โฮบาร์เป็เลานจ์บาร์ที่จัดได้ว่าสวยงามดูดีในเขตซิ่นอี้ การตกแต่งที่ดูทันสมัย มีบาร์ที่ยาวมาก ผนังด้านหลังบาร์เต็มไปด้วยเหล้าหลากหลายยี่ห้อ คอลเล็กชันไวน์ที่เยอะแยะมากมาย แม้ว่าในคืนวันอาทิตย์ลูกค้าก็ยังเต็มร้านถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ เวลาที่พวกเขาไปที่นั่นจึงไม่ดูยุ่งวุ่นวายเกินไป
กลุ่มคนมากกว่าสิบคนเดินเข้าไปในโซนกึ่งเป็ส่วนตัว รอบๆ โซฟามีม่านค่อยปกคลุม ด้านในสามารถมองเห็นด้านนอกได้ แต่ด้านนอกจะมองเห็นด้านในลางๆ เท่านั้น
ทันทีที่อี้สี่ก้าวเท้าเข้ามาเธอก็เห็นจินอิ๋นประจำตำแหน่งอยู่ที่บาร์ ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกเขาแล้ว เขาย่อมต้องสะดุดตาอย่างแน่นอน ทวงท่าการยกเชคเกอร์ขึ้นสูงเขย่าผสมเครื่องดื่ม ไหนจะใบหน้าที่หล่อเหล่าจึงยิ่งเป็จุดสนใจของสาวๆ สาวสวยสุดร้อนแรงสวมกระโปรงสั้นกุดสองคนกำลังพิงบาร์และหยอกล้อกับจินอิ๋นอยู่
ทันทีที่อามีนั่งลงก็หยิบรายการเครื่องดื่มขึ้นมาดู แล้วพูดว่า “ฉันเอาโมฮิโต้” เฉินจั่วชวนที่ไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรจึงพูดว่า “ผมเอาเหมือนกับอามี” แต่หลัวจ้งซีบอกว่าไม่สามารถสั่งแบบเดียวกันได้
“งั้นผมเอาเบียร์สด” เฉินจั่วชวนพูด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงสั่งโมฮิโต้ไม่ได้
“ไม่ได้ นั่นมันธรรมดาเกินไป” หลัวจ้งซีปฏิเสธอีกครั้ง ทุกคนสับสนอยู่ครู่หนึ่งด้วยไม่รู้ว่าจะต้องสั่งอย่างไรดี
หลัวจ้งซียกมือขึ้นแล้วพนักงานก็เดินเข้ามา “มีคนสิบสองคนที่นี่ ขอเครื่องดื่มสิบสองที่และทั้งหมดต้องไม่ซ้ำกัน เครื่องดื่มทั้งสิบสองนั้นต้องประกอบด้วยแก้วขอบเกลือ ขอบน้ำตาล สมูตตี้ ผลไม้ และแก้วที่มีชั้นสีชัดเจน แล้วก็พวกเราทุกคนเป็เพื่อนของจินอิ๋น ให้เขาเป็คนผสมทั้งสิบสองแก้ว” พนักงานจดตามคำพูดของเขาแล้ววิ่งไปที่บาร์เพื่อบอกจินอิ๋นทันที
จินอิ๋นหันมองมาและก็พบกับรอยยิ้มที่มีความหมายของหลัวจ้งซีเข้าพอดี คนอื่นๆ ไม่ค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลัวจ้งซีนัก ทว่าอย่างไรก็ตามพวกเขาก็สามารถกินได้มากเท่าที่้า พวกเขาเลยไม่ค่อยสนว่าหลัวจ้งซีจะสั่งอะไร จึงเพียงตั้งตารอเครื่องดื่มเสิร์ฟเพื่อดูว่าตนเองจะชอบอะไรแทน แต่อี้สี่รู้ดีว่าเขากำลังหาเื่ ด้วยความรู้สึกเสียใจจึงแอบหันไปมองจินอิ๋นที่กำลังยุ่งอยู่ที่บาร์อย่างแอบๆ เธอขมวดคิ้วดูท่าทางกังวล ซึ่งหลัวจ้งซีเห็นทุกอย่างแล้วก็รู้สึกอึดอัดมาก เมื่อแสงไฟในไนต์คลับมืดลง ทุกคนก็มุ่งความสนใจไปที่อาหาร มือของหลัวจ้งซีจับเอวของอี้สี่ไว้แน่น
อี้สี่คิดว่าตอนนี้มีคนอยู่รอบตัวมากมาย เธอจึงพยายามตีตัวออก แต่ยิ่งเธอทำแบบนั้นเขาก็ยิ่งกระชับมือแน่นขึ้น
สิบสองแก้วนั้นง่ายมากสำหรับจินอิ๋น เครื่องดื่มทุกแก้วแต่ล้วนมีรสชาติต่างกันทั้งหมด ซึ่งมันน่าหงุดหงิดมากสำหรับหลัวจ้งซี
