หลินฮวาเหนียนให้อวี้ฉู่จาวนั่งที่ของตนเอง หลินหร่านก็ถูกอวี้ฉู่จาวดึงให้มานั่งด้วยกัน หลินฮวาเหนียนที่อยู่ด้านข้างไม่กล้าเอ่ยอะไร
เขายังไม่เข้าใจเื่การแต่งตั้งเกี่ยวกับงานอภิเษกสมรส แต่เมื่อเห็นท่าทีของทั้งสอง ท่านอ๋องก็ดูพึงพอใจในตัวบุตรชายของตนไม่น้อย
ไม่ว่าพระราชโองการจะออกมาเช่นนี้ด้วยเหตุผลใด พวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
ขอเพียงท่านอ๋องไม่รังเกียจหลินหร่าน สำหรับหลินหร่านแล้วก็นับเป็เื่ดี
ไม่นานนักผู้ว่าการเมืองหลวง ใต้เท้าหลี่เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ตัดสินคดี นอกจากนั้นยังมีบุตรชายคนโตของหลินฮวาเหนียน หรือก็คือหลินเซี่ยงตี๋ที่นำทหารกลับมายังจวนตระกูลหลิน
ใต้เท้าหลี่ทำความเคารพอวี้ฉู่จาวก่อนเป็อันดับแรก
“ถวายบังคมจ้านหวัง” ก่อนจะหันมาหาหลินฮวาเหนียนแล้วต่างฝ่ายต่างคารวะ
หลินเซี่ยงตี๋ก็ทำการถวายบังคมอวี้ฉู่จาว สำหรับเหล่าทหารแล้ว การได้พบกับท่านแม่ทัพใหญ่นับเป็เื่ที่น่าปีติยินดี
ชายผู้นี้คือบุคคลที่ผู้คนทั่วอวี้อันต่างให้ความเคารพเป็อย่างสูง
“ท่านพ่อ…” หลินเซี่ยงตี๋เห็นสถานการณ์เช่นนี้ในบ้านก็หันไปมองผู้เป็บิดา แล้วถึงเห็นว่าหลินฮวาเหนียนทำได้เพียงส่ายหน้าไปมา
หลินเซี่ยงตี๋เป็คนมีร่างกายบึกบึน คงเป็เพราะตั้งใจฝึกฝนการต่อสู้อย่างสม่ำเสมอ ร่างกายจึงแข็งแรง ใบหน้าดูเข้มแข็งและมีความมุ่งมั่น มีกลิ่นอายของผู้มีความยุติธรรม สวมเสื้อเกราะที่ตัดเย็บมาอย่างดีทำให้ยิ่งดูน่าเกรงขาม
“เสี่ยวหร่าน…” หลินเซี่ยงตี๋หันไปส่งยิ้มอบอุ่นให้หลินหร่านที่อยู่ข้างกายอวี้ฉู่จาว “ไม่เจอกันนาน เ้าสบายดีหรือไม่ พี่คิดถึงเ้ามากเหลือเกิน”
“อื้อ” หลินหร่านพยักหน้า ไม่กล้าสบตาเพราะเกรงว่าคนเหล่านี้ซึ่งเป็คนสนิทของเ้าของร่างเดิมจะสังเกตพบความผิดปกติ
สำหรับหลินหร่านแล้วความทรงจำของเ้าของร่างเดิมนั้น เขาจำได้ว่าหลินเซี่ยงตี๋เป็พี่ชายที่ดีต่อเขา แต่หลินหร่านผู้นั้นไม่ใช่ตัวเขา เขาจึงไม่สามารถแสดงออกอย่างสนิทสนมเฉกเช่นเ้าของร่างเดิมได้
ทว่า ท่าทีเ่าั้ของหลินหร่านกลับถูกหลินเซี่ยงตี๋สังเกตเห็น เขารักหลินหร่านราวกับเป็บุตรที่เกิดจากบิดามารดาคนเดียวกันมาเสมอ แล้วเหตุใดวันนี้ถึงได้มีท่าทีห่างเหินกันเล่า
เมื่อก่อนพวกเขาสนิทสนมกันที่สุด ท่าทีแปลกๆ ในตอนนี้ของหลินหร่านทำให้รับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
หลังจากนั้นหลินเซี่ยงตี๋ไม่เอ่ยถามอะไรอีก เพียงแต่มองสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้า
“พร้อมแล้วใช่หรือไม่” อวี้ฉู่จาวเอ่ยถามผู้ว่าการเมืองหลวง
“กราบทูลท่านอ๋อง ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าหลี่ตอบกลับ ก่อนจะมีคนยกโต๊ะสองตัวเข้ามา
โต๊ะตัวหนึ่งสำหรับผู้ว่าการเมืองหลวง อีกตัวหนึ่งสำหรับผู้ตัดสินคดี ซึ่งพวกเขากำลังทำการจำลองศาลพิพากษาขึ้นมา
