ชีพจรพลังงานนั้นเกิดขึ้นจากการรวบรวมแก่นแท้ฟ้าดิน ชีพจรพลังงานมีพลังหยวนฟ้าดินอัดแน่นอยู่ มันยังมีความสามารถที่จะรวบรวมพลังหยวนฟ้าดินเข้าด้วยกันได้อีกด้วย มันเป็เพราะนิกายใหญ่ทั้งสี่แต่ละแห่งได้ชีพจรพลังงานนิกายละหนึ่งชีพจร ทำให้พวกเขาสามารถเติบโตได้ถึงบัดนี้
นอกจากนั้นชีพจรพลังงานเป็ตัวแทนของโชคชะตา ผู้ใดได้ชีพจรพลังงาน มันหมายถึงว่าได้โชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ เหตุที่นิกายใหญ่ทั้งสี่ยังทรงอำนาจอยู่ เพราะได้ถือครองโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่
หากว่าเจียงเฉินได้ชีพจรพลังงานเป็ของตนเอง เขาสามารถที่จะจัดตั้งขุมกำลังเป็ของตัวเองได้ หรือ เขาสามารถที่จะดูดซับพลังงานที่บรรจุอยู่ภายในและทำให้ระดับการบ่มเพาะของเขาพุ่งทะยานก้าวะโ
"หวงต้า เ้ามั่นใจรึว่ามันไม่ได้ผิดพลาด?"
เจียงเฉินถามด้วยความสงสัย เพราะด้วยััของเขา เขาไม่สามารถที่จะพบชีพจรพลังงานที่อยู่ภายใต้เมืองหงหยาง แน่นอนว่าเขาเชื่อในความสามารถหาสมบัติของหวงต้า
"แน่นอนสิ เ้าคิดว่าบิดาเป็ใคร? ในการหาสมบัติ หากบิดาเ้าบอกว่าเป็อันดับสองล่ะก็คงไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าตนเองเป็อันดับหนึ่ง!เ้าหนู เ้าเองก็รอบรู้นี่ เ้าควรจะรู้ว่าก่อนที่ชีพจรพลังงานจะถูกขุดขึ้นมา มันจะมีม่านพลังธรรมชาติปกคลุมอยู่ กีดกั้นไม่ให้พลังงานทั้งหมดรั่วไหลออกไป ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถััถึงตัวตนของมันได้ ตราบเท่าที่พวกเราสามารถหาที่ตั้งที่ชัดเจนของชีพจรพลังงานนี้ได้ พวกเราสามารถทำลายม่านพลังบางส่วนและได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงจากมันได้ ชีพจรพลังงานภายใต้เมืองหงหยางยังเป็ขั้นบริสุทธิ์อยู่ ไม่เคยมีผู้ใดได้ััมัน มิฉะนั้นแล้วระดับการบ่มเพาะของคนในเมืองหงหยางคงไม่เลวร้ายเช่นนี้และเมืองหวงฉีย่อมไม่ถูกตระกูลอี้เพียงผู้เดียว แน่นอนว่าหากชีพจรพลังงานเริ่มทำงานแล้วมันคงจะถูกขุมกำลังใหญ่มา"
หวงต้าอธิบาย
"เยี่ยม การมายังเมืองหงหยางครั้งนี้ไม่สูญเปล่า นี่เป็การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่เลยนะนี่!หวงต้า เ้าสามารถที่จะระบุตำแหน่งของชีพจรพลังงานที่แน่นอนได้หรือไม่?"