เมื่อเครื่องดื่มถูกวางบนโต๊ะ หลัวจ้งซีก็พูดว่า “เหล้าไม่ควรดื่มช้าๆ ถ้าน้ำแข็งละลายแล้ว รสชาติก็จะอ่อน ดังนั้นทุกคนต้องดื่มเร็วๆ” เขาแนะนำ
จินอิ๋นล้างและเก็บอุปกรณ์ที่เขาเพิ่งใช้ไป ภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาที ทุกคนก็ดื่มจนเกือบหมดแล้ว ซึ่งหลัวจ้งซีก็ได้สั่งอีกสิบสองแก้วโดยสั่งเหมือนเดิม แล้วก็ให้จินอิ๋นเป็คนชง
“คุณอย่าสร้างปัญหาแบบนี้” อี้สี่อดจะกระซิบข้างหูเขาไม่ได้
“คุณชอบดื่มเหล้าอะไรงั้นเหรอ?” หลัวจ้งซีถามอี้สี่โดยแกล้งทำเป็ไม่สนใจสิ่งที่อี้สี่พูด ในดวงตาของเขามีความขุ่นมัวบางอย่าง แต่เขาก็รีบปกปิดทุกอย่างด้วยรอยยิ้มจางๆ ราวกับว่าเขายังเป็หลัวจ้งซีผู้ที่ผู้ใหญ่ที่มีความอดทน “คุณยังไม่ตอบผมเลย ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้”
“ฉันไม่มีไอเดียพิเศษเลย” อี้สี่พูด
“ไม่สำคัญหรอก ยังมีเวลาอีกมากในอนาคต พวกเราค่อยๆ หาคำตอบไปเรื่อยๆ” ด้วยความเมาเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจสายตาของทุกคนมากนัก เขาขยับเข้าใกล้เอาจมูกเกลี่ยใบหูอี้สี่อย่างเปิดเผย บางทีทุกคนต่างก็เมามายจนไม่สนใจว่าใครจะทำอะไร แต่อี้สี่รู้สึกว่าเหตุผลที่เขาทำเื่พวกนี้ก็เพื่อเป็การแสดงให้จินอิ๋นเห็น เธอกระสับกระส่ายเล็กน้อยและพยายามตีตัวออกห่าง “ฉันเหนื่อยนิดหน่อย อยากกลับเร็วๆ” เธอพูด
“ไม่ต้องรีบ ดื่มอีกแก้วสิแล้วผมจะพาคุณกลับ” เขาพูดพร้อมจับเอวเธอแน่นขึ้น ยิ่งอี้สี่หลีกเลี่ยงมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น เขารู้สึกว่าการที่มีจินอิ๋นอยู่ ทำให้อี้สี่มองว่าเขาเป็คนอื่น
เฉินเจี้ยนฉวินเป็คนละเอียดรอบคอบมาก แม้ว่าเขาจะยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับฉีเสี่ยวิ่ แต่ก็ยังสังเกตุเห็นความผิดปกติระหว่างหลัวจ้งซีและอี้สี่ได้ แน่นอนว่าในสายตาของเฉินเจี้ยนฉวิน หลัวจ้งซีเป็เพียงผู้าุโที่รังควานรุ่นน้องด้วยความเมามาย ดูเหมือนว่าหลัวจ้งซีจะแค่กรึ่มๆ เท่านั้น เขาจึงเอ่ยถามอี้สี่อย่างระมัดระวัง “คุณโอเคไหม?”
“ไม่เป็ไร” อี้สี่ตอบสั้นๆ พอเธอตอบแบบนี้ เฉินเจี้ยนฉวินเองก็ยิ่งไม่รู้จะพูดอะไรอีก เขาทำได้แค่คอยสังเกตเท่านั้น
หลัวจ้งซีเล่นเกมสิบสองแก้วไปถึงสามรอบถึงยอมหยุด จริงๆ แล้วสำหรับคนทั่วไป เครื่องดื่มผสมประมาณสามแก้วเป็ปริมาณที่พอเหมาะพอดี ถ้าผสมอัตราส่วนดีก็จะรู้สึกมึนๆ ถ้าผสมไม่ดีจะรู้สึกเมาเล็กน้อย แต่จะไม่ได้รู้สึกอึดอัด จินอิ๋นถูกลงโทษอย่างลึกลับเป็เวลาหนึ่งชั่วโมงในวันก่อนวันหยุดของเขา แต่อี้สี่ก็เดาอารมณ์ของเขาไม่ออกเลย คิดว่าเขาเป็มืออาชีพมากโดยมักจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอ เครื่องดื่มรอบที่สามใกล้จะเสร็จแล้ว เฉินเจี้ยนฉวินแกล้งเดินไปที่บาร์เพื่อช่วย แต่จริงๆ แล้วเขาดึงจินอิ๋นออกมาเพื่อไปร่วมดื่มกับทุกคน
จินอิ๋นยกแก้วเครื่องมาที่ยังโซนที่นั่ง หลัวจ้งซีเห็นดังนั้นก็พูดด้วยท่าทีติดตลกว่า “เฮ้ นายยังอยู่ในเวลางานนี่ ดื่มไม่ได้!”
