กว่าูเี่อันจะสะสางงานทั้งหมดจนเสร็จก็บ่ายสองโมงแล้ว
ั้แ่เดินออกจากห้องทำงานของผู้จัดการไช่เธอก็ลังเลว่าจะกลับบ้านเลย หรือจะขึ้นไปหาลู่เป๋าเหยียนก่อนดี
แต่เมื่อเข้าไปในลิฟต์นิ้วเธอก็กดชั้นแปดสิบหกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วงั้นขึ้นไปหาลู่เป๋าเหยียนก่อนละกัน
ลู่เป๋าเหยียนกำลังนั่งอ่านเอกสารจากมุมทีู่เี่อันยืนอยู่ ใบหน้าของเขาช่างเพอร์เฟคไร้ที่ตินิ้วเรียวยาวกำลังกุมปากกาหมึกซึมพลางก้มหน้าเล็กน้อยบรรยากาศรอบกายของเขาดูทรงอำนาจซึ่งเป็เอกลักษณ์ที่มีมาแต่ไหนแต่ไร
ูเี่อันพยายามเดินอย่างเงียบเชียบที่สุด
ตอนเข้ามาเธอไม่ได้บอกให้เดซี่แจ้งเขา เพราะเธออยากจะแกล้งให้เขาใสักหน่อย
“งานของเธอเสร็จแล้วเหรอ”
แต่จู่ๆ ลู่เป๋าเหยียนก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอราวกับรู้แต่แรกแล้วว่าเธออยู่ในห้อง
ูเี่อันทำหน้าเซ็ง“นายรู้ั้แ่เมื่อไรว่าฉันเข้ามารอบนี้นายไม่น่าจะได้ยินเสียงเดินของฉันแล้วนี่”
“แต่ฉันได้ยินเสียงประตู”ลู่เป๋าเหยียนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนตอบเนือยๆ “คนที่ไม่เคาะประตูก่อนเข้าห้องแถมเข้ามาแล้วก็ไม่ส่งเสียงทักสักคำ นอกจากเธอแล้วจะมีใครอีก”
ูเี่อันลูบปลายจมูกก่อนจะยิ้มแห้งเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เื่งานเลี้ยงครบรอบฉันจัดการเสร็จหมดแล้วท่านผอ.มีอะไรให้ฉันรับใช้อีกไหมคะ”
ลู่เป๋าเหยียนเลื่อนถ้วยกาแฟมาทางเธอ
“ชงกาแฟให้ฉันหน่อย”
ถึงจะนึกบ่นอยู่ในใจแตู่เี่อันก็ลุกไปชงกาแฟให้เขาอย่างเชื่อฟัง
ระหว่างรอกาแฟเธอก็เหลือบมองนาฬิกานี่ก็อีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลาเลิกงานถ้ามัวแต่หมกตัวอยู่ในห้องลู่เป๋าเหยียนรอเวลาไปเรื่อยๆนอกจากจะรบกวนเขาแล้วยังเสียเวลาเปล่าอีก สู้ออกไปเดินเล่นแถวนี้สักหน่อยดีไหมนะ
เธอเอากาแฟไปให้เขาแต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร เขากลับขมวดคิ้วและเลื่อนแก้วกาแฟคืนมาให้เธอ
“ฉันอยากได้กาแฟเย็น”
“นายชอบกินกาแฟเย็นงั้นเหรอ”ูเี่อันถาม
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วยุ่งกว่าเดิม“เมื่อวานเดซี่ไม่ได้บอกเธอเหรอ”
“ไม่นะ”ูเี่อันยิ้มตาหยีก่อนจะหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะเขามากดเบอร์โต๊ะของเดซี่
“ขอฉันโทรหาเธอหน่อย”
ลู่เป๋าเหยียนเลิกคิ้วมองเธอพลางนึกสงสัยเธอคงจะบอกให้เดซี่ไปชงกาแฟแก้วใหม่มาให้เขาสินะ
“ค่ะ ท่านผอ.”เสียงเดซี่ดังขึ้นจากในสาย
“ฉันเองค่ะคุณเดซี่”น้ำเสียงของูเี่อันเต็มไปด้วยความขบขัน “ต่อไปกาแฟของผอ.ลู่ทุกแก้วขอเป็แบบร้อนนะคะ”
เดซี่นิ่งอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่จะได้สติตอบกลับมา