เจียงเฉินถาม แน่นอนว่าชีพจรพลังงานเป็ผลตอบแทนที่มากมายนัก เพียงแค่พบสิ่งนี้เพียงสิ่งเดียวก็คุ้มค่ากับความพยายามที่มายังที่นี่
"ข้ายังยืนยันไม่ได้ แต่ข้าแน่ใจว่ามันอยู่ภายใต้เมืองนี้ ตอนนี้ข้าจะลองค้นหารอบๆเมืองดูก่อน และเมื่อข้าพบตำแหน่งที่แน่นอน พวกเราจะเริ่มในพลบค่ำ"
หน้าของหวงต้ามีรอยยิ้มชั่วร้าย
"ดี"
เจียงเฉินยกนิ้วโป้งให้หวงต้าและชมหวงต้า เ้าหมานี่ทำเื่ที่มีคุณค่าอีกครั้ง
เมืองหวงฉีเป็เมืองใหญ่ที่สุดในเขตนี้ มันใหญ่โตและงดงามมาก เมืองเล็กๆอย่างเมืองหงหยางไม่สามารถที่จะเทียบได้ แม้แต่เมืองหยินเย่ว์ยังด้อยกว่าสามส่วน
หลังจากที่เดินทางด้วยความเร็วเต็มที่ ในที่สุดจางเฉวียนก็มาถึงเมืองหวงฉีและมายังประตูหน้าของตระกูลอี้
"หยุดอยู่ตรงนั้น เ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน?"
ชายร่างกำยำปิดทางจางเฉวียน
"ข้ามาจากเมืองหงหยาง ้าพบท่านผู้นำตระกูล"
จางเฉวียนระบุว่าตัวเองมาจากที่ไหน เขามีศิษย์จากนิกายเซวียนอี้หนุนหลังอยู่ แน่นอนว่าเขาจะต้องไปต่อ
"เมืองหงหยางรึ?มันเป็เพียงเมืองเล็กๆเพียงเท่านั้น เ้าไม่คู่ควรที่จะเข้าพบท่านผู้นำตระกูล"
ยามรักษาการณ์ได้ปฏิบัติต่อจางเฉวียนราวกลับเขาอยู่ต้อยต่ำกว่ายาม
"ฮึ่ม! เ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าปีศาจโลหิตได้ทำให้ผู้นำตระกูลอี้ต้องปวดเศียรเวียนเกล้า เมืองหงหยางของข้าถูกปีศาจโลหิตจำนวนมากเข้าจู่โจม และมันทำให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ขึ้น แต่โชคดีที่พวกเราได้รับการช่วยเหลือจากศิษย์ของนิกายเซวียนอี้และวันนี้ศิษย์ของนิกายเซวียนอี้ได้ส่งข้ามาพบกับท่านผู้นำตระกูลอี้ พวกเรามีธุระที่ต้องพูดคุย และเ้าเป็ยามชั้นต่ำ เ้าพยายามทำให้ธุระของศิษย์นิกายเซวียนอี้ต้องล่าช้างั้นรึ เ้าคิดว่าตัวเองมีความผิดสถานใด?!"
จางเฉวียนแค่นเสียงอย่างเ็า เขาชี้ไปยังจมูกของยามคนนั้น
เมื่อยามได้ยินว่ามันเกี่ยวกับปีศาจโลหิตและศิษย์จากนิกายเซวียนอี้ ท่าทีหยิ่งยโสของเขาได้หายไปในทันที มีปีศาจโลหิตเพียงไม่กี่ตนได้ปรากฎขึ้นภายนอกเมืองหวงฉีใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมา และทุกๆคนต่างหวาดกลัวพวกมัน รวมถึงยามผู้นี้ด้วย เขาไม่สามารถที่จะกีดกันผู้ที่ถูกศิษย์นิกายเซวียนอี้ส่งมาได้
"เ้าตามข้ามา"
หลังจากที่พิจารณาแล้ว ยามได้นำทางจางเฉวียนผ่านประตูทางเข้าด้านหน้าของตระกูลอี้
ภายในโถงประชุมตระกูลอี้ มีคนห้าคนนั่งอยู่ พวกเขาทั้งหมดเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้์ และผู้ที่นั่งอยู่ตรงกลางดูเหมือนว่าเขาจะมีอายุราวๆสี่สิบปลายๆ เขามีพลังิญญาที่สุกใสและพลังงานที่แข็งแกร่ง และเขาอยู่ระดับขอบเขตแก่นแท้์ขั้นกลางและเป็ผู้นำตระกูลอี้ อี้เทียนหรง
มีชายแก่อีกสามคนในห้องโถง และชายแก่ทั้งสามเป็ยอดฝีมือแก่นแท้์ขั้นต้น พวกเขาเป็แขกผู้มีเกียรติของตระกูลอี้ ถัดจากอี้เทียนหรงเห็นชายหนุ่มอายุราวๆยี่สิบปี และระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ขั้นแก่นแท้์ขั้นต้นเช่นกัน พลังปราณที่รั่วไหลจากร่างกายเขาแข็งกล้ายิ่งกว่าชายแก่ทั้งสามมากนัก
คนเหล่านี้กำลังสนทนาเื่เกี่ยวกับปีศาจโลหิตที่ยามพาจางเฉวียนเข้ามา
"ไม่รู้จักกฏเกณฑ์หรืออย่างไร เ้าไม่เห็นงั้นหรือว่าพวกข้าอยู่ระหว่างการคุยธุระอยู่?"
