปลว่าส่งสินค้าไปแล้วหลายร้อยชิ้น
ส่งออกไปจนถูกแทนที่ด้วยโกดังอันว่างเปล่า
ทางนี้ส่งจนมือล้า ทางนั้นก็กดรับจนมือหงิก
แจ้งเตือนรายชื่อคนที่ได้รับอั่งเปาบนหน้าจอโทรศัพท์ถูกปัดออกไป
ติ๊ง!
ระดับความสนิทของคุณกับผู้เฒ่าจันทราเพิ่มขึ้น 50 ระดับความสนิทปัจจุบันอยู่ที่ 230
ระดับความสัมพันธ์ก้าวหน้า
ระดับความสัมพันธ์ปัจจุบันคือพึ่งพาอาศัย
ติ๊ง!
ระดับความสนิทของคุณกับาาวานรเพิ่มขึ้น 50 ระดับความสนิทปัจจุบันอยู่ที่ 225
ระดับความสัมพันธ์ก้าวหน้า
ระดับความสัมพันธ์ปัจจุบันคือพึ่งพาอาศัย
ติ๊ง!
ติ๊ง!
ข้อความแจ้งเตือนระดับความสนิทเด้งขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ไม่หยุด ภายในเวลาแค่ครู่เดียว ระดับความสนิทของเซียนทั้งห้าคนในกลุ่มนี้ก็เพิ่มขึ้นถึงระดับพึ่งพาอาศัยทั้งหมด
ไม่นาน เหล่าเซียนทุกคนที่ได้แย่งอั่งเปาไปหมดแล้ว ก็ได้เริ่มปรากฏตัวขึ้นมาในกลุ่ม
ผู้เฒ่าจันทรา : สหายเซียน นี่…(สติกเกอร์หน้าตาตกตะลึง)
องค์ชายสามนาจา : อร่อย…(ดูท่าว่าจะเริ่มกินแล้ว)
าาวานร : ฮ่าฮ่าฮ่า ใจกว้าง
ยี่หนึงจินกุน : สหายใจกว้างมาก
ขุนพล์เทียนเผิง : อร่อยมาก…(เ้านี่ก็เริ่มกินแล้ว)
จริงอย่างที่คิดไว้สองคนที่ทำให้เย่จื่อเฉินไม่ไว้ใจที่สุด คือขุนพล์เทียนเผิงกับองค์ชายสามนาจา เขาสองคนไม่ได้ทำให้รู้สึกเบาใจสักนิด
ได้แล้วก็กินทันทีจริงๆ ด้วย
แต่นี่ก็เป็ความเสี่ยงที่เย่จื่อเฉินต้องแบกรับ พวกเขาสองคนกินไปแล้ว แต่สามคนนั้นยังไม่ได้กิน
เย่จื่อเฉิน : นี่เป็สินค้าที่ให้พวกท่านทดลองใช้ฟรี หวังว่าพรีเซนเตอร์ทุกท่านจะนำผลตอบรับที่ดีมาให้ข้า ถ้าพวกท่านทำงานได้ดี ทางข้าจะตอบแทนผลประโยชน์ให้ไม่น้อยทีเดียว แล้วก็สินค้าทดลองใช้ก็คือสินค้าพวกนี้ ซึ่งก็หมายความว่าของพวกนี้เป็สินค้าที่พวกท่านต้องใช้เปิดการขายบน์ ถ้าพวกท่านกิน…
ขุนพล์เทียนเผิง : กินแล้วจะเป็อะไรไหม?
องค์ชายสามนาจา : กินไม่ได้เหรอ?
เย่จื่อเฉิน : กินได้ พวกท่านอยากกินก็กิน แต่ถ้ากินไปแล้ว พวกท่านจะโปรโมตสินค้าบน์ไม่ได้ แล้วในอนาคตพวกท่านก็จะไม่ได้รับส่วนลด จริงสิ สุดท้ายพรีเซนเตอร์จะเหลือแค่คนเดียว และจะตัดสินจากยอดขายของทุกท่าน
เย่จื่อเฉินเม้มปากยิ้ม มองดูกลุ่มที่ตกอยู่ในความเงียบ
เย่จื่อเฉิน : โอเคทุกท่าน ่เวลาหลังจากนี้เป็เวลาของพวกท่านแล้ว
เย่จื่อเฉินกดออกจากกลุ่ม บิดี้เีพลางมองดูโกดังที่ว่างเปล่า ก่อนจะล้วงเอาเบอร์โทรศัพท์นำเข้าสินค้าที่ซูอี้อวิ๋นให้เขาไว้ออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ฮัลโหล สวัสดี สั่งสินค้าหน่อย”
ในเวลาเดียวกันนั้น บน์
นาจาที่สวมชุดเกราะสีทอง ขมวดผมขึ้นเป็ปม สวมผ้าคลุมท้องสีแดง วางขนมในมือลงด้วยใบหน้าเสียดาย
“กินไม่ได้”
ทางด้านขุนพล์ยังควบคุมตัวเองได้อยู่ ไม่กินก็ไม่กิน แต่ขนมเป็กองที่เย่จื่อเฉินเพิ่งส่งมา
เหมือนจะเหลือแค่เครื่องดื่มอยู่ไม่กี่แก้วแล้ว
องค์ชายสามนาจายู่ปากอย่างเสียดาย มองดูแวบหนึ่งแล้วก็ดันกองขนมไว้ด้านข้างเขา
“กินอีกสักอันคงไม่เป็อะไรหรอก”
ในขณะที่เขากำลังจะแกะวุ้นกิน นางฟ้าลูกท้อก็บินมาจากอีกทาง
“องค์ชายสาม”
“พี่สาวลูกท้อ”
องค์ชายสามเงยหน้ายิ้มดีใจ นางฟ้าลูกท้อตัวน้อยลอยลงมาอยู่ข้างเขา เมื่อเห็นกองขนมตรงหน้าเขาที่เหมือนกับูเาลูกเล็ก ก็ถามด้วยความสงสัย
“นี่คืออะไร?”
