ห้องนอนกว้างที่เวลานี้มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟดวงน้อยเพียงหนึ่งดวงูเี่อันกำลังม้วนตัวกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ใต้ผ้าห่ม
เรียกเขาว่าอาจารย์ลู่ยังไม่เท่าไรแต่เธอดันจูบเขาเนี่ยสิ!
นักเรียนที่ไหนจะใจกล้าขนาดนั้น?
อีกอย่าง...หลังจูบเขาแล้วทำไมเธอต้องมานอนกลิ้งอย่างตื่นเต้นแบบนี้ด้วยเนี่ย?
เข็มนาฬิกาชี้ไปยังเลขหนึ่งแล้วแตู่เี่อันก็ยังนอนไม่หลับ
ร่างกายของเธอเหมือนถูกปลุกด้วยเสียงเพลงวอลซ์ตลอดเวลาความสุขใจที่เอ่อล้นไปทุกอณูของเซลล์ในร่างกายทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นจนยากที่จะข่มตาหลับ
ความรู้สึกอันน่าอัศจรรย์นี้เกิดขึ้นเพราะลู่เป๋าเหยียนเธอรู้ดี
ูเี่อันนอนกลิ้งไปมาจนกระทั่งตีสองกว่าจะเผลอหลับไปแต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังไม่ลืมคำพูดของตนที่ว่าจะทำอาหารเช้าให้ลู่เป๋าเหยียนเธอตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนหกโมงครึ่ง ทำให้เธอมีเวลานอนได้ไม่ถึงห้าชั่วโมง
เมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในยามเช้าเธอจึงยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงอย่างไม่อยากรับรู้ เธออยากนอนต่อโดยไม่ต้องสนใจเสียงร้องของมันแต่ใบหน้าของลู่เป๋าเหยียนผุดขึ้นมาในสมอง
สามวินาทีต่อมาเธอจึงเตะผ้าห่มออก และปีนลงจากเตียงในสภาพที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง
ห้องครัว
ลุงสวีเห็นูเี่อันกำลังสะลึมสะลือจึงนึกว่าเธอเดินละเมอลงมาข้างล่างในใจคิดกลัวว่าเธอจะเผลอเดินไปชนตู้ในครัวเข้าจึงร้องเตือน
“คุณผู้หญิงค่อยทำอาหารเช้าให้คุณชายพรุ่งนี้ก็ได้นะครับกลับไปนอนให้เต็มอิ่มดีกว่าเดี๋ยววันนี้ต้องออกไปช่วยงานที่บริษัทอีกไม่ใช่เหรอครับ”
“ไม่เป็ไรค่ะ”ูเี่อันล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อเรียกสติ“ฉันรับปากเขาไว้แล้วว่าวันนี้จะทำอาหารเช้า”
พูดจบเธอก็เปิดตู้เย็นเพื่อหยิบไข่ไก่และนำมันวางมันลงบนเครื่องต้มไข่ พลางคิดว่าวันนี้จะทำอะไรเป็มื้อเช้าดี
สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจทำแซนด์วิชทูน่าอโวคาโดหลังจากต้มไข่เป็เวลาสี่นาทีก็ได้ไข่ยางมะตูมน่าทาน เธอจัดการปิ้งหน่อไม้ฝรั่งและหั่นผลไม้อีกไม่กี่อย่างแล้วจึงนำของทั้งหมดมาจัดเรียงลงบนจานสีขาวไว้สองชุดอาหารเช้าสีสันสดใสดูน่ารับประทานก็เสร็จเรียบร้อย
เพราะลู่เป๋าเหยียนชอบดื่มกาแฟหรือนมเป็อาหารเช้าูเี่อันจึงอุ่นนมร้อนไว้ให้เขาและทำมิลด์เชคที่โรยธัญพืชไว้้าให้กับตัวเอง
ไม่ถึงชั่วโมงอาหารเช้าทั้งหมดก็พร้อมเสิร์ฟูเี่อันเองก็ตื่นเต็มตาเสียที
อาหารเช้าของพ่อครัวของที่บ้านก็มักจะจัดแต่งจานไว้อย่างสวยงามแต่ถึงอย่างนั้นก็มักจะเน้นคุณค่าทางอาหารและสิ่งที่ลู่เป๋าเหยียนชอบเป็หลักเมื่อเห็นอาหารหน้าตาสีสันสดใสตรงหน้า ลู่เป๋าเหยียนจึงเลิกคิ้วถาม
“เธอเคยเรียนการจัดแต่งจาน?”