อี้เทียนหรงต่อว่ายาม
"ท่านผู้นำตระกูลขอรับ ชายผู้นี้มาจากเมืองหงหยางและเขากล่าวว่าเขาถูกศิษย์จากนิกายเซวียนอี้ส่งมาเพื่อมาพบท่านผู้นำตระกูลขอรับ"
ยามกุมมือและพูดขึ้น
เมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับศิษย์จากนิกายเซวียนอี้ พวกเขาทุกคนมองไปยังจางเฉวียน พวกเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเมืองหงหยาง และแม้แต่าุโแก่นแท้มนุษย์ขั้นสูงสุด แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะไม่สนใจนิกายเซวียนอี้ได้
"เ้ามาจากเมืองหงหยาง?"
อี้เทียนหรงมองไปยังจางเฉวียน
"จางเฉวียนแห่งหงหยางขอคารวะท่านผู้นำตระกูลอี้!เมื่อคืนนี้เมืองของพวกข้าได้ถูกปีศาจโลหิตบุกจู่โจม แต่โชคดีที่พวกข้าได้รับการช่วยเหลือจากศิษย์นิกายเซวียนอี้และตอนนี้ภัยอัตรายได้ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว เมื่อปีศาจโลหิตเองก็สร้างความวุ่นวายที่นี่ คุณชายจากนิกายเซวียนอี้ได้ส่งข้ามาเชิญท่านผู้นำตระกูลอี้ไปพบเขาที่เมืองหงหยาง และหารือถึงวิธีในการที่จะจัดการปีศาจโลหิตขอรับ"
จางเฉวียนกล่าว
"โอหัง! มันเป็แค่ศิษย์จากนิกายเซวียนอี้ มันกล้าดีอย่างไรที่ขอให้พวกเราไปเยี่ยมเยือนมัน? เ้าไม่คิดว่ามันอวดดีเกินไปงั้นรึ?"
"ฮึ่ม! เหล่าปีศาจโลหิตไม่เพียงแค่สร้างปัญหาให้กับเมืองหงหยาง พวกข้าก็สนทนาถึงวิธีที่จะรับมือพวกมันอยู่ ผู้นำตระกูลพวกข้านั้นเป็ผู้ทรงเกียรติ เขาไม่ไปยังเมืองหงหยางเล็กๆเช่นนั้นด้วยตนเอง"
"เ้าไม่คิดงั้นหรือว่ามันอวดดีเกินไปหน่อยรึสำหรับศิษย์นิกายเซวียนอี้? นายน้อยของพวกข้าเองก็เป็ศิษย์นิกายเซวียนอี้เช่นกัน และเขาเป็ถึงศิษย์ในอีกด้วย"
ชายแก่ทั้งสามกราดเกรี้ยวทันที ดูจากปฏิกิริยาของพวกเขา พวกเขาเตรียมที่จะไล่จางเฉวียนออก
ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มที่กำลังพูดคุยได้โบกมือของเขา เขาเป็ชายหนุ่มที่ดูดีในชุดสีขาว เขายืนขึ้นอย่างช้าๆและยืนข้างๆจางเฉวียน
"บอกข้ามา ศิษย์นิกายเซวียนอี้คนใดที่กล้ามาโอหังที่นี่? ข้าอี้จื่อฮันเป็ศิษย์ในจากนิกายเซวียนอี้ ไม่มีผู้ใดที่ข้าไม่รู้จักในนิกายเซวียนอี้"
อี้จื่อฮันเป็อัจฉริยะจากตระกูลอี้ เขาได้ขึ้นสู่ขอบเขตแก่นแท้์ั้แ่ยังเยาว์วัยและได้กลายเป็ศิษย์ใน เขาเป็ความภาคภูมิใจของตระกูลอี้