“รับทราบค่ะ”
“งั้นคุณทำงานต่อเถอะค่ะ”
ูเี่อันวางสายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามเดิม
ลู่เป๋าเหยียนเองก็ไม่ได้โกรธเขาถามเธออย่างไม่ทุกข์ร้อน
“เธอควรจะให้เหตุผลกับฉันหน่อยไหม”
ตอนคุยโทรศัพท์ูเี่อันขึ้นมานั่งบนโต๊ะทำงานเธอโน้มตัวลงมาจับหน้าท้องของเขาบริเวณกระเพาะอาหารพลางเอ่ย
“คุณสามีคะไม่รู้ตัวหรือไงว่าตัวเองเป็โรคกระเพาะ”
ลู่เป๋าเหยียนจ้องหน้าอกเธอไม่วางตา
“งั้น...ตอนนี้เธอกำลังคิดจะยั่วยวนสามีเธออยู่งั้นเหรอ”
ูเี่อันก้มหน้ามองตามสายตาเขาวันนี้เธอสวมเสื้อเชิ้ตผ้าคอตตอนสีขาวที่ปลดกระดุมไว้ค่อนข้างต่ำการที่เธอก้มตัวลงมาแบบนี้ ช่างพอเหมาะพอดีกับระดับสายตาของลู่เป๋าเหยียนเสียเหลือเกิน
เธอหน้าแดงก่ำและรีบยกมือขึ้นมาบังบริเวณหน้าอก
“คนโรคจิต!ฉันไปดีกว่า”
“กลับมานี่”ลู่เป๋าเหยียนเรียกรั้งเธอไว้ “ไม่เห็นเหรอว่าฝนกำลังจะตก เธอจะไปไหน”
ูเี่อันมองออกไปนอกหน้าต่างถึงได้รู้ว่าขณะนี้ท้องฟ้ากำลังมืดครึ้ม คล้ายกับพายุกำลังจะมา
“ฉันอยากออกไปเดินเล่นสักหน่อยแต่ถ้าเป็แบบนี้...ช่างมันเถอะ นายทำงานต่อเถอะ ฉันรอนายเลิกงานอยู่ที่นี่แหละ”ูเี่อันพูดอย่างเซ็งๆ
ว่าแล้วเธอก็เดินไปนั่งที่โซฟาและหยิบ iPad ที่มักพกติดตัวไว้เป็ประจำออกมา เธอเสียบหูฟังและเริ่มดูหนัง
ลู่เป๋าเหยียนเห็นดังนั้นจึงลงมือทำงานต่อโดยไม่ว่าอะไรอีก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแต่เมื่อลู่เป๋าเหยียนเงยหน้าขึ้นมองูเี่อันอีกที เธอก็กอด iPad นอนหลับปุ๋ยไปแล้วทั้งๆที่ยังเสียบหูฟังอยู่
ลู่เป๋าเหยียนลุกขึ้นเดินไปหาเธอเขาคุกเข่าลงหน้าโซฟา ทันใดนั้นแสงฟ้าแลบก็สะท้อนเข้ามาทางกระจกหน้าต่างเขาจึงรีบใช้มือสองข้างอุดหูของเธอ วินาทีต่อมาฟ้าก็ผ่าดังเปรี้ยงก่อนที่เม็ดฝนจะเริ่มโปรยปราย
ถึงอย่างนั้นูเี่อันก็โดนเสียงของมันปลุกจนตื่นอยู่ดี ลู่เป๋าเหยียนชักมือออกเมื่อเห็นลู่เป๋าเหยียนกำลังคุกเข่าอยู่หน้าโซฟาเธอจึงปิดตาลงอย่างสะลึมสะลือก่อนถาม
“ฝนตกแล้วเหรอ”
“อืม”ลู่เป๋าเหยียนดึงหูฟังของเธอออก “ลุกเถอะ ไปนอนในห้องพักผ่อน”
สิ่งที่คนกำลังง่วงเกลียดที่สุดคือคำว่า‘ลุกขึ้น’ นี่แหละ ูเี่อันบ่นงึมงำในลำคอก่อนจะพลิกตัวซุกหน้าเข้ากับโซฟาแกล้งทำเป็หูทวนลม
ลู่เป๋าเหยียนเรียกเธออีกหลายครั้งแต่เธอก็ยังทำเป็ไม่ได้ยิน เขาจึงอุ้มเธอขึ้นมาซะเลย
คราวนีู้เี่อันตื่นเต็มตาทันที
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอุ้มเธอแต่ส่วนใหญ่ก็เฉพาะเวลาที่เธอไม่รู้สึกตัวเท่านั้นมีเพียงครั้งที่เธอถูกสองพี่น้องตระกูลเส้าลักพาตัวไปครั้งนั้นครั้งเดียวที่เขาอุ้มเธอลงจากตึกขณะที่เธอยังมีสติ
แต่ว่าคราวนี้มันเหมือนมีอะไรบางอย่างแปลกไป...
หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นลมหายใจเธอเริ่มติดขัดเหมือนครั้งก่อนไม่มีผิด ทว่าบรรยากาศระหว่างพวกเธอ...เหมือนจะ‘ใกล้ชิด’ เป็พิเศษ
ซึ่งต่างจากครั้งก่อนโดยสิ้นเชิง
เพราะเธอไม่ยอมตื่นลู่เป๋าเหยียนจึงอุ้มเธอขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ราวกับเป็เื่ปกติ
ความอ่อนหวานอุ่นวาบเข้ามาในใจูเี่อันนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างมีความสุขจนอยากจะยิ้มออกมา
เมื่อเข้าไปในห้องพักผ่อนลู่เป๋าเหยียนก็วางเธอลงบนเตียง เธอดึงมือเขาไว้
“นายมีชุดนอนหรือเปล่ายืมหน่อยสิ” ให้สวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนนอนแบบนี้เธอไม่ค่อยสบายตัวอีกอย่างตอนตื่นเสื้อคงยับยู่ยี่ดูไม่ได้แน่ๆ
“ชุดนอนฉันคงตัวใหญ่ไปสำหรับเธอ”ลู่เป๋าเหยียนเปิดตู้เสื้อผ้าไซส์เล็กที่ตั้งอยู่ในห้องก่อจะหยิบเสื้อเชิ้ตของเขาส่งให้เธอ
“ใส่ตัวนี้แล้วกัน”
เธอมองเสื้อเชิ้ตหนึ่งครั้งก่อนจะมองหน้าเขาอีกรอบทำไมเธอถึงรู้สึกแปลกๆ แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไร ลู่เป๋าเหยียนก็เดินออกไปก่อนแล้ว
เธอยืนยิ้มนิ่งอยู่ที่เดิมพลางกอดเสื้อเชิ้ตของเขาอยู่สักพักก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ
เมื่อเธอออกมาก็เห็นสายฝนที่กำลังตกกระหน่ำหนักกว่าเดิมอยู่ด้านนอก เสียงฟ้าร้องดังสนั่นราวฟ้าจะถล่มสายฟ้าแลบแปลบปลาบเหมือนจะพุ่งเข้ามาในห้องอย่างไรอย่างนั้นูเี่อันนอนกอดผ้าห่มซุกตัวอยู่บนเตียงพลางคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนที่เธออายุสิบขวบ
วันนั้นเธอกับแม่ไปเยี่ยมถังอวี้หลันกับลู่เป๋าเหยียนที่บ้านเก่าของคุณยายตอนบ่ายเธอเผลอหลับไป แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหวเธอในตอนนั้นถูกเลี้ยงมาดั่งไข่ในหิน เธอใกลัวจนไม่กล้าแม้จะลุกออกจากเตียงได้แต่นั่งกอดผ้าห่มร้องไห้อยู่อย่างนั้น
เสียงฝนดังกลบเสียงร้องไห้จนหมดไม่มีผู้ใหญ่คนไหนได้ยินเสียงของเธอสักคนสุดท้ายเป็ลู่เป๋าเหยียนที่ผลักประตูเข้ามา