“ฉันมีเวลาไปเรียนที่ไหนกัน”เธอกุมมือสองข้างเท้าโต๊ะก่อนตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณลู่ค่ะต่อจากนี้อาหารทุกอย่างที่คุณจะได้รับประทานไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยความใส่ใจของดิฉันแต่ยังรวมถึงประสบการณ์การแต่งจานนับหลายปีของดิฉันอีกด้วยนะคะ”
ลู่เป๋าเหยียนลองชิมแซนด์วิช
“รสชาติไม่เลวเลย”
ูเี่อันยิ้มอย่างคาดหวัง
“แล้วมีรางวัลให้ฉันไหม”
ลู่เป๋าเหยียนยื่นแบงก์ร้อยให้เธอหนึ่งใบูเี่อันรับมันมาพลางเบะปากอย่างไม่พอใจ
“งกชะมัด”
“อยากได้เยอะกว่านี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”ลู่เป๋าเหยียนบอก
“ฉันให้ราคาเดียวกับมื้อเย็นถ้าเธอยอมทำมื้อเช้าด้วย”
ความเย้ายวนของเงินตราช่างยิ่งใหญ่แต่เมื่อูเี่อันลองพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เธอก็ส่ายหน้าปฏิเสธไป
“ถ้ากลับไปทำงานแล้วคงยุ่งมากให้นอนดึกตื่นเช้า ฉันคงจะไม่ไหว”
“งั้นลาออกเลยดีไหมล่ะ”ลู่เป๋าเหยียนยื่นข้อเสนอ “ฉันจะให้เงินเดือนเธอเป็สิบเท่าจากที่เธอได้ตอนนี้หากเธอยอมลาออกมาอยู่บ้าน”
ถ้าเป็แบบนั้นนอกจากเธอจะไม่ต้องไปขลุกอยู่กับเจียงเส้าข่ายทุกวันแล้วเขายังสามารถเจอเธอได้ทันทีทุกครั้งที่กลับถึงบ้าน
ูเี่อันตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยว่า
“ฉันอุตส่าห์เรียนมาตั้งหกปีกว่าจะได้เป็แพทย์นิติเวชชำนาญการพิเศษถ้าลาออกก็เท่ากับว่าสิ่งที่เรียนมาเสียเปล่าหมดสิอีกอย่างการแต่งงานของพวกเราก็...เอาเป็ว่าฉันไม่อยากเป็แม่บ้านเต็มตัวหรอกนะการทำอาหารก็แค่งานอดิเรกยามว่าง อีกอย่างพ่อครัวที่นี่ก็เป็มืออาชีพอยู่แล้วต่อให้นายจ่ายฉันมากกว่าเงินเดือนปัจจุบันสักร้อยเท่า ฉันก็ไม่เอาหรอก”
คำตอบของเธออยู่ในการคาดเดาของลู่เป๋าเหยียนอยู่แล้วถ้าูเี่อันยอมรับเงื่อนไข เขาคงไม่รู้จักตัวตนของูเี่อันเอาซะเลย
เขาจบหัวข้อการสนทนานี้ลงและบอกใหู้เี่อันรีบกินอาหารเช้า เพราะวันนี้เขาต้องรีบไปบริษัท
ูเี่อันมองรอยยิ้มมุมปากของเขาและถลึงตาใส่
“นี่นายล้อฉันเล่นงั้นเหรอ”