"ข้าไม่ทราบนามของคุณชายผู้นั้นขอรับ แต่ว่าเป็คุณชายที่สังหารหัวหน้าหน่วยปีศาจโลหิตขั้นแก่นแท้์ได้ขอรับ และไม่มีการละเว้นปีศาจโลหิตแม้ตนเดียวที่บุกเมืองหงหยาง เขาเป็ผู้กอบกู้ของเมืองหงหยางขอรับ! จุดประสงค์ที่ข้ามายังที่นี่คือนำคำพูดของคุณชายมาบอกกล่าว"
จางเฉวียนพูดขึ้น
"ฮึ่ม! ช่างเป็คนโง่เขลาและโอหังยิ่ง! หากว่ามัน้าคุยกับข้า บอกให้มันมายังที่นี่ด้วยตนเอง!"
อี้เทียนหรงแค่นเสียงเ็า เขาเป็ผู้ที่มีสถานะสูงส่ง และบุตรของเขาก็เป็ถึงศิษย์ในนิกายเซวียนอี้ แน่นอนว่าเขาก็มีความภาคภูมิใจของตนเอง
"ท่านผู้นำตระกูลอี้ เมื่อวานนี้เหล่าปีศาจโลหิตได้สร้างความสูญเสียมากมายแก่เมืองหงหยาง และพวกมันไม่ยอมรามือเพียงแค่นี้เป็แน่ คุณชายได้อยู่ที่เมืองหงหยางเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของพวกข้า ข้าหวังว่าท่านผู้นำตระกูลอี้เข้าใจ"
จางเฉวียนพยายามอธิบาย
"ฮึ! เหตุที่มัน้าให้ท่านผู้นำตระกูลอี้ไปพบเพราะมัน้าความช่วยเหลือของตระกูลอี้ช่วยมันจัดการปีศาจโลหิต จากตรงนี้ข้าสามารถบอกได้ว่า 'คุณชาย' ผู้นั้นเป็เพียงคนธรรมดาสามัญ และข้าไม่คิดว่ามันจะแข็งแกร่งกว่านายน้อยของพวกข้า หากว่ามัน้าความช่วยเหลือ มันควรมาด้วยตนเอง"
ชายแก่คนหนึ่งแค่นเสียงเ็า
อี้จื่อฮันขมวดคิ้ว จากที่ฟังจางเฉวียน เขาไม่สามารถรู้ได้ว่าศิษย์คนใดอยู่ในเมืองหงหยาง มันมีศิษย์จำนวนมากในนิกายเซวียนอี้ที่มีความสามารถพอที่จะสังหารหัวหน้าหน่วยปีศาจโลหิต อี้จื่อฮันเองก็เช่นกัน
"ท่านพ่อ ข้าจะตามเขาไปยังเมืองหงหยางและไปพบศิษย์นิกายเซวียนอี้ผู้นั้นด้วย"
อี้จื่อฮันกล่าว เขารู้ดียิ่งกว่าผู้ที่อยู่ที่นี่เกี่ยวกับนิกายทมิฬ มีอัจฉริยะมากมายในนิกายเซวียนอี้ และพวกเขาทั้งหมดล้วนหยิ่งยโส ก่อนที่จะรู้ถึงตัวตนของคนผู้นั้น เขาจะต้องไม่ล่วงเกินคนผู้นี้
แน่นอนว่าอี้จื่อฮันย่อมรักษาเกียรติของบิดาเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไปเยี่ยมเยือนเมืองหงหยางด้วยตนเอง
"ชายผู้นั้นมาเพื่อสังหารปีศาจโลหิต หากว่าเขาไม่หยิ่งผยองจนเกินไป พวกเราอาจร่วมมือด้วยกันได้"
อี้เทียนหรงผงกหัว
ณ เมืองหงหยาง! จางเจิ้นเดินเข้ามาคารวะต่อเจียงเฉินและหวงต้า
