ััที่หกของอวี๋มู่กำลังบอกเขาว่า นี่เป็คำถามปลิดชีพอีกแล้ว
จากระดับความรู้สึกที่อ่อนไหวของเฟิงอวี้ ในใจเขาคงรับรู้เื่ความสัมพันธ์ของเขากับเฟิงฉี่แล้วแน่นอน ซึ่งตอนนี้ที่อีกฝ่ายถามคำถามนี้ออกมา ก็เท่ากับว่ากำลังทดสอบเขาอยู่
อวี๋มู่ลังเลอยู่ชั่วครู่
เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรเฟิงอวี้ถึงจะรามือ
[โฮสต์ โฮสต์ คุณก็บอกไปว่าไม่รู้จัก! ถึงอย่างไรอีกหน่อยพวกเราก็ไม่ได้มีแผนจะใกล้ชิดเฟิงฉี่อยู่แล้ว แบบนี้ก็เท่ากับว่าไม่มีความสัมพันธ์กัน!!]
เมื่อได้ยินระบบออกอาวุธให้ อวี๋มู่ก็รู้สึกเหมือนมีแกนหลักทันที เขาส่ายศีรษะอย่างว่าง่าย แล้วเอ่ย “ไม่รู้จัก”
“ไม่รู้จักก็ดี” เฟิงอวี้จ้องเขาอยู่พักหนึ่ง พลันเก็บรอยยิ้มตรงมุมปาก แล้วเอ่ย “ข้าจะได้ฆ่าเขาเสีย”
อวี๋มู่กับระบบต่างก็ตกตะลึง คนหนึ่งด่าอีกคนว่าเป็เพราะความคิดโง่เขลาที่นายคิด ก่อนจะรีบคว้ามือนักบวชน้อยไว้แน่น แล้วเอ่ย “ใต้เท้าเฟิงอวี้ ปล่อยเขาไปได้หรือไม่? ”
สีหน้าของเฟิงอวี้เยือกเย็นลงทันใด แล้วเอ่ยถาม “ในเมื่อไม่รู้จัก แล้วทำไมจึงขอร้องแทนเขา? ”
เขาเอ่ยต่อ “อวี๋มู่ เ้าโกหกข้าอีกแล้ว”
น้ำเสียงของเขานิ่งสงบ ราวกับว่าถอดใจกับการแกล้งทำทีเป็ปีศาจร้ายที่นิสัยเหมือนเด็ก ความเ็าที่แฝงอยู่ในคำพูดทำเอาอวี๋มู่รู้สึกหวาดกลัวจนอกสั่นขวัญแขวน
เขาเดินถอยหลังไปครึ่งก้าว เพื่อหลบรังสีอันน่าเกรงขามแกมบีบบังคับของเฟิงอวี้
เฟิงอวี้เองก็รับรู้ถึงข้อนี้ พอได้สติ ก็ปล่อยมือออกอย่างกะทันหัน แล้วเรียกคืนจิตสังหารและความน่าเกรงขาม ฝ่ายเฟิงฉี่ก็ร่วงหล่นลงบนพื้น พลางกุมคอแล้วไอไม่หยุด
ผ่านไปครึ่งค่อนวันลมหายใจของเฟิงฉี่ถึงนิ่งเช่นเดิม เขามองดูเฟิงอวี้ด้วยแววตาตื่นใเต็มที
เฟิงฉี่ถามกับตัวเองว่าร่ำเรียนวิชาคาถามาก็ไม่เลว แต่เหตุใดต่อหน้าอสูรฟ้า กระทั่งจะขัดขืนเขาก็ยังทำไม่ได้…
ภายใต้แสงจันทร์ เฟิงอวี้เคลื่อนไหวได้อย่างพลิ้วไหว แววตาสีแดงดั่งอสูรร้าย กำลังยืนอยู่ตรงกลางระหว่างอวี๋มู่กับเฟิงฉี่ ก่อนจะเอ่ยถามอวี๋มู่ “เ้าจะไปกับข้าหรือไม่? ”
แม้ว่าภายนอกจะสงบนิ่ง แต่มีเพียงตัวเฟิงอวี้เท่านั้นที่รู้ดี ว่าตอนนี้เขาชิงชังเป็ที่สุด
ริษยาเป็ที่สุด
คับแค้นใจเป็ที่สุด
…และหวาดกลัวเป็ที่สุด
อารมณ์เบิกบาน่ที่เพิ่งมาถึงเมืองหนานเซียงถูกกวาดหายไปจนหมดสิ้น เมื่อได้เห็นเฟิงฉี่และได้ยินคำพูดที่อีกฝ่ายกล่าว ซึ่งหลังจากที่สำรวจท่าทางต่างๆ ของอวี๋มู่ ในใจของเขาตอนนี้ก็ได้รับบทสรุปเรียบร้อยแล้ว
คำพูดของเฟิงฉี่ล้วนเป็เื่จริง
เขาไม่มีความจำเป็ต้องโกหกคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
ส่วนคนที่โกหกเขาจริงๆ คืออวี๋มู่
อวี๋มู่ใส่ใจเด็กหนุ่มคนนี้ ใส่ใจอย่างมาก
เพราะกลัวว่าเขาจะทำร้ายอีกฝ่าย จึงแกล้งทำเป็บอกว่าไม่รู้จัก และเผยตัวตนที่แท้จริงตอนที่ตัวเองกำลังจะลงมือฆ่า
ใช่สิ เทียบกับเฟิงฉี่แล้ว ตัวเขามีดีที่ตรงไหนกัน?