“ของกินที่ท่านเง็กเซียนนิรนามให้ข้ามา พี่สาวลูกท้อจะกินไหม?”
หยิบเอาวุ้นออกมาก่อนจะยื่นให้อันหนึ่ง แล้วองค์ชายสามก็นึกถึงข้อความของเย่จื่อเฉินที่พูดในกลุ่มขึ้นมาได้
“ท่านเง็กเซียนนิรนาม้าวิทยายุทธ์ ถ้าพี่สาวลูกท้ออยากกินขนมพวกนี้ ก็ไปซื้อกับเขาได้”
ในขณะเดียวกัน คนอื่นๆ ทางด้านประตู์ทิศใต้
ผู้เฒ่าจันทรานั้นเลือกวิธีที่แตกต่างกับองค์ชายสามนาจา เขาคือตัวแทนขาย
คุณสามารถลองชิมฟรีได้ แต่ถ้าจะซื้อต้องไปหาเขา!
ผู้เฒ่าจันทราเพิ่มราคาสินค้าขึ้นสิบเปอร์เซ็นต์บนใบแสดงราคาสินค้าที่เย่จื่อเฉินทำให้
ยี่หนึงจินกุนกับาาวานรก็เริ่มทำหน้าที่
กว่าจะสั่งของเข้ามาตุนไว้เรียบร้อย ท้องฟ้าข้างนอกก็มืดแล้ว พอนึกถึงหัวเรือใหญ่อย่างซูอี้อวิ๋นขึ้นมาได้ เย่จื่อเฉินจึงได้เรียกเขาให้ออกมาเจอกันที่คาเฟ่แถวมหาวิทยาลัย
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในร้าน สุราชั้นดีหลากหลายสีสันวางอยู่บนโต๊ะ
ซูอี้อวิ๋นยกแก้วเหล้าขึ้นชนแก้วกับเย่จื่อเฉิน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“จื่อเฉิน เพื่อนฉันบอกว่านายสั่งของจากเขาอีกแล้วเหรอ”
“อืม ของในโกดังขายหมดแล้ว”
“ขายหมดแล้ว?”
ซูอี้อวิ๋นอุทานใ
สินค้าล๊อตแรกเขาเป็คนสั่งเข้ามา เขาตั้งใจว่าจะช่วยเย่จื่อเฉินลดปัญหา จึงได้กักตุนเอาไว้ในปริมาณที่กำหนด
จากการคาดการณ์ของเขา ในสถานที่ที่ทุรกันดารแบบนั้น อย่างน้อยของพวกนี้ก็น่าจะขายไปได้ถึงครึ่งเดือน
แต่เย่จื่อเฉินกลับบอกเขาว่า ขายหมดแล้ว
นี่มันเพิ่งตอนบ่ายในวันเดียวเองนะ
“เย่จื่อ นายไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม”
ซูอี้อวิ๋นกลืนน้ำลาย ต่อให้เขาคิดจนหัวแตกก็คิดไม่ออกว่ามันจะมีวิธีขายแบบไหน ที่จะสามารถขายของได้หมดโกดังภายในเวลาที่สั้นขนาดนี้
“แจกฟรี จะไม่ให้ขายหมดเร็วได้ไง?”
“...”
ซูอี้อวิ๋นทำหน้ามึนงง
“นายแจกหมดเลยเหรอ?”
“ใช่แล้ว”
“ป๋านักนะ”
ซูอี้อวิ๋นไม่รู้ว่าจะด่าเขาว่าอะไรแล้ว สินค้าพวกนั้นราคาตั้งหลายหมื่นหยวน นึกจะแจกก็แจกเลยเหรอ
“นายไม่เข้าใจหรอก กินเหล้าเถอะ”
เย่จื่อเฉินยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับเขาเล็กน้อย มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูโพสต์ของเหล่าเซียนไปด้วย
ในบรรดาเหล่าเซียนทั้งห้า ผู้เฒ่าจันทราคือคนที่ตั้งใจทำงานที่สุด
เขาทำการโพสต์โปรโมตสินค้าไม่หยุด ความเร็วในการอัปเดตเกือบจะไล่ทันวีแชทกลุ่มธุรกิจของเย่จื่อเฉินแล้ว
แถมใต้โพสต์ยังมีข้อความตอบกลับจำนวนมาก ดูท่าว่าในอนาคตเขาจะได้กลายเป็ตัวแทนขายรายใหญ่ของเย่จื่อเฉินเสียแล้ว
ส่วนทางด้านนาจา และคนอื่นๆ ไม่เห็นว่าจะมีการเคลื่อนไหวอะไรในโพสต์เลย ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเป็ยังไงบ้าง
ติ๊ง!
โทรศัพท์สั่นขึ้นมา ทำเอาไหล่ของเย่จื่อเฉินสั่นไปด้วย
แป๊บเดียวก็มีลูกค้าทักมาหาแล้วเหรอ?
เย่จื่อเฉินหอบความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้พร้อมกับกดลงไป ถึงได้เห็นว่าเป็ไท่ไป๋จินซิงที่ทักมาหาเขา
ไท่ไป๋จินซิง : เ้าตัวน้อย นี่เ้ากำลังท้าทายความอดทนของข้าอยู่สินะ
ดูท่าว่า ไท่ไป๋จินซิงจะโมโหแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้