“เริ่มได้” อวี้ฉู่จาวกล่าวก่อนดึงให้หลินหร่านมานั่งดูอีกฝั่งหนึ่ง
หลินฮวาเหนียนไม่รู้เื่อะไรเลย เขาจึงทำได้เพียงคอยดู
หลินเซี่ยงตี๋ยืนอยู่ข้างบิดา เตรียมมองดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไปพร้อมกัน
ผู้ว่าการเมืองหลวงกับผู้ตัดสินคดีเข้าที่นั่งประจำที่ ทั้งสองคนหันมาสบตากันก่อนจะเริ่มการพิพากษา
เมื่อการตัดสินเริ่มขึ้น แม่ทัพหยางซานที่ติดตามมาพร้อมกับอวี้ฉู่จาวได้กวักมือเล็กน้อย ถึงมีคนผู้หนึ่งที่มีท่าทีราวกับคนรับใช้เดินเข้ามา
หลินเหลียงไม่รู้จักคนผู้นี้ แต่นางเว่ยกับหลินเสี่ยวฉีรู้จักเป็อย่างดี
คนผู้นั้นคือคนรับใช้ที่ได้รับคำสั่งให้ไปเผากระท่อมฟางของหลินหร่าน่กลางดึก
หลินเสี่ยวฉีเนื้อตัวสั่นเทามากกว่าเดิม ส่วนนางเว่ยเบิกตาโต ไม่อยากเชื่อว่าจะพาคนผู้นี้มาได้
คนรับใช้ผู้นั้นก็มีท่าทีตกตะลึงอยู่เช่นกัน มือเท้าสองข้างสั่นเทาไปหมด เขารีบคุกเข่าลงบนพื้นอย่างนอบน้อม
“เ้าคนที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นมีนามว่าอะไร ้าฟ้องร้องเื่ใด”
“ข้า...ข้าน้อยมีนามว่าหวังจื้อ เป็...เป็คนตัดฟืนอยู่หลังจวนตระกูลหลินขอรับ ข้า...จะมาฟ้องร้องฟูเหรินเว่ยกับคุณหนูหลินเสี่ยวฉีที่ตั้งใจวางเพลิงสังหารขอรับ”
“ประสงค์จะสังหารใครหรือ”
“บุตรชายของจวนแม่ทัพฮวาเวย คุณชายน้อยหลินหร่านขอรับ”
เพียงคำพูดของคนรับใช้ผู้นั้นเอ่ยออกมาก็พากันตกตะลึงไปทั่วทั้งลานพิพากษา คนที่ใที่สุดย่อมไม่พ้นหลินฮวาเหนียน หลินเซี่ยงตี๋ก็เบิกตากว้างพลางจ้องไปทางนางเว่ย
มีเพียงหลินหร่านกับอวี้ฉู่จาวเท่านั้นที่ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไร
“เ้าพูดปด ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น บุตรสาวของข้าก็ไม่มีทางทำเื่น่ารังเกียจเช่นนั้นด้วย ใต้เท้าเ้าคะ คนผู้นี้พูดจาให้ร้ายผู้อื่น หลินหร่านก็อยู่ที่นี่มิใช่หรือ ทำไมถึงได้บอกว่าพวกข้าวางเพลิงสังหารได้” นางเว่ยรีบเข้าไปใกล้แล้วคุกเข่าลงด้านหน้าอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ นาง้าที่จะแก้ตัวเื่ที่ตนเองเป็ผู้ร้าย
ส่วนหลินเสี่ยวฉีรู้สึกหวาดกลัวเป็อย่างมาก นางนั่งนิ่งไม่ขยับ
“เ้าจะว่าอย่างไร” ใต้เท้าหลี่หันไปถามหวังจื้อ
“ถึงแม้ฟูเหรินเว่ยจะไม่ได้เป็คนลงมือด้วยตนเอง แต่นางจ่ายเงินจ้างวานให้ข้าน้อยไปวางเพลิง วันนั้นเงียบสงัด ข้าไม่ได้ดูว่าคุณชายน้อยอยู่ในกระท่อมหรือไม่ หลังจากนั้นถึงมารู้ว่าคุณชายน้อยไม่ได้อยู่ในนั้น หากใต้เท้าไม่เชื่อให้คนไปดูได้ขอรับ กระท่อมที่ไม่ห่างจากจวนแม่ทัพไปทางทิศตะวันตก ตอนนี้ถูกเผาไหม้จนไม่หลงเหลืออะไร และเงินที่ฟูเหรินเว่ยให้ข้า ข้ายังเก็บเอาไว้ตรงจุดที่ไฟไหม้เพื่อเอาไว้สู่ขอภรรยาขอรับ” หวังจื้อเห็นว่าเขากำลังถูกล้อมกรอบจึงรีบงัดหลักฐานออกมายืนยัน
“ไม่ใช่นะเ้าคะใต้เท้า…” นางเว่ยตั้งใจจะคัดค้านต่อ
แต่ก็ต้องถูกขัดขึ้นมาเสียก่อน
“กระท่อมฟาง?”