“แน่นอน ผมแค่เอาส่วนผสมพิเศษที่ทำขึ้นสำหรับอี้สี่มาให้เธอเท่านั้น แก้วนี้ผมเลี้ยงคุณเอง” จินอิ๋นเสิร์ฟมาการองสีเขียวในถ้วยสีชมพูอ่อนพร้อมกับสมูททีสีฟ้า โดยตัวสมูททีพูนสูงดูนุ่มราวกับมาร์ชแมลโลว์ ตกแต่งด้วยเขายูนิคอร์นสีทองอยู่้าที่ทำมาจากฟองดอง ซึ่งถือเป็เซ็ตยูนิคอร์นแฟนตาซีโดยสมบูรณ์ สาวๆ ทุกคนต่างกรีดร้องด้วยความชื่นชม
“โอ้พระเ้า! ช่างเป็เครื่องดื่มที่สวยงามจริงๆ” อี้สี่หยิบแก้วมาด้วยประหลาดใจมาก เธอวางลงบนโต๊ะเพื่อถ่ายรูปโดยที่ไม่กล้าดื่มเลย
“เครื่องดื่มหลักคือวอดก้าแต่อ่อนมาก มีรสเปรี้ยวๆ หวานๆ ซึ่งรสชาติหลักจริงๆ ก็คือเลิฟฟรุต ซึ่งเหมาะกับสาวๆ มาก ผมคิดว่าคุณเป็ผู้หญิงที่สดใสมาก ดังนั้นจึงทำเครื่องดื่มนี้มาให้คุณ” จินอิ๋นอธิบาย นอกจากหน้าตาดีแล้วเครื่องดื่มนี้ยังทำเพื่อเธอโดยเฉพาะ โดยหนุ่มหล่ออย่างจินอิ๋น อี้สี่รู้สึกว่าบนตัวเธอมีสายตาถูกคนอื่นมองด้วยความอิจฉา ตอนที่เขาเสิร์ฟให้เธอ เธอก็รู้สึกว่าราวกับตัวเองเป็เ้าหญิงถูกเ้าชายจับจูง
อามีหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “เห็นไหมว่าฉันไม่ได้คิดไปเอง ฉันรู้สึกมานานแล้วว่าจินอิ๋นคิดอะไรกับอี้สี่”
“เขามักจะเป็แบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ไม่รู้ว่าใช้วิธีการแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว” หลัวจ้งซีพูดอย่างเ็า น้ำเสียงของเขาฟังดูหงุดหงิด เขาหันไปหาอี้สี่แล้วพูดว่า “อย่าเผลอตัวง่ายๆ ล่ะ คุณรู้ไหมว่าเขาคือเพลย์บอยที่โด่งดังในกลุ่มของเรา?”