อีกฝ่ายไม่ใช่อสูรฟ้าที่ผู้คนขยาด
กลับกัน อีกฝ่ายมีสถานะสูงส่งและมีเกียรติ เขาได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อ และมีเสด็จแม่ที่รักใคร่ เขาคือองค์ชายสูงส่งที่ใช้ชีวิตภายใต้แสงตะวัน
ส่วนตัวเขานั้น กลับเป็แมลงเหม็นที่ถูกกักขังอยู่ในเจดีย์อันมืดมน
ตัวเขาที่เป็เฟิงอวี้นั้น ไม่มีสิ่งใดแต่แรกอยู่แล้ว
แต่กระนั้น เขาก็ไม่ได้คิดจะรามือ
เขาสามารถรับประกันได้เลยว่าขณะเดียวกันกับที่อวี๋มู่ปฏิเสธ เขาก็จะฆ่าเฟิงฉี่เสีย
การเอ่ยถาม เป็เพียงรูปแบบหนึ่ง
เขาเพียงแค่อยากดูว่าอีกฝ่ายจะเลือกอย่างไร
อวี๋มู่นั้นไม่รู้ว่าความคิดเฟิงอวี้นั้นฟุ้งซ่านเช่นไร อวี๋มู่คิดแค่ว่าอยากรีบหนีไปให้ห่างจากพระเอกเฟิงฉี่ จากนั้นค่อยปลอบโยนนักบวชน้อยดีๆ เพื่อไม่ทำให้เ้าบ้านี่อาละวาด
ดังนั้นคำปฏิเสธที่เฟิงอวี้คาดคิดไว้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
เขาแทบจะคว้ามือเฟิงอวี้ไว้ทันที ไม่มองเฟิงฉี่แม้แต่แวบเดียว ก่อนจะเอ่ยอย่างประจบสอพลอ “ใต้เท้า แน่นอนว่าข้าต้องไปกับท่าน ข้าไม่รู้จักเขาเสียด้วยซ้ำ เขาขึ้นมาหาข้าเอง ท่านอย่าได้โกรธเคืองไปเลย ระวังจะส่งผลเสียต่อร่างกาย”
ระบบหลุดขำเพราะน้ำเสียงนี้ของเขา อวี๋มู่สั่งให้เขาหุบปากในใจ
ต่อด้วยปลอบโยนเฟิงอวี้ “ท่านอยากดูคนในโรงโสเภณีร่วมรักกันไม่ใช่หรืออย่างไร? เช่นนั้นพวกเราอย่าปล่อยให้เขามาขัดความสุขเลย ไปเถอะ ไปดูกัน”
เฟิงอวี้ขมวดคิ้วกับคำพูดขัดๆ ของเขา เฟิงฉี่ที่นั่งฟังบนพื้นก็ตกตะลึงไปตามกัน
เฟิงฉี่จ้องมองอวี๋มู่ด้วยสายตายากที่จะเชื่อ และไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะใกล้ชิดกับเฟิงอวี้ถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ห่วงของอวี๋มู่ก็คือตัวเขา เทียนซือบอกว่าอวี๋มู่นั้นไม่ได้ไปเกิดใหม่แต่กลายเป็ิญญาพิศวาส ก็เพราะเฝ้านึกถึงและคะนึงหาตัวเขา แต่ทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนไปเป็เช่นนี้?
หรือว่าอวี๋มู่จะจำตัวเขาไม่ได้จริงๆ ?
“สามีอวี๋…” เขาเรียกอวี๋มู่หนึ่งครั้ง ั์ตาเปี่ยมไปด้วยความชอกช้ำ
อวี๋มู่รีบถลึงตาใส่พระเอกที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่คนนี้ แล้วลากเฟิงอวี้ที่อึ้งอยู่ออกจากหลังคา แล้วเดินไกลออกไป
เขากลัวว่าหากเดินช้าไป เฟิงอวี้จะฆ่าเฟิงฉี่เข้าจริงๆ
และไม่รู้ว่าตอนนี้จิตใจของเฟิงอวี้นั้นคิดอะไรอยู่ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากให้มือของนักบวชน้อยเปื้อนเือยู่ดี
เฟิงอวี้จ้องมองมือของตัวเองที่ถูกจับอยู่ แววตาสีแดงฉานนั้นสะท้อนความสับสนมากมาย
เขาไม่ได้ตอบอวี๋มู่ ทำเพียงแต่นิ่งเงียบ ด้วยใบหน้าไร้ซึ่งรอยยิ้มแม้แต่นิดเดียว
อวี๋มู่ถูกจ้องจนหลังเย็นวาบ แต่ไม่กล้ามองเฟิงอวี้ ได้แต่เดินจูงนักบวชน้อยวนเวียนอยู่บนหลังคาหอวังแดง ดีที่หอนั้นค่อนข้างใหญ่ เดินอยู่นานก็ไม่สุดสักที จึงไม่ถึงกับอึดอัด
เมื่อรับรู้ถึงแรงบีบแน่นในมือ อวี๋มู่ก็ถูกคว้าเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเฟิงอวี้ แล้วพลันรู้สึกโล่งอก
ในที่สุดก็ไม่ต้องพาสุนัขเดินเล่นแล้ว…
เฟิงอวี้กอดเขาจากด้านหลัง โดยมือหนึ่งโอบเอวเขาไว้ และอีกมือหนึ่งจับคางเขาไว้ ด้วยัับางเบา
“อวี๋มู่ ข้าจะให้โอกาสเ้าอีกครั้ง พูดความจริงกับข้า” เขาเอ่ยถาม “สิ่งที่เฟิงฉี่พูดเป็ความจริงหรือไม่? ”
ให้โอกาสเ้าอีกครั้ง?