“กระท่อมฟางอะไร?” หลินฮวาเหนียนกับหลินเซี่ยงตี๋กล่าวขึ้นมาโดยพร้อมเพรียง
“หลินหร่านไปอยู่ที่กระท่อมฟางงั้นหรือ?” หลินเซี่ยงตี๋เอ่ยถามข้อสงสัย
หลินฮวาเหนียนก็จ้องมองมาด้วยความโกรธ
“นายท่านกับคุณชายใหญ่อาจยังไม่ทราบ เมื่อเจ็ดปีก่อน่ที่พวกท่านเพิ่งออกไปปกป้องชายแดน ฟูเหรินเว่ยก็เริ่มหักเงินต่อเดือนของคุณชายน้อย บางครั้งก็ให้คนไปทุบตีด่าทอ จนกระทั่งฤดูหนาวในปีนั้น ่เวลาสามถึงเก้าวัน คุณชายน้อยได้ตกลงไปในทะเลสาบที่เป็หลุมน้ำแข็งจนเสียชีวิตขอรับ”
“เสียชีวิตงั้นหรือ…” หลินฮวาเหนียนไม่อยากเชื่อ
หลินเซี่ยงตี๋หันไปมองนางเว่ย แววตาเต็มไปด้วยความโกรธราวกับจะลุกเป็ไฟ
“แต่ว่า...” หวังจื้อเริ่มอธิบายต่อ “คุณชายน้อยฟื้นคืนชีวิตกลับมากลางพิธีศพ จากนั้นทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็พากันพูดว่าคุณชายน้อยเป็คนที่นำพาซึ่งลางร้าย ฟูเหรินเว่ยจึงใช้โอกาสนี้ขับไล่คุณชายน้อยออกจากจวน ในตอนนั้นทุกคนในเมืองต่างก็ทำราวกับคุณชายน้อยเป็โรคระบาด แม้แต่สุกรหรือสุนัขก็สามารถดูถูกเหยียดหยามคุณชายน้อยได้ คุณชายน้อยไม่มีที่ไปจึงได้ไปอยู่ที่กระท่อมฟางทางตะวันตกของจวนแม่ทัพ ทนแดดที่แผดเผาในฤดูร้อนกับความหนาวเหน็บในฤดูหนาวถึงเจ็ดปี”
หวังจื้อดูเหมือนจะเห็นใจหลินหร่านเป็อย่างมาก เขาเล่าออกมาโดยใส่อารมณ์ความรู้สึก แต่ก็อาจแสดงท่าทีเช่นนั้นเพื่อที่ความผิดจะได้ไปตกที่นางเว่ยแต่เพียงผู้เดียว เื่นี้เป็ไปได้เหมือนกัน
แต่ไม่ว่าอย่างไร ดูจากท่าทีของหลินฮวาเหนียนกับหลินเซี่ยงตี๋ก็รู้ได้แล้วว่าพวกเขาคงไม่มีทางปล่อยหญิงจิตใจอำมหิตอย่างนางเว่ยไว้แน่
หลินหร่านเฝ้าดูอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีสงบนิ่ง เขาได้แต่ถอนหายใจ เพราะนั่นเป็เื่ที่ตัวเขาประสบพบเจอมาเอง ความยากลำบากเ่าั้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รับรู้
แต่ว่า เื่ที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป ตัวเขาในตอนนี้ แค่มีท่านอ๋องอยู่ข้างกายก็มีความสุขแล้ว
หลินหร่านหันไปมองอวี้ฉู่จาว ทำให้เห็นว่าตอนนี้ดวงตาของอีกฝ่ายแดงก่ำ
หลินหร่านจับมือของอวี้ฉู่จาวไว้ อวี้ฉู่จาวจึงหันมามองที่ใบหน้าของคนข้างกาย ส่งยิ้มอบอุ่นและอ่อนโยนให้เขาเช่นเคย
“ใต้เท้าขอรับ…” เ้าหน้าที่รายหนึ่งเข้ามารายงาน “ทางตะวันตกมีกระท่อมฟางโดนเผาอยู่จริงขอรับ และเงินของหวังจื้อที่วางเอาไว้ก็มีจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงเงินขอรับ”
ใต้เท้าหลี่พยักหน้าก่อนหันไปถามหลินหร่าน “คุณชายน้อย เมื่อก่อนนี้ท่านอาศัยอยู่ที่นั่นใช่หรือไม่”
หลินหร่านพยักหน้ารับ “ใช่ขอรับ”
ใต้เท้าหลี่ไม่ถามอะไรอีก เขาเคาะไม้เรียกสติทุกคน
“ต่อไป!” หลังจากนั้นถึงะโ
หยางซานจึงกวักมืออีกครั้ง ชายร่างแกร่งที่มีาแบนใบหน้าถูกกดให้คุกเข่าลงกับพื้น
“เ้ามีนามว่าอะไร จะฟ้องร้องผู้ใด?” ใต้เท้าหลี่เอ่ยถาม
“ข้าน้อยมีนามว่าจางเถี่ยเกิน เป็มือสังหารรับจ้าง ขอฟ้องร้องฟูเหรินเว่ยของจวนแม่ทัพฮวาเวยที่จ้างให้ข้าไปลอบสังหารคุณชายหลินหร่านขอรับ”
-------------------------------------------