เธอยื่นแขนออกไปขอให้เขากอดปลอบปกติลู่เป๋าเหยียนไม่คิดจะสนใจไยดีอะไรเธออยู่แล้วแต่เพราะวันนี้เธอร้องไห้เสียจนน่าสงสารเขานิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเข้าไปกอดเธอพลางพูดด้วยน้ำเสียงเจือความไม่พอใจ
“แค่ฟ้าผ่าเองจะร้องไห้ทำไมกัน”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เขาก็ยกมือลูบหลังเธอเบาๆ อย่างปลอบโยน
ตอนนั้นเธอกลัวเสียงฟ้าร้องมากแต่ที่เธอกลัวยิ่งกว่าคือ ลู่เป๋าเหยียนอาจจะเกลียดที่เธอใจเสาะแบบนี้จนทิ้งเธอไปเธอกอดเขาเอาไว้แน่น และร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเขาจนเสื้อเขาเลอะเทอะไปหมด
พายุฝนครั้งนั้นมาเร็วไปเร็วเหมือนกับที่ลู่เป๋าเหยียนปรากฏตัวเข้ามาในชีวิตเธอได้ไม่นาน เขาก็จากเธอไป
ว่ากันว่าฟ้าหลังฝนมักจะสดใสเสมอเธอไม่รู้ว่าเพราะง่วงหรือเพราะร้องไห้จนเหนื่อยจึงเผลอหลับไปอีกครั้งก่อนหลับตาลง วันนั้นเธอเห็นสายรุ้งที่โค้งพาดผ่านอยู่บนฟากฟ้าด้านนอก
ไม่รู้ว่าเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งเธอยังจะได้เห็นมันอีกหรือเปล่านะ
แล้วก็เหมือนทุกครั้งทีู่เี่อันนอนกลางวันเธอตื่นขึ้นมาหลังจากเผลอหลับไป
เมื่อหันไปมองนาฬิกานี่ก็สี่โมงกว่าแล้ว ฝนหยุดตกก่อนหน้านี้ได้สักระยะกระจกหน้าต่างใสแจ๋วราวกับถูกน้ำแร่ชำระล้างจนสะอาดทำให้คนมองรู้สึกสงบอย่างประหลาด
เธอตลบผ้าห่มและเดินออกไปเปิดหน้าต่างตอนแรกเธอนึกว่าตัวเองตาฝาด จึงกะพริบตาหลายครั้ง ก่อนจะจ้องมองอีกที
นั่นมัน...สายรุ้งจริงๆด้วย!
สายรุ้งพาดโค้งผ่านขอบฟ้าทั้งเจ็ดสีสันเรียงตัวกลมกลืนสวยงามด้านหลังของมันคือท้องฟ้าครามที่มีหมู่เมฆกำลังล่อยล่องอย่างช้าๆ
เมืองที่สภาพอากาศเต็มไปด้วยมลพิษอย่างเมืองนี้การได้เห็นสายรุ้งกับท้องฟ้าแสนสวย ถือเป็เื่ไม่น่าเชื่อราวปาฏิหาริย์
ครั้งที่แล้วที่เธอเห็นสายรุ้งคือตอนสิบขวบเธอเห็นมันพร้อมกันกับลู่เป๋าเหยียนที่บ้านเก่าของคุณยาย
นี่จะเรียกว่าความบังเอิญราวปาฏิหาริย์ได้ไหมนะ
เธอวิ่งไปที่ประตูห้องอย่างตื่นเต้นก่อนจะดึงมันเปิดออกทั้งๆ ที่ยังสวมเสื้อเชิ้ตของเขาอยู่
“ลู่เป๋า...”