ลู่เป๋าเหยียนตอบหน้านิ่ง“ถ้าเธอเอาจริง ฉันจะไปคุยเื่ลาออกกับผู้กำกับตอนนี้เลยก็ได้นะ”
“นายกล้างั้นเหรอ!”พูดจบก็เริ่มรู้ตัวว่าเขาคงล้อเธอเล่นอีกแล้ว เธอกัดแซนด์วิชอย่างหงุดหงิด
“เชอะก่อนออกจากบ้านไม่ต้องมาพูดกับฉันเลยนะ”
ดังนั้นอาหารมื้อนี้จึงดำเนินต่อไปด้วยความเงียบงัน แต่ที่น่าแปลกคือทั้งสองคนกลับนั่งทานกันไปอย่างเป็ธรรมชาติ
ถ้าเป็เมื่อก่อนหลังกินอาหารเช้าทั้งคู่ก็แยกกันขับรถของตัวเองไปทำงาน คนหนึ่งไปสถานีตำรวจ อีกคนไปที่บริษัทเพราะฉะนั้นการได้นั่งรถไปทำงานพร้อมกันกับลู่เป๋าเหยียนถือเป็ประสบการณ์ใหม่สำหรับูเี่อัน
หลังขึ้นรถลู่เป๋าเหยียนก็เปิดแท็บเล็ตขึ้นมาเช็คอีเมลูเี่อันกลัวว่าตนจะไปรบกวนเขาจึงขดตัวนอนพักผ่อนอยู่ที่มุมรถ
กว่าลู่เป๋าเหยียนจะสังเกตเห็นเธอก็หลับปุ๋ยไปแล้ว เธอนอนกอดหมอนอิงขดตัวราวกับสัตว์ตัวน้อยๆแพขนตางอนพริ้มหลับอย่างเป็สุข
ลู่เป๋าเหยียนถอนหายใจเบาก่อนจะค่อยๆ ดึงหมอนอิงออกจากมือเธอให้เธอนอนหนุนจากนั้นจึงถอดเสื้อสูทออกมาห่มให้เธอ และสั่งให้อาเฉียนลดความเร็วลง
่เวลาเร่งด่วนแบบนี้ต่อให้อาเฉียนอยากขับเร็วแค่ไหนก็คงเป็ไปไม่ได้ถนนที่เต็มไปด้วยรถราจนแทบมองไม่เห็นพื้นถนนแบบนี้ตามปกติลู่เป๋าเหยียนคงขมวดคิ้วยุ่งอย่างหงุดหงิดแต่วันนี้ต่อให้รถติดหนักกว่านี้เขาก็คงไม่เป็ไร
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นรถคันงามก็เคลื่อนตัวเข้ามาจอดหน้าบริษัท ลู่เป๋าเหยียนส่งเสียงปลุกูเี่อันเธอหลับไม่ลึกนักจึงลืมตาตื่นขึ้นมาทันที พลางมองลู่เป๋าเหยียนอย่างสะลึมสะลือ
“ถึงบริษัทแล้ว”ลู่เป๋าเหยียนพูด
เมื่อพบว่าตนกำลังห่มเสื้อสูทของเขาอยู่ก็รู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ เธอส่งมันกลับคืนให้ลู่เป๋าเหยียน
“ขอบคุณนะ”
จากนั้นทั้งสองคนจึงลงจากรถและเดินเข้าบริษัท
เวลานี้หน้าประตูเต็มไปด้วยพนักงานที่กำลังเดินเข้าออกูเี่อันพยายามหลบสายตาทุกคนอยู่ข้างกายลู่เป๋าเหยียนแต่เขากลับยื่นแขนมาโอบเอวเธอ
“ความใกล้ชิด”ของทั้งคู่ ประจักษ์แก่สายตาทุกคนในทันที
ูเี่อันพยายามดิ้นออกจากวงแขนนั้นอย่างแเีที่สุด
“ลู่เป๋าเหยียน ปล่อย!”
เขายิ่งรัดเอวเธอแน่นขึ้นพร้อมยิ้มบาง
“เมื่อวานฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ทำตัวให้ชิน”
ูเี่อันจึงทำได้แค่ก้าวเท้าให้ไวขึ้นเมื่อเข้าไปในลิฟต์จึงเบี่ยงตัวออกจากวงแขนของลู่เป๋าเหยียนได้สำเร็จเขาเองก็ไม่ว่าอะไร
เมื่อลิฟต์เปิดออกที่ชั้นของฝ่ายกลยุทธ์ลู่เป๋าเหยียนก็กดปุ่มเปิดค้างเอาไว้
“ตอนเที่ยงฉันจะมารับ”
“อืม” ูเี่อันตอบเธอเดินตรงไปที่ห้องของผู้จัดการไช่ในทันทีโดยไม่หันกลับไปมอง
ผู้จัดการไช่มาทำงานั้แ่เช้าเมื่อเห็นูเี่อันจึงยิ้มทักทาย
“เมื่อวานท่านผอ.ไปรับคุณนายที่โรงแรมใช่ไหมคะ”
“ทำไมคุณถึงรู้ล่ะคะ”ูเี่อันถามอย่างสงสัย
“เมื่อวานตอนฉันออกมาเห็นคุณนายดูไม่ค่อยสบาย เลยโทรบอกท่านผอ.น่ะค่ะตอนหลังถึงรู้ว่าเขาเลิกงานก่อนเวลา” ผู้จัดการไช่อธิบาย“ดิฉันเลยเดาว่าท่านผอ.คงไปรับคุณนายได้ข่าวว่าท่านผอ.เพิ่งเคยเลิกงานก่อนเวลาเป็ครั้งแรกเลยนะคะ”
เมื่อวานเธอมึนหัวมากเลยไม่รู้ว่าลู่เป๋าเหยียนมารับเธอตอนไหนเธอยิ้มตอบกลับไปด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวาน และเริ่มลงมือสะสางเอกสารตรงหน้า
เหลืออีกแค่ไม่กี่เื่ที่ต้องจัดการเดิมทีูเี่อันคิดว่าคงทำเสร็จั้แ่่เช้าแต่เพราะลู่เป๋าเหยียนลงมารับเธอเร็ว เธอจึงต้องพักงานเอาไว้ และออกไปกับเขา
เธอชอบรสชาติอาหารของร้านเมื่อวานที่เขาพาไปมากแต่วันนี้เธอเดาว่าเขาคงไม่พาเธอไปกินอาหารฝรั่งซ้ำอีกแน่
แล้วก็จริงตามคาดเมื่อเขาเลี้ยวรถไปตามตรอกซอกซอย และเข้าไปในซอยเก่าแก่แห่งหนึ่งในเขตเมือง
ซอยนี้ค่อนข้างลึกที่สุดซอยมีตึกรูปทรงโบราณที่เมื่อมองดูดีๆ คือร้านอาหารจีนกวางตุ้งตั้งอยู่
ถ้าจะบอกว่าภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสที่พวกเธอไปมาเมื่อวานคือร้านอร่อยที่โด่งดังจนทุกคนต้องรู้จักงั้นร้านอาหารกวางตุ้งแห่งนี้ก็คือสิ่งตรงกันข้ามมีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้จักและเดินทางมาที่นี่
ทว่าอาหารของที่นี่รสชาติดีและเป็แบบดั้งเดิมจริงๆูเี่อันถามลู่เป๋าเหยียนอย่างสงสัยขณะกินซุปลูกชิ้นเนื้อวัว
“นายรู้จักที่นี่ได้ยังไง”
“ร้านนี้เป็ของเพื่อนเก่าฉัน”ลู่เป๋าเหยียนตอบ
ูเี่อันกำลังจะถามว่าเพื่อนเก่าของเขาคนนี้คือใครทันใดนั้นใครบางคนที่แสนคุ้นเคยปรากฏตัวขึ้นที่หน้าร้าน เธอนิ่งตะลึงอย่างแปลกใจ
ซูอี้เฉิงเองก็สังเกตเห็นูเี่อันกับลู่เป๋าเหยียนทันทีที่เข้ามาเขาเดินเข้ามาพลางยิ้มทักทาย
“บังเอิญจังนะ”
ลู่เป๋าเหยียนเรียกให้พนักงานนำชามกับตะเกียบมาเพิ่ม
“กินด้วยกันไหม”
ซูอี้เฉิงไม่ปฏิเสธเขาเลื่อนเก้าอี้ให้จางเหมยอย่างสุภาพบุรุษ หลังจากจางเหมยเอ่ยขอบคุณเขาเสียงเบาก็หันกลับมามองลู่เป๋าเหยียนและูเี่อัน ก่อนจะโค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อทักทาย
“สวัสดีค่ะ ผอ.ลู่คุณหนูซู”
ูเี่อันยิ้มตามมารยาทก่อนจะส่งเมนูในมือให้จางเหมยสั่งอาหาร เธอรู้ดีว่าพี่ชายชอบกินอะไรจึงสั่งอาหารแทนเขา แต่จางเหมยเองก็สั่งอาหารของโปรดของซูอี้เฉิงด้วยเช่นกัน
ดูท่าลั่วเสี่ยวซีจะทายถูกซูอี้เฉิงกับจางเหมย คงมีซัมติงกันแน่ๆ...