"คุณชายเจียง นายน้อยตระกูลอี้แห่งเมืองหวงฉี อี้จื่อฮันมาที่นี่แล้วขอรับ ตัวเขาเองก็เป็ศิษย์นิกายเซวียนอี้เช่นกันขอรับ"
"หืม? ศิษย์จากนิกายเซวียนอี้? พาเขาเข้ามาได้"
เจียงเฉินพูดขึ้น
ภายนอกห้องโถงประชุม อี้จื่อฮันและจางเฉวียนได้ยืนข้างๆกัน เขาดูหล่อเหลาและสง่างาม และใบหน้าของเขามีความหยิ่งยโสอยู่ มันเป็ความหยิ่งยโสของอัจฉริยะ
"นายน้อยอี้ คุณชายได้เชิญท่านเข้าไปได้"
จางเฉวียนเดินนำหน้า อี้จื่อฮันกล่าว
"ฮึ! เ้าคนโอหัง ขอข้าดูหน่อยเถอะว่าผู้ใดในนิกายเซวียนอี้ที่โอหังเช่นนี้"
อี้จื่อฮันแค่นเสียงอย่างเ็า จากคำพูดของเขา คนอื่นๆสามารถบอกได้ว่าเขากำลังโกรธ ในฐานะศิษย์ในของนิกายเซวียนอี้ อี้จื่อฮันมีสถานะค่อนข้างดีในนิกายเซวียนอี้ เขารู้จำนวนของคนที่อยู่ภายใน แล้วเขาเองก็เป็อัจฉริยะจากตระกูลอี้ และเขาได้เก็บความหยิ่งยโสของเขาเอาไว้และเดินทางมายังเมืองหงหยาง แต่คุณชายผู้นั้นกลับไม่ออกมาต้อนรับเขาด้วยตนเอง
อี้จื่อฮันสะบัดแขนเสื้อและเดินเข้าไปยังโถงประชุม เมื่อเขาพบชายหนุ่มที่นั่งอยู่ทีโถงประชุม ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปในทันที
'เจียงเฉิน'
อี้จื่อฮันตกตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็น ทุกๆคนในนิกายเซวียนอี้ต่างรู้ว่าเจียงเฉินเป็ใคร เขาได้ทุบตีผู้าุโนิกายอย่างโเี้ เขาได้สังหารเจียงเหว่ยอย่างเหี้ยมโหด ก่อความวุ่นวายขึ้นในนิกายเซวียนอี้ และยังไม่ได้รับการลงทัณฑ์ เจียงเฉินเป็คนเดียวที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้
หากเป็คนอื่นๆ อี้จื่อฮันคงจะต่อว่าดังลั่นไปแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นเจียงเฉิน ความโกรธเกรี้ยวของเขาได้มลายหายไปในทันที
เมื่อวานในตอนที่เจียงเฉินได้ก่อความวุ่นวายขึ้นที่นิกายเซวียนอี้ อี้จื่อฮันได้อยู่ที่ฉากนั้นด้วย เขาได้เห็นหมดทุกอย่าง เมื่อนักพรตเซวียนอี้มายุติสถานการณ์ อี้จื่อฮันได้ข่าวว่าปีศาจโลหิตปรากฎตัวขึ้นที่เขตหวงฉีและเขาจึงได้ออกจากนิกายเซวียนอี้กลับไปยังตระกูลเขาทันที ดังนั้นเขาไม่รู้ว่านักพรตเซวียนอี้ได้มอบหมายภารกิจนี้ให้แก่เจียงเฉิน
"เ้าคืออี้จื่อฮัน เ้ามาจากนิกายเซวียนอี้?"
เจียงเฉินถาม เพราะเขาไม่เคยพบอี้จื่อฮันในนิกายเซวียนอี้มาก่อน