“เธอรู้ฉายาของผมอยู่แล้ว พวกคุณแย่มาก พวกคุณแต่ละคนแนะนำผมแบบนี้ได้ไงกัน” จินอิ๋นเอาชนะด้วยวิธีที่น่ารัก และประเด็นคือ เขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธชื่อเล่นนั้นเช่นกัน
หลัวจ้งซีรู้สึกได้ว่าเห็นความสุขในแววตาของอี้สี่ แม้ว่าอี้สี่จะทำเพียงยิ้มเบาๆ เท่านั้น แต่เขาก็รู้สึกว่าเธอหวั่นไหวแต่เธอก็ระงับมันไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เขารู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง “ผมบอกคุณได้ว่าบาร์เทนเดอร์ใช้กลอุบายนี้ในการจีบสาว ไหนบอกสิว่าสิ่งที่เตรียมมาให้คุณมีอะไรพิเศษ? ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงกี่คนที่ถูกหลอกด้วยมุกแบบนี้” หลัวจ้งซีพูดกับอี้สี่ เขาแสร้งทำเป็ไม่สนใจมากนัก ทุกอย่างก็เป็เพียงการเสียเปรียบจินอิ๋น
“พี่หลัวเข้าใจดีจริงๆ เขาเองก็เป็บาร์เทนเดอร์ เขาจึงเป็คนสอนผมถึงวิธีการจีบสาวแบบนี้ไง” จินอิ๋นต้องเอาคืนบ้าง ทั้งสองต่อปากคำกัน แต่มีเพียงเฉินเจี้ยนฉวินเท่านั้นที่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็คิดว่าพวกเขากำลังพูดคุยกันตามประสาเพื่อนร่วมงาน
อามีเดิมทีก็เป็คนที่มีอารมณ์ดีแล้ว และยิ่งมากขึ้นอีกหลังจากดื่ม จึงเอาแต่ส่งเสียงพูดไม่หยุด “จินอิ๋นจะเลิกงานในอีกสองชั่วโมง อี้สี่คุณต้องรอเขาก่อน”
“พวกเธอล้อเล่นอะไรกัน ทุกคน อี้สี่อาจมีแฟนรอเธออยู่ก็ได้ อย่าทำให้เธอต้องลำบากใจสิ” หลัวจ้งซีพูดราวกับว่าเขาเป็ผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรม จริงๆ แล้วเขากำลังวางมือหนาลงบนต้นขาของเธอแล้วบีบไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเธอจะวิ่งหนีไป
เวลาที่ทุกคนเมา ใครๆ ต่างก็ชอบเล่นตลก แต่มันไม่ดีเลยถ้ามุกเกินการควบคุม อี้สี่พูดว่า “เครื่องดื่มแก้วนี้สดชื่นจริงๆ ดูเป็ผู้หญิงมากเลยและก็มีหลายสี รสชาติเหมือนกับได้กินไอติมมะม่วง จากนั้นก็ตามด้วยกลิ่นเหล้าเล็กน้อย ตอนแรกคิดว่ามันเป็สมูททีสีชมพูอ่อนที่มีรสชาติของเกรนาดีน และคิดว่าสีฟ้าอ่อนจะมีรสชาติของเหล้าบลูคูราเซา แต่ไม่มีเลย รสชาติเรียบง่ายและสดชื่นมาก มันเกินความคาดหมายมาก จินอิ๋นช่วยทำให้ทุกคนลองหน่อยได้ไหม? ฉันคิดว่ามันเป็ค็อกเทลสไตล์ท้องถิ่นมากเลย” เมื่อเธอเริ่มวิเคราะห์อย่างจริงจัง มุกตลกของทุกคนก็ดำเนินต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด ในทางหนึ่งเธอเป็ผู้หญิงที่ค่อนข้างฉลาด เฉินเจี้ยนฉวินััได้ความตึงเครียดแปลกๆ ในคนทั้งสามได้ เขากังวลเล็กน้อย ด้วยไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วสิ่งต่างๆ จะเป็อย่างไร จนเมื่ออี้สี่พูดขึ้นมาเช่นนี้ เขารู้สึกชื่นชมเธอเล็กๆ
จินอิ๋นทำค็อกเทลหนึ่งเหยือก นำแก้วพิเศษมาให้หลัวจ้งซี เมื่อกลับมาที่เื่อาหาร ดูเหมือนว่าเื่ไร้สาระของทุกคนจะหยุดลงแล้ว พวกเขาทั้งหมดต่างงัดความถนัดของตนออกมา “มันสดชื่นจริงๆ แต่เบสวอดก้าเบามาก ดูเป็เครื่องดื่มของผู้หญิงมากไปหน่อย ถ้าเปลี่ยนเป็เหล้าจินล่ะ?” หลัวจ้งซีพูด แม้ว่าจะไม่พอใจมาก แต่เครื่องดื่มรูปทรงนี้มีแนวโน้มที่จะกลายเป็สินค้าขายดี
หลัวจ้งซียังคงขบคิด คิดว่าสถานการณ์ก่อนหน้านี้น่าจะเป็เื่ที่เลวร้ายที่สุดแล้ว แต่ทันใดนั้นหัวเขาก็เริ่มรู้สึกวิงเวียน แขนขาเริ่มรู้สึกอ่อนแรง และเสียงสนทนาของทุกคนก็ค่อยๆ กลายเป็เสียงสะท้อน ดังก้องอยู่ในหัว ทันใดนั้นเขาก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย “เมาหรอ นี่ไม่เหมือนอาการเมาเลย” เขาร้องะโอยู่ในใจ เปลือกตาเริ่มหนักมากจนแทบจะลืมไม่ขึ้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันเื่เครื่องดื่มอย่างจริงจัง หลัวจ้งซีก็หลับตาลง คว่ำหน้าลงนอนบนโต๊ะราวกับว่าเขากำลังเมา จินอิ๋นเอ่ยพูดอย่างประหลาดใจว่า “พี่หลัว ทำไมพี่เมาแล้วล่ะ นี่มันเกินความคาดหมายของผมเลยนะเนี่ย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้