ซูอี้เฉิงรินน้ำชาให้ตัวเองก่อนถาม
“เจี่ยนอันน้องยังลางานอยู่เหรอ”
“ค่ะ” ูเี่อันตอบ“รอให้งานครบรอบบริษัทผ่านไปก่อน หนูถึงจะกลับไปทำงานนะค่ะ”
ซูอี้เฉิงดูประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดเขามองหน้าลู่เป๋าเหยียนก่อนจะยิ้มออกมา
“ลำเอียงนี่นาทีงานครบรอบของเครือเฉิงอัน น้องกลับไม่ยอมมาเป็คู่ควงให้พี่”
“พี่ขาดคู่ควงซะที่ไหนกัน”ูเี่อันตอบอย่างไม่ใส่ใจ
ซูอี้เฉิงพูดหยอก“เป๋าเหยียน น้องฉันจะบอกว่านายขาดคู่ควงน่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มมุมปากเล็กน้อย“แต่ที่ฉันได้ยิน น่าจะคนละความหมายกันนะ”
ซูอี้เฉิงพูดต่ออย่างนึกสนุก“งั้นที่นายได้ยินหมายความว่าไง”
“หมายความว่าพี่มีผู้หญิงในสต๊อกเยอะน่ะสิ”ูเี่อันบ่นพี่ชายตนอย่างไม่ไว้หน้า“งานครบรอบของเครือลู่พี่ก็ไปด้วยใช่หรือเปล่า เลือกคู่ควงได้หรือยัง?”
ซูอี้เฉิงถอนหายใจ“ที่เขาว่ากันว่า มีลูกสาวไว้เพื่อคนอื่นนี่ท่าจะจริง น้องบอกเองว่าพี่ไม่เคยขาดคู่ควงงั้นก็อย่ากังวลแทนพี่เลย”
เมื่อหลอกให้เขาพูดออกมาไม่ไดู้เี่อันจึงก้มหน้ากินเนื้อวัวต่ออย่างไม่พอใจ แต่จู่ๆ ก็ได้ยินลู่เป๋าเหยียนพูดขึ้นว่า
“ยังต้องเลือกอีกเหรอคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เหมาะสมกันดีนี่ ”
ซูอี้เฉิงแค่ยิ้มตอบและเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
“งานครบรอบสิบปีของเครือลู่สิ่งสำคัญไม่ใช่เื่คู่ควงของฉันสักหน่อยว่าแต่พวกนายเตรียมการกันถึงไหนแล้วล่ะ”
“เกือบเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้วค่ะ”ูเี่อันตอบ
“เจี่ยนอันน้องรู้ได้ยังไงว่าเตรียมงานไปถึงไหน” ซูอี้เฉิงถามอย่างสงสัย
ลู่เป๋าเหยียนหันหน้ามองูเี่อันก่อนจะยิ้มตอบ
“สองวันนี้เธอไปช่วยงานฉันที่บริษัทน่ะ”เขาพูดอวดอย่างภูมิใจ
ซูอี้เฉิงเริ่มเซ็งขึ้นมาอีกครั้ง“แต่ก่อนเจี่ยนอันไม่ยอมแม้แต่จะไปบริษัทฉันด้วยซ้ำขอให้ช่วยแปลเอกสารสักชุดยังต้องต่อรองราคา แต่นี่กลับยอมสละวันพักผ่อนเพื่อไปช่วยงานเครือลู่? เจี่ยนอันน้องโตเป็ผู้ใหญ่แล้วจริงๆ พี่ภูมิใจในตัวน้องมาก”
พวงแก้มใสของูเี่อันแดงระเรื่อขึ้นเธอกระแอมก่อนจะคีบเนื้อวัวให้ซูอี้เฉิง
“ถ้าภูมิใจมากก็กินเยอะๆนะคะ”