ตอนนี้ในออฟฟิศของลู่เป๋าเหยียนมีคนอื่นอยู่ด้วยหนึ่งในนั้นคือเสิ่นเยว่ชวน ส่วนผู้ชายอีกสองคนเธอไม่รู้จักพวกเขาใส่สูทผูกไทเหมือนกันหมด เสียงของเธอดึงความสนใจของทุกคนให้หันมามองพวกเขานิ่งอึ้งไป จากนั้นจึงรีบเบือนสายตาหนีทันที
ูเี่อันนึกไม่ถึงว่าจะมีคนอื่นอยู่ในห้องนี้อีกยังดีนะที่เธอไม่ได้วิ่งทะเล่อทะล่าออกไป แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังสวมเสื้อเชิ้ตของลู่เป๋าเหยียนอยู่ก็รีบหันหลังกลับเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว
ที่ด้านนอกลู่เป๋าเหยียนทำสีหน้าประหลาดยากเกินจะอธิบายขนาดเสิ่นเยว่ชวนเองยังไม่เคยเห็นเขาทำสีหน้าแบบนี้มาก่อน
ชายหนุ่มสามคนลุกขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่เสิ่นเยว่ชวนจะพูดขึ้น
“งั้นพวกฉันขอตัวก่อน ที่เหลือเอาไว้ค่อยคุยกันในที่ประชุมวันพรุ่งนี้”
ลู่เป๋าเหยียนเดินไปที่ห้องพักผ่อนเขาผลักประตูให้เปิดออก แต่ก็ไม่เห็นูเี่อันมีเพียงแต่กองผ้าห่มที่นูนขึ้นมาอย่างไม่เป็ธรรมชาติอยู่บนเตียง
เขาเดินไปเปิดผ้าห่มออกก็เห็นูเี่อันที่กำลังนอนปิดหน้าต่อว่าเขาอย่างโมโห
“นายเอาเสื้อเชิ้ตให้ฉันใส่ทำไมเนี่ยชุดนอนตัวใหญ่ไปก็ไม่เป็ไรนี่นา ต่อไปฉันจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกแล้ว”
ลู่เป๋าเหยียนอดหัวเราะไม่ได้
“เมื่อกี้เธอรีบวิ่งออกไปหาฉันทำไมมีเื่อะไรงั้นเหรอ”
ูเี่อันชี้ไปยังหน้าต่าง
“ดูเอาเองสิ”
เพราะห้องพักผ่อนกับห้องทำงานทิศทางของหน้าต่างไม่เหมือนกันทำให้ลู่เป๋าเหยียนไม่เห็นสายรุ้ง ทั้งๆ ที่ฝนหยุดตกตั้งนานแล้ว
เขาเลิกคิ้วก่อนถาม“แค่สายรุ้งเอง เธอจำเป็ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลย?”
ูเี่อันลุกขึ้นนั่งก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดต้นขาเรียวงาม
“ครั้งล่าสุดที่นายเห็นสายรุ้งคือเมื่อไร”
ลู่เป๋าเหยียนนิ่งคิดอยู่นานแต่ก็ไม่ตอบ
ูเี่อันทำหน้าผิดหวัง
“นายลืมไปแล้วสินะ”
ชั่วอึดใจเธอก็เลยทำท่าบอกใบ้เขา
“วันนี้ก็มีสายรุ้ง?”ลู่เป๋าเหยียนยังคงทำหน้าจำไม่ได้ “ฉันจำได้แต่ว่าเธอร้องไห้จนเปรอะเสื้อกับผ้าห่มของฉันไปหมด”
“...ผ้าห่มของนาย”คราวนี้ถึงตาูเี่อันบ้างที่งง “ฉันห่มผ้าห่มของนายงั้นเหรอ เป็ไปไม่ได้”
“ทำไมจะเป็ไปไม่ได้?” ลู่เป๋าเหยียนยิ้มบาง“ตอนนั้นเธอไม่ยอมไปนอนห้องแม่ เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องของฉันไม่ยอมไปไหน ผ้าห่มที่เธอห่มไม่ใช่ของฉันแล้วจะเป็ของใคร?”
ตอนนั้นเธอแค่สิบขวบเองนะเธอกล้าทำเื่น่าอายอย่างการขอนอนห้องเขาไปได้อย่างไรเนี่ย?
เธอลองนึกดูอีกครั้งเหมือนจะเกิดเื่ที่ว่าจริงๆ ตอนนั้นแม่ยังยิ้มขำเธอว่า
‘เจี่ยนอันลูกชอบพี่เป๋าเหยียนงั้นเหรอจ๊ะ’
ลู่เป๋าเหยียนเห็นสีหน้าของเธอก็รู้ทันทีว่าเธอจำได้จึงพูดเสียงต่ำ
“เจี่ยนอันฉันขาดทุนมาสองครั้งแล้ว”
ครั้งที่แล้วเธอร้องไห้จนเสื้อผ้ากับผ้าห่มเขาเลอะเทอะทำให้เขาต้องเปลี่ยนชุดกับผ้าห่มใหม่หมด จะบอกเขาขาดทุนก็ไม่แปลก แต่ว่าครั้งนี้...เขาขาดทุนอะไรกัน?
เธอมองลู่เป๋าเหยียนอยางไม่เข้าใจก่อนที่เขาจะประทับริมฝีปากลงมา...