น้ำเสียงนี้ทำเอาอวี๋มู่ไม่กังวลคงไม่ได้
เขาเบะปาก แล้วยอมรับออกไปในที่สุด “เป็ความจริง เขาเป็คนรักของข้าในชาติที่แล้ว”
มือที่จับคางเขาไว้บีบแน่นทันใด เฟิงอวี้ขำในลำคอ แผ่นอกค่อยๆ สั่นกระเพื่อม แล้วเอ่ยถาม “ถ้าอย่างนั้น…”
“เว่ยจวินหยางล่ะ เป็อะไรกับเ้า? ”
เอ๋?
เอ๋???
ทำไมเ้าความจำดีเช่นนี้???
เื่ของสองปีที่แล้ว พวกเราลืมมันไปไม่ได้หรืออย่างไร?
อวี๋มู่แข็งนิ่งไปทั้งตัว เป็ครั้งแรกที่เขาอยากจะร้องไห้
เื่ตลกนี้มันช่างอธิบายยากเย็น
อธิบายไปนายก็คงไม่เข้าใจ!
หลังจากพินิจแล้ว เขาจึงกัดฟันตอบเฟิงอวี้ไป “นั่นเป็เื่ที่ข้าแกล้งแต่งออกมา ไม่ใช่ภพก่อนหน้าของข้า”
บรรยากาศเริ่มซึมเซา
“อา แต่งมาเพื่อหลอกข้าอย่างนั้นหรอกหรือ” ในที่สุด เฟิงอวี้ก็กล่าวทำลายความเงียบ พลางพยักหน้า “เป็จริงตามนั้น เ้าโกหกข้าั้แ่แรกเริ่ม”
“…”
อวี๋มู่ตอบโต้ไม่ออก
“เช่นนั้นเ้าโกหกข้าเพื่อจุดประสงค์ใดกัน? ” เฟิงอวี้บังคับอวี๋มู่ให้เงยศีรษะขึ้น เพื่อสบตากับตัวเอง และในที่สุดก็เผยรอยยิ้มออกมา แต่เป็รอยยิ้มที่ไม่ได้ส่งผ่านทางสายตาแม้แต่นิด
เฟิงอวี้เอ่ยถามต่อ “เพราะอยากให้ข้าพาเ้าออกจากเจดีย์เจิ้นเยา จากนั้นค่อยมาตามหาเฟิงฉี่อย่างนั้นหรือ? ”
ความเ็ปที่ไม่ทราบที่มาที่ไปเข้าจู่โจมหัวใจ จนสีหน้าของเฟิงอวี้ดูไม่ได้ เขาหัวเราะเ็าประชดอวี๋มู่ “หากว่าเป็เช่นนี้ อย่างนั้นเ้าก็ช่างทำไปได้ เพื่อหลอกล่อข้า ถึงกับร่วมรักกับข้า แล้วยังพูดจาปานดอกไม้หอมหวานมากมายกับข้า เ้าไม่รู้สึกละอายใจเลยหรือ? ”
“อา ไม่ถูกสิ…เ้าจะรู้จักความละอายใจได้อย่างไร…” ฉับพลันเฟิงอวี้ก็เอ่ยขึ้น “กระทั่งเื่ที่ร่วมรัก เ้าก็ยังโกหกข้า ไม่ยอมร่วมรักกับข้าจนสุด เพียงแต่เย้าแหย่ข้าที่ตกอยู่ในกำมือ ข้าสงสัยอย่างมากตอนที่ได้ยินข้าบอกรักเ้า แล้วเ้ารู้สึกเช่นไรอยู่? คงกำลังรู้สึกว่า…”
นิ้วมือทั้งห้าของเขาเกี่ยวคออวี๋มู่ไว้ เล็บทิ่มเข้าร่างิญญา ปานกลีบดอกไม้ขึ้นสีแดงฉานจนแสบตา ความโศกเศร้ารุนแรงถูกปล่อยออกมารอบกาย
“ข้านั้นตลกสิ้นดี? ”
-------------------------------------------------------------------------------------